สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 33
ไม่มีอะไรดีกว่ากันหรอกค่ะ มันขึ้นอยู่กับว่าเราใช้น้ำมันไปทำอะไร
น้ำมันถั่วเหลือง เป็นน้ำมัน ที่ผลิตมาจากพืช เป็น กรดไขมันไม่อิ่มตัว (Unsturated fatty acids) มีสมบัติแข็งตัวยาก มีจุดหลอมเหลวต่ำ
น้ำมันหมูเป็น กรดไขมันอิ่มตัว (Saturated fatty acids) มีสมบัติแข็งตัวง่าย มีจุดหลอมเหลวสูง
กรดไขมันอิ่มตัว ร่างกายขับออกยากค่ะ
กรดไขมันไม่อิ่มตัว ร่างกายสามารถขับออกได้
กรดไขมันอิ่มตัวสูง มีสูตรโครงสร้างทางเคมีที่จับกับธาตุคาร์บอน (C) ในลักษณะแขนเดี่ยว (single bond) เมื่อโดนความร้อนสูงก็ทำให้อาหารกรอบ อร่อย ไม่มีสารเคมีเป็นพิษ และน้ำมันที่ใช้ทอดแล้วก็เก็บไว้ทอดซ้ำเกิน ๒ ครั้งไม่ได้เพราะจะดำและเหม็นหืน
ซึ่งผิดกับ ซึ่งมีกรดไขมันไม่อิ่มตัว ซึ่งมีโครงสร้างเคมีเป็น แขนคู่ (double bond) ในการจับกับธาตุคาร์บอน จึงสามารถจับกับธาตุไฮโดรเจนเพิ่มได้อีก 2 อะตอม จึงเหมาะกับการเติมไฮโดรเจน (Hydrogenation) ซึ่งเรียกว่า Trans Fatty Acid (TFA) 'Trans'
จากความพยายามที่จะทำให้น้ำมันพืช มีลักษณะเหมือน น้ำมันหมู ที่ทำให้อาหารทอด กรอบอร่อย แต่ปัญหาที่ตามมาคือ ความเสี่ยงในการเป็นโรคอ้วน โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคไต โรคเบาหวาน มะเร็งเต้านม เพราะน้ำมันพืชที่ผ่านกรรมวิธีเหล่านี้ไม่สามารถขับออกจากร่างกายได้ง่ายๆ เหมือนน้ำมันหมู
สรุปคือเวลาที่เราจะประกอบอาหาร
ควรใช้น้ำมันหมูทอดเพราะทนความร้อนสูง
ควรใช้น้ำมันพืชในการผัดเพราะไม่ทนความร้อนค่ะ
จริงๆแล้วน้ำมันทั้ง2ชนิดนี้ถ้ามีปริมาณมากก็เป็นโทษต่อร่างกายทั้งนั้นแหละค่ะ ทางที่ดี ควรรับประทานให้พอเหมาะนะค่ะ
น้ำมันถั่วเหลือง เป็นน้ำมัน ที่ผลิตมาจากพืช เป็น กรดไขมันไม่อิ่มตัว (Unsturated fatty acids) มีสมบัติแข็งตัวยาก มีจุดหลอมเหลวต่ำ
น้ำมันหมูเป็น กรดไขมันอิ่มตัว (Saturated fatty acids) มีสมบัติแข็งตัวง่าย มีจุดหลอมเหลวสูง
กรดไขมันอิ่มตัว ร่างกายขับออกยากค่ะ
กรดไขมันไม่อิ่มตัว ร่างกายสามารถขับออกได้
กรดไขมันอิ่มตัวสูง มีสูตรโครงสร้างทางเคมีที่จับกับธาตุคาร์บอน (C) ในลักษณะแขนเดี่ยว (single bond) เมื่อโดนความร้อนสูงก็ทำให้อาหารกรอบ อร่อย ไม่มีสารเคมีเป็นพิษ และน้ำมันที่ใช้ทอดแล้วก็เก็บไว้ทอดซ้ำเกิน ๒ ครั้งไม่ได้เพราะจะดำและเหม็นหืน
ซึ่งผิดกับ ซึ่งมีกรดไขมันไม่อิ่มตัว ซึ่งมีโครงสร้างเคมีเป็น แขนคู่ (double bond) ในการจับกับธาตุคาร์บอน จึงสามารถจับกับธาตุไฮโดรเจนเพิ่มได้อีก 2 อะตอม จึงเหมาะกับการเติมไฮโดรเจน (Hydrogenation) ซึ่งเรียกว่า Trans Fatty Acid (TFA) 'Trans'
จากความพยายามที่จะทำให้น้ำมันพืช มีลักษณะเหมือน น้ำมันหมู ที่ทำให้อาหารทอด กรอบอร่อย แต่ปัญหาที่ตามมาคือ ความเสี่ยงในการเป็นโรคอ้วน โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคไต โรคเบาหวาน มะเร็งเต้านม เพราะน้ำมันพืชที่ผ่านกรรมวิธีเหล่านี้ไม่สามารถขับออกจากร่างกายได้ง่ายๆ เหมือนน้ำมันหมู
สรุปคือเวลาที่เราจะประกอบอาหาร
ควรใช้น้ำมันหมูทอดเพราะทนความร้อนสูง
ควรใช้น้ำมันพืชในการผัดเพราะไม่ทนความร้อนค่ะ
จริงๆแล้วน้ำมันทั้ง2ชนิดนี้ถ้ามีปริมาณมากก็เป็นโทษต่อร่างกายทั้งนั้นแหละค่ะ ทางที่ดี ควรรับประทานให้พอเหมาะนะค่ะ
แสดงความคิดเห็น
ระหว่าง "น้ำมันพืช" กับ "น้ำมันหมู" ตกลงอันไหนดีกว่า ปลอดภัยกว่ากันแน่ครับ
ใครพอจะฟันธงได้บ้างครับว่า ใครจริง ใครหลอก ครับ
แต่ละฝ่ายก็มีหลักฐานมาสนับสนุนฝ่ายตัวเองกันน่าสนใจทั้งนั้นเลยครับ
คนไม่ได้เรียนวิทย์มาอย่างผม เลยตัดสินใจเชื่อไม่ถูกเลยครับ