สวัสดีค่ะ วันนี้มีเรื่องหลอนจากประสบการณ์จริงมาเล่าสู่กันฟังค่ะ อาจจะไม่ได้เป็นเรื่องที่เห็นเป็นตัวเป็นตนนะคะ เเต่ๆๆ ก่อนอื่นขอรบกวนทุกท่านที่กดเข้ามาอ่าน อ่านเพื่อความบันเทิงเท่านั้นนะคะ คนที่ไม่เชื่อ หรือว่าไม่ชอบใจใดๆ กดข้ามไปได้เลยค่ะ เเละถ้าหากผิดพลาดประการใดต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ ขอบคุณมากค่ะ
****ความเชื่อส่วนบุคคล ใช้วิจารณญาณในการอ่านนะคะ****
อาจจะเกริ่นยาวหน่อยเพื่อให้เห็นภาพเเละได้อรรถรสนะคะ
เมื่อปี 2559 ตอนนั้นเราอายุประมาณ 15-16 ปี เป็นช่วงเรียนต่อระดับมัธยมตอนปลาย เเต่เราเลือกเรียนต่อสายอาชีพต่อ วิลัยในตัวเมือง อยู่จังหวัดหนึ่งในภาคเหนือค่ะ (ขอไม่บอกจังหวัดนะคะ เพราะถ้าบอกเเล้วจะรู้เลยเพราะมันมีไม่กี่ที่) เเม่ของเราได้ขอให้ป้า ที่อาศัยอยู่ในตัวเมืองอยู่เเล้วช่วยดูหอพักให้ เอาใกล้ๆวิลัยที่ต้องไปเรียน ซึ่งก็ได้ตามที่แม่รีเควสเลย เป็นหอหญิงล้วน สามารถเดินไปเรียนได้ มีร้านกับข้าว ร้านสะดวกซื้อ มีร้านหนังสือ มีวัดด้วยแบบว่าครบครันเลยทีเดียวค่ะ เเต่ว่าหออยู่ในซอยนะคะ ต้องเดินเข้าซอยไปนิดหน่อย เเล้วข้างหน้าซอยจะมีวัดเเละร้านหนังสืออยู่ถัดไป มีคนผ่านตลอด ไม่เปลี่ยว ซึ่งตัวหอพักจะอยู่ในรั้วเดียวกับบ้านเจ้าของเลยค่ะ มีแค่ตึกเดียวเเต่สองชั้น ข้างหน้าหอก็จะมีศาลพระภูมิ มีประตูใหญ่เป็นทางเข้าออกหลักเเละมีประตูเล็กๆสำหรับเข้าออกดึกๆ เเต่ แต่!!!! ข้างหลังหอพักจะมีบ้านทรงไทยเก่า ร้าง ไม่มีคนอยู่ เเต่ไม่รกนะคะ เหมือนมีการทำความสะอาดต้นหญ้า ต้นไม้ตลอด ก็เลยดูไม่ค่อยน่ากลัวมากเท่าไหร่ ยกเว้นตอนกลางคืนค่ะ
ส่วนเราได้อยู่ชั้นสองค่ะ เลขห้อง A6 (ทั้งตึกมีแค่ 10 ห้อง) อ้อ!! เเล้วเราอยู่คนเดียวนะคะ ไม่แชร์กับใคร โดยภายในห้องก็จะมีโต๊ะเก้าอี้ โต๊ะเครื่องแป้ง ตู้เสื้อผ้า เตียง(3.5ฟุต) แอร์ พัดลมติดผนังให้ ห้องน้ำในตัว เปิดประตูระเบียงไปก็มีซิ้งล้างจานให้ เเละของเเถมวิวจากระเบียง...คือ...บ้านทรงไทยหลังนั้นค่ะ แงแง TT "จริงๆเเล้วตอนเเรกที่ป้าไปดูให้ เราได้ชั้นหนึ่งนะคะ เเต่พอวันย้ายเข้าไปอยู่เจ้าของบอกชั้นสอง'' (ถ้าอยู่ชั้นหนึ่งจะไม่เห็นบ้านหลังนั้นค่ะเพราะมีรั้วกั้นอยู่) เเต่ก็ไม่เป็นไรอยู่ชั้นสองก็ได้ ชิลล์ๆ ซึ่งเตียงของเราจะอยู่ตรงข้ามกับห้องน้ำเเละระเบียง (ถ้าไม่ปิดประตูระเบียงก็นอนมองวิวบ้านร้างค่ะ TT) ข้างๆเตียงก็มีโต๊ะหนังสือกับโต๊ะเครื่องเเป้ง(ห่างจากเตียงประมาณสามเมตร)... เเละวันที่เข้าอยู่ก็ทำสัญญา ย้ายของเข้าห้อง เเล้วก็ไหว้เจ้าที่ข้างหน้าหอ ตามความเชื่อของเเม่ค่ะ จากนั้น เราก็ใช้ชีวิตไปเรื่อยๆ ไม่มีปัญหาอะไร จนกระทั่งเวลาผ่านไปประมาณ 1 เดือน ทางเจ้าของหอได้รื้อศาลพระภูมิออก เราไม่เเน่ใจว่าจะทำใหม่ หรือตั้งใจรื้ออกเลย เพราะเหลือแค่ดินที่ฝังฐานศาลเท่านั้น เเละเเล้วเรื่องราวก็ได้เริ่มต้นขึ้น....
1.คืนแรกที่มีการรื้อศาลออก ประมาณสี่ทุ่ม คือเราได้ยินเสียงดนตรีไทยจากบ้านทรงไทยข้างหลัง เสียงเบาๆ เพราะมาก เเละก็มันหลอนมากๆค่ะ บางคืนเป็นกลิ่นธูป ซึ่งเราก็พยายามคิดดีมาตลอดว่าเพื่อนห้องอื่นซ้อมรำ หรือจุดธูปไหว้ตามความเชื่อเขามั้ง เป็นแบบนี้วนๆอยู่เกือบ 2 week
2.หลังจากนั้นมีรุ่นน้องมาขอนอนด้วย 1 คืน นางก็แบกเป้มาวางไว้บนโต๊ะหนังสือเลย ก็พากันกินข้าว อาบน้ำ เม้าท์มอยเสร็จ ก็ปิดไฟขึ้นเตียงนอน เบียดๆกันในเตียง 3.5 ฟุต เราก็ไถมือถือไปเรื่อย ส่วนน้องสาวหลับไปแล้ว สักพักใหญ่ๆ มีเสียงสั่นของมือถืออยู่ใต้หมอน "อื๊ดดด...อื๊ดดด" สั่นอยู่แบบนั้นเกือบหนึ่งนาที เราก็คิดว่าเป็นมือถือของน้องมีคนโทรหามั้ง เลยสะกิดนางให้ตื่นมารับสาย ปรากฏว่า ไม่ใช่มือถือของน้องสาวเราค่ะ นางบอกว่า ''มือถือแบตหมด ปิดเครื่องเเล้วเอาใส่เป้ไว้ตั้งเเต่ก่อนขึ้นเตียงมาหลับละนะ ของพี่หรือเปล่า'' สิ้นสุดประโยคนั้นเสียงสั่นก็เงียบไป ซึ่งมือถือของเรา เราก็ถืออยู่ จากนั้นก็มองหน้าโดยไม่ได้นัดหมาย ไม่มีใครเอ่ยอะไร เดดแอร์ไปเลย เราปิดมือถือนอนเลยค่ะ ตอนเช้าออกมาข้างนอกหอก็คุยกันถึงเรื่องนี้ว่า มันเกิดอะไรขึ้น เพราะมือถือเราก็อยู่ที่เรา มือถือน้องสาวก็ปิดเครื่องก่อนใส่ไว้ในเป้ เเล้วโต๊ะก็อยู่ห่างจากเตียงตั้งสามเมตร แล้วมือถือใครสั่นอยู่ใต้หมอน พอพลิกหมอนออกก็ไม่เจออะไรด้วย แล้วที่สั่นคือเสียงอะไร? หลังจากเหตุการณ์นี้รุ่นน้องคนนั้นก็ไม่มานอนค้างที่ห้องเราอีกเลย
3.เราเริ่มมีอาการนอนไม่หลับ ชอบตื่นตอนดึกเวลาเดิมคือตีหนึ่งสี่สิบทุกวันเลย รู้สึกเหมือนมีคนมองอยู่ตลอด สุดท้ายไม่ไหวก็เลยตัดสินใจโทรคุยกับเเม่ เช้าอีกวันแม่จึงไปถามร่างทรงเเถวบ้าน ได้เรื่องมาว่า เจ้าของห้องเก่าที่เราอยู่ตุยในห้อง เเต่ไม่ได้บอกว่าตุยยังไง (หรืออาจจะบอกเเต่เเม่ไม่กล้าบอกเราเพราะกลัวเราจะวิตก) เเล้ววิญญาณไปไหนไม่ได้ ยังอยู่ที่ห้องนั่นตลอด หวงห้องด้วย อีกอย่างไม่มีศาลเจ้าที่ก็เลยเจอดีเข้าให้ ต้องรีบย้ายออก เพราะไม่งั้นเขาจะทำให้เราเป็นบ้าตายตกไปตามกัน พอแม่ได้ยินแบบนั้นก็รีบมารับกลับบ้านภายในวันนั้นเลย เเล้วอีกวันก็ทำเรื่องย้ายออก เจ้าของหอเดินมาถามเรากับเเม่ว่า ''เกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงรีบย้ายออกพึ่งสองเดือนเอง เพราะถ้าอยู่ไม่ครบสามเดือนจะไม่ได้ประกันหอคืนนะ'' แม่เราตอบว่า ''ไม่เอาคืน เอาไปเลย เเต่ขอย้ายออก''
ปล.แม่บอกว่าที่ร่างทรงพูดเรื่องจริงมั้ยไม่รู้ เเต่เเม่เป็นห่วงเรามาก ถือว่าซื้อความสบาายใจก็แล้วกัน
4.หลังจากที่ตกลงกับเจ้าของหอเรื่องย้ายออกเสร็จเเล้ว ก็พากันไปทำบุญให้วิญญาณตนนั้นที่วัดหน้าปากซอยหอ เเละก็ได้เฉลยเรื่องที่เกิดขึ้นนี้จากพระอาจารย์
ท่านเล่าว่า เมื่อสามเดือนก่อนหน้าคู่รักหญิงชายมาทะเลาะกันที่หน้าวัดช่วงค่ำๆก่อนจะเเยกย้ายกันไป เเล้วช่วงเช้ามีรถกู้ภัยมาที่หอ เห็นว่ารับศพผู้หญิงไป สาเหตุก็คือผู้หญิงเขา ฆตต โดยการ ผูก...ค...ตุย ที่ชั้นสองของตึก ห้องหก TT เป๊ะเลยทีนี้ ถึงบางอ้อเลย ขนลุกมาก
เราก็มาเรียบเรียงไทม์ไลน์ ได้เรื่องว่า ก่อนเราเข้าอยู่เพียงเเค่ 1 เดือนได้เกิดเหตุสลดนี้ขึ้น เเล้วเราก็เป็นผู้ประสบภัยเข้าอยู่ต่อเลย เเต่ด้วยความเชื่อของคนที่บ้านเราคือ ถ้าไม่ศาลเจ้าที่ก็เหมือนไม่มีใครปกป้องดูเเลพื้นที่นั้นๆ ภูตผีปีสาทคนไหนจะเข้าจะออกยังไงก็ได้ เพราะแบบนี้มั้งคะเราถึงเจอดี ตอนนี้ปี 67 เเล้วหอพักก็ยังอยู่นะคะ แล้วก็น่าจะพัฒนาเยอะเเล้วค่ะ คงไม่มีบ้านร้างเหมือนเมื่อก่อนเเล้ว เเล้วก็คงทำบุญ ตั้งศาลเจ้าที่เเล้วแหละค่ะ
จบเเล้วค่ะ ขอบคุณที่อ่านกันจนจบนะคะ ^^
แผนที่เผื่อใคร งง ค่ะ
หอพักหลอนกับคนดวงซวย