.............
เราดินเน่อร์กันเงียบ ๆ ภายใต้บรรยากาศแสนสุข
หลายต่อหลายครั้งที่ดนัยคุยไปด้วย หัวเราะไปด้วย ตักอาหารให้ติ๊นาไปด้วย ติ๊นามีความสุขจัง แอบนั่งมองการกระทำของเขาด้วยความชื่นชมเงียบ ๆ มารยานางเอกของติ๊นาคืนนี้น่าจะใช้ได้ เพราะแค่ทำเป็นเหมือนหมดเรี่ยวหมดแรงกับการตักอาหาร แค่นั้นแหละ กับข้าวก็จะเหินข้ามฟากโต๊ะมาสู่จานข้าวของติ๊นาเอง และพอทำเป็นยกแก้วน้ำมือสั่น ดนัยก็ลุกเอื้อมมือมา แต่แค่นั้นก็พอแล้วแหละ ติ๊นาไม่อยากเห็นโต๊ะอื่นเขาหมั่นไส้ให้ เลยต้องยกแก้วน้ำขึ้นจิบเองก่อนดนัยจะกุลีกุจอมาประคองแก้วให้
ถึงเขาจะเป็นคนที่ต้องคอยกระตุ้นเตือนในหลายเรื่อง เพราะหากไม่กระตุ้นก็จะลืมเอาเสียง่าย ๆ แต่สำหรับในบางเรื่อง ดนัยก็เป็นตัวของตัวเองได้อย่างน่ารักน่าชัง ....น่าหึงน่าหวงด้วยนะ
ช่วงเวลาที่ไม่อยากให้มันหมุนผ่านไปเร็วนัก กลับกลายเป็นว่ามันยิ่งวิ่งผ่านหน้าเรา หายไปแบบไม่รู้ตัว
คืนนี้ก็เช่นกัน ติ๊นากับดนัยออกจากร้านอาหารเกือบสามทุ่ม ดินเน่อร์คืนนี้หมดเวลาแล้ว ติ๊นาไม่อยากกลับเลยด้วยซ้ำ อยากฟังดนัยพูดอะไรต่อมิอะไรอีกซักครึ่งชั่วโมง อยากมองดูเรือขนเกลือลอยเอื่อยผ่านหน้าแต็ก ๆ ๆ ไปด้วยกัน อยากชี้โน่นชมนี่ด้วยกัน ติ๊นาอุตส่าห์ยื้อเวลามาจนถึงสามทุ่ม สั่งทับทิมกรอบมาค่อย ๆ เคี้ยวยี่สิบนาทีก็แล้ว สั่งไอศกรีมสตรอบอรี่สองก้อนมาค่อย ๆ ตักอมให้ละลายในปากก็แล้ว แต่เวลาเช็กบิลล์ก็เดินทางมาถึงอยู่ดี
ก่อนจากกันที่ลานจอดรถ ซึ่งมากันคนละคันเพราะติ๊นาต้องเลยไปรับน้องสาวกลับบ้าน ติ๊นาเปิดประตูรถและนั่งลงประจำที่นั่งคนขับ ดนัยยืนคร่อมกรอบประตูซึ่งเปิดค้างเอาไว้ ใช้เวลาอ้อยอิ่งทำตาหวานกลอกไปกลอกมา ติ๊นามองหน้าคมคายนั้น
"หาคำพูดเซย์กู้ดไนท์อยู่เหรอค๊า..."
"รู้ทันอีกแล้ว"
"งั้นก็ต้องเตือนกันอีกเรื่อง
ต่อไปอย่าลืมนะ ตะเอง" พูดจบ ติ๊นาก็ไม่จำเป็นต้องวางมาดนางเอกอีกแล้ว รีบยื่นมือขวาเป็นจวักออกไปให้เขาเห็น ตอนแรกเขาออกอาการงง พอติ๊นารุกคืบดึงมือเขาเข้ามาเท่านั้นแหละ เจ้าชายผู้เงอะงะก็ถึงบางอ้อ เขารีบยกหลังมือของติ๊นาขึ้นแตะจมูกตัวเองเบา ๆ
"แค่นั้นเอง ไม่เห็นยากเลย"
"ค๊าบ.. ต่อไปก็หอมหน้าผากได้แล้วสิ" สิงห์โตหนุ่มเริ่มใช้กรงเล็บข่วนมาเบา ๆ
"ตะเองจะกล้าเหร๊ออ.... " ติ๊นาแสร้งขึ้นเสียงสูงในคำท้าย "ถ้าติ๊นาไม่ยื่นหน้าไปให้"
แล้วเราก็หัวเราะด้วยกัน
.............
.............
ติ๊นาแวะรับน้องสาวที่ถนนราชดำเนินก่อนเดินทางกลับบ้านด้วยกันที่ซอยราชครู '
มดตะนอย'สาวน้อยพยาบาลสดใส จริง ๆ ต้องบอกว่าสะอาดใสสินะถึงจะถูก 'มดตะนอยใส' อือม... เหมาะสมดีนะ เพราะเธออยู่ในเครื่องแบบขาวสะอาดสะอ้านทั้งวัน ทุกวัน และชื่อของเธอจริง ๆ ก็แค่มดคำเดียว แต่ติ๊นาเติมตะนอยเข้าไปให้ หรือบางทีก็เรียกแค่ตะนอย ด้วยความรู้สึกอยากให้ใกล้เคียงกับ
ติ๊นา
"แล้วจะรับรถได้เมื่อไหร่ล่ะ ตะนอย"
"อีกสองวัน เห็นอู่บอกงั้นนะ"
"อะไรกัน ซ่อมประตูแค่บานเดียว เล่นปาไปเกือบจะสองเดือนเลยเหรอ"
"ก็งี้แหละพี่นา พอถึงคราวที่ประกันต้องทำอะไรให้เรามั่ง มันก็ไม่ปรื๊ดเหมือนตอนต่อเบี้ยประกันให้เราหรอก"
ติ๊นานึกภาพตาม ตามด้วยเสียงหัวเราะฝืด ๆ ในลำคอ
"พี่ว่ามันคล้าย ๆ กับความรักนะ" ติ๊นาเริ่มเคลิ้ม "ตอนแรกเริ่มนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างต่างพร้อมใจพุ่งใส่เราชนิดเต็มพลังเลย แต่พอซักพัก พลังนั้นก็จะค่อย ๆ เฉื่อยลงเมื่ออะไ ๆ อิ่มตัว บางทีอาจจะไม่ใช่แค่เฉื่อยด้วยนะ อาจจะเรื่อยเปื่อยเข้ารกเข้าพงไปโน่นเลยก็ได้ นี่พูดตามหนังสือที่เคยอ่านมานะ"
'ตะนอย'เอียงใบหน้าใสมองมาหา
"วันนี้ความรักพุ่งกระฉูดเข้าใส่เหรอพี่นา" คำพูดสะกิดสะเกาของตะนอยทำให้ติ๊นายิ้มหน้าบานเป็นพวงมาลัยรถอีกวง
"เปล๊า!.. มันแค่กำลังคลานต้วมเตี้ยมอยู่"
แล้วมดตะนอยก็เบือนหน้าไปมองถนนเบื้องหน้าอย่างไม่ไยดี ไม่เป็นไร..
ติ๊นาเปิดเพลงโปรดในรถแช๊ะ! แล้วร้องตามเบา ๆ อย่างไม่สนใจอะไรเหมือนกัน
. . . ทุกครั้งที่ฉันมองไปบนฟ้า . . . ฉันเห็นเธอ . . . ทุกครั้งที่ฉันมองไปบนน้ำ . . . ฉันเห็นเธอ . . . ทุกครั้งที่ฉันเอนหลับตาฝัน . . . ฉันเห็นเธอ . . . หรือว่าฉันจะมองอยู่ตรงไหน . . . ฉันเห็นเธอ . . .
.............
.............
☻ รักต้องเลือก ☻(ต่อ)
เราดินเน่อร์กันเงียบ ๆ ภายใต้บรรยากาศแสนสุข
หลายต่อหลายครั้งที่ดนัยคุยไปด้วย หัวเราะไปด้วย ตักอาหารให้ติ๊นาไปด้วย ติ๊นามีความสุขจัง แอบนั่งมองการกระทำของเขาด้วยความชื่นชมเงียบ ๆ มารยานางเอกของติ๊นาคืนนี้น่าจะใช้ได้ เพราะแค่ทำเป็นเหมือนหมดเรี่ยวหมดแรงกับการตักอาหาร แค่นั้นแหละ กับข้าวก็จะเหินข้ามฟากโต๊ะมาสู่จานข้าวของติ๊นาเอง และพอทำเป็นยกแก้วน้ำมือสั่น ดนัยก็ลุกเอื้อมมือมา แต่แค่นั้นก็พอแล้วแหละ ติ๊นาไม่อยากเห็นโต๊ะอื่นเขาหมั่นไส้ให้ เลยต้องยกแก้วน้ำขึ้นจิบเองก่อนดนัยจะกุลีกุจอมาประคองแก้วให้
ถึงเขาจะเป็นคนที่ต้องคอยกระตุ้นเตือนในหลายเรื่อง เพราะหากไม่กระตุ้นก็จะลืมเอาเสียง่าย ๆ แต่สำหรับในบางเรื่อง ดนัยก็เป็นตัวของตัวเองได้อย่างน่ารักน่าชัง ....น่าหึงน่าหวงด้วยนะ
ช่วงเวลาที่ไม่อยากให้มันหมุนผ่านไปเร็วนัก กลับกลายเป็นว่ามันยิ่งวิ่งผ่านหน้าเรา หายไปแบบไม่รู้ตัว
คืนนี้ก็เช่นกัน ติ๊นากับดนัยออกจากร้านอาหารเกือบสามทุ่ม ดินเน่อร์คืนนี้หมดเวลาแล้ว ติ๊นาไม่อยากกลับเลยด้วยซ้ำ อยากฟังดนัยพูดอะไรต่อมิอะไรอีกซักครึ่งชั่วโมง อยากมองดูเรือขนเกลือลอยเอื่อยผ่านหน้าแต็ก ๆ ๆ ไปด้วยกัน อยากชี้โน่นชมนี่ด้วยกัน ติ๊นาอุตส่าห์ยื้อเวลามาจนถึงสามทุ่ม สั่งทับทิมกรอบมาค่อย ๆ เคี้ยวยี่สิบนาทีก็แล้ว สั่งไอศกรีมสตรอบอรี่สองก้อนมาค่อย ๆ ตักอมให้ละลายในปากก็แล้ว แต่เวลาเช็กบิลล์ก็เดินทางมาถึงอยู่ดี
ก่อนจากกันที่ลานจอดรถ ซึ่งมากันคนละคันเพราะติ๊นาต้องเลยไปรับน้องสาวกลับบ้าน ติ๊นาเปิดประตูรถและนั่งลงประจำที่นั่งคนขับ ดนัยยืนคร่อมกรอบประตูซึ่งเปิดค้างเอาไว้ ใช้เวลาอ้อยอิ่งทำตาหวานกลอกไปกลอกมา ติ๊นามองหน้าคมคายนั้น
"หาคำพูดเซย์กู้ดไนท์อยู่เหรอค๊า..."
"รู้ทันอีกแล้ว"
"งั้นก็ต้องเตือนกันอีกเรื่อง ต่อไปอย่าลืมนะ ตะเอง" พูดจบ ติ๊นาก็ไม่จำเป็นต้องวางมาดนางเอกอีกแล้ว รีบยื่นมือขวาเป็นจวักออกไปให้เขาเห็น ตอนแรกเขาออกอาการงง พอติ๊นารุกคืบดึงมือเขาเข้ามาเท่านั้นแหละ เจ้าชายผู้เงอะงะก็ถึงบางอ้อ เขารีบยกหลังมือของติ๊นาขึ้นแตะจมูกตัวเองเบา ๆ
"แค่นั้นเอง ไม่เห็นยากเลย"
"ค๊าบ.. ต่อไปก็หอมหน้าผากได้แล้วสิ" สิงห์โตหนุ่มเริ่มใช้กรงเล็บข่วนมาเบา ๆ
"ตะเองจะกล้าเหร๊ออ.... " ติ๊นาแสร้งขึ้นเสียงสูงในคำท้าย "ถ้าติ๊นาไม่ยื่นหน้าไปให้"
แล้วเราก็หัวเราะด้วยกัน
.............
.............
ติ๊นาแวะรับน้องสาวที่ถนนราชดำเนินก่อนเดินทางกลับบ้านด้วยกันที่ซอยราชครู 'มดตะนอย'สาวน้อยพยาบาลสดใส จริง ๆ ต้องบอกว่าสะอาดใสสินะถึงจะถูก 'มดตะนอยใส' อือม... เหมาะสมดีนะ เพราะเธออยู่ในเครื่องแบบขาวสะอาดสะอ้านทั้งวัน ทุกวัน และชื่อของเธอจริง ๆ ก็แค่มดคำเดียว แต่ติ๊นาเติมตะนอยเข้าไปให้ หรือบางทีก็เรียกแค่ตะนอย ด้วยความรู้สึกอยากให้ใกล้เคียงกับ ติ๊นา
"แล้วจะรับรถได้เมื่อไหร่ล่ะ ตะนอย"
"อีกสองวัน เห็นอู่บอกงั้นนะ"
"อะไรกัน ซ่อมประตูแค่บานเดียว เล่นปาไปเกือบจะสองเดือนเลยเหรอ"
"ก็งี้แหละพี่นา พอถึงคราวที่ประกันต้องทำอะไรให้เรามั่ง มันก็ไม่ปรื๊ดเหมือนตอนต่อเบี้ยประกันให้เราหรอก"
ติ๊นานึกภาพตาม ตามด้วยเสียงหัวเราะฝืด ๆ ในลำคอ
"พี่ว่ามันคล้าย ๆ กับความรักนะ" ติ๊นาเริ่มเคลิ้ม "ตอนแรกเริ่มนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างต่างพร้อมใจพุ่งใส่เราชนิดเต็มพลังเลย แต่พอซักพัก พลังนั้นก็จะค่อย ๆ เฉื่อยลงเมื่ออะไ ๆ อิ่มตัว บางทีอาจจะไม่ใช่แค่เฉื่อยด้วยนะ อาจจะเรื่อยเปื่อยเข้ารกเข้าพงไปโน่นเลยก็ได้ นี่พูดตามหนังสือที่เคยอ่านมานะ"
'ตะนอย'เอียงใบหน้าใสมองมาหา
"วันนี้ความรักพุ่งกระฉูดเข้าใส่เหรอพี่นา" คำพูดสะกิดสะเกาของตะนอยทำให้ติ๊นายิ้มหน้าบานเป็นพวงมาลัยรถอีกวง
"เปล๊า!.. มันแค่กำลังคลานต้วมเตี้ยมอยู่"
แล้วมดตะนอยก็เบือนหน้าไปมองถนนเบื้องหน้าอย่างไม่ไยดี ไม่เป็นไร..
ติ๊นาเปิดเพลงโปรดในรถแช๊ะ! แล้วร้องตามเบา ๆ อย่างไม่สนใจอะไรเหมือนกัน
. . . ทุกครั้งที่ฉันมองไปบนฟ้า . . . ฉันเห็นเธอ . . . ทุกครั้งที่ฉันมองไปบนน้ำ . . . ฉันเห็นเธอ . . . ทุกครั้งที่ฉันเอนหลับตาฝัน . . . ฉันเห็นเธอ . . . หรือว่าฉันจะมองอยู่ตรงไหน . . . ฉันเห็นเธอ . . .
.............