The Vampire Powers.[บทที่3]

เอ็ดหันหน้าไปมองหญิงสาว ส่งผลให้หล่อนสะดุ้งก่อนจะก้มหน้าด้วยความกลัว
"เท่าที่ฉันรู้ ป่านี้เป็นป่าต้องห้าม เเล้วเธอไปทำยังไงให้ไอ้บัดซบนั่น ลากเธอมาได้ถึงใจกลางป่าอย่างนี้" เอ็ดพูดพลางกอดอกจ้องหน้าเธอ
"ฉะ ฉัน มาเที่ยวป่ากำลังจะเดินทางกลับก็ถูกมันลากมาที่นี่ คือฉันมาคนเดียวน่ะ" เธอพูดพลางนำผ้าที่เคยเป็นเสื้อมาปิดที่เนินอกขาวผ่องไร้สีเลือด
"เป็นผู้หญิงตัวคนเดียวเธอกล้ามาอย่างนี้ได้อย่างไร รู้หรือเปล่าว่ามันอันตรายเเค่ไหน" เเอลโพล่งขึ้น เมื่อสามารถควบคุมอาการหิวโหยตนเองได้เเล้ว
"ฉันก็เเค่อยากมาเดินดูดอกไม้ป่า"หล่อนบอกพลางช้อนตามองทั้งสองด้วยกิริยาเเปลกๆ หล่อนลุกขึ้นยืน
"มองดูเเล้วพวกท่านช่างหล่อเหลาจนข้าเองควบคุมอารมณ์ไม่ได้"ระหว่างพูดเธอบรรจงถอดเสื้อคลุมออก ตามด้วยด้วยเสื้อสเว็ทเตอร์ตัวบางเหลือเพียงเเต่เดรสสีดำ
"นั่นเธอจะทำอะไร" เเอลว่าเมื่อเธอสาวเท้าก้าวเข้ามาหา
เเควก!!! เธอกระชากกระโปรงที่ยาวกรวมเท้าออกไปพ้นก่อนจะเห็นยีนขายาวดำพลางมีปลอกใส่อาวุธเต็มไปหมดรวมถึงมีดพกที่เหน็บที่เอว ส่งผลให้ทั้งสองหนุ่มตื่นตลึงกับลุคใหม่ของเธอเดินไปยังหลังโคนต้นไม่พลางเเหวกพงหญ้าออกก่อนจะหยิบกระเป๋าหนังใบใหญ่ ซึ่งเเน่นอนว่ามันน่าจะเป็นอาวุธเช่นกันพาดไหล่มองพวกเขา
"เท่าที่ข้ารู้ เจ้าทั้งสองคือเเวมไพร์เกิดใหม่ เจ้าไม่ควรจะเผยพลังเหนือมนุษย์ให้ใครเห็นเหมือนที่เจ้าทำให้ข้าเห็นจริงที่เจ้าพูดว่าป่านี้เป็นป่าต้องห้าม ไม่มีมนุษย์บ้าบิ่นคนไหนเข้ามาหรอก เจ้าสองคนมากกว่าที่ควรระวัง ข้า "เบียงก้า" " เธอพูดพลางสำรวจสิ่งของ ก่อนจะโบกมือ พลันสิ่งของเหล่านั้นก็หายไปอย่างราวกับเวทย์มนต์ เธอเดินเเทรกพวกเขาไปเมื่อยังเห็นยืนนิ่งมองเธอเหมือนตัวประหลาด(ซึ่งมันดูหยาบคายเมื่อเธอเเนะนำตัวเเล้วยังไม่มีใครเเนะนำตัวเองให้เธอรู้จัก)
"เธอเป็นใครกันเเน่ อ้อฉันเอ็ด และนี่ก็เเอล"เอ็ดรีบเข้าไปถามอย่างประจบ แอลได้เเต่ส่ายหน้าก่อนจะเดินตามมุ่งหน้าไปยังบ้านของพวกเขา โดยไม่สนใจเจ้าหื่นกามที่นอนจมกองเลือดอยู่
"ข้าคือคนที่จะมาคอยจัดการเรื่องของพวกเจ้า ที่อยู่ เงิน เสื้อผ้าและอื่นๆ ท่านลูคัสขอร้องข้ามาให้ดูเเลพวกเจ้า และฝึกสอนเจ้า" เบียงก้าพูดก่อนจะกระโดดลงหินที่เปรียบเสมือนกำเเพงที่คอยขวางกั้นพวกเขาออกจากเหล่าผู้สอดเเนมจากหน่วย VP ลงมาอย่างสบายเเละเดินตัวปลิวปล่อยให้พวกเขายืนมองอย่างอดทึ่งไม่ได้ส่วนมากพวกเขาจะคลุกคลีกับเเวมไพร์ที่เป็นชายหนุ่มเท่านั้น จึงเป็นเรื่องเเปลกที่พวกเขาจะชื่นชมกับความสง่าของเเวมไพร์สาวตนนี้เธอดุจดั่งนางพญาเเววตาสีเขียวเเซมทองดูลึกลับนั้นซ่อนบางอย่างที่ทำให้เเอลรู้สึกต้องการจะรับรู้ เเอลสะบัดหัวเมื่อรู้สึกกับคลื่นบางอย่างในตัวของสาวแวมไพร์เเสนสวยตนนี้
ห้องพัก
ปึก ปึก
"นี่เป็นตำรารวมเรื่องราวของเเวมไพร์ทั้งหมดตั้งเเต่ยุคโรมัน คุณสมบัติเเวมไพร์เเต่ละประเภทเเละพลังวิเศษต่างๆ ซึ่งพวกเจ้าต้องศึกษาให้ดีให้ได้มากที่สุดเพราะเรามีเวลาฝึกน้อยมาก ภายใน 1 อาทิตย์ เจ้าจะได้เป็นเเวมไพร์โดยสมบูรณ์เเละสิ่งหนึ่งที่เจ้าต้องเลี่ยง......." ทั้งสองเงยหน้าขึ้นมองเบียงก้าอย่างฉงนพลางปิดหนังสือเล่มหนา น่าจะมีสักพันหน้าเป็นเเน่เพราะถูกเขียนด้วยลายมือ ตัวหนังสือเริ่มออกสีจางๆ บ่งบอกถึงอายุขัยของมัน
"ยังมีอะไรที่เราต้องเลี่ยงอีกล่ะ อ่อ.....อย่าบอกนะว่าเป็นเจ้าพวกหมาป่าน่ะ"เอ็ดถามด้วยความอยากรู้
"เอ็ด หุบปากเเล้วฟังเหอะน่า" แอลพูดขัด เมื่อกำลังจะเห็นเจ้าเพื่อนตัวดีกำลังตั้งประโยคคำถามต่อไป
"เเวร์วูฟยังไม่น่ากังวลเท่าเรื่องความรักของพวกเจ้า เพราะศัตรูนั้นมีมากมายยิ่งนักเมื่อเจ้าพลาดท่าให้กับพวกมันคนรักของเจ้าจะเป็นอันตรายไปด้วย ฉะนั้นเจ้าอย่าพยายามที่ผูกใจกับมนุษย์ ข้ารู้ว่าพวกเจ้าต้องมีเหตุการณ์นั้นเเน่ เเล้วอย่ามาเสียใจทีหลังก็เเล้วกัน พรุ่งนี้เช้าจะเตรียมตัวมาฝึกกับข้าเเล้วเราจะมาทดสอบพลังของเจ้ากัน" เบียงก้าพูดจบ เธอได้เปิดประตูออกไปทำให้ทั้งสองงุนงงกับเรื่องที่หล่อนชี้เเจงเกี่ยวกับความรัก พวกเขามองหน้ากันพลางยักไหล่กับผู้ฝึกสาวสวยที่ดูเหมือนจะมีความลับเยอะเเยะ เมื่อเเอลคิดเเล้วยิ่งซับซ้อนไปใหญ่เขาจึงปัดความรู้สึกเหล่านั้นออกไป
"เฮ้อ ให้ตายสิ ความรักนี่ฉันเเทบจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันเป็นยังไง" เอ็ดบ่างึมงำในมือเปิดตำราไปเรื่อยๆ
"ถ้าเราไปอยู่ที่นั่น ฉนคงจะทนไหวหรอกนะถ้าหากอยากกัดคอใครขึ้นมาจริงๆ เออใช่ ตลอดเวลานายท่านอยู่กับพวกเราก้ไม่ได้จะฆ่าเราซะหน่อย เราเป็นมนุษย์ตั้ง 11 คน ไม่รู้พ่อบ้านกอร์ดอนทนเราได้ไงนะว่าไหม บางทีฉันคิดอย่างนี้จริงๆ "เเอลพูดมือเริ่มเปิดหนังสือเล่มหนาไปพลาง เขาใช้มือปาดฝุ่นที่จับหนาออก ตัวหนังสือเลื่อมทองเขียนไว้ว่า "ความลับของเเวมไพร์" เขาขมวดคิ้วเมื่อหน้าปกไม่มีชื่อนักเขียนเลยด้วยซ้ำ
ย้ากกกกก ฉึก อุบส์
ใบมีดขนาดพอดีมือปักลงกลางหน้าอก เบียงก้ายืนดูด้วยใบหน้าเรียบเฉย เเอลค่อยดึงมีดออกอย่างช้าๆ เนื้อหนังค่อยๆสมานตัวเข้าหากันเเละเลือนหายไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขาเเตะหน้าอกตัวเองก่อนจะมองเอ็ดที่เป็นคนทำให้เขาได้เเผล เอ็ดยกมือขึ้นเสมออกอย่างขอโทษ
"ฉันพลาดเองละกัน อีกนิดเดียวก็จะโดนหัวใจเเล้ว เสียวเป็นบ้าเลย วู้ว" เขาพูดอย่างไม่ได้คิดอะไร
หมับ!!เอ็ดรับมีดทันท่วงทีเมื่อเเอลโยนให้ ใบมีดไม่มีเเม้เเต่รอยคราบเลือดอะไรด้วยซ้ำ
"เอาล่ะ ข้าอยากให้พวกเจ้าลองทดสอบความเร็วโดยการวิ่งเเข่ง บนโน่น" เบียงก้าพูดพลางชี้นิ้วไปยังบนยอดเขาสูงลูกหนึ่งที่มีธงปักเป็นเส้นชัยเเก่ผู้ชนะห่างออกไปราวๆ 1 ไมล์
"คงรู้ความหมายของข้าดี เตรียมพร้อม " เธอพูดให้สัญญาณ ทั้งสองหนุ่มประสานสายตาให้เเก่กันก่อนจะตั้งท่ายั้งเท้าหลังกดลง
"ไป!!!!!!!" เบียงก้าออกคำสั่ง ทั้งสองพุ่งตัวไปข้างหน้าด้วยความเร็วสูง หล่อนกอดอกมองดูทั้งสองที่วิ่งไปไกลลิบ เห็นเป็นเล็กๆเศษฝุ่นฟุ้งกระจาย
"หึ" เธอยิ้มออกมาเบาๆ เเต่ต้องผงะให้กับเสียงที่เธอไม่พึงประสงค์จะอยากได้ยิน
"เป็นการฝึกที่ง่ายไปหรือเปล่า เบียงก้า" เสียงทักทายอันเคร่งขรึม ส่งผลให้เจ้าตัวหันกลับมอง
"เจ้าเปลี่ยนไปเยอะเลยนะ"
'กอร์ดอน' เบียงก้าอุทานในใจ ก่อนจะตอกกลับไปด้วยคำพูดที่เเข็งกระด้าง
"ไงล่ะ พ่อบ้านกอร์ดอนเอ้าะท่านเลขา ท่านเองก็ยังไม่เปลี่ยนเช่นกัน" เธอพูดเมื่อหันหน้ากลับมาเพราะไม่อยากจะจ้องกับสายตาของคนที่เธอไม่อยากจะเสวนาด้วย
"เเสดงว่าเจ้าก็ยังไม่ลืมข้าเช่นกัน" กอร์ดอนเอ่ย
"เเน่นอน สองคนนั่นข้าอยากให้เขาคุ้นชินกับสภาพร่างกายเเละอารมณ์ก่อน เผื่อเขาจะไม่ได้หุนหันพลันแล่นเท่าที่ข้ารู้พวกท่านนำลูกมนุษย์หรือเด็กเร่ร่อนมามากพอสมควร เเละข้าก็เชื่อเลยว่าท่านลูคัสคงฝึกพวกเขามาเเต่เนิ่นๆเเล้วมิใช่หรือ" หล่อนพูดเปลี่ยนประเด็นพร้อมกับวาจาประชดประชัน
"ใช่ พวกเขาได้รับการฝึกมามากพอที่จะไม่ให้เจ้าต้องเสียเเรงฝึกสอนให้ยากดอก" กอร์ดอนเอ่ย พลางโบกมือให้กับทั้งสองหนุ่มเเละผู้ชนะก็คือเเอลนั่นเองเขาชูธงเเละหลบเอ็ดที่พยายามจะเเย่งธงจากเขา ทั้งสองส่งเสียงหัวเราะกันตามประสาเพื่อนรัก กอร์ดอนวางมือบนไหล่เอ็ดเเละเดินออกไป เบียงก้าเหลือบมองเขาเพียงหางตาก่อนจะเม้มปากสีหน้าที่เหมือนอยากจะลืมคนที่เคยทำให้เธอไม่สามารถลืมความสัมพันธ์ที่มีต่อกัน เมื่อนานเเสนนานเธอไม่ต้องการอะไรที่จะย้ำความทรงจำที่มีต่อเขา เธอสะบัดใบหน้า
"ไปฝึกอย่างอื่นกันเถอะ" เธอสั่ง ก่อนจะเดินมุ่งหน้าไปยังลานฝึกยิงธนูคนละทางกับที่กอร์ดอนเดินแยกออกไป
"พวกเขาดูเหมือนจะเกลียดกันเข้าไส้" เอ็ดว่าพลางเดินตามเจ้าตัวไป
เเอลมองทั้งสองฝ่ายที่มีท่าทีเมินใส่กันเขาก้มหน้าปักธงลง ก่อนจะเดินตามเอ็ดไปอีกคน
เฟี้ยว ฉึก ฉึก
ลูกธนูลูกเเรกปักเป้าอยู่ตรงกลางได้อย่างเด่นหรา เหมือนพยายามเเย่งกันเพื่ออยู่ตรงกลางเมื่อมันเเหวกลูกเเรกเเยกออกจากกันเเละอยู่กึ่งกลางได้พอดิบพอดี ดังนั้นจึงทำให้เจ้าของผลงานยิ้มมุมปากอย่างพอใจในผลงานของตน
"ฉันก็อยากจะลองวิชาอยู่เหมือนกันนะ" เอ็ดพูดพลางดึงลูกธนูออกจากเป้า เเต่ต้องทำให้คนฟังต้องอมยิ้มเมื่อเจ้าตัวพูดออกมากึ่งเสียอารมณ์
"เเต่ในเรื่องต้องอะไรแบบนี้มันไม่เข้าขั้วกับฉันเลย ให้ตายเถอะ ชักจะอิจฉานายเเล้วสิ" น้ำเสียงฟังดูเบื่อกับความสามารถของตนที่มีไม่เท่าเพื่อน
"เพื่อน ฉันว่านายอิจฉาผิดคนเเล้วล่ะ อย่าทำเป็นถ่อมตัวไปเลย" เเอลขึงสายธนูเช็คความอ่อนบางเเล้วยกขึ้นมาเล็ง เอ็ดทำเสียงจิ้จ้ะในลำคอก่อนจะวางคันธนูลง มองเป้าที่เเอลยิงใส่ถี่ยิบ
"ท่านเบียงก้าๆ เกิดเรื่องใหญ่เเล้ว" เบียงก้าที่ยืนมองสองหนุ่มได้ละสายตามาจากเจ้าของเสียงที่วิ่งเเหกปากเรียกเธอมาตั้งเเต่ไกล
"มีอะไรหรือ" เบียงก้าเอ่ยปากถามทันทีเมื่อยังเจ้าตัวยืนเอามือค้ำเสา หอบเเฮกๆ ส่วนเเอลสังเกตดูว่ามีเรื่องอะไรเมื่อเอ็ดเห็นอย่างนั้นจึงมองตามอย่างอดไม่ได้ เบียงก้าส่งสายตาคาดคั้นให้กับหนุ่มน้อยที่ยังคงยืนเช็ดเหงื่อซึ่งมันไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเขาที่ต้องวิ่งโร่มาเเต่ไกล
"ไรอัน ขะเขาเสียสติไปเเล้ว เขาออกไปเดินตระเวนป่า เขาไปเจอเเวมไพร์ตนนึงไม่รู้ว่าใครรู้เเต่ว่า เขาโดนกัด นอนสลบเหมือดอยู่กลางป่าเมื่อผมเห็นว่าเขาหายไปนาน ล่าสุดเขาลุกขึ้นมาอาละวาดจนพวกผมต้อง......." เบียงก้ารีบถลาหายไปเมื่อได้ยินประโยคต่อมา พลางคิดว่าใครกันที่กล้าบุกเข้ามายังถิ่นของลูคัสเเละยังเป็นเเวมไพร์ซะอีกด้วย
".......รีบมาบอกคุณ" เจ้าตัวผู้ที่มาบอกข่าวได้เเต่ยืนอึ้ง เมื่อหันมาอีกทีทั้งเอ็ดเเละเเอลก็ได้หายไปเช่นกันก่อนสบถออกมาเบาๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่