ที่จริงแล้ว ผม(จ้าวนครเมฆขาว) ไม่จำเป็นจะต้องพูดเอาเลยด้วยซ้ำว่า ในความเป็นชาวพุทธเถรวาทนั้น
ธรรมเนียมปฏิบัติ มีอยู่ว่า ให้ถือเอาพระบาลีพุทธพจน์เป็นข้อยุติ ใครค้านสุตตะ เท่ากับค้านพระพุทธเจ้า
ถามว่า สามารถอาศัยคำอธิบายของอรรถกถาจารย์ในการอ้างอิง ได้หรือไม่ ?
ตอบว่า สำหรับ พระพุทธศาสนา นิกายเถรวาท ลัทธิลังกาวงศ์ ยังอนุโลมให้ใช้ได้อยู่ เท่าที่จะไม่ขัดกับพระบาลีพุทธพจน์
ถามว่า สามารถใช้ อัตตโนมัติ ของตนในการอ้างอิงได้หรือไม่ ?
ตอบว่า มันขึ้นอยู่กับว่าเป็นอัตตโนมัติของใคร ?
ถ้าเป็นอัตตโนมัติของ พระฎีกาจารย์ หรือ อนุฎีกาจารย์ หรือ เกจิอาจารย์ ก็พอจะรับฟัง หรือใช้อ้างอิงได้บ้างตามสมควร
เพราะถึงที่สุดแล้ว อัตตโนมัติเหล่านั้น ต้องสามารถพิสูจน์ได้ว่า เข้ากันได้ ลงกันได้ กับพระบาลีพุทธพจน์ จากพระสูตรพระวินัย จึงจะถือเอา
แต่ถ้าเป็น อัตตโนมัติ ของคนที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้า ย่อมไม่สามารถนำมาอ้างอิงได้ และยิ่งไม่สามารถใช้เป็นข้อยุติใดๆ ได้
เว้นไว้เสียก็แต่ว่า อัตตโนมัติดังกล่าวนั้น มีความสอดคล้องกับพระบาลีพุทธพจน์ ในความหมายที่ว่า สามารถระบุได้อย่างชัดเจนแจ่มแจ้งว่า
พระพุทธเจ้าตรัสอย่างนี้ๆ จริง ในพระสูตรนี้ๆ เท่านั้น !
สุดท้ายแล้ว ข้อยุติ ของเรื่องทั้งหมด ย่อมมาจบลงที่การสอบสวนเทียบเคียงกับพระสูตรพนะวินัย ตามหลักมหาปเทส ๔ อยู่นั่นเอง
เพราะนี่คือ ธรรมเนียมปฏิบัติ ในแบบ ชาวพุทธเถรวาท ซึ่งคนนอก(คอก) หรือ พวกอัญญเดียรถีย์ ย่อมไม่สามารถปฏิบัติตามได้(เลยสักครั้ง)
หรือมิใช่ ?
**********************************************************************************
เฉกเช่นเดียวกับ กรณีของ ล็อกอิน cantona_z ผู้ซึ่งมีประวัติในการ กล่าวตู่บิดเบือนพระธรรมวินัย มาอย่างโชกโชน
ในคราวนี้ เขาอยากจะ แสดงอัตตโนมัติ(ลามก)ของตน ซึ่งไม่มีอยู่ในพระธรรมวินัยนี้ว่า อนาคามี ไม่ได้ฌาน ก็สามารถไปเกิดในพรหมโลกได้ !
ครั้งแรกเลยทีเดียว นายคนนี้ ยกพระสูตรขึ้นอ้าง ด้วยความโง่เขลาเบาปัญญาว่า เพียงปฏิบัติ พรหมวิหาร ๔ ก็สามารถไปพรหมโลกได้ โดยไม่มี ฌาน
ทั้งนี้ โดยไม่ทราบเลยด้วยซ้ำไปว่า มันได้ "ปล่อยไก่" ออกมาตัวเบ้อเร่อ เนื่องจาก พรหมวิหาร ที่มันยกขึ้นอ้างนั้น แท้ที่จริง ก็คือ กองสมถะ !
ปรากฏว่า ไอ้หมอนี่ "เงียบกริบ" ไม่มีการแสดงความรับผิดชอบใดๆ ทั้งสิ้น นี่ใช่พฤติกรรมของ บัณฑิต ชาวพุทธเถรวาท จริงละหรือ ?
**********************************************************************************
หน้าแหกครั้งเดียว ไม่มีคำว่า "พอ" อยู่แล้ว สำหรับคนเก้อยาก คนนี้
ต่อมา นายคนนี้ ก็ได้ยก หลักฐาน จากอภิธรรมปิฎก ขึ้นอ้าง แล้วกล่าวตู่ตีความเอาเองว่า อนาคามีสามารถไปพรหมโลกได้ โดยไม่มีฌาน
ทั้งๆ ที่ หลักฐานจาก อภิธรรมปิฎก นั่นแหละ ที่ยืนยัน อย่างชัดเจนว่า ผู้ที่ไปพรหมโลกได้ จักต้องเป็นผู้ได้ฌานเท่านั้น กล่าวคือ
อนาคามี ต้องเป็นผู้ได้ จตุตถฌาน จึงจะสามารถไปเกิดในสุทธาวาส หลังตายกายแตก !
ปัญหาของคนๆ นี้ ก็คือ เขาไม่เข้าใจว่า ธรรมเนียมของชาวพุทธเถรวาท ไม่สามารถนำเอา "อัตตโนมัติ" มาใช้เป็นข้อยุติได้
หมายความว่า คุณจะคิดเห็นอย่างไร ? จะตีความอย่างไร ? นั่นมันเป็นเรื่องของคุณ ...... คุณสามารถทำได้อย่างเต็มที่
เพียงแต่คุณไม่สามารถนำเอา อัตตโนมัติเหล่านั้นมาใช้อ้างอิง หรือ ใช้เป็นข้อยุติได้ เท่านั้นเอง ....... เข้าใจไหมครับ ?
**********************************************************************************
เรื่องยังไม่จบ นะครับ เพราะ "ชาวพุทธนอกคอก" พวกนี้
นอกจากที่จะไม่เคยชินกับ ธรรมเนียมเถรวาท แล้ว เขายังมีคุณสมบัติพิเศษคือ มีความเก้อยาก เป็นอาวุธ อีกด้วย
คราวนี้ ยก อนิจจาสูตร และ นิพานสูตร ขึ้นอ้าง
แล้ว กล่าวตู่ตีความเอาเองเหมือนเคยว่า อนาคามีสามารถไปพรหมโลกได้ โดยไม่มีฌาน !
ประเด็นที่ชาวพุทธเถรวาท พึงพิจารณา ก็คือ ในพระสูตรทั้ง ๒ นี้ พระพุทธเจ้าตรัสในประเด็น ฌาน ไว้หรือไม่ว่า (๑) มี หรือ (๒) ไม่มี
ถ้าหาก พระพุทธเจ้า มิได้ตรัสถึงประเด็นดังกล่าวเอาไว้ ชาวพุทธเถรวาท ย่อมไม่มีสิทธิ์ ที่จะคิดเอาเองว่า มี หรือไม่มี !
แต่สิ่งที่พึงกระทำในฐานะที่เป็นชาวพุทธเถรวาท(ลัทธิลังกาวงศ์) ก็คือ ตรวจสอบดูว่า อรรถกถาจารย์ ได้อธิบายความถึงเรื่องนี้ หรือไม่ ?
ถ้าหาก แม้แต่อรรถกถาจารย์ ก็ไม่ได้กล่าวถึงประเด็นนี้(ฌาน) เอาไว้เลย ชาวพุทธเถรวาท ย่อมไม่สามารถกล่าวสรุปความเอาเองแบบพล่อยๆ ได้
ประเด็นที่ชาวพุทธเถรวาท พึงพิจารณา ในลำดับ ถัดไป ก็คือ มีพระสูตรอื่นๆ เกี่ยวกับ ประเด็นนี้ ที่สามารถนำมาอ้างอิง หรือ เทียบเคียง ได้หรือไม่ ?
ถ้ามีอยู่ ก็สามารถนำมาใช้อ้างอิง และ สรุปความได้ ทั้งหมดนี้ ก็คือ ธรรมเนียมในการสอบสวนเทียบเคียง พระธรรมวินัย แบบชาวพุทธเถรวาท
ชัดเจน นะครับ
ที่จริงแล้ว ในกรณีของ อนิจจาสูตร และ นิพพานสูตร ไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลยในการตรวจสอบ
เพราะแท้ที่จริง ข้อความจาก ฌานสูตร และ สังคีติสูตร สามารถนำมาเทียบเคียงจนได้ข้อสรุปที่ชัดเจนว่า
การกล่าวตู่ตีความของ ล็อกอิน cantona_z จึงเป็นแค่เพียง ความผิดพลาดโง่เขลา ของตัวเขาเอง เท่านั้น
มันไม่สามารถนำมาใช้เป็นข้ออ้างอิง หรือข้อยุติ ใดๆ ได้ เพราะนั่นเป็น อัตตโนมัติ ที่ผิดพลาดคลาดเคลื่อนไปจากพระธรรมวินัย
**********************************************************************************
ยังมีอีกวิธีการหนึ่งในการตรวจสอบว่า ข้อความจาก อนิจจาสูตร และ นิพพานสูตร เกี่ยวข้องกับ ฌาน หรือไม่ ?
ด้วยการ เทียบเคียงพระสูตร ที่ตรัสถึง บุคคล ๗ พวก เหมือนๆ กัน แล้วพิจารณาดูว่า อรรถกถาจารย์ ได้อธิบายถึงประเด็นนี้เอาไว้ว่าอย่างไร ?
จากการตรวจสอบแบบคร่าวๆ พบว่า มีพระสูตร ที่ตรัสถึง บุคคล ๗ พวกเหมือนๆ กันอยู่หลายพระสูตรมาก(เชิญไปตรวจสอบดูเอาเองนะครับ)
ในที่นี้ ขอยก มาเทียบเคียงเพียง ๑ สูตร คือ สีลสูตร ซึ่งตรัสถึง บุคคล ๗ พวกเหมือนๆ กันกับ อนิจจาสูตร และ นิพพานสูตร ทุกประการ
แม้ว่า อรรถกถาของ อนิจจาสูตร และ นิพพานสูตร จะไม่ได้กล่าวอธิบายอะไรเอาไว้เลยก็จริง
แต่อรรถกถาของสีลสูตร กลับระบุถึง อนาคามีผู้ได้ฌานสมาบัติ !
ในฐานะที่เป็นชาวพุทธเถรวาท ท่านทั้งหลาย เห็นว่า เราควรสรุปความเกี่ยวกับประเด็นนี้ โดยการอ้างอิงหลักฐานตามลำดับชั้น
กล่าวคือ (๑) พระไตรปิฎก (๒) อรรถกถา โดยละเว้น "อัตตโนมัติ" ของคนไม่มีหัวนอนปลายเท้าไปเสีย ....... ได้ว่าอย่างไรครับ ?
**********************************************************************************
สรุป
(๑) ในชั้นพุทธพจน์ ในพระสูตรพระวินัย ก็ชัดเจนว่า พระพุทธเจ้าตรัสยืนยันว่า อนาคามี ผู้ได้ ฌาน ๑ - ๔ เมื่อตายกายแตก
ย่อมไปเกิดในพรหมโลก ชั้นสุทธาวาส โดยไม่เคยตรัสไว้ที่ใดว่า ไม่ต้องมีฌาน ก็สามารถไปพรหมโลกได้ !
เท่าที่เห็นจากการนำเสนอของ ล็อกอิน cantona_z ก็เป็นเพียงแค่ การกล่าวตู่ตีความไปเอง ของมันทั้งนั้น ซึ่งอัตตโนมัติดังกล่าว
ล็อกอิน cantona_z อาจสามารถนำไปใช้ได้ในหมู่อัญญเดียรถีย์ด้วยกันเท่านั้น
แต่ไม่สามารถนำมาใช้เป็นข้อยุติใดๆ ได้ ในหมู่ชาวพุทธเถรวาท นะครับ
(๒) ข้อความจาก อภิธรรมปิฎกนั้นเล่า ก็ชัดเจนว่า อนาคามี ผู้ได้ จตุตถฌาน เท่านั้น จึงจะสามารถไป สุทธาวาสได้
(๓) ในชั้น อรรถกถา ยิ่งแล้วใหญ่ ไม่เคยปรากฏว่า อรรถกถาจารย์ เคยกล่าวเอาไว้ที่ใดว่า ผู้ไม่ได้ฌาน สามารถไปพรหมโลกได้
(๔) ดังนั้น คนที่กล่าวว่า ผู้ไม่ได้ฌาน สามารถไปพรหมโลกได้ จึงมีแต่ ล็อกอิน cantona_z เพียงผู้เดียว
และเป็นที่น่าเสียดายเป็นอย่างยิ่งว่า ล็อกอิน cantona_z มิได้เป็น พระพุทธเจ้า เสียด้วย (ว๊าาาาาา แย่จัง !)
ดังนั้น จึงไม่มีชาวพุทธเถรวาทคนใด จักต้องเชื่อตาม อัตตโนมัติ(ลามก) ของชาวพุทธนอกคอกอย่าง แก
ล็อกอิน cantona_z กล่าวตู่พระพุทธเจ้า บิดเบือนพระธรรมวินัย
เพื่อสนับสนุน ทิฐิ ความเห็นผิดของตนและพวก มามากเกินพอ แล้วนะครับ
ไม่มีความละอายแก่ใจ บ้างละหรือ ?
จบได้หรือยังครับ ?
ชาวพุทธนอกคอก กับการบิดเบือนพระธรรมวินัยด้วย อัตตโนมัติ(ของตน)
ธรรมเนียมปฏิบัติ มีอยู่ว่า ให้ถือเอาพระบาลีพุทธพจน์เป็นข้อยุติ ใครค้านสุตตะ เท่ากับค้านพระพุทธเจ้า
ถามว่า สามารถอาศัยคำอธิบายของอรรถกถาจารย์ในการอ้างอิง ได้หรือไม่ ?
ตอบว่า สำหรับ พระพุทธศาสนา นิกายเถรวาท ลัทธิลังกาวงศ์ ยังอนุโลมให้ใช้ได้อยู่ เท่าที่จะไม่ขัดกับพระบาลีพุทธพจน์
ถามว่า สามารถใช้ อัตตโนมัติ ของตนในการอ้างอิงได้หรือไม่ ?
ตอบว่า มันขึ้นอยู่กับว่าเป็นอัตตโนมัติของใคร ?
ถ้าเป็นอัตตโนมัติของ พระฎีกาจารย์ หรือ อนุฎีกาจารย์ หรือ เกจิอาจารย์ ก็พอจะรับฟัง หรือใช้อ้างอิงได้บ้างตามสมควร
เพราะถึงที่สุดแล้ว อัตตโนมัติเหล่านั้น ต้องสามารถพิสูจน์ได้ว่า เข้ากันได้ ลงกันได้ กับพระบาลีพุทธพจน์ จากพระสูตรพระวินัย จึงจะถือเอา
แต่ถ้าเป็น อัตตโนมัติ ของคนที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้า ย่อมไม่สามารถนำมาอ้างอิงได้ และยิ่งไม่สามารถใช้เป็นข้อยุติใดๆ ได้
เว้นไว้เสียก็แต่ว่า อัตตโนมัติดังกล่าวนั้น มีความสอดคล้องกับพระบาลีพุทธพจน์ ในความหมายที่ว่า สามารถระบุได้อย่างชัดเจนแจ่มแจ้งว่า
พระพุทธเจ้าตรัสอย่างนี้ๆ จริง ในพระสูตรนี้ๆ เท่านั้น !
สุดท้ายแล้ว ข้อยุติ ของเรื่องทั้งหมด ย่อมมาจบลงที่การสอบสวนเทียบเคียงกับพระสูตรพนะวินัย ตามหลักมหาปเทส ๔ อยู่นั่นเอง
เพราะนี่คือ ธรรมเนียมปฏิบัติ ในแบบ ชาวพุทธเถรวาท ซึ่งคนนอก(คอก) หรือ พวกอัญญเดียรถีย์ ย่อมไม่สามารถปฏิบัติตามได้(เลยสักครั้ง)
หรือมิใช่ ?
**********************************************************************************
เฉกเช่นเดียวกับ กรณีของ ล็อกอิน cantona_z ผู้ซึ่งมีประวัติในการ กล่าวตู่บิดเบือนพระธรรมวินัย มาอย่างโชกโชน
ในคราวนี้ เขาอยากจะ แสดงอัตตโนมัติ(ลามก)ของตน ซึ่งไม่มีอยู่ในพระธรรมวินัยนี้ว่า อนาคามี ไม่ได้ฌาน ก็สามารถไปเกิดในพรหมโลกได้ !
ครั้งแรกเลยทีเดียว นายคนนี้ ยกพระสูตรขึ้นอ้าง ด้วยความโง่เขลาเบาปัญญาว่า เพียงปฏิบัติ พรหมวิหาร ๔ ก็สามารถไปพรหมโลกได้ โดยไม่มี ฌาน
ทั้งนี้ โดยไม่ทราบเลยด้วยซ้ำไปว่า มันได้ "ปล่อยไก่" ออกมาตัวเบ้อเร่อ เนื่องจาก พรหมวิหาร ที่มันยกขึ้นอ้างนั้น แท้ที่จริง ก็คือ กองสมถะ !
ปรากฏว่า ไอ้หมอนี่ "เงียบกริบ" ไม่มีการแสดงความรับผิดชอบใดๆ ทั้งสิ้น นี่ใช่พฤติกรรมของ บัณฑิต ชาวพุทธเถรวาท จริงละหรือ ?
**********************************************************************************
หน้าแหกครั้งเดียว ไม่มีคำว่า "พอ" อยู่แล้ว สำหรับคนเก้อยาก คนนี้
ต่อมา นายคนนี้ ก็ได้ยก หลักฐาน จากอภิธรรมปิฎก ขึ้นอ้าง แล้วกล่าวตู่ตีความเอาเองว่า อนาคามีสามารถไปพรหมโลกได้ โดยไม่มีฌาน
ทั้งๆ ที่ หลักฐานจาก อภิธรรมปิฎก นั่นแหละ ที่ยืนยัน อย่างชัดเจนว่า ผู้ที่ไปพรหมโลกได้ จักต้องเป็นผู้ได้ฌานเท่านั้น กล่าวคือ
อนาคามี ต้องเป็นผู้ได้ จตุตถฌาน จึงจะสามารถไปเกิดในสุทธาวาส หลังตายกายแตก !
ปัญหาของคนๆ นี้ ก็คือ เขาไม่เข้าใจว่า ธรรมเนียมของชาวพุทธเถรวาท ไม่สามารถนำเอา "อัตตโนมัติ" มาใช้เป็นข้อยุติได้
หมายความว่า คุณจะคิดเห็นอย่างไร ? จะตีความอย่างไร ? นั่นมันเป็นเรื่องของคุณ ...... คุณสามารถทำได้อย่างเต็มที่
เพียงแต่คุณไม่สามารถนำเอา อัตตโนมัติเหล่านั้นมาใช้อ้างอิง หรือ ใช้เป็นข้อยุติได้ เท่านั้นเอง ....... เข้าใจไหมครับ ?
**********************************************************************************
เรื่องยังไม่จบ นะครับ เพราะ "ชาวพุทธนอกคอก" พวกนี้
นอกจากที่จะไม่เคยชินกับ ธรรมเนียมเถรวาท แล้ว เขายังมีคุณสมบัติพิเศษคือ มีความเก้อยาก เป็นอาวุธ อีกด้วย
คราวนี้ ยก อนิจจาสูตร และ นิพานสูตร ขึ้นอ้าง
แล้ว กล่าวตู่ตีความเอาเองเหมือนเคยว่า อนาคามีสามารถไปพรหมโลกได้ โดยไม่มีฌาน !
ประเด็นที่ชาวพุทธเถรวาท พึงพิจารณา ก็คือ ในพระสูตรทั้ง ๒ นี้ พระพุทธเจ้าตรัสในประเด็น ฌาน ไว้หรือไม่ว่า (๑) มี หรือ (๒) ไม่มี
ถ้าหาก พระพุทธเจ้า มิได้ตรัสถึงประเด็นดังกล่าวเอาไว้ ชาวพุทธเถรวาท ย่อมไม่มีสิทธิ์ ที่จะคิดเอาเองว่า มี หรือไม่มี !
แต่สิ่งที่พึงกระทำในฐานะที่เป็นชาวพุทธเถรวาท(ลัทธิลังกาวงศ์) ก็คือ ตรวจสอบดูว่า อรรถกถาจารย์ ได้อธิบายความถึงเรื่องนี้ หรือไม่ ?
ถ้าหาก แม้แต่อรรถกถาจารย์ ก็ไม่ได้กล่าวถึงประเด็นนี้(ฌาน) เอาไว้เลย ชาวพุทธเถรวาท ย่อมไม่สามารถกล่าวสรุปความเอาเองแบบพล่อยๆ ได้
ประเด็นที่ชาวพุทธเถรวาท พึงพิจารณา ในลำดับ ถัดไป ก็คือ มีพระสูตรอื่นๆ เกี่ยวกับ ประเด็นนี้ ที่สามารถนำมาอ้างอิง หรือ เทียบเคียง ได้หรือไม่ ?
ถ้ามีอยู่ ก็สามารถนำมาใช้อ้างอิง และ สรุปความได้ ทั้งหมดนี้ ก็คือ ธรรมเนียมในการสอบสวนเทียบเคียง พระธรรมวินัย แบบชาวพุทธเถรวาท
ชัดเจน นะครับ
ที่จริงแล้ว ในกรณีของ อนิจจาสูตร และ นิพพานสูตร ไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลยในการตรวจสอบ
เพราะแท้ที่จริง ข้อความจาก ฌานสูตร และ สังคีติสูตร สามารถนำมาเทียบเคียงจนได้ข้อสรุปที่ชัดเจนว่า
การกล่าวตู่ตีความของ ล็อกอิน cantona_z จึงเป็นแค่เพียง ความผิดพลาดโง่เขลา ของตัวเขาเอง เท่านั้น
มันไม่สามารถนำมาใช้เป็นข้ออ้างอิง หรือข้อยุติ ใดๆ ได้ เพราะนั่นเป็น อัตตโนมัติ ที่ผิดพลาดคลาดเคลื่อนไปจากพระธรรมวินัย
**********************************************************************************
ยังมีอีกวิธีการหนึ่งในการตรวจสอบว่า ข้อความจาก อนิจจาสูตร และ นิพพานสูตร เกี่ยวข้องกับ ฌาน หรือไม่ ?
ด้วยการ เทียบเคียงพระสูตร ที่ตรัสถึง บุคคล ๗ พวก เหมือนๆ กัน แล้วพิจารณาดูว่า อรรถกถาจารย์ ได้อธิบายถึงประเด็นนี้เอาไว้ว่าอย่างไร ?
จากการตรวจสอบแบบคร่าวๆ พบว่า มีพระสูตร ที่ตรัสถึง บุคคล ๗ พวกเหมือนๆ กันอยู่หลายพระสูตรมาก(เชิญไปตรวจสอบดูเอาเองนะครับ)
ในที่นี้ ขอยก มาเทียบเคียงเพียง ๑ สูตร คือ สีลสูตร ซึ่งตรัสถึง บุคคล ๗ พวกเหมือนๆ กันกับ อนิจจาสูตร และ นิพพานสูตร ทุกประการ
แม้ว่า อรรถกถาของ อนิจจาสูตร และ นิพพานสูตร จะไม่ได้กล่าวอธิบายอะไรเอาไว้เลยก็จริง
แต่อรรถกถาของสีลสูตร กลับระบุถึง อนาคามีผู้ได้ฌานสมาบัติ !
ในฐานะที่เป็นชาวพุทธเถรวาท ท่านทั้งหลาย เห็นว่า เราควรสรุปความเกี่ยวกับประเด็นนี้ โดยการอ้างอิงหลักฐานตามลำดับชั้น
กล่าวคือ (๑) พระไตรปิฎก (๒) อรรถกถา โดยละเว้น "อัตตโนมัติ" ของคนไม่มีหัวนอนปลายเท้าไปเสีย ....... ได้ว่าอย่างไรครับ ?
**********************************************************************************
สรุป
(๑) ในชั้นพุทธพจน์ ในพระสูตรพระวินัย ก็ชัดเจนว่า พระพุทธเจ้าตรัสยืนยันว่า อนาคามี ผู้ได้ ฌาน ๑ - ๔ เมื่อตายกายแตก
ย่อมไปเกิดในพรหมโลก ชั้นสุทธาวาส โดยไม่เคยตรัสไว้ที่ใดว่า ไม่ต้องมีฌาน ก็สามารถไปพรหมโลกได้ !
เท่าที่เห็นจากการนำเสนอของ ล็อกอิน cantona_z ก็เป็นเพียงแค่ การกล่าวตู่ตีความไปเอง ของมันทั้งนั้น ซึ่งอัตตโนมัติดังกล่าว
ล็อกอิน cantona_z อาจสามารถนำไปใช้ได้ในหมู่อัญญเดียรถีย์ด้วยกันเท่านั้น
แต่ไม่สามารถนำมาใช้เป็นข้อยุติใดๆ ได้ ในหมู่ชาวพุทธเถรวาท นะครับ
(๒) ข้อความจาก อภิธรรมปิฎกนั้นเล่า ก็ชัดเจนว่า อนาคามี ผู้ได้ จตุตถฌาน เท่านั้น จึงจะสามารถไป สุทธาวาสได้
(๓) ในชั้น อรรถกถา ยิ่งแล้วใหญ่ ไม่เคยปรากฏว่า อรรถกถาจารย์ เคยกล่าวเอาไว้ที่ใดว่า ผู้ไม่ได้ฌาน สามารถไปพรหมโลกได้
(๔) ดังนั้น คนที่กล่าวว่า ผู้ไม่ได้ฌาน สามารถไปพรหมโลกได้ จึงมีแต่ ล็อกอิน cantona_z เพียงผู้เดียว
และเป็นที่น่าเสียดายเป็นอย่างยิ่งว่า ล็อกอิน cantona_z มิได้เป็น พระพุทธเจ้า เสียด้วย (ว๊าาาาาา แย่จัง !)
ดังนั้น จึงไม่มีชาวพุทธเถรวาทคนใด จักต้องเชื่อตาม อัตตโนมัติ(ลามก) ของชาวพุทธนอกคอกอย่าง แก
ล็อกอิน cantona_z กล่าวตู่พระพุทธเจ้า บิดเบือนพระธรรมวินัย
เพื่อสนับสนุน ทิฐิ ความเห็นผิดของตนและพวก มามากเกินพอ แล้วนะครับ
ไม่มีความละอายแก่ใจ บ้างละหรือ ?
จบได้หรือยังครับ ?