ข่าวดีสำหรับชาวกรุงเทพครับ กทม ขอเก็บภาษีน้ำมันเพิ่มครับ

เมื่อวันที่ 14 ม.ค.58 ที่ศาลาว่าการ กทม. ร.ต.ต.เกรียงศักดิ์ โลหะชาละ ประธานสภา กทม. เป็นประธานประชุมสภา กทม.สมัยประชุมสามัญ สมัยที่ 1 ครั้งที่ 2 ประจำปี 2558 โดยมี ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม. สมาชิกสภา กทม. (ส.ก.) คณะผู้บริหารและผู้เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม โดย ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ได้เสนอญัตติร่างข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่องการเก็บภาษีบำรุง กทม.สำหรับน้ำมันเบนซินและน้ำมันที่คล้ายกัน น้ำมันดีเซลและน้ำมันที่คล้ายกัน และก๊าซปิโตรเลียม จากสถานการค้าปลีก พ.ศ. .... โดยยกร่างข้อบัญญัติดังกล่าวขึ้นตามมาตรา 111 แห่ง พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการ กทม. พ.ศ.2528 และจะต้องนำเสนอ สภา กทม.เพื่อขอความเห็นชอบ โดยในที่ประชุมมีมติเห็นชอบในหลักการ และแต่งตั้งคณะกรรมการวิสามัญพิจารณาร่างข้อบัญญัติดังกล่าว จำนวน 17 คน แบ่งเป็น ส.ก. 9 คน ฝ่ายบริหาร 8 คน กำหนดระยะเวลาแปรญัตติภายใน 5 วันนายคำรณ โกมลศุภกิจ ส.ก.กทม. ในฐานะคณะกรรมการวิสามัญพิจารณาร่างข้อบัญญัติดังกล่าว กล่าวว่า สภา กทม.เห็นด้วยในร่างข้อบัญญัตินี้ ซึ่งจังหวัดอื่นๆ ได้จัดเก็บกันมานาน และ กทม.ก็มี พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ.2528 ซึ่งระบุให้ท้องถิ่นสามารถจัดเก็บภาษีดังกล่าวได้ ในอัตราไม่เกินลิตรละ 5 สตางค์ แต่ กทม.เพิ่งมีการออกข้อบัญญัติเพื่อจัดเก็บ และหากดำเนินการจัดเก็บภาษีนี้ จะทำให้ กทม.จัดเก็บภาษีได้ปีละหลายร้อยล้านบาท เพื่อนำมาพัฒนาสาธารณูปโภคต่างๆ ซึ่งปัจจุบันในพื้นที่กรุงเทพฯ มีสถานีจำหน่ายน้ำมันหรือปั๊มน้ำมันกว่า 800 แห่ง ทั้งนี้ คณะกรรมการวิสามัญฯจะใช้เวลาพิจารณาประมาณ 3 สัปดาห์ ก่อนจะนำเข้าสู่ที่ประชุมสภา กทม.เพื่อขอความเห็นชอบ คาดว่าประมาณต้นเดือน มี.ค.58 ผู้ว่าฯ กทม.จะประกาศราชกิจจานุเบกษา ซึ่งอีก 180 วัน หลังจากนั้นจะมีผลบังคับใช้ต่อไปนายกฤษฎา กลันทานนท์ รองปลัด กทม. กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ กทม.ไม่จัดเก็บภาษีดังกล่าว แม้ว่ามีกฎหมายรองรับ เนื่องจากราคาน้ำมันค่อนข้างสูง อาจกระทบต่อประชาชน แต่ขณะนี้ราคาน้ำมันถูกปรับลดลงมา จึงเห็นว่าเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่จะเริ่มจัดเก็บเช่นเดียวกับหน่วยงานท้องถิ่นอื่นๆ โดย กทม.จะจัดเก็บที่อัตราลิตรละ 5 สตางค์ คาดว่าจะสามารถจัดเก็บได้ปีละประมาณ 500 ล้านบาท.
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่