เมื่อสัปดาห์ก่อน มีเพื่อนๆชวนผมไปนั่งเล่นริมบ่อตกปลากัน โดยที่บรรยากาศไร้แอลกอฮอลล์ตามระยะช่วงเวลาของเทศกาลงดเหล้าเข้าพรรษา
(เอ๊ะ! แต่มาทำบาปด้วยการตกปลาเนี่ยนะ???) ตรงนี้ก็ว่ากันไปแต่ละมุมมองครับ แต่จริงๆแล้วผมเองก็ไม่เคยตกปลาเลย แต่ชอบบรรยากาศริมทุ่งริมกรุงเทพฯมากกว่า เลยชอบมาดูเพื่อนๆที่ทำงานนั่งตกปลากันไป โดยที่ภาระพ่อครัวมักจะตกอยู่ที่ผม ^_^
บรรยากาศลมเย็นๆริมบ่อตกปลา ช่างน่าผ่อนคลายเสียจริงๆ
สักพักตามเสต็ปของคนหากินคล่องๆ (ซึ่งก็ไม่ใช่ผมแน่นอน ฮ่าๆๆๆ) เนื่องจากว่าผมมีความหลังฝังใจกับการโดนขอเบ็ดฝังเข้าฝ่ามือและครีบหลังปลานิลบาดยาวบนฝ่ามือ ดังนั้นการทำอะไรเกี่ยวกับการตกปลาและการจับปลาเป็นๆนี่ต้องขอบายอย่างเดียวเลย ><
พอได้ปลามาแล้ว ก็ให้เพื่อนทำความสะอาดปลา (ซึ่งอย่างที่บอก! ผมไม่กล้าทำอะไรปลาเป็นๆเลย ความกลัวฝังใจมาตั้งแต่เด็ก) หลังจากนั้นก็เริ่มบรรเลงทำต้มปลานิล ด้วยเครื่องปรุงที่ไม่ได้ครบอะไรมากมายตามประสาวงหนุ่มโสด
เครื่องปรุงก็มี ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด มะขามเปียก เกลือ ปลานิลที่หั่นท่อนแล้ว พริกขี้หนูสด ต้นหอม ผักชีฝรั่ง (เห็นเพื่อนๆผมเรียกว่า หอมเป ^_^)
วิธีการบรรเลง ก็ต้มน้ำให้เดือดพล่าน ใส่ ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด มะขามเปียก เกลือ ลงไปสักพักพอรีดเอาน้ำมันหอมระเหยจากวัตถุดิบลงสู่น้ำซุป หย่อนชิ้นปลาเบาๆลงในน้ำที่เดือดพล่าน โดยที่ห้ามกวนปลา ทิ้งไว้จนน้ำเดือดพล่านอีกครั้ง ใส่พริกขี้หนูสดตามลงไป เบาไฟลง ทิ้งระยะเวลาพอให้ปลาสุก ปรุงรสชาติตามใจชอบ โรยต้นหอม ผักชีฝรั่งแต่งหน้าพองาม...
ได้หน้าตาพอดูได้ แต่ความสดหวานของเนื้อปลาเต็มเปี่ยม น้ำซุปเปรี้ยวอมเผ็ด มีกลิ่นสมุนไพรไทยอ่อนๆที่พอดับคาวปลาได้ ทานกับข้าวสวยร้อนๆ ลืมอิ่มเลย
พออิ่มๆเบื่อๆ ช่วงเย็นๆ ปกติผมก็ไม่ค่อยได้ทานอาหารหนักมาก เลยเอาปลานิลอีกตัวมาทำเมนูเน้นผักสดซักนิด เลยจัดการทำเมี่ยงปลานึ่งกินกันเสริมสุขภาพยามหัวค่ำ เลยจัดการนึ่งปลานิล พร้อมหย่อนไข่ไก่ 2 ฟองลงไปต้มในน้ำขณะนึ่งเลย เพื่อที่จะนำไข่ต้มมาทำเป็นน้ำจิ้มเมี่ยง (แต่ปลานิลนึ่งนานไปนิดนึง เละเลย ><)
เครื่องปรุงน้ำจิ้มเมี่ยง ก็มีพริกขี้หนูสด กระเทียมสดแกะกลีบ กระเทียมดองพร้อมน้ำดอง รากผักชีสับ ไข่ต้ม ถั่วลิสงคั่วสุก เกลือ น้ำมะนาว น้ำตาลปี๊บ ผักชี
อัตราส่วนก็ประมาณนี้
พริกขี้หนูประมาณ 10-20 เม็ดแล้วแค่ความเผ็ด
กระเทียมสด 5-6 กลีบ
กระเทียมดองพร้อมน้ำ 1 ถ้วย (แบบถ้วยละ 10 บาทที่เค้าขายกันอ่ะครับ)
ไข่ไก่ต้มสุก 2 ฟอง
น้ำมะนาวเล็กน้อย
เกลือป่นเล็กน้อย
น้ำตาลปี๊ปหรือน้ำตาลทรายเล็กน้อย
ถั่วลิสงคั่วสุกประมาณ 1/2 ถ้วย
รากผักชี 2-3 ราก
วิธีการทำก็ง่ายๆ จัดการโขลกพริกขี้หนูสด กระเทียมสดแกะกลีบ กระเทียมดองเฉพาะเนื้อ กับเกลือป่นเล็กน้อยกันกระเด็นเข้าตา โดนแขน ตักใส่ถ้วยแยกไว้ก่อน นำไข่ต้มที่แกะเปลือกแล้ว (เว้นแต่ต้องการแคลเซียมเพิ่ม ฮ่าๆๆๆ ล้อเล่นนะครับ) บี้ให้เละ ถั่วลิสงคั่วโขลกจนละเอียด เพิ่ม texture ของน้ำจิ้มและหอมมันอย่างลงตัว ใส่ถ้วยตามลงไป เติมน้ำกระเทียมดอง น้ำตาลปี๊บ น้ำมะนาว เกลือป่น โดยที่ปรุงรสออกหวานนำ เปรี้ยวตาม เค็มหลังแค่ให้พอกลมกล่อม โรยผักชีเล็กน้อยพอชูกลิ่นน่ะครับ
จัดผักสดที่ชอบ ซึ่งในชุดที่ผมชอบทาน ก็มี ผักขาดขาวปลี ผักกาดหอม ต้นหอม ผักชี ผักชีฝรั่ง โหระพา
ตามด้วยขนมจีนหรือเส้นหมี่ลวกตามใจชอบ
เวลาทานก็ห่อเมี่ยงโดยการใช้ใบผักกาดวางรอง ตักเนื้อปลา เส้นขนมจีน ตักราดน้ำจิ้มเมี่ยง และตามด้วยผักสดชูกลิ่น หรือ ถ้าคิดว่าไม่สามารถอ้าปากกว้างพอที่จะตอบสนองขนาดคำของเมี่ยงได้ ก็สามารถหยิบผักชูกลิ่นเคี้ยวตามได้ ไม่ผิดกติกาแต่อย่างใด
ได้ทั้งคุณค่าและความอร่อยไปในคราวเดียวกันจริงๆ
เมนูต้มปลานิล เมี่ยงปลานิลนึ่ง ในวันหยุด
(เอ๊ะ! แต่มาทำบาปด้วยการตกปลาเนี่ยนะ???) ตรงนี้ก็ว่ากันไปแต่ละมุมมองครับ แต่จริงๆแล้วผมเองก็ไม่เคยตกปลาเลย แต่ชอบบรรยากาศริมทุ่งริมกรุงเทพฯมากกว่า เลยชอบมาดูเพื่อนๆที่ทำงานนั่งตกปลากันไป โดยที่ภาระพ่อครัวมักจะตกอยู่ที่ผม ^_^
บรรยากาศลมเย็นๆริมบ่อตกปลา ช่างน่าผ่อนคลายเสียจริงๆ
สักพักตามเสต็ปของคนหากินคล่องๆ (ซึ่งก็ไม่ใช่ผมแน่นอน ฮ่าๆๆๆ) เนื่องจากว่าผมมีความหลังฝังใจกับการโดนขอเบ็ดฝังเข้าฝ่ามือและครีบหลังปลานิลบาดยาวบนฝ่ามือ ดังนั้นการทำอะไรเกี่ยวกับการตกปลาและการจับปลาเป็นๆนี่ต้องขอบายอย่างเดียวเลย ><
พอได้ปลามาแล้ว ก็ให้เพื่อนทำความสะอาดปลา (ซึ่งอย่างที่บอก! ผมไม่กล้าทำอะไรปลาเป็นๆเลย ความกลัวฝังใจมาตั้งแต่เด็ก) หลังจากนั้นก็เริ่มบรรเลงทำต้มปลานิล ด้วยเครื่องปรุงที่ไม่ได้ครบอะไรมากมายตามประสาวงหนุ่มโสด
เครื่องปรุงก็มี ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด มะขามเปียก เกลือ ปลานิลที่หั่นท่อนแล้ว พริกขี้หนูสด ต้นหอม ผักชีฝรั่ง (เห็นเพื่อนๆผมเรียกว่า หอมเป ^_^)
วิธีการบรรเลง ก็ต้มน้ำให้เดือดพล่าน ใส่ ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด มะขามเปียก เกลือ ลงไปสักพักพอรีดเอาน้ำมันหอมระเหยจากวัตถุดิบลงสู่น้ำซุป หย่อนชิ้นปลาเบาๆลงในน้ำที่เดือดพล่าน โดยที่ห้ามกวนปลา ทิ้งไว้จนน้ำเดือดพล่านอีกครั้ง ใส่พริกขี้หนูสดตามลงไป เบาไฟลง ทิ้งระยะเวลาพอให้ปลาสุก ปรุงรสชาติตามใจชอบ โรยต้นหอม ผักชีฝรั่งแต่งหน้าพองาม...
ได้หน้าตาพอดูได้ แต่ความสดหวานของเนื้อปลาเต็มเปี่ยม น้ำซุปเปรี้ยวอมเผ็ด มีกลิ่นสมุนไพรไทยอ่อนๆที่พอดับคาวปลาได้ ทานกับข้าวสวยร้อนๆ ลืมอิ่มเลย
พออิ่มๆเบื่อๆ ช่วงเย็นๆ ปกติผมก็ไม่ค่อยได้ทานอาหารหนักมาก เลยเอาปลานิลอีกตัวมาทำเมนูเน้นผักสดซักนิด เลยจัดการทำเมี่ยงปลานึ่งกินกันเสริมสุขภาพยามหัวค่ำ เลยจัดการนึ่งปลานิล พร้อมหย่อนไข่ไก่ 2 ฟองลงไปต้มในน้ำขณะนึ่งเลย เพื่อที่จะนำไข่ต้มมาทำเป็นน้ำจิ้มเมี่ยง (แต่ปลานิลนึ่งนานไปนิดนึง เละเลย ><)
เครื่องปรุงน้ำจิ้มเมี่ยง ก็มีพริกขี้หนูสด กระเทียมสดแกะกลีบ กระเทียมดองพร้อมน้ำดอง รากผักชีสับ ไข่ต้ม ถั่วลิสงคั่วสุก เกลือ น้ำมะนาว น้ำตาลปี๊บ ผักชี
อัตราส่วนก็ประมาณนี้
พริกขี้หนูประมาณ 10-20 เม็ดแล้วแค่ความเผ็ด
กระเทียมสด 5-6 กลีบ
กระเทียมดองพร้อมน้ำ 1 ถ้วย (แบบถ้วยละ 10 บาทที่เค้าขายกันอ่ะครับ)
ไข่ไก่ต้มสุก 2 ฟอง
น้ำมะนาวเล็กน้อย
เกลือป่นเล็กน้อย
น้ำตาลปี๊ปหรือน้ำตาลทรายเล็กน้อย
ถั่วลิสงคั่วสุกประมาณ 1/2 ถ้วย
รากผักชี 2-3 ราก
วิธีการทำก็ง่ายๆ จัดการโขลกพริกขี้หนูสด กระเทียมสดแกะกลีบ กระเทียมดองเฉพาะเนื้อ กับเกลือป่นเล็กน้อยกันกระเด็นเข้าตา โดนแขน ตักใส่ถ้วยแยกไว้ก่อน นำไข่ต้มที่แกะเปลือกแล้ว (เว้นแต่ต้องการแคลเซียมเพิ่ม ฮ่าๆๆๆ ล้อเล่นนะครับ) บี้ให้เละ ถั่วลิสงคั่วโขลกจนละเอียด เพิ่ม texture ของน้ำจิ้มและหอมมันอย่างลงตัว ใส่ถ้วยตามลงไป เติมน้ำกระเทียมดอง น้ำตาลปี๊บ น้ำมะนาว เกลือป่น โดยที่ปรุงรสออกหวานนำ เปรี้ยวตาม เค็มหลังแค่ให้พอกลมกล่อม โรยผักชีเล็กน้อยพอชูกลิ่นน่ะครับ
จัดผักสดที่ชอบ ซึ่งในชุดที่ผมชอบทาน ก็มี ผักขาดขาวปลี ผักกาดหอม ต้นหอม ผักชี ผักชีฝรั่ง โหระพา
ตามด้วยขนมจีนหรือเส้นหมี่ลวกตามใจชอบ
เวลาทานก็ห่อเมี่ยงโดยการใช้ใบผักกาดวางรอง ตักเนื้อปลา เส้นขนมจีน ตักราดน้ำจิ้มเมี่ยง และตามด้วยผักสดชูกลิ่น หรือ ถ้าคิดว่าไม่สามารถอ้าปากกว้างพอที่จะตอบสนองขนาดคำของเมี่ยงได้ ก็สามารถหยิบผักชูกลิ่นเคี้ยวตามได้ ไม่ผิดกติกาแต่อย่างใด
ได้ทั้งคุณค่าและความอร่อยไปในคราวเดียวกันจริงๆ