จดหมายถึงคุณ - หลังจากเลิกรา

อ้อ...เลิกกับแฟนแล้วสินะ ในช่วงนี้เธอคงลำบากมาก ถ้าอาจารย์เผลอตำหนิเธอออกไป ขอโทษด้วยนะ อาจารย์ไม่รู้จริงๆ
     เข้มแข็งเข้าไว้ล่ะ ถึงแม้อาจารย์จะรู้ดีว่าเรื่องแบบนี้ไม่มีใครช่วยเธอได้ ในฐานะอาจารย์ก็อยากบอกเธอว่า เข็มแข็งเข้าไว้

     ช่วงนี้ทำอะไรไม่ได้เลยใช่ไหม อย่าว่าแต่การเรียนเลย แค่จะกินข้าวหรือดื่มน้ำ ก็ยังไม่มีกะจิตกะใจอยากทำ ถ้าเดินผ่านไปในที่ที่เคยมีความทรงจำดีๆร่วมกัน ทันใดนั้นความเจ็บปวดก็เหมือนจะกำเริบขึ้นโดยฉับพลัน ท้ายที่สุดก็เลยไปดื่มเหล้า สูบบุหรี่แทน...คนที่มีบล็อคหรือมินิโฮมเพจเป็นของตัวเอง อาจมีข้อความหรือเรื่องราวที่ตอกย้ำช่วงเวลานั้น

     แค่ดูรูปภาพ หรืออ่านข้อความเก่าๆ น้ำตาก็ไหลพรั่งพรูออกมา ยิ่งได้ยินข่าวของเขาหรือเธอ ว่ากำลังเป็นสุขดี...ก็เหมือนจะยิ่งเจ็บปวดมากขึ้น มากขึ้นอีก...
     อย่าเจ็บปวดไปเลย ผมรู้ว่าคำพูดนี้อาจไม่ช่วยอะไรคุณได้มาก จงเก็บประสบการณ์นี้เหมือนรอยสัก ในฐานะอาจารย์ ผมคงไม่สามารถพูดอะไรได้มากกว่านี้ อย่าเจ็บปวดไปเลย

     คำคำนี้อาจไม่ช่วยปลอบโยนคุณเท่าไหร่นัก แต่ทุกสรรพสิ่งบนโลกใบนี้ต่างต้องทนเจ็บปวดยามที่พลัดพรากจากสิ่งที่รัก ไม่ได้มีเพียงคุณเท่านั้นหรอกที่รู้สึกเจ็บปวดเมื่อต้องเลิกรากับคนรัก ถ้าลองออกไปข้างนอกตามท้องถนนจะเห็นคุณลุง คุณป้า คุณตา คุณยาย ที่ร่างกายเสื่อมสภาพไปตามสังขารก่อนที่พวกท่านจะมีอายุมากขนาดนี้ ต่างเคยพลัดพรากจากสิ่งต่างๆ มานับครั้งไม่ถ้วน ดังนั้นตัวคุณเองก็ต้องเรียนรู้จากประสบการณ์ครั้งนี้ เพื่อจะได้เติบโตยิ่งขึ้น

     ฟินิลเอทิลเอมีน (phenylethyl-amine) เป็นฮอร์โมนกระตุ้นชนิดหนึ่ง เมื่อเห็นคนที่ถูกใจ ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนชนิดนี้ออกมา ทำให้หัวใจเต้นเร็วขึ้น เกิดความรู้สึกตื่นเต้นสันนิษฐานกันว่ารักแรกพบเกิดขึ้นจากฮอร์โมนชนิดนี้ ฟีนิลเอทิลเอมีนจะทำให้เกิดภาพลวงตา เหมือนร่างกายถูกกระตุ้นด้วยสารแอมเฟตามีนที่เป็นส่วนประกอบหลักในยาบ้า คนที่ตกหลุมรักเพราะถูกกระตุ้นด้วยฮอร์โมนนี้จึงไม่รู้สึกหิวแม้จะไม่ได้กินอะไรเลย
     เมื่อตกหลุมรัก ฮอร์โมนในร่างกายจะถูกปล่อยออกมา ไม่เพียงแค่ฟีนิลเอทิลเอมีน แต่ยังมีฮอร์โมนตัวอื่นๆอีกมากมาย เช่น เอนดอร์ฟิน อะดรีนาลิน นอร์อะดรีนาลิน โดพามีน ออกซิโตซิน วาโซเพรสซิน คอร์ติซอล เซโรโทนิน ฯลฯ ที่ทำให้เราเปลี่ยนเป็นคนอื่นได้เสมอ
     ถ้าเลิกกับคนรัก ฮอร์โมนต่างๆ จะถูกปรับเปลี่ยนรูปแบบอีกครั้ง เวทมนตร์ของฟีนิลเอทิลเอมีนจะคลายหมดไป เอนดอร์ฟินจะลดลงทันที โดพามีนและอะดรีนาลินจะถูกปล่อยออกมาแทนที่เอนดอร์ฟิน ฮอร์โมนสองตัวนี้จะไปกระตุ้นความกังวล นอกจากนี้คอร์ติซอลที่เพิ่มสูงขึ้นจะทำให้นอนไม่หลับ ความเจ็บปวดทางใจจากการเลิกลาจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ร่างกายเจ็บป่วยจริงๆ เปรียบไปก็คล้ายกับช่วงเลิกยาบ้า

     การที่ผมพูดเรื่องฮอร์โมนต่างๆขึ้นมา เป็นเพราะอยากให้คุณเข้าใจสถานการณ์เหล่านี้ของตัวคุณและผู้อื่น สาเหตุเชิงรูปธรรมที่อธิบายไว้ชัดเจนอาจช่วยปลอบโยนคุณได้มากขึ้น ความเจ็บปวดเพราะความสูญเสียไม่ได้เกิดขึ้นกับคุณเท่านั้น...

     เมื่อเวลาผ่านไป ฮอร์โมนทุกชนิดที่ควบคุมร่างกายจะกลับคืนสู่สภาพปกติ ทำให้ความเจ็บปวดทางร่างกายสิ้นสุดลงด้วย จากนั้นร่างกายและจิตใจจะเข้าสู่กระบวนการเตรียมความพร้อมสำหรับรักครั้งใหม่ จึงมีคำพูดว่า "เวลาคือยา"
     หลายคนอาจสงสัยว่า คนที่เสียใจจะเป็นจะตายเพราะต้องเลิกกับคนรักแต่พอผ่านไปไม่นานก็คบกับคนใหม่แล้ว แบบนี้ไม่แปลกเกินไปหน่อยเหรอ ถ้ามองโลกในแง่ดี ผมคิดว่าเราไม่สามารถห้ามการหลั่งของฮอร์โมนได้ ฮอร์โมนมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วอยู่ตลอดเวลา เมื่อได้พบคนที่ถูกใจอีกครั้ง ความรักดีๆจึงเกิดขึ้นโดยธรรมชาติ

     ถ้างั้นเราลองมาวิเคราะห์ตัวเองเหมือนที่ลองวิเคราะห์เรื่องฮอร์โมนอย่างละเอียดกันดีไหม ลองคิดดูซิว่า ทำไมคนคนนั้นถึงจากเราไป
เพราะเราต่างกันเกินไป
เพราะตอนนั้นมีอุปสรรคขัดขวางมากมาย
เพราะทัศนคติไม่ตรงกัน เลิกกันตอนนั้นดีที่สุดแล้ว
หรือเพราะฉันรักเธอมากเกินไป

     แต่ผมกลับคิดว่า การที่ใครคนหนึ่งจากคุณไป เป็นเพราะ "บางสิ่งบางอย่าง" ที่คุณมีไม่เพียงพอ "บางสิ่งบางอย่าง" เป็นสิ่งที่เขาคาดหวัง แต่คุณไม่สามารถให้ได้เพียงพอ แต่เขาไม่เคยบอกคุณ "บางสิ่งบางอย่าง" นั้นทำให้เขาจากคุณไป

     ถ้าคุณอยากหลุดพ้นจากความเศร้าใจนี้ จงอ่านประโยคต่อไปนี้ให้ดี ที่คุณยังไม่หายเสียใจไม่ใช่เพราะฮอร์โมน แต่ครึ่งหนึ่งเป็นเพราะคุณทำตัวคุณเอง ถ้าผมพูดรุนแรงเกินไปก็ขอโทษด้วย แต่การยอมรับความจริงเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่สุด ซึ่งจะช่วยให้ตัวคุณเองหายป่วยจากแผลใจได้เป็นปลิดทิ้ง

     ในความคิดของผม ความเศร้าใจของคุณเป็นการโกหกตัวเองและโกหกผู้อื่น "ดูสิ ฉันเจ็บปวดมากนะ" เพียงเพราะอยากให้เขาหรือเธอรู้สึกสำนึกผิด เสียใจ และตำหนิตัวเอง ที่ทำไปทั้งหมด เพราะคุณอยากให้อีกฝ่ายรู้สึกเจ็บปวดด้วยเช่นกัน จริงไหมล่ะ

      ตอนนี้ลุกขึ้นได้แล้ว
     คนที่ทำให้คุณล้มลง เขาไม่กลับมาแล้ว และแม้จะมีโอกาสอีกครั้ง ก็อย่ากลับไปหาคนคนนั้นอีกเลย ต่อให้กลับไปคบกันใหม่ เหตุการณ์เดิมๆ ก็อาจเกิดขึ้นซ้ำๆ เพราะ "บางสิ่งบางอย่าง" ที่ผมพูดไปเมื่อครู่นี้


     "บางสิ่งบางอย่าง" อาจเป็นสิ่งที่คุณพยายามเต็มที่แล้วแต่ไม่มี หรือ "บางสิ่งบางอย่าง" นั่นอาจเป็นสิ่งที่ตรงข้ามกับตัวคุณ ดังนั้นอย่าโทษตัวเอง ไม่แน่ว่าถ้าคุณได้พบใครสักคน เขาอาจคิดว่า สิ่งที่คุณเป็นและมีอยู่ในขณะนี้มากพอแล้วสำหรับเขา
     ไม่ใช่ว่าเขาไม่รักคุณแล้วจากไปหรอก แต่เพราะรักตัวเองมากกว่าถึงจากไปต่างหาก เป็นแค่คนเห็นแก่ตัวคนหนึ่ง แต่อย่าเจ็บแค้นหรือพยาบาท ความจริงแล้วทุกคนต่างเห็นแก่ตัว ไม่อยากถูกใครเอาเปรียบถือเสียว่าเราแค่เคยเจอคนคนนั้น เคยบอกรักคนคนนั้น แต่ท้ายที่สุดก็แค่ไม่สามารถเจอกันได้อีกตลอดไป

     เอาละ ตอนนี้จงลืมทุกสิ่งทุกอย่างให้หมด จงยืนหยัดลุกขึ้นอีกครั้ง ชีวิตที่เหลือยังไม่จบลงง่ายๆ การทรมานตัวเองไม่ช่วยอะไรหรอก คิดเสียว่าความเจ็บปวดที่ผ่านมา เธอแค่ไม่สบาย อาทิตย์หน้าในคาบเรียนอาจารย์หวังว่าจะเห็นเธอยิ้มแย้มแจ่มใสเหมือนที่เคยเห็นในพิธีรับน้องนะ



อยากฝ่ากบทความดีดีไว้เพื่อให้ใครหลายๆคนที่ผิดหวังในความรักได้มองความผิดหวังเป็นบทเรียนที่ยิ่งใหญ่ค่ะ

BESTSELLER : เพราะเป็นวัยรุ่นจึงเจ็บปวด
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่