การปฏิวัติอันรุ่งโรจน์ของเยอร์เก้นคล็อป

แปลจากบทความของโจนาธาน นอร์ทครอฟ จาก The Times ครับ

เยอร์เก้น คล็อป พบลิเวอร์พูลที่เล็กซิงตัน อเวนิว, ผู้จัดการทีมที่อยู่ระหว่างพักร้อน และ สโมสรที่อยู่ระหว่างพักร้อนจากการเป็นทีมยักษ์ใหญ่ บรรยากาศรอบๆนั้นเคร่งเครียด แต่การแต่งกายนั้นไม่เป็นทางการ คล็อป และ ไมค์ กอร์ดอน ประธานของเฟนเวย์สปอร์ตกรุ๊ป ไม่ได้ใส่สูท ทั้งสองคนคุยกันทางโทรศัพท์มาก่อนแล้ว และพบว่าเข้ากันได้ดี แต่ตอนนี้ถึงเวลาลงรายละเอียด 1 ตุลาคม 2015 ไม่ถึงห้าเดือนที่คล็อปประกาศว่าจะพักร้อนหนึ่งปีหลังจากออกจากดอร์ทมุน เขาจะยอมสละการพักเพื่อมารับเก้าอี้ร้อนที่ลิเวอร์พูลรึเปล่า?

“อาทิตย์ก่อนหน้านี้ ผมพักร้อน พักจริงๆจังๆเลย ในแผนคือพอเข้าเดือนพฤศจิกายน ผมจะเริ่มทำสองสามอย่างเพื่อเพิ่มความรู้นิดหน่อย เช่นไปสโมสรอื่น หรือประเทศอื่น แต่ก่อนหน้ากลางเดือนตุลาคม - ไม่มีเลย แล้วตอนนี้ผมต้องเริ่มงานแล้ว - เอ้าลุย" คล็อปเล่า

กอร์ดอนพูดถึงคล็อป - ผู้จัดการทีมของเขาและเกลี้ยกล่อม จอร์น เฮนรี และทอม เวอร์เนอร์ ในการประชุมที่นิวยอร์ค :
เขาไม่ใช่คนดีที่สุดสำหรับงานนี้หรอก
เขาเป็นคนเพอร์เฟ็คเลยต่างหาก

คนเพอร์เฟ็คคนนั้นนั่งอยู่บนโต๊ะที่เมลวู้ด รอยยิ้มกว้างเหมือนจะคลุมทั้งห้อง "8 ตุลาสินะ มีของขวัญไหม" เขาหัวเราะ ล้อถึงวันพรุ่งนี้เป็นวันครบรอบปีที่สามของเขา บนเส้นทางของรอบชิงแชมเปี้ยนลีก รอบชิงอื่นอีกสองรายการ ท็อปโฟว์ติดต่อกันสองปี และในปีนี้ ลิเวอร์พูลเริ่มฤดูกาลได้ดีที่สุดใน 126 ปี

และความท้าทายตรงหน้า - แซงแมนซิตี้ ผู้มาเยือนแอนฟิลด์ด้วยประตูได้เสียเป็นต่อทั้งๆที่ลิเวอร์พูลเริ่มต้นได้ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ ซิตี้มี -จากปากคล็อปเอง- "ผู้จัดการที่เก่งที่สุดในโลก" และเขาทำให้คล็อปนึกถึง มิเชล สติช นักเทนนิสเยอรมันเก่งที่สุดที่เขาเคยเห็น แต่ลิเวอร์พุลอาจจะเป็นบอริส เบคเกอร์ ก็ได้ คล็อปยิ้ม - เบ็คเกอร์ ผู้ดุดัน อาจประสบความสำเร็จได้มากกว่าสติซ

คล็อปรู้ดีว่านี่เป็นเวลาเก็บเกี่ยวผลแล้ว รู้ว่ายุคของเขานั้นได้รับความชื่นชมแต่ไม่มีถ้วยรางวัล "ผมพอใจกับทิศทางที่เราไป อันนี้ชัดเจน และชัดเจนเหมือนกันว่าเรายังไม่ชนะอะไรเลย แฟนบางกลุ่มที่ชื่นชมเพราะวิธีที่เราเล่น หรือ บางคนที่สงสารเราจากฟอร์มที่ไม่ดีในบางครั้ง มันก็ดีแต่ยังมีอีกเยอะที่เราทำได้"

"นั่นง่ายนะ" คล็อปว่า เมื่อถามว่าเขาอยากชนะอะไรในอีกสามปีข้างหน้า "ที่จะพูดชื่อถ้วยออกมา แต่มันยากมากนะที่จะชนะจริงๆ และพูดออกมาแล้วมันจะทำให้เราชนะง่ายขึ้นรึก็เปล่า"
"แต่ที่ชัดเจนคือมันเกี่ยวกับการพัฒนา คุณวางแผนคว้าแชมป์ไม่ได้หรอก ไม่แม้แต่ซิตี้ในปีที่แล้ว แม้ว่าพวกเขาจะใกล้มากๆตอนที่ผู้จัดการของเขาเข้ารับตำแหน่ง และพวกเขาก็มั่นใจว่าจะประสบความสำเร็จ"

“เราอยากชนะอะไรซักอย่างจริงๆ ดีที่สุดคือ ลีก แต่เราไม่รู้หรอกว่ามันจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ดังนั้นเราก็ต้องใช้ชีวิตให้ดีที่สุด นั่นหมายถึงเราควรจะสนุก เราต้องทำงานหนัก เราจะสร้างโอกาสสุดพิเศษให้แฟนๆมากที่เราจะทำได้ ดันเด็กเยาวชนขึ้นมา - นั่นเเป็นไปได้ - สร้างความผูกพันระหว่างแฟนๆกับสโมสร
“ในเวลาที่มีเงินเยอะๆมาเกี่ยวข้อง ผู้คนคิดว่าระยะห่างของแฟนๆกับนักเตะ , กับผู้จัดการทีมมันมากขึ้น ดังนั้น เรามาทำให้มันใกล้ชิดมากขึ้นดีกว่า”


เมื่อคล็อปพูดแบบนั้น มันง่ายที่รักเขา หรือเห็นเขาในรูปล้อเป็น มร. ตามสบาย, เมสไซอาร์ในกางเกงยีนส์ ผู้ประกาศจะเปลี่ยน "ผู้ลังเลสงสัยเป็นผู้ศรัทธา" “เดี๋ยวนะ เขาจะเอาแพสชั่นมา ...อังกฤษ?” อาแซน เวนเกอร์ ประชด แต่เช่นเดียวกับเกเก้นเพรสซิ่งที่ต้องการความฉลาดและแม่นยำในสนามซ้อม สามปีที่ผ่านมาก็ถูกสร้างบนยุทธศาสตร์ที่ละเอียดอ่อนเช่นกัน

“fab three” ที่ขับเคลื่อนลิเวอร์พูล ไม่ใช่ เศาะลาฮฺ เฟอร์มิโน่ มาเน่ แต่เป็นคล็อป กอร์ดอน และ ผู้อำนวยการกีฬา ไมเคิล เอ็ดเวิร์ด ทั้งสามคนคิดในรายละเอียดเหมือนๆกัน นำไปสู่การดึง โม เศาะลาฮ มาแม้จะล้มเหลวที่เชลซี การทำลายสถิติโลกสำหรับเฟอร์กิล ฟาน ไดท์ และ อลิสซง หรือแบ็คซ้ายลดราคาจากทีมตกชั้น อย่างแอนดี้ โรเบิร์ตสัน มาแก้ไขปัญหาในแต่ละตำแหน่ง

ตรงข้ามห้องทำงานของคล็อป เป็นห้องของเอ็ดเวิร์ด ทั้งสองห้องเปิดประตูค้างไว้ ทั้งสองคนเดินไปมาหากันเสมอถ้าไม่กำลังแชทกันบน WhatsApp เอ็ดเวิร์ดโทรหากอร์ดอนทุกวัน มันสมองจากแม็ตซาชูเส็ตรู้กันว่ามีอารมณ์กวีในหัวใจ และหนึ่งประโยคในนั้นคือ "เราไม่ได้อนุญาตให้พูดตรงไปตรงมาที่ลิเวอร์พูล - มันเป็นข้อบังคับ"

เอ็ดเวิร์ดเป็นคน สปาร์ค(ทำนองมีอะไรแวปมาในหัว แล้วก็วิ่งไปทำโน่นทำนี่น่ะครับ) มั่นใจ ห้องของเขาสว่าง เขาไม่เหมือนพวกกี๊กในแว่นหนาเตอะนั่งเคาะแลปท้อปอยู่ในห้องมืดๆ อย่างที่กอร์ดอนล้อว่าใครๆก็คิดถึงเขาแบบนั้นเพราะแนวคิด  “Moneyball” ของ FSG ที่จริงแล้วเอ็ดเวิร์ดเป็นผู้เล่นมาก่อนในทีมสำรองของปีเตอร์โบโร่ เขามาเป็นนักวิเคราะห์และทำผลงานได้ดีกับพอร์ทมัตของแฮรี่ เร้ดแนปต์ เขาทำงานกับผู้เล่น แต่ไม่เคยคุยเรื่องสถิติ จากการทำงานกับโปรโซนเขาเชื่อมั่นว่าสถิติดั้งเดิมนั้นไร้สาระ ก่อนเข้ามาเป็นหัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์ผลงานที่ท็อตแน่ม

กอร์ดอน , นักบริหารสินทรัพย์จากบอสตัน เข้ามาควบคุมกิจการลิเวอร์พูลในปี 2012 ความคิดนอกกรอบของเขาคือการแต่งตั้งเอียน เกรแฮม นักฟิสิกส์จากเคมบริดส์ ผู้พัฒนาโมเดลซื้อขายให้สเปอร์ และนำไปสู่ผลงานซื้อขายเด็ดๆของแดเนียล เลวี่ เกรแฮมเป็นแฟนลิเวอร์พูล และหงุดหงิดที่เลวี่ให้เงินทุนเขาไม่มากพอ เอ็ดเวิร์ดรู้ว่าจะเกลี้ยกล่อมเขามาได้ พวกเขาทำงานใกล้ชิดกัน และเอ็ดเวิร์ด ใช้ผลการวิเคราะห์ของเกรแฮมร่วมกับแมวมองแบบดั้งเดิม กอร์ดอน มองไปยังการซื้อแดเนียล สเตอริด 12 ล้านปอนด์จากเชลซี และฟิลิปเป้ คูตินโญ่ ในมกราคมปี 2013  ณ จุดนั้นเขารู้แล้วว่าเขามาถูกทาง แม้ว่าผลงานในปี 2013-14 จะออกมาดี แต่อุปสรรคคือ เบรนแดน ร็อดเจอร์ - ผู้จัดการทีมที่ไม่เชื่อมั่นในโมเดลการซื้อขาย

แล้วคล็อปก็ก้าวเข้ามา การเข้ากันได้ของเขากับลิเวอร์พูลไม่ใช่เรื่องบังเอิญ เกรแฮมยืนยันว่า คล็อปทำได้ดีกว่าความคาดหวัง 12 ใน 14 ฤดูกาลในเยอรมัน กอร์ดอนและคล็อปชื่นชมบุคลิกภาพของกันและกัน คล็อป : "มันเป็นความรู้สึกว่านี่คือสโมสรที่สร้างมาเพื่อผม ผมคิดอย่างนี้ตั้งแต่คุยกับไมค์ กอร์ดอนครั้งแรก ว่าผมจะรับงานนี้"

แต่ว่านั่น - คืองานของเอ็ดเวิร์ด - เขาไม่ยอมให้สัมภาษณ์ และบอกว่าตอนนี้มีรูปเขาโผล่ในกูเกิลแล้ว ก่อนหน้านี้เขาหายตัวไปสอดส่องเป้าหมายได้ - ซึ่งรวมถึงผู้จัดการทีมด้วย เขาทำการบ้านเกี่ยวกับผู้จัดการทีมพอๆกับผู้เล่น นี่อาจฟังดูแปลก แต่มีเพียงเซาแธมตันอีกเพียงสโมสรเดียวที่ใช้แมวมองหาผู้จัดการ เอ็ดเวิร์ดไม่แปลกใจกับผลงานของเมาริซิโอ ซารี่ เพราะเขาส่องฟอร์มของซารี่มาตั้งแต่ปี 2012 กับเอมโปลี

เอ็ดเวิร์ด เตรียมเอกสารเกี่ยวกับคล็อปยาวถึงหกสิบหน้า สัมภาษณ์กับนักข่าว ผู้เล่น และเพื่อนร่วมงาน ตัวเลือกรายหนึ่งถูกตัดออกหลังเอ็ดเวิร์ดปลอมตัวไปพักโรงแรมเดียวกันห้าวัน เพื่อดูว่าเขาทำตัวยังไงกับคนรอบๆ การวางแผนการฝึกซ้อม ณ จุดๆหนึ่ง เขาปลอมตัวไปนั่งใกล้ๆและฟังเป้าหมายพูดโทรศัพท์

เป้าหมายการซื้อในยุคของคล็อปผ่านการวิเคราะห์อย่างละเอียด รวมผลทางสถิติของเกรแฮมเข้ากับรายงานของแมวมอง เอ็ดเวิร์ดเปลี่ยนแนวคิดจากการให้แมวมองดูเกมๆหนึ่ง แล้วเว้นไป 2-3 สัปดาห์ค่อยไปดูอีกหน เป็นการจับตาดูระยะยาว 15-20 เกมติดต่อกัน เพื่อดูความสม่ำเสมอและศักยภาพ เน้นไปยังการตรวจว่าผู้เล่นซ้อมยังไง ทุกๆเดือนมกราคม แมวมองจะเดินทางไปทั่วโลกเพื่อไปดูการซ้อมในค่ายฤดูหนาว ตัวเอ็ดเวิร์ดเองเคยอยู่ที่ข้างสนามซ้อม มาเบลล่า ของบาเซิล จับตาดู เศาะลาฮฺ

ทุกอย่างถูกทำลายเมื่อเชลซีตัดหน้าคว้าเศาะลาฮฺในมกราคม  2014 แต่เมื่อเขากลับมาอีกครั้งที่ฟิออเรนติน่า และ โรม่า ลิเวอร์พูลเชื่อมโยงหลักฐานทั้งหมดกับข้อมูลในช่วงที่เขาเป็นเยาวชน ลิเวอร์พูลรู้ดีว่าเชลซีไม่สนเขา สเปอร์ไม่มีเงินซื้อเขา และ เขาไม่เหมาะกับสองทีมจากแมนเชสเตอร์  เขาสมบูรณ์แบบมากกับอาเซนอล และ พวกเขาประหลาดใจที่แมวมองของอาเซนอลคิดว่า เศาะลาฮุนั้น "ไร้ค่า"

พวกเขาคาดว่าปีกอียิปต์จะยิงปีละ 18-20 ลูก ระดับโลกแล้วสำหรับปีก แต่ดีใจที่โดนพิสูจน์ว่าพวกเขาคิดผิด เมื่อปี 2017-18 เขายิงไปกว่า 40 ลูก ทุกการซื้อขายต้องได้รับความเห็นชอบอย่างเป็นเอกฉันท์จาก คล็อป-เอ็ดเวิร์ด-กอร์ดอน - และกอร์ดอนก็เห็นชอบกับทั้ง ฟาน ไดท์ (70 ล้าน +4 แอดออน) และ อลิสซง(56 ล้าน + 9 แอดออน) ในราคาสถิติโลก ฟานไดท์เป็นนักเตะที่โดดเด่นอย่างเห็นได้ชัดจากเซนเตอร์แบ็คในลิสต์กว่า 30 คน และก็แพงมากสำหรับตำแหน่งนี้ แม้ว่าตอนนี้จะดูว่าคุ้มยิ่งกว่าคุ้มก็ตาม

การกลับสู่แชมเปี้ยนลีกหลังจากพลาดในปี 2015-16 ทำให้ลิเวอร์พูลสามารถเลือกผู้เล่นที่ดีที่สุดได้ หลายคนต้องการเล่นให้กับคล็อปแทนที่จะเป็นคู่แข่ง ไม่ว่าจะเป็น ฟานไดท์ อลิสซง หรือเศาะลาฮฺ ผู้เลือกจะไปแอทเลติโก้ แมดริด หรือ ปารีส แซงค์แยแมงค์ ก็ได้ ตัวสำรองในเกมเชลซี ประกอบไปด้วย สเตอร์ริด เซอร์ดาน ชากิรี่,  นาบี้ เกอิต้า และ ฟาบินโญ่ ตัวสำรองในเกมแรกปี 2015 คือ เจา เตเซร่า, เจโรม ซินแคล , คอเนอร์ แรนดัล และ จอดอน ไอป์ คล็อปไม่เคยลืมวันนั้นเลย "ผมมีผู้เล่น 7 คน ที่เหลือไปเตะทีมชาติ พอกลับมา เราเหลือเวลาแค่สามวันก่อนเจอท็อตแนม แย่กว่านั้นคือ โจ โกเมสเจ็บกลับมาจากทีมชาติ และแดนนี่ อิงค์ ซ้อมครั้งแรกก็เจ็บ ACL เลย คุณหาผู้เล่น หาทางยัดระบบลงไป"  คล็อปว่า "น่าจะ 4-2-3-1 นะ และท็อตแน่มก็ยากมาก แต่อย่างน้อยพวกเขาก็เล่นฟุตบอล และนั่นทำให้เรามีโอกาสลองเล่นเพรสซิ่ง"

“นั่นเป็นการวิเคราะห์ที่โหดสุดที่ผมเคยมีในชีวิต ผมดูเกมท็อตแน่มมากกว่าลิเวอร์พูลอีก เราต้องการให้เริ่มต้นสวยๆ และ 0-0 นี่ผมว่าเริ่มต้นสวยนะ”
สิ่งที่เขาต้องปรับตัวก็คือสถานะสูงส่งของผู้จัดการทีมในอังกฤษ “ผมมาจากสโมสรเล็กๆ(ไมส์น) ผมเล่นมา 11 ปี แล้วก็เป็นผู้จัดการ ดังนั้นทุกคนก็เห็นผมเป็นเพื่อน ถัดจากนั้นผมไปดอร์ทมุน และหลังจากพรีซีซั่น เราก็เป็นเพื่อน ผู้เล่นนี่เด็กมาก เด็กกว่าลูกผมอีก ดังนั้นผมก็จะเป็นเพื่อนที่แก่หน่อยๆ - มันเป็นอย่างนั้นแหละ"

“ผมรู้ตัวค่อนข้างเร็วว่าที่อังกฤษนี่ ความสัมพันธ์ระหว่างสตาฟท์ ผู้เล่น แล้วก็ผู้จัดการมันต่างจากที่ผมคุ้นเคย อย่างแรกที่พวกเขาพูดคือ "คุณอยากได้แบบไหนล่ะ นี่ นี่ หรือนี่" แล้วพอผมตอบว่า "แล้วก่อนหน้านี้ทำกันยังไงล่ะ" เขาก็จะตอบว่า "นั่นไม่สำคัญหรอก คุณอยากได้แบบไหนล่ะ" มันเหมือนเขายื่นกระดาษเปล่ามาให้ผมเขียนกฏลงไป

“แต่สามัญสำนึกก็คือ: ถ้าผมอยากไปถึงสนามก่อนแข่งตอนบ่ายโมง 15 ถ้ามีเกมตอนบ่ายสาม ผมจะไปรู้ได้ไง ว่าสนามมันอยู่ห่างแค่ไหน หรือ ต้องไปขึ้นบัสที่ไหน ดังนั้นมันก็เลยต้องใช้เวลากว่าพวกเขาจะรู้ว่าผมเป็นใคร และทำตัวยังไง”

เอ็ดเวิร์ด และกอร์ดอน เห็นพ้องว่า ความสำเร็จนั้นการันตีไม่ได้ แต่เงื่อนไขของมันนั้นพร้อมแล้ว ทีม "ดีที่สุด" เท่าที่ FSG เคยมี คล็อปล่ะ "เราโอเค แปลกๆนะ เพราะหลังจากเราแพ้เกม(นาโปลี) ทุกๆคนจะรู้สึกเปลี่ยนไป หลายๆคนจะบอกอากาศมันไม่ค่อยดี แต่เราอยู่ในช่วงที่ดี"

“ถ้าผมบอกตั้งแต่วันแรกว่านี่คือสโมสรของผม มันก็คงเป็นคำพูดโกหก แต่ตอนนี้ 100%เลย มันคือสโมสรของผม ทีมของผม และมันก้าวหน้ามาเยอะ ผมรับผิดชอบ 100% กับทุกๆอย่างที่นี่ และทุกอย่างที่มันเป็น”
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่