The Vampire Powers. [บทที่9]

ปึง แอลปิดฝากระโปรงรถลง เมื่อลำเรียงของออกมาไว้เรียบร้อย ตอนนี้พวกเขาอยู่หน้าสถานีรถไฟมีผู้คนพลุ่งพล่านเยอะแยะเต็มไปหมดบางคนก็แต่งตัวราวกับพวกราชวงศ์บางคนก็แต่งตัวเหมือนจะเป็นพวกทำงานพวกหมืองแร่ต่างๆ ในที่นี้มีผู้คนหลากหลายชนชั้นมารวมตัวกันเพื่อใช้บริการรถไฟฟ้า ส่วนมากพวกคนที่ดูมีอันจะกินจะขึ้นอยู่ในโซนที่มีคนน้อยและส่วนตัวเป็นพิเศษ แอลยืนมองและสำรวจสิ่งรอบตัว

กอร์ดอนพยักหน้าให้กับพวกเขาก่อนจะขึ้นรถขับออกไป ทั้งสามต่างกอดคอกันมายังจุดรอคิวขิงตัวเองเพื่อซื้อใบตั๋ว ซึ่งกอร์ดอนย้ำนักย้ำหนาว่าให้มายังโซนที่มีเป็นสีแดงพอเขาเงยดูแล้วมันค่อนข้างดูหรูนิดหน่อยดีกว่าโซนที่มีป้ายสีน้ำเงินที่มีแต่เฉพาะพวกคนงานหลากหลายอาชีพส่วนในที่ของพวกเขายืนอยู่นั้นมีแต่จำพวกผู้มีอันจะกินที่ชอบแต่งตัวหรูหราแข่งกัน

ปื้น ปื้น (ท่านผู้โดยสารโปรดทราบ รถไฟสายแดง เที่ยวรอบที่9 ได้มาถึงแล้ว จะออกเดินทางภายใน 20นาที) เสียงประกาศจากพนักงานดังขึ้นหลายระลอก พวกเขาตรงดิ่งไปยังทางขาเข้าตรวจเช็กตั๋ว เพราะกอร์ดอนได้จัดการให้พวกเขาเรียบร้อยแล้ว ซึ่งจะได้ไม่ต้องไปซื้อตั๋วเองให้ยาก

“อา ครับ ห้อง5 เชิญด้านในได้เลยครับทางซ้ายมือคุณจะเห็นเลขห้าตรงแถบประตูสีแดง”
พนักงานตรวจเช็จท่าทางเป็นมิตรพูดด้วยน้ำเสียงร่าเริงพลางโค้งคำนับให้แก่พวกเขาทั้งสาม หลังจากใช้เครื่องมือเล็กจิ๋วคล้ายสมุดสแกนใบตั๋วของพวกเขาจนแน่ใจ

“โอ พระเจ้าเราเป็นนักเดินทางที่รวยมากเลยใช่ไหม ดูสิหรูเป็นบ้า ” เอ็ดกระซิบกระซาบให้กับเพื่อนทั้งสองที่มองสำรวจราวกับไม่เคยพบเคยเห็น

“ไปกันเถอะ ห้องเราอยู่นั่น ” แอลพูดก่อนจะเดินไปตรงและมองแถบประตูไปเรื่อยตามลำดับหมายเลข เขาเดินผ่านมาแต่ละห้องทุกคนใส่ชุดแต่งองค์ทรงเครื่องประกาศความเป็นผู้ดีทั้งนั้น แล้วก็ไม่มีใครสนใจคนแปลกหน้าอย่างพวกเขาอยู่แล้ว

ครืด…. แอลเลื่อนประตูย่างสามขุมเข้ามาสำรวจความโอ่อ่าของห้องพักพวกเขา ซึ่งสามารถอยู่ได้ถึง 7-8คนได้เลย เขาปลดสัมภาระออกพลางเปิดตู้สำหรับใส่เสื้อผ้า ที่มีขนาดใหญ่ ไรอันเดินเข้ามาเป็นคนสุดท้าย เขาชะโงกหน้าออกนอกกรอบประตู กวาดตามองทางเดินที่มีคนถือของเข้าไปในห้องของตน เขาเลื่อนปิดประตูทันทีเดินมาฟุบนั่งลงที่เตียงนอน ซึ่งวางเรียงรายเป็นสามเตียงแต่ไม่ใหญ่โตมาก พอนอนได้คนๆหนึ่งเท่านั้น เขาไม่เคยเห็นรถไฟที่มีขนาดความกว้างขวางแบบนี้มาก่อน ทั้งแอลและเอ็ดนอนแผ่หลาอยู่บนเตียงของตน

ฟึบ ไรอันผุดลุกขึ้นเดินไปด้วยความรวดเร็วไปยังกระเป๋าสัมภาระที่วางกองสุมไว้อยู่ เขารู้สึกได้ถึงล้อที่ครูดกับรางเป็นประกายไฟ รับรู้ได้ถึงเสียงพูดคุยเรื่องการหมั้นหมายของห้องตรงข้ามทั้งๆที่ผนังนั้นที่ทำไว้หนาพอที่จะไม่รับรู้ถึงสิ่งรอบข้างได้เลยไม่งั้นมันจะเรียกว่าความเป็นส่วนตัวงั้นเหรอ ไรอันวางกระเป๋าเป้ไว้ใกล้ๆข้างเตียงของตน เขาเดินมาตรงมายังบานกระจกใสที่มันเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้เขาได้รู้ว่าของนอกตัวรถไฟที่แล่นฉิวอยู่นั้นมีอะไรบ้าง ภาพทิวทัศน์ที่เขายืนกอดอกมองอยู่นั้นเป็นภาพที่เล่นสายตาของเขาด้วยความเร็วทำให้สิ่งที่อยู่ข้างนอกผ่านไปอย่างรวดเร็ว
เขายิ้มมุมปากเมื่อตนเองได้ออกมายังโลกภายนอกก่อนเพื่อนๆของเขาซึ่งตามความจริงแล้วต้องออกมาตามลำดับที่เข้ามาในบ้านหลังนี้เหมือนแอลที่เป็นคนแรกและเอ็ดคือคนที่สองแต่เขาเป็นคนที่ห้า

หวืด เชื่อเลยว่าประสาทเขาไวพอที่จะรับรู้ถึงสิ่งที่โดนขว้างมาหาเขา
หมับ เขาเอี้ยวตัวรับมันได้อย่างรวดเร็ว เขาก้มลงมองมันเขียนไว้ว่า บันทึกแวมไพร์ หรือเรียกอีกนัยหนึ่งว่าความลับของแวมไพร์ เขาขมวดคิ้วเมื่อเจ้าตำราเล่มโตนี้ยังไม่เคยสัมผัสมาก่อน เขาเลื่อนสายตามองเจ้าคนที่ขว้างไม่ดูคน หนุ่มผมสีน้ำตาลเข้มดวงตาสีนิลเข้มเกินคาดนั้นยิ้มให้กับเขาทั้งที่ใบหน้าเรียบเฉย แอลลุกขึ้นยืนถอดเสื้อโค้ทออกและเสื้อยืดที่ซ่อนเรือนร่างที่แสนเซ็กซี่เร้าใจเมื่อหญิงสาวได้มาพานพบ ก่อนจะเดินเปลือยท่อนบนตรงไปยังห้องน้ำเพื่อชำระล้างร่างกายให้สะอาด ไรอันมองตามพลางมีเสียงน้ำกระทบพื้นทันทีเมื่อประตูห้องน้ำปิดลง ละสายตากลับมายังสิ่งที่บนมือของตนที่แอลโยนให้เขาเมื่อกี้

“อ่านให้ดีล่ะ แวมไพร์นอนไม่ได้ นายมีเวลาพอที่จะอ่านมันจบเล่มอย่างแน่นอน ฉันว่าจะออกไปเดินเล่นสักหน่อย” เอ็ดพูด พลางดีดตัวเองลุกขึ้นเดินไปเลื่อนประตูเปิดก่อนจะผิวปากอย่างสบายอารมณ์
ไรอันมองตาม พลางถอนหายใจก่อนจะนั่งเอนหลังพิงขอบหัวเตียงไขว้ขาทั้งสองเหยียดทันทีเมื่อเริ่มเปิดอ่าน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่