วันนี้ไปเข้าร้านหนังสือแห่งหนึ่งบนห้างบิ๊กซีกะว่าจะไปเดินเล่นดับร้อนและกะว่าหาหนังสือมาอ่านซักเล่มนึง
หลังจากที่จ่ายเงินกับหนังสือที่ถูกใจแล้วก็เดินเล่นดูหนังสือในหลายๆหมวดเห็นมีหนังสืออยู่หลากหลายแนว
การอ่านหนังสือถือเป็นการส่งเสริมความรู้และศึกษาสิ่งใหม่ๆที่คนเขียนได้สื่อให้กับเราได้อ่านตามความชอบ
ไม่เพียงจะมีแต่ความรู้เท่านั้นที่เราจะได้จากการอ่านหนัง แต่มันยังมีการปลูกฝังสิ่งที่บิดเบือนให้กับสังคมด้วย
อย่างเช่นหนังสือเล่มนี้ที่ดูเผินๆเหมือนจะเป็นหนังสืออ่านเล่นสำหรับเด็กที่ไม่มีพิษภัยใดๆ แต่จะเป็นเช่นนั้นหรือ?
หลังจากหยิบขึ้นมาอ่าน(ด้วยความแขยงมือ)ดูแล้วเป็นการเล่าเรื่องชีวะประวัติอันดีงาม(?)ต่างๆนาๆของนายสุเทพ
และเรื่องราวความเป็นมาตั้งแต่ยังเด็กว่าทำอะไรมาบ้างจนก้าวมาทำหน้าที่ในสภาผู้แทนและการทำงานเป็นฝ่ายค้าน
และบอกความเป็นมาเป็นไปถึงการที่ต้องออกมาประท้วงเพื่อขับไล่รัฐบาลที่คดโกงเพื่อประชาชนคนดีของประเทศไทย
เป็นหนังสืออ่านง่ายดูสนุกคล้อยตามง่ายทำให้อินไปกับตัวเอกของเรื่องว่าเป็นคนที่แสนดีที่ออกทำทุกอย่างเพื่อประเทศ
โดยมีผู้ร้ายเป็นฝ่ายตรงกันข้ามที่เป็นพวกชั่วพวกเลวที่คอยโกงกินประเทศจนนายสุเพทที่แสนดีคนนี้ต้องออกมาเคลื่นไหว
จุดสำคัญมันคือตรงนี้แหละ เพราะว่าเรื่องที่เล่าในหนังสือที่ดูแสนจะนิยายแต่มันบิดเบือนกับความเป็นจริงโดยสิ้นเชิง
นี่ถือเป็นการทำลายประเทศชาติแบบเงียบๆโดยอาศัยหนังสือเพื่อสื่อข้อมูลผิดๆไปให้กับผู้ที่ไม่ได้ทราบเรื่องราวที่แท้จริง
เป็นการล้างสมองด้วยข้อมูลที่บิดเบือนตั้งแต่ที่ผู้อ่านยังไม่มีวุฒิภาวะเพียงพอในการตัดสินถูกผิดให้เชื่อตามข้อมูลในหนังสือ
แล้วยังมีหนังสือเลวๆอีกเล่มนึงซึ่งสำหรับผมแล้วคนเขียนช่างเป็นคนที่น่ารังเกียจและน่าขยะแขยงเป็นที่สุด
หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือการ์ตูนการเมืองโดยแท้มีทั้งการใส่ร้ายบิดเบียนต่างๆนาๆแบบที่คนดีๆเขาไม่กล้าทำกัน
รูปภาพวาได้น่ารังเกียจลายเส้นก็น่ายขะแขยงความคิดความอ่านก็ชั่วช้าบิดเบือนใส่ร้ายคนอื่นแบบไม่คิดละอายใจ
เป็นพวกหากินกับการเขียนความสกปรกและการใส่ร้ายป้ายสีเพียงเพื่อความสะใจความคิดต่ำช้ากว่าคนปกติ
สำหรับผมคิดว่าจรรยาบรรของการเขียนหนังสือออกมาขายมันอยู่ตรงที่ว่ามันถูกต้องมีประโยชน์กับคนส่วนใหญ่เค้ารึเปล่า
หรือเป็นหนังสือที่ภาพลักษณ์สวยหรูแต่แฝงยาพิษที่คอยบ่อนทำลายความสามัคคีและความถูกต้องของสังคมของเรา
ถึงใครจะเขียนนิยายเพ้อเจ้อต่างๆนาๆตามจินตนาการแต่ไม่ทำให้ความจริงของสังคมผิดเพี้ยนสร้างความบิดเบี้ยวให้ผู้อ่าน
ยังถือว่าเป็นนักเขียนที่ดี ต่างกับนักเขียนที่เป็นพวกเห็นแก่ตัวที่ต้องการแค่เงินเขียนอะไรตามที่เขาจ้างได้หมดไม่ว่าจะผิดแค่ไหน
สรุปคือหนังสือก็เป็นสื่อหนี่งที่คอยชักจูงปลุกปั่นสร้างความวุ่นวายให้กับสังคมได้ส่วนหนึ่งถ้า"ผู้เขียนไร้จิตสำนึกต่อสังคม"
ส่วนหนึ่งของการครอบงำความคิดแบบเงียบๆ
หลังจากที่จ่ายเงินกับหนังสือที่ถูกใจแล้วก็เดินเล่นดูหนังสือในหลายๆหมวดเห็นมีหนังสืออยู่หลากหลายแนว
การอ่านหนังสือถือเป็นการส่งเสริมความรู้และศึกษาสิ่งใหม่ๆที่คนเขียนได้สื่อให้กับเราได้อ่านตามความชอบ
ไม่เพียงจะมีแต่ความรู้เท่านั้นที่เราจะได้จากการอ่านหนัง แต่มันยังมีการปลูกฝังสิ่งที่บิดเบือนให้กับสังคมด้วย
อย่างเช่นหนังสือเล่มนี้ที่ดูเผินๆเหมือนจะเป็นหนังสืออ่านเล่นสำหรับเด็กที่ไม่มีพิษภัยใดๆ แต่จะเป็นเช่นนั้นหรือ?
หลังจากหยิบขึ้นมาอ่าน(ด้วยความแขยงมือ)ดูแล้วเป็นการเล่าเรื่องชีวะประวัติอันดีงาม(?)ต่างๆนาๆของนายสุเทพ
และเรื่องราวความเป็นมาตั้งแต่ยังเด็กว่าทำอะไรมาบ้างจนก้าวมาทำหน้าที่ในสภาผู้แทนและการทำงานเป็นฝ่ายค้าน
และบอกความเป็นมาเป็นไปถึงการที่ต้องออกมาประท้วงเพื่อขับไล่รัฐบาลที่คดโกงเพื่อประชาชนคนดีของประเทศไทย
เป็นหนังสืออ่านง่ายดูสนุกคล้อยตามง่ายทำให้อินไปกับตัวเอกของเรื่องว่าเป็นคนที่แสนดีที่ออกทำทุกอย่างเพื่อประเทศ
โดยมีผู้ร้ายเป็นฝ่ายตรงกันข้ามที่เป็นพวกชั่วพวกเลวที่คอยโกงกินประเทศจนนายสุเพทที่แสนดีคนนี้ต้องออกมาเคลื่นไหว
จุดสำคัญมันคือตรงนี้แหละ เพราะว่าเรื่องที่เล่าในหนังสือที่ดูแสนจะนิยายแต่มันบิดเบือนกับความเป็นจริงโดยสิ้นเชิง
นี่ถือเป็นการทำลายประเทศชาติแบบเงียบๆโดยอาศัยหนังสือเพื่อสื่อข้อมูลผิดๆไปให้กับผู้ที่ไม่ได้ทราบเรื่องราวที่แท้จริง
เป็นการล้างสมองด้วยข้อมูลที่บิดเบือนตั้งแต่ที่ผู้อ่านยังไม่มีวุฒิภาวะเพียงพอในการตัดสินถูกผิดให้เชื่อตามข้อมูลในหนังสือ
แล้วยังมีหนังสือเลวๆอีกเล่มนึงซึ่งสำหรับผมแล้วคนเขียนช่างเป็นคนที่น่ารังเกียจและน่าขยะแขยงเป็นที่สุด
หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือการ์ตูนการเมืองโดยแท้มีทั้งการใส่ร้ายบิดเบียนต่างๆนาๆแบบที่คนดีๆเขาไม่กล้าทำกัน
รูปภาพวาได้น่ารังเกียจลายเส้นก็น่ายขะแขยงความคิดความอ่านก็ชั่วช้าบิดเบือนใส่ร้ายคนอื่นแบบไม่คิดละอายใจ
เป็นพวกหากินกับการเขียนความสกปรกและการใส่ร้ายป้ายสีเพียงเพื่อความสะใจความคิดต่ำช้ากว่าคนปกติ
สำหรับผมคิดว่าจรรยาบรรของการเขียนหนังสือออกมาขายมันอยู่ตรงที่ว่ามันถูกต้องมีประโยชน์กับคนส่วนใหญ่เค้ารึเปล่า
หรือเป็นหนังสือที่ภาพลักษณ์สวยหรูแต่แฝงยาพิษที่คอยบ่อนทำลายความสามัคคีและความถูกต้องของสังคมของเรา
ถึงใครจะเขียนนิยายเพ้อเจ้อต่างๆนาๆตามจินตนาการแต่ไม่ทำให้ความจริงของสังคมผิดเพี้ยนสร้างความบิดเบี้ยวให้ผู้อ่าน
ยังถือว่าเป็นนักเขียนที่ดี ต่างกับนักเขียนที่เป็นพวกเห็นแก่ตัวที่ต้องการแค่เงินเขียนอะไรตามที่เขาจ้างได้หมดไม่ว่าจะผิดแค่ไหน
สรุปคือหนังสือก็เป็นสื่อหนี่งที่คอยชักจูงปลุกปั่นสร้างความวุ่นวายให้กับสังคมได้ส่วนหนึ่งถ้า"ผู้เขียนไร้จิตสำนึกต่อสังคม"