* ดุจรักเหนือฝัน * ๒

กระทู้สนทนา
เพราะเธอคือ 'ฝันร้าย'

เขาจึงใช้กลอุบาย...เพื่อให้เธอกลายเป็น 'ฝันรัก'





    แม้ท้องฟ้าในยามบ่ายวันนี้จะเจิดจ้าไร้เมฆ ทว่าบ้านหลังขนาดกลางตรงหน้า...กลับทำให้บรรยากาศรอบตัวหม่นลงได้อย่างประหลาด ในเมื่อบ้านหลังนี้ได้รับการขนานนามว่า ‘บ้านผีสิง’

    ไม่มีใครรู้ว่าประวัติที่แท้จริงของบ้านหลังนี้เป็นเช่นไร แต่ที่แน่ๆ มีการเล่าขานกันว่าเมื่อห้าปีก่อน บ้านหลังดังกล่าวเคยมีพ่อแม่ลูกอยู่ด้วยกันอย่างสงบสุข ทั้งคู่มีลูกสาวและลูกชายอย่างละคน จนกระทั่งวันหนึ่ง พ่อได้รู้ว่าลูกชายคนเล็กของตนไม่ใช่บุตรแท้ๆ จึงใช้มีดแทงแม่ในห้องรับแขกโทษฐานที่มีชู้ ทว่าลูกสาวกลับมาเห็นพอดี ผู้เป็นสามีจึงชะงักไปชั่วครู่ แม่จึงสบโอกาสคว้ามีดหมายสู้ ทว่าลูกสาวกลับเอาตัวมาขวางพ่อไว้

    มีดของแม่แทงโดนจุดสำคัญของลูกสาวตน แม่และลูกสาวจึงขาดใจตายพร้อมๆ กัน ขณะที่พ่อก็เสียสติ พยายามฆ่าตัวตายตามด้วยการผูกคอให้ห้องนั่งเล่นที่อยู่ถัดจากห้องครัว และเมื่อลูกชายกลับมาถึงบ้านก็ช็อก จึงฆ่าตัวตายตามไปเพราะรับเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้ บ้านหลังดังกล่าวจึงกลายเป็นบ้านร้าง...ที่ใครต่อใครก็ไม่กล้าย่ำกรายไปใกล้

    หลังจากนั้นเป็นต้นมา...ก็ยังมีผู้เห็น ‘คน’ อาศัยอยู่ในบ้านหลังนั้นช่วงกลางคืน ก่อนจะได้ยินเสียงทะเลาะโหวกเหวก ก่อนจะตามมาด้วยความเงียบสนิท และเมื่อล่วงเข้าชั่วโมงถัดมา เสียงทะเลาะก็จะดังขึ้นใหม่อีกครั้ง แล้วก็เงียบไป...วนอย่างนี้ไปจนถึงรุ่งสาง

    ดุจฝันกะพริบตาปริบๆ พลางมองบ้านตรงหน้า เธอรู้โศกนาฏกรรมอันน่าสยดสยองของบ้านหลังดังกล่าวเป็นอย่างดีแต่ไม่ได้กลัวเลยแม้แต่น้อย ตรงกันข้าม กลับนับถือคนเขียนสคริปต์รายการเหลือเกินที่มีจินตนาการสูงส่งแต่งเรื่องราวได้เป็นตุเป็นตะ

    เพราะอันที่จริง บ้านหลังนี้เพิ่งถูกสร้างขึ้นเมื่อหกเดือนก่อนในบริเวณสตูดิโอถ่ายทำ และมักจะถูกใช้เป็นฉากบ้านร้างหรือบ้านผีสิงในละครหลายเรื่อง ดังนั้น เหตุการณ์อันน่าเศร้าที่เกิดขึ้น...จึงไม่ใช่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงแต่อย่างใด และบ้านดังกล่าว...ก็ไม่มีผีอะไรทั้งสิ้น

    หญิงสาวเดินตามทีมงานผ่านประตูไม้เก่าๆ ซีดๆ เข้าไปในตัวบ้าน ก็ได้พบกับห้องรับแขกซึ่งมีสภาพชวนให้รู้สึกสยองมากกว่าสบายใจ

    ทั้งห้องแทบไม่มีเฟอร์นิเจอร์อื่นใดนอกจากโซฟาเก่าหม่นตามกลางเวลาตรงกลางห้อง มีโต๊ะรับแขกซึ่งมีแจกันของดอกไม้เหี่ยวๆ ที่ดูแล้วครั้งหนึ่งคงเคยเป็นดอกกุหลาบสีแดงมาก่อน โคมไฟแชนเดอเลียร์ในห้องแม้จะยังให้แสงสว่างได้ แต่ก็มีหยากไย่เกาะอยู่เต็มไปหมดจนทำให้ ‘ห้องรับแขก’ ...กลายเป็น ‘ห้องไล่แขก’ เสียนี่

    ถึงอย่างนั้น...ดุจฝันก็รู้ดีว่าคราบเก่าๆ ตรงมุมห้องก็เพิ่งละเลงเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว เช่นเดียวกับรอยเลือดแห้งกรังสีน้ำตาลตามขอบ ที่ทีมงานมาหยดสีแดงไว้เมื่อสามวันก่อน สรรสร้างให้บ้านร้างปลอมๆ แห่งนี้ กลายเป็นบ้านผีสิงได้อย่างน่าอัศจรรย์

    เมื่อปิดประตูบ้านเรียบร้อย หญิงสาวก็หันไปสบตากับทีมงานจำนวนหนึ่งที่นั่งอยู่ด้านในใกล้ๆ กับประตู ก่อนจะมองมอนิเตอร์ที่แสดงภาพพิธีกรชายมาดฉลาดประจำรายการที่รอสัญญาณให้กล้องถ่ายทำ ทันทีที่เริ่มอัดรายการ พิธีกรชายนามว่าตุลย์ก็พูดเปิดรายการอย่างคล่องแคล่ว

    “สวัสดีคุณผู้ชมทุกท่านครับ กลับมาพบกับรายการ The Clever Cupid ลับสมองประลองรักกันทุกบ่ายวันเสาร์เช่นเดิม! สำหรับวันนี้ เราได้นางเอกสาวดาวค้างฟ้าแห่งวงการบันเทิงเมืองไทย ผู้ที่ทำให้ถนนตอนสองทุ่มทุกศุกร์เสาร์อาทิตย์โล่ง เพราะคนรีบกลับไปดูละครของเธอ...เชิญพบกับคุณดุจฝันเลยครับ”

    เมื่อตุลย์ผายมือมายังดุจฝันผู้รออยู่ก่อนแล้ว เธอก็พยักหน้าก่อนสบกล้องอีกตัวที่หันหน้ากล้องมายังเธอ ยกมือสวัสดีพร้อมสาดรอยยิ้มหวานอันเป็นอาวุธประจำตัวใส่กล้องอย่างรวดเร็ว

    “สวัสดีค่ะคุณตุลย์ สวัสดีค่ะคุณผู้ชม”

    เธอเดินเข้าไปตรงกลางห้องรับแขกที่ดูเก่าและชวนให้สยดสยองแห่งนี้ ก่อนจะทำเป็นมองบรรยากาศโดยรอบอย่างหวาดๆ แล้วหันไปยิ้มให้กับผู้เข้าร่วมรายการทั้งห้าคนซึ่งบัดนี้ยืนเรียงกันอยู่บนพื้นที่ว่างด้านข้างของห้อง โดยที่ด้านหน้าของแต่ละคนมีแท่นเล็กๆ พร้อมป้ายชื่อตั้งไว้

    “อย่างที่รู้ๆ กันว่าช่วงนี้ละครเรื่องตราบฟ้าสิ้นดาวที่เพิ่งจบลงไปเมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้เป็นที่นิยมมาก ถึงกับเรียกได้ว่าเป็นกระแสแห่งปีเลยทีเดียว รู้สึกยังไงบ้างครับคุณฝัน”

    หญิงสาวเบือนสายตากลับมายังกล้อง ก่อนทำเป็นยิ้มหวาน “ดีใจมากค่ะ ต้องขอบคุณผู้ชมทุกท่านที่ติดตามกัน โดยส่วนตัวฝันเองก็คาดไม่ถึงว่าละครเรื่องนี้จะได้รับความสนใจเสียมากมายขนาดนี้ ก็ต้องยกความดีให้กับทีมงานทุกคนที่ตั้งใจทำงานกันอย่างเต็มที่ค่ะ”

    ดูเหมือนว่าตุลย์จะพอใจกับคำตอบของเธอเป็นอย่างยิ่ง ดุจฝันยิ้มจางๆ สิ่งที่เธอพูดก่อนหน้านี้เหมือนจะเป็นการถ่อมตัว ทว่าเธอไม่ได้พูดเกินเลยความจริงไปเลยแม้แต่น้อยในเรื่องที่ละครได้รับความนิยมเกินคาด เพราะละครเรื่องดังกล่าวจัดได้ว่าเป็นละครน้ำเน่า...ที่เธอไม่คิดว่าคนไทยจะยังนิยมชมชอบกันอยู่

    “ดีครับ แล้วผลงานเรื่องต่อๆ ไปละครับ”

    “เรื่องต่อไปคือร้อยรักเลือนรางค่ะ เล่นคู่กับปริ๊นซ์” หญิงสาวยิ้มยามกล่าวถึงชื่อพระเอกคู่ขวัญของตน

    “พูดถึงคุณปริ๊นซ์แล้วก็น่าให้มาออกรายการนี้สักหนนะครับ ว่าแต่คุณปริ๊นซ์พูดอะไรมั้ยครับที่คุณฝันมาออกรายการกับหนุ่มๆ แฟนคลับแบบนี้”

    คำแซวนั้น...ดุจฝันไม่ปฏิเสธว่าชวนให้เธอหงุดหงิดใจเล็กน้อย ก็ในเมื่อเธอไม่เคยเป็นอะไรกับปิลันธน์ผู้ได้ชื่อว่าเป็นคู่จิ้นของเธอ แต่สิ่งที่เธอทำคือการยิ้มต่อไป

    “ไม่ค่ะ ไม่ว่าอะไรสักคำ เราเป็นแค่เพื่อนกันค่ะ”

    “ถ้าอย่างนั้น หนุ่มๆ ที่เข้ามาร่วมรายการกับเราก็พอมีหวังใช่มั้ยครับ”

    เธอเบือนหน้าไปยังผู้เข้าร่วมรายการทั้งห้าซึ่งประจำที่อยู่แล้วตรงริมซ้ายของห้องที่มีคราบเลือดเป็นหย่อมๆ

    “มีค่ะ”

    “ในเมื่อทุกคนมีหวัง งั้นให้ผู้เข้าแข่งขันแต่ละท่านแนะนำตัวกันเลยดีกว่าครับ” ตุลย์ผายมือไปยังผู้เข้าร่วมรายการเพื่อให้กล้องตามจับภาพ ก่อนคนแรกจะเริ่มพูดขึ้น โดยที่ดุจฝันจับตามองตามลำดับการแนะนำตัว ทว่าไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาเท่าใดนัก

    คนแรกสุดคืออัษฎา เจ้าของร้านอาหารที่เป็นสปอนเซอร์หลักให้รายการนี้ ท่าทางของเขาดูไม่กระตือรือล้นในการเข้าร่วมรายการเท่าที่ควร อาจจะเป็นเพราะเขามาออกรายการเพื่อให้คนรู้จักเฉยๆ ตามที่มณิกาว่าไว้ก็เป็นได้ ดังนั้น เขาคงไม่นึกเสียดายอะไรมากหากต้องตกรอบแรกตามที่เตี๊ยมไว้

    ถัดจากอัษฎาคือสรรค์ สถาปนิกหนุ่มที่อายุน้อยกว่าเธอ เขาดูดีเหมือนในรูป เพียงแต่ดุจฝันรู้สึกลึกๆ ว่าเขาคนนี้ไม่ได้มาออกรายการเพราะปลาบปลื้มเธอ ในเมื่อเขาเอาแต่หลบตาเธอไปมา แล้วมักจะหันไปหาผู้เข้าแข่งขันคนอื่นๆ เสียอย่างนั้น เล่นเอาดุจฝันได้แต่งงกับอากัปกิริยาของเขา

    หญิงสาวไล่สายตาต่อไปยังชายหนุ่มเจ้าของชื่ออ่านยาก ซึ่งบัดนี้เธอเองก็ยังจำชื่อของเขาไม่ได้ว่าอ่านเช่นไร รู้แต่ว่าก่อนจะเข้ามาอัดรายการเมื่อครู่นี้ เธอได้ทักทายเขาแต่เล็กน้อย แต่ก็พอสัมผัสได้ว่าเขาเป็นคนฉลาดพูด ถึงกระนั้น ก็ไม่ใช่คนที่น่าสนใจเท่าใดในความคิดของเธอ

    ชายหนุ่มคนที่สี่คือเวชาในเสื้อเชิ้ตสีขาว ผิวพรรณของเขาสะอาดเกลี้ยงเกลา สมกับที่เป็นแพทย์ผิวหนังผู้ดูแลตัวเองเป็นอย่างดี

    น่ามอง...แต่เธอไม่คิดมอง เพราะรู้ดีทีเดียวว่าเขามาออกรายการนี้ด้วยจุดประสงค์ที่เธอคาดไว้อยู่แล้วไม่มีผิด

    ‘จบงานนี้แล้ว...ผมจะขอให้คุณมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้ผมนะครับ’


    หญิงสาวนึกย้อนไปถึงช่วงก่อนหน้านี้ที่เขาเพียรตามตื๊อเธอ แต่ก็ไม่เคยประสบผลสำเร็จจนกระทั่งครั้งล่าสุดที่เขาขอร้องเธออีกรอบก่อนเข้ารายการนี้เอง

    ‘น่าสนใจค่ะคุณหมอ แต่ขอฝันคิดดูก่อนนะคะ’

    เธอตอบด้วยรอยยิ้มแบบบัวไม่ให้ช้ำ น้ำไม่ให้ขุ่น ก่อนจะทำเป็นมีธุระแล้วเดินจากไปอีกทาง ทว่าระหว่างทางนั้นเอง เธอกลับเจอกับ ‘อาจารย์หนุ่ม’ ที่เดินออกมาจากประตูห้องอีกห้องพอดี ทั้งคู่ชะงัก หญิงสาวจึงเป็นฝ่ายส่งยิ้มให้ก่อน ขณะพินิจเขาที่ยืนเบิกตากว้างมองเธอราวตะลึงอยู่

    ‘คุณจำฉันได้มั้ยคะ’

    ‘คุณดุจฝันไงครับ ทำไมผมจะจำคุณไม่ได้’
อาจารย์ภาคภูมิว่าพร้อมกะพริบตาปริบๆ

    ‘ฉันหมายถึง...’ เธอว่าแล้วก็ยก ‘ผ้าเช็ดหน้าผืนนั้น’ ออกมาจากกระเป๋า...ผ้าเช็ดหน้าที่ดุจฝันส่งซักแล้วและตั้งใจนำมันมาคืนให้เจ้าของตัวจริงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอในตอนนี้

    ‘เก็บไว้เถอะครับ ไม่เป็นไรหรอก’ ภาคภูมิยิ้มกว้างขึ้น ‘แต่ผมคิดไม่ถึงจริงๆ ...ว่าคนที่ผมเจอในตอนนั้นจะเป็นคุณ’

    ‘ฉันก็ไม่คิดเหมือนกันค่ะว่าจะเจอคุณอีกครั้ง...ที่รายการนี้’

    ‘บางทีโลกของเรามันก็กลมเกินไป คุณว่ามั้ยครับ’

    ดูเหมือนว่าภาคภูมิจะคลายความประหม่าลงไปบ้างแล้ว ดุจฝันคิดเช่นนั้นเมื่อเห็นเขาหัวเราะคลอไปกับคำพูดตน แต่แล้วบทสนทนาก็ต้องจบลงเพียงเท่านั้น เมื่อจู่ๆ ทีมงานของรายการวิ่งมาตามตัวภาคภูมิเสียก่อน

    ‘คุณไพรด์คะ ได้เวลาเข้ารายการแล้วค่ะ’ เธอผู้นั้นว่ากับชายหนุ่ม แล้วหันมายังแขกรับเชิญสาว ‘ส่วนคุณฝันเดี๋ยวค่อยตามเข้าไปนะคะ’

    นั่นคือการพบกันอย่างเป็นทางการ...กับเขาที่ไม่รู้ว่าเธอคือดุจฝันคนที่ตนหลงใหลในตอนแรก

    และในตอนนี้ ดุจฝันก็กำลังสบตากับภาคภูมิที่กำลังแนะนำตัวเองด้วยน้ำเสียงหนักแน่นและชัดเจน

    “ไพรด์ครับ ชื่อจริงชื่อภาคภูมิ วชิรานุสรณ์ ปัจจุบันเป็นอาจารย์เศรษฐศาสตร์ และเป็นที่ปรึกษาทางการเงินให้กับหลายๆ บริษัทด้วย”

    “ทำไมตัดสินใจสมัครร่วมเล่นเกมนี้ครับ” ตุลย์ถามเขาแบบเดียวกับที่ถามทุกคนก่อนหน้านี้  ซึ่งคำตอบที่ดุจฝันได้ยิน บ้างก็เป็น ‘เพราะปลาบปลื้มนางเอกสาว’ บ้างก็ ‘อยากเจอตัวจริง’ ทั้งที่จริงๆ สองในห้าคนคือการเตี๊ยมทั้งสิ้น

    “เพราะ...ทรัพยากรดีๆ แบบคุณฝันมีอยู่อย่างจำกัด ผมจึงอยากเจอคุณฝันสักครั้งเพราะเชื่อว่าการพบกันของเรา จะก่อให้เกิด ‘ประโยชน์สูงสุด’ ได้ครับ”

    ถ้อยคำที่ราวกับลอกบทเรียนในหนังสือเศรษฐศาสตร์เล่นเอาพิธีกรชายกับดาราสาวถึงกับกลั้นยิ้มไม่ได้

    “เป็นเหตุผลที่เยี่ยมจริงๆ ครับ ผมได้ยินแล้วขนลุกไปหมด” ตุลย์ยังคงยิ้มอย่างเจตนาแซว ทว่าดุจฝันกลับยิ้มด้วยสาเหตุที่ต่างกัน...เธอยิ้มกริ่ม เพราะรู้ดีว่าถ้าเขาชนะ เขาจะได้สร้างประโยชน์สูงสุดต่อเธอสมใจเขาแน่

    “เอาละครับ สำหรับด่านแรกของรายการเรา คือเกมหนึ่งคำถามสามวิ ซึ่งคำถามที่นำมาถามจะเป็นคำถามความรู้รอบตัวที่ทั้งยากและง่าย ทั้งนี้ เราได้ให้ผู้เข้าร่วมรายการทั้งห้าได้จับฉลากเลือกชุดคำถามที่ตนจะโดนถามไว้แล้ว เพื่อเป็นการกระจายคำถามยากและง่ายไปแบบเท่าเทียม การแข่งขันจะเป็นรอบๆ โดยที่หนึ่งรอบ ผู้เข้าแข่งขันแต่ละคนต้องตอบคำถามภายในสามวินาที ซึ่งถ้าตอบผิดหรือไม่ทัน ก็จะตกรอบทันที แต่ถ้ามีผู้เข้าแข่งขันท่านอื่นตอบผิดหรือไม่ทันเหมือนกัน ก็จะมีรอบพิเศษเพื่อคัดคนออกครับ ทั้งนี้ หลังจากที่เกมเริ่มขึ้น เราจะห้ามคุณดุจฝันพูดจนกว่าจะได้ตัวผู้ชนะครับ”

    ทุกคนเงียบจนกระทั่งดุจฝันได้ยินเสียงหายใจเข้า บรรยากาศเริ่มเครียดขรึมขึ้น ก่อนที่ตุลย์จะหันไปทางอัษฎาผู้เข้าแข่งขันรายแรกแล้วถามอย่างรวดเร็วจนเขาแทบไม่ทันตั้งตัว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่