หลาย ๆ ท่านคงนึกในใจอยากจะถามว่า สล่าปู่วัน ๆ ไม่ทำงานทำการอะไรเลยหรือวุ้ย  ก็อยากจะตอบว่า
ทำครับ เลี้ยงหลานกับทำกับข้าวไงครับ อย่างอื่นไม่เอาแล้วครับ ขอพักผ่อนได้ทำที่ตัวเองชอบและมีความสุข
พอแล้ว  พอดีมีสวัสดิการจากหลวงเลี้ยงดูอยู่ก็พอมีรายได้ไปจ่ายตลาดมาทำกับข้าวกินไปเป็นวัน ๆ ละครับ
ไม่มากมายนักหรอก

วันนี้ก็เหมือนกันได้ขั้วตับ ขั้วปอดหมูมาจากตลาด  นึกถึงตอนที่หลาย ๆ ท่านได้ให้คำแนะนำผ่านกระทู้มาว่า
ขั้วตับหมูนำมาตุ๋นให้เปื่อยกินกับก๋วยเตี๋ยวหรือทำเป็นเกาเหลา อร่อยอย่าบอกใคร  ก็เลยอยากลองมั่ง เคยแต่
เอาไปแกงอ่อม

นี่ไงครับ ขั้วตับ ขั้วปอด  130 บาท



ขั้วตับ



ขั้วปอด



ล้างน้ำให้สะอาด  พอดีในตู้เย็นมีกระเพาะหมูอยู่ลูกหนึ่งกะเอามาตุ๋นรวมกันไปด้วย



เครื่องต้มไทย  ใส่ในหม้อต้มน้ำให้เดือด  เอาหมูทั้งหมดลงต้มกะดับกลิ่นละครับ





เสร็จแล้วตักออกพักให้เย็น  



นี่ไงครับ ขั้วตับหมูซูมชัด ๆ  ที่ว่าเป็นเอ็นเป็นพังผืดหุ้มเนื้อ ส่วนนี้สุกเปื่อยแล้วทีเด็ดนักแล



ระหว่างรอหมูเย็น เตรียมหม้อตุ๋น  เกลือป่น น้ำตาลกรวด  พริกไทยเม็ด  กระเทียมสด  โป๊ยกั๊ก  อบเชย
ซีอิ้วขาว  เครื่องยาจีนเป็นซองที่เขาขายตามห้าง  ทั้งหมดน่าจะประมาณนี้แหละ  น้ำสีดำได้จากน้ำตาลทราย
คั่วในหม้อจนไหม้เป็นสีน้ำตาลแก่ครับ



หมูเย็นแล้วจัดการหั่นเป็นชิ้นพอเหมาะ ใส่ลงไปในหม้อตุ๋น จัดการตุ๋นไฟกลางต่อไป





เพื่อความเท่ย้ายลงตุ๋นในกระทะทองเหลือง (เหตุผลที่แท้จริงคือเรื่องการส่งผ่านความร้อนของกระทะครับ)



ระหว่าตุ๋นจัดการเจียวกากหมูกระเทียมเตรียมไว้





ตุ๋นไปได้ครึ่งทาง  ปรุงครั้งที่สอง  นี่ไงครับเจ้าของสวนมาเอง  ลำไยอบแห้ง ตามที่จั่วหัวกระทู้เลย



ให้เด็กไปตลาดจัด บะหมี่ ถั่วงอก  ผักกาดหอม



ใกล้เที่ยง ทุกอย่างพร้อมหมูที่ตุ๋นเปื่อยนุ่มกำลังดี



ตักมาชมความน่ากินก่อน  ไม่ว่าจะเป็นขั้วตับ ขั้วปอด หรือกระเพาะ  เปื่อยนุ่ม เข้าเนื้อกำลังเหมาะเลยครับ













ทำจริงไม่เหนื่อยนะครับ แต่ใช้เวลานานในการตุ๋นเนื้อเท่านั้น  ว่าแล้วก็ให้รางวัลตัวเอง 1 ชาม

เป็นบะหมี่กับหมีขาวผสมกัน  ชามเดียวเอาอยู่เลยครับ







คลุกแล้วพร้อมกิน



ขอบคุณที่ติดตามมาอย่างยาวนาน   สวัสดีครับ