☻ รักต้องเลือก ☻(ต่อ)

กระทู้สนทนา
ความเดิมตอนที่แล้ว
http://ppantip.com/topic/32501314

ช้อนส้อมร่วงหลุดมือ  มีดหั่นออกฤทธิ์ร้ายกว่านั้น พอหล่นลงจานสเต็ก  ปลายมีดก็พาลตวัดน้ำซ็อสดีดขึ้นมาจนเลอะเสื้อยืดสีม่วง เสียงหวีดร้องราวกับเห็นผีเข้ามีดหั่นของติ๊นา  นั่นคือต้นเหตุแห่งความตกใจของดนัย

"ไม่เป็นไร ไม่มีอะไรค่ะ  ไม่มีอะไร" ติ๊นาลุกจากม้านั่ง สาละวนเก็บสิ่งของ เก็บไม่เว้นแม้แต่กระดาษทิชชู่ซึ่งหล่นลงกับพื้น  ตอนนี้ อยู่ ๆ นิ้วมือทั้งสิบก็คล้ายกับไม่เคยตัดเล็บมาเป็นปี  หยิบจับอะไรดูมันเก้งก้าง สะเปะสะปะไปหมดทุกอย่าง หยิบโน่นร่วง หยิบนี่หล่นแทบจะทุกสิ่ง โอยย..

ดนัยลุกยืนอยู่อีกฟากโต๊ะ  "เดี๋ยวผมจะพาไปห้องน้ำนะ  เลอะไปหมดแล้ว  ดูสิ"

"ไม่เป็นไรหรอก ติ๊นาจัดการได้" เหลือบมองตาดนัยแล้ว  ติ๊นาได้แต่เอ่ยคำขอโทษขอโพย "โทษทีนะตะเอง  ติ๊นาซุ่มซ่ามไปน่ะ"

"ไม่เห็นต้องขอโทษอะไร  ก็แค่อุบัติเหตุแค่นั้นเอง"

ใช่! อุบัติเหตุ  แต่มันไม่แค่นั้นแล้วล่ะ ตะเอง ..

ติ๊นาเก็บความเรียบร้อยเสร็จสรรพก็เอ่ยปากขอตัว  ไม่ลืมที่จะคว้าเสื้อสูทติดมือมาด้วยขณะคล้องกระเป๋าสะพายกับไหล่  พอตั้งท่าได้ ก็ก้าวเดินมุ่งสู่ห้องน้ำทันที  เสียงเรียกของดนัยฟังไม่ได้ศัพท์ ดังตามหลังมาอย่างเป็นห่วง  ขอโทษนะตะเอง..  ตอนนี้ติ๊นาหูอื้อ ซ้ำยังตาลายแทบจะมองไม่เห็นทางด้วยซ้ำ  คงไม่ได้ยินเสียงตะเองแล้วล่ะ

โชคดีที่หน้าห้องน้ำมีแผงกั้นระหว่างสุภาพสตรีกับสุภาพบุรุษมิดชิด  คงไม่มีรายการจ๊ะเอ๋กับใครเข้าอีกนะ  ติ๊นาตรงเข้าหาแผงอ่างล้างมือยาวเหยียดหน้าห้องน้ำสะอาด ทั้งล้างมือ ทั้งกวักน้ำใส่รอยเลอะ  ตามด้วยกระดาษซับ ๆ ๆ ๆ   ขยี้ ๆ ๆ ๆ จุดเปรอะเปื้อน  เสื้อเริ่มเปียกน้ำจนชุ่มเย็น แต่ในใจกลับร้อนรุ่ม  หันซ้ายหันขวาไปมาอยู่กับที่  ตัดสินใจเข้าห้องน้ำว่างห้องหนึ่ง  นั่งลงกับชักโครกขาวสะอาด กลิ่นหอม สมองมึนงงอยู่กับสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น และคิดว่ากำลังจะเกิดอาฟเตอร์ช็อกตามมาอีกแน่ ๆ

โอย...ย... เอาไงดี

บอกกับตัวเองในใจได้เลยว่า  ติ๊นายังไม่พร้อมกับการเผชิญหน้ากันแบบนี้  ชายหนุ่มสองพี่น้องยังไม่มีเหตุสมควรที่จะต้องเจอกันโดยมีติ๊นาอยู่ตรงกลางเช่นนี้  ถ้าไม่มีติ๊นาอยู่ด้วยก็ว่าไปอย่าง  แต่วันนี้ เวลานี้  มันกำลังจะเป็นการเจอกันแบบสามคนอลเวงเสียแล้ว

คนที่น่าจะอยู่ในสถานการณ์เป็นปกติต่อไปได้  เพราะด้วยความไม่รู้อีโหน่อีเหน่ใด ๆ มีเพียงดนัยเท่านั้น  คุณดุลยรัฐนี่สิ  ติ๊นานึกภาพไม่ออกว่าชายหนุ่มผู้เป็นพี่ชายจะรักษาสถานการณ์ให้ดำเนินต่อไปด้วยวิธีไหน  น่าเป็นห่วงก็แต่คุณดุลยรัฐนี่ล่ะ  แต่เอ๊ะ  ไม่ใช่สิ  ติ๊นาต่างหากที่น่าเป็นห่วงกว่าใคร ๆ มิใช่หรือ

หรือว่าติ๊นาคิดมากไปเอง  คิดไปถึงขั้นที่ว่าคุณดุลยรัฐเป็นคนรักของติ๊นาอีกคน  แน่ใจแล้วหรือว่า?  คุณดุลยรัฐก็คิดแบบเดียวกันกับตัวเอง

ไม่รู้สิ

แต่วันนั้น  วันที่ไปทานข้าวกลางวันกับเขามา  ติ๊นายังจำคำพูดก่อนจากกันได้ดีว่า . . .

. . . แม้เราจะเจอหน้ากันไม่กี่ครั้ง และเพิ่งจะเป็นครั้งแรกที่ได้ทานข้าวด้วยกัน  แต่ผมรู้สึกเหมือนเรารู้จักกันมานานแล้วนะครับคุณติ๊นา  นับต่อแต่นี้ไป หากคุณติ๊นาคิดว่าผมไม่ใช่คนน่ารำคาญ  ผมขออนุญาตได้ไหมครับ  ขออนุญาตมารับคุณติ๊นาไปทานข้าวกันอีกตามแต่คุณติ๊นาจะสะดวก หากวันไหนไม่สะดวกก็บอกผมได้นะครับ  ผมจะได้ไม่รบกวนคุณติ๊นา . . .

. . . อยากบอกคุณติ๊นาว่า ผมมีความสุขจังเลยครับวันนี้   ขอบคุณสำหรับการให้เกียรติกับมื้อกลางวันวันนี้ครับ . . .

นั่นเป็นการสื่อความนัยระดับไหนกันหนอ..  ถึงจะไม่ทราบตื้นลึกหนาบางในใจเขา ติ๊นาก็พอจะซึมซับบางอย่างได้ระดับหนึ่งเหมือนกันนะ  ซึมซับกับอาการและสายตาของเขาในวันนั้นได้ดีว่า  ติ๊นาก็เป็นผู้หญิงคนพิเศษคนหนึ่งสำหรับเขาเหมือนกัน  และติ๊นาก็ไม่สนใจด้วยว่า เขาจะมีผู้หญิงแบบนี้อีกกี่คน หรือไม่มีเลย

ถ้าอย่างนั้น

วันนี้ก็ยังไม่สมควรที่จะต้องเจอกันแบบสามคนอลเวงน่ะสิ

"ติ๊นา ! ติ๊นาเสร็จธุระหรือยังจ๊ะ" เสียงรียกของดนัยดังแว่วอยู่ข้างนอก

ติ๊นารวบรวมสติ ลุกขึ้นสวมเสื้อสูทปิดทับเสื้อยืดฉ่ำน้ำ เก็บปกเสื้อยืดสีม่วงไม่ให้เห็น กลัดกระดุมเสื้อสูทจนครบทุกเม็ดก่อนย่องออกจากห้องน้ำ  คิดภาวนาในใจอยู่คนเดียวว่า  หากดนัยหรือแม้แต่ใครก็ตามมองผ่านมา  ขอให้พวกเขามองผ่านไปด้วยเถิด เสื้อสูทคงพอเบี่ยงเบนให้มองข้ามได้นี่นา

โชคดีจริง ๆ กับแผงกั้นส่วนที่เป็นอ่างล้างมือ ส่วนนี้เองที่เป็นกำแพงบังตาให้เป็นอย่างดี  ติ๊นาค่อย ๆ เดินตัวลีบหลบไปตามซอกมืดจนทะลุออกไปสู่ลานจอดรถกว้าง  มองเห็นเด็กรับรถคนหนึ่งอยู่ไม่ไกล

พอเดินเข้าไปถึงเด็กรับรถ  ติ๊นาแจ้งให้เขาทราบว่า พอดีออกมาสูดอากาศข้างนอกเพื่อรอแฟนไปด้วย เดี๋ยวแฟนก็คงจะตามมา  ช่วยอยู่เป็นเพื่อนคุยกับพี่สักพักด้วยนะ คุยอะไรก็ได้ แล้วคอยมองเข้าไปในร้านให้หน่อยว่ามีใครมาตามหรือเปล่า เด็กหนุ่มคนนั้นรับทราบด้วยความเข้าใจเป็นอันดี  ติ๊นายืนหันหลังให้กับร้านอาหารเป็นการจงใจ  อย่างน้อยใครก็ตามที่มองมาแล้ว  จะเห็นได้ก็แต่ด้านหลังของติ๊นาเท่านั้นเอง ลูกค้าร้านอาหารก็ค่อนข้างเดินกันขวักไขว่ ระหว่างลานจอดรถและทางเดินสู่ห้องน้ำ โชคดีจัง

หัวใจซึ่งเต้นไม่เป็นจังหวะ  สมาธิที่สับสนไม่เป็นขบวน ทำให้ติ๊นาคิดอะไรไม่ออก  ขณะนี้คล้ายกับเหลือเพียงแค่ความรู้สึกเท่านั้น ที่พาให้ติ๊นาทำอย่างโน้นอย่างนี้  นี่กระมังที่เขาเรียกว่า สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว

ติ๊นาชวนเด็กหนุ่มคนนั้นคุยด้วยอยู่ไม่นาน  เสียงเรียกของดนัยจากทางเบื้องหลังก็ดังแว่วมา

เด็กหนุ่มรับรถรีบแจ้งกับติ๊นา "พี่ชื่อติ๊นาหรือเปล่าครับ?  แฟนพี่กำลังเรียกอยู่โน่นแล้วครับ"

"เขาออกมาคนเดียวหรือเปล่าจ๊ะ?"

"มองเห็นคนเดียวครับ"

ติ๊นาขอบใจเขา  ก่อนจะก้าวเท้ามุ่งสู่รถของดนัยที่มองเห็นอยู่ไม่ไกล  ไม่ได้ยินเสียงเรียกจากดนัยตามมาอีกแต่อย่างใด  พอก้าวเดินมาจนถึงรถของเขา ติ๊นาอ้อมไปทางฝั่งประตูด้านคนขับและเงยหน้ามองไปทางดนัย  แม้เขาจะอยู่ในจุดมุมมืดแต่เห็นได้ชัดว่า เขากำลังเดินมุ่งหน้ามาหา

"ติ๊นา.. ใช่ติ๊นารึเปล่าครับ?"

"ใช่จ้ะ ตะเอง"

ดนัยก้าวเท้ายาวจนเกือบจะกลายเป็นวิ่ง  และในที่สุดก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าติ๊นา

"ติ๊นาสวมเสื้อทับทำไม  มันยิ่งทำให้หายใจไม่สะดวก แล้วทำไมถึงมาที่รถนี่"

"ติ๊นาลืมไป เผลอคิดว่าติ๊นาเอารถมา เลยกะว่าจะมาค้นหายาดมหน่อยน่ะ" แปลกใจกับคำพูดของตัวเองเหมือนกัน  คล้ายกับมันลื่นไหลออกมาเองโดยไม่ต้องเสียเวลาลำดับความคิด

"ตอนนั้นคิดว่ามองเห็นติ๊นาที่หน้าห้องน้ำแล้วนะ  แต่ก็ไม่ถนัดและไม่แน่ใจ แล้วติ๊นาก็สวมเสื้อสูทนี้ทับด้วย เลยทำให้มองผ่านไปเฉยเลย ขอโทษนะที่ปล่อยให้ติ๊นาต้องเดินมาถึงนี่คนเดียว"

นั่นล่ะ!!  ที่ติ๊นาอยากให้เป็นไปตามนั้น คุณเจ้าชาย

"ต้องขอโทษทำไม  ก็แค่อุบัติเหตุเอง" ติ๊นาเริ่มยิ้มออกแล้ว

"เอ๊ะ คล้าย ๆ คำพูดของผมตอนอยู่ที่โต๊ะอาหารนะ"

เราหัวเราะพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย "สงสัยวันนี้ฤกษ์ไม่ค่อยดีแล้วล่ะ  ติ๊นาว่าไหม?" ดนัยมองสบตามา

"ใช่"

"งั้นเราเปลี่ยนร้านกันดีไหม?"

"ก็ดีนะ  แล้วตะเองทานอะไรรึยัง?"

"โถ.. ใครจะกลืนอะไรลง รอติ๊นากลับจากห้องน้ำอยู่ตั้งนานจนต้องไปตาม พอตามแล้วก็ค้นหาอีก ค้นหาจนมาเจออยู่นี่ไง"

"ติ๊นาขอโทษนะ  ตะเอง"

"ไม่ต้องขอโทษหรอก . . . . ."

". . . มั น ก็ แ ค่ อุ บั ติ เ ห ตุ เ อ ง . . ."

คราวนี้เราตั้งใจพูดพร้อมกัน ก่อนที่จะตามด้วยเสียงหัวเราะด้วยความชื่นใจสำหรับติ๊นา  อ้อ  สำหรับดนัยด้วย

"โอ๊ะ !!" ดนัยเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ "ตอนนี้ผมให้พี่ชายเฝ้าโต๊ะอยู่ เพราะเกรงว่าทางร้านจะหาว่าเราเบี้ยวค่าอาหาร  เดี๋ยวผมจะติดเครื่องรถให้ติ๊นาก่อนนะ  วันนี้คงไม่ได้แนะนำตัวให้รู้จักกันแล้วล่ะ"

พูดจบ  ดนัยก็กดรีโหมดเปิดประตูรถให้ เขาเดินอ้อมมาทางฝั่งคนขับ มุดเข้าไปนั่งสตาร์ทเครื่องยนต์พร้อมกับเปิดแอร์  ติ๊นาเดินไปอีกฝั่ง ค้อมหัวเข้าไปนั่งลงที่เบาะด้านข้างคนขับ เสียงถอนหายใจค่อนข้างหนักและยาวของติ๊นาทำให้ดนัยหันมามอง

"เสียฤกษ์ไปนิด  แต่ร้านใหม่คงฤกษ์ใหม่ สดใสแน่ โอเคร. รอแป๊บ เดี๋ยวผมมา"

"ฝากขอโทษพี่ชายตะเองด้วยนะ"

"ไม่ต้องห่วงหรอกจ้ะ" ดนัยยิ้มแย้ม "วันนี้ยังไม่พร้อมที่จะรู้จักกันซะหน่อย" เขาเปิดประตูก้าวลงจากรถ และค่อย ๆ ลับหลังห่างออกไป

เฮ้อ . . .

คำพูดของดนัย  แม้จะเป็นคำพูดเสมือนหนึ่งว่าเหตุการณ์ยังเป็นปกติดี  แต่ติ๊นาก็อดคิดไม่ได้ว่า เป็นเพราะติ๊นาเองหรือเปล่าหนอ ที่ทำให้การพบปะกันไม่ลงตัว อย่างที่ชายหนุ่มสองพี่น้องคาดหวังไว้

ดีแล้วล่ะ    ก็ติ๊นาอยากให้เป็นอย่างนั้นอยู่แล้วนี่นา

.............

.............
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่