กระดังงาลนไฟ
ถึงเธอจะผ่านผู้ชายร้อยคน แต่ฉันจะทนรักษาหัวใจเธอ
บทที่ 4 จุดเริ่มต้นของความหายนะ
เสียงร้องไห้ของกินรียังคงอยู่ภายในห้องของกรวิชญ์ เธอบอกกับตนเองตลอดเวลาว่าสักวันหนึ่งเธอจะต้องเอาคืนและแก้แค้นให้ได้ ในขณะเดียวกันกรวิชญ์ก็รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาพอดี เมื่อเค้าสังเกตเห็นหญิงสาวยังคงนอนร้องไห้อยู่ชายหนุ่มก็พูดคำบางคำขึ้นมา
"เธอจะร้องไห้ให้มันได้อะไรขึ้นมา" กินรียังคงนิ่งเฉยไม่โต้ตอบอะไร เมื่อชายหนุ่มเห็นเช่นนั้นก็เข้าไปโอบกอดเธออย่างแนบแน่นพลางซอกไซ้คอของหญิงสาวอย่างหื่นกระหายแล้วเอ่ยขึ้น "ยังไงเธอก็ได้เป็นเมียฉันแล้วแหละ ถึงเธอจะร้องไห้ฟูฟายจนจะเป็นจะตายยังไงมันก็ไม่มีทางกลับไปเป็นอย่างเดิมได้หรอก แต่ฉันว่าตอนนี้เรามาสนุกกันต่อดีกว่า" พูดจบชายกนุ่มก็ซอกไซ้คอของหญิงสาวอย่างหื่นกระหายพลางกดตัวของของหญิงสาวให้นอนลง แต่เธอจับแขนของกรวิชญ์ไว้ก็แล้วผลักชายหนุ่มออกไปจากตัวเองอย่างแรง
"นายยังย้ำยีฉันไม่พออีกหรอ แค่นี้ยังไม่สาแก่ใจนายอีกหรอ!" กินรีพูดทั้งน้ำตา
"ย้ำยีอะไรกัน เธอเป็นเมียฉันแล้วนะ จะพูดอะไรก็ให้เกียรติผัวคนนี้หน่อยสิ หรือว่าเธอยังไม่ลืมไอ้ชาติ แต่ไม่เป็นไรฉันจะทำให้เธอลืมมันเอง" พูดจบชายหนุ่มก็พยายามที่จะกุมมือของกินรีแต่ไม่ได้ผล เธอผลักตัวเค้าออกไปก่อนลุกขึ้นจากเตียงที่ทั้งเนื้อทั้งตัวมีเพียงฟ้าห่มผืนเดียว
"อย่ามายุ่งกับฉันนะ ถึงตัวฉันจะเป็นของนายแต่จิตใจของฉันนายอย่างหวังว่าจะได้มันไป" พูดจบกินรีก็เดินไปหยิบเสื้อผ้าที่ขาดวิ่นขึ้นมาและหยิบผ้าเช็ดตัวที่พาดอยู่แล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำ
เธอเดินออกมาพร้อมกับชุดเดิม ส่วนบนของร่างกายถูกปกปิดไว้ด้วยผ้าเช็ดตัวเพราะเสื้อของเธอถูกกรวิชญ์ฉีกออกเป็นชิ้นๆตั้งแต่เมื่อคืนนี้แล้ว
เธอเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าเพื่อหาเสื้อที่จะใส่แทนเสื้อที่ขาด เมื่อเปิดตู้ออกมาเธอก็เห็นเสื้อผ้าของผู้หญิงอยู่หลายตัว หญิงสาวแน่ใจขึ้นมาทันที่ ว่ากรวิชญ์จะต้องอาศัยอยู่กับผู้หญิงของเค้า
หญิงสาวหยิบเสื้อผู้หญิงตัวหนึ่งออกมาจากตู้ก่อนจะเอ่ยขึ้น
"ฉันขอยืมเสื้อของแฟนนายก่อนนะ แล้วฉันจะเอามาคืนให้" หญิงสาวพูดจากกับกรวิชญ์อย่างมีมารยาท แล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำอีกครั้งเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า
กรวิชญ์ไม่โต้ตอบอะไร แต่พยัคไหล่เบาๆหมายถึงอนุญาติ
ก่อนที่กินรีจะเดินออกไปจาก ชายหนุ่มก็รีบลุกขึ้นมาจากเตียงแล้วเข้ามาโอบกอดหญิงสาวอีกครั้ง แล้วพูดคำบางคำที่ทำให้หญิงสาวถึงกับโมโห
"แล้วกลับมาหาผมอีกนะครับ เมียที่รัก!" กรวิชญ์ยิ้มอย่างมีความสุขพลางซอกไซ้คอของหญิงสาว
กินรีหันหน้ากลับมาแล้วตบฉากเข้าที่ใบหน้าของชายหนุ่มอีกครั้งด้วยความโมโห เธอไม่ชอบให้ใครมาพูดจากหยาบคายกับเธอแบบนี้ เพราะเธอถือเสมอว่าทุกคนควรให้เกียรติซึ่งกันและกัน
"ฉันขอบอกนายเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายนะ อย่ามาเรียกฉันว่าเมียอีกเพราะฉันไม่ใช้เมียของนาย"
"แล้วแต่เธอแล้วกันนะ เพราะยังไงเธอกับฉันก็ได้เสียกันแล้ว แล้วอย่างนี้จะเรียกว่าเป็นผัวเมียกันได้หรือเปล่าจ๊ะ เมียที่รัก!" กรวิชญ์ยิ้มอย่างพอใจที่ได้ถากถางหญิงสาว แต่เธอไม่สนใจแล้วเดินออกไปจาห้องทันที
"เธอได้เห็นดีกับฉันแน่ ริน!" แผนการที่สุดแสนจะร้ายกาจได้ผุดขึ้นในสมองของกรวิชญ์อีกครั้ง ครวานี้ไม่ใช่แค่กินรีเท่านั้นที่ต้องรับมือกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นแต่มีแม่ของกินรี คุณหญิงนวลแจ่มทที่ต้องรับภาระที่หนักอึ้งนี้อีกด้วย!!
......................................................
กินรีขับรถมาเรื่อยๆจนมาถึงบ้าน เธอขับรถเข้าไปจอด ณ ที่ประที่ประจำของเธอ หลังจากที่เธอประตูรถแล้วเดินลงมา ป้าเพ็ญคนงานที่กำลังเอาขยะไปทิ้งก็สังเกตเห็น ด้วยความสงสัยที่เห็นสภาพของคุณหนูของตนเองดูโทรม ผมเผ้ายุ่งเหยิง น่าตาดูไม่สดใส ป้าเพ็ญก็รีบเอาขยะไปทิ้งเพื่อที่จะได้กลับมาทันไถ่ถามหญิงสาว เมื่อป้าเพ็ญเอาขยะไปทิ้งเสร็จก็รีบวิ่งกลับมาอย่างรวดเร็วแต่กลับไม่เห็นหญิงสาว
"อ้าว! คุณหนูหายไปไหนแล้วล่ะ เอาขยะไปทิ้งแป๊บเดียวเอง" ป้าเพ็ญอุทานด้วยความสงสัยก่อนที่จะรีบวิ่งขึ้นไปบนบ้านเพื่อหาคุณหญิงนวลแจ่ม
ในขณะที่ป้าเพ็ญกำลังวิ่งไปหาคุณหญิงก็ชนเข้ากับนกคนงานในบ้านอีกคนที่กำลังจะไปรถน้ำต้นไม้
"โอ้ยป้า!!จะรีบไปตายหรือไง วิ่งไม่ดูตาม้าตาเรือเลยนิ" ด้วยความโมโห นกเผลอหลุดปากด่าป้าเพ็ญออกไปอย่างไม่ทันได้คิด
"แกว่าใครจะไปตาย ฉันจะรีบไปหาคุณหญิงต่างหากล่ะ" ป้าเพ็ญบอก
"แล้วป้าจะรีบไปหาคุณหญิงทำไมหรอ มีอะไรหรือเปล่าป้า" คู่สนทนาเอ่ยถามด้วยความสงสัย
"แกไม่ต้องมาถามฉันหรอก เพราะถ้าฉันขืนบอกแกไป แกก็จะเอาเรื่องนี้ไปบอกกับบ้านนู้ทีบ้านนี้ที แล้วคราวนี้มันก็จะกลายเป็นเรื่องใหญ่ แล้วถ้าหากคุยหญิงรู้ว่าแกเอาเรื่องภายในบ้านไปบอกให้คนอื่นเค้ารับทราบ ฉันกับแกมีหวังได้ถูกคุณหญิงถีบออกจากบ้านแน่" ป้าเพ็ญอธิบายยาวเหยียดเพราะเกลงว่าจะถูกไล่ออก ถ้าหากบอกเรื่องที่เห็นคุณหนูกลับบ้านในสภาพที่กะเซอะกะเซิงไปทั้งตัว
"ไม่ถามก็ได้ ไปดีกว่ารำคาญคนแก่สังคายนา" นกหัวเราะชอบใจก่อนที่จะรีบวิ่งหนีผ่ามือที่จะฟาดเข้าที่หัวของตนเอง
"เอ๊ะนังนี่นิ ผีเจาะปากมาพูดหรือยังไง ไปเลยนะถ้ายังไม่อยากตาย" ป้าเพ็ญชี้นิ้วไปทางนกที่กำลังวิ่งหนีตนเองแล้วตำหนิเสียงดังไปทั่วบริเวณ
เมื่อป้าเพ็ญนึกขึ้นได้ว่าตนเองจะต้องไปหาคุณหญิงนวลแจ่ม จึงเลิกสนใจนกแล้ววิ่งไปหาคุณหญิงที่อยู่ภายในบ้านทันที
ในขณะที่ป้าเพ็ญกำลังวิ่งไปหาคุณหญิงนั้น ก็เกิดวิ่งชนเข้ากับเจ้าตัวจนตัวของคุณหญิงเกือบล้มคะมำลงกับพื้นแต่ดีที่คุณหญิงพยุงตัวเองไว้ได้ทัน
"เพ็ญจะรีบไหน เห็นมั้ยวิ่งชนฉันจนเกือบล้มแล้วเนี่ย" คุณหญิงนวลแจ่มตวาดเสียงใส่ป้าเพ็ญพร้อมกับทำสีหน้าไม่พอใจ จนทำให้เธอต้องหลบสายตายและกล่าวขอโทษขอโพยเจ้านายเป็นยกใหญ่
"เพ็ญขอโทษคะคือเพ็ญจะรีบมาหาคุณหญิงน่ะคะ"
"แล้วมีเรื่องอะไรถึงรีบขนาดนี้" คุณหญิงถามในขณะที่ยังทำสีหน้าไม่พอใจ
"เพ็ญจะมาถามคุณหญิงว่าทำไมคุณหนูถึงกลับบ้านมาในสภาพที่กะเซอะกะเซิงไปทั้งตัว" คำถามของป้าเพ็ญทำเอาคุณหญิงต้องขมวดคิ้วด้วยความสงสัย "แล้วนี้คุณหญิงเห็นคุณหนูหรือยังค่ะ?"
"มันหมายความว่ายังไงเพ็ญ ลูกฉันเป็นอะไร ทำไม่ถึงกลับบ้านมาในสภาพกะเซอะกะเซิงไปทั้งตัวอย่างนั้น" คุณหญิงถามกลับ
"แล้วถ้าเพ็ญรู้ เพ็ญจะมาถามคุณหญิงทำไม่ล่ะคะ" คำตอบของป้าเพ็ญทำให้อารมณ์ของคุณหญิงนวลแจ่มเสียมากกว่าเดิม
ความสงสัยว่าทำไมลูกสาวของตนถึงต้องกลับมาในสภาพเช่นที่ป้าเพ็ญเล่ามา มันบีบบังคับให้จิตใจของเธออยู่ไม่เป็นสุข กระวนกระวานว่ากินรีจะได้รับบาดเจ็บหรืออันตรายหรือเปล่า เมื่อจิตใจมันเรียกร้องคุณหญิงก็เดินกุมมือของตนขึ้นไปหาลูกสาวแต่ในขณะที่กำลังไปนั้น กินรีก็เดินลงมาจากชนสองของบ้าน หน้าตาดูสะอาดสะอ้าน ในมือถือเสื้อของผู้หญิงแล้วเดินเข้ามาหาคุณหญิง
"คุณแม่จะไปไหนหรอคะ" เมื่อคุณหญิงเห็นลูกสาวก็เกิดสงสัยอีกครั้งว่าในเมื่อป้าเพ็ญบอกว่าลูกสาวของตนกลับมาบ้านพร้อมกับสภาพที่ไม่น่าดูนัก แต่ทำไมการปฏิบัติตนของเธอยังคงดูเป็นปกติดี และสภาพร่างกายยังคงดูเป็นผู้หญิงธรรมดาที่ต้องแต่ตัวก่อนออกจากบ้านหรืออยู่ในบ้านก็ตาม
"หนูกลับบ้านตั้งแต่เมื่อไหร่ลูกทำไมแม่ไม่เห็น" คุณหญิงนวลแจ่มเอ่ยถามกินรี
"คือ หนูกลับมาไม่นานมานี้เองคะ เลยรีบขึ้นไปเปลี่ยนชุดลงมา" คำตอบของเธอต้องกับคำถามของผู้เป็นแม่ แต่คุณหญิงต้องการคำตอบที่มากกว่านั้น
"แล้วทำไมเมื่อคืนถึงไม่กลับบ้านล่ะลูก อย่าบอกนะว่าเมาหนักจนขับรถกลับบ้านไม่ไหว"
"ตามนั้นแหละคะคุณแม่" กินรีตอบ
คุณหญิงหันหน้าไปมองป้าเพ็ญแล้วสงสายตาเหมือนอยากจะบอกอะไรซักอย่าง แต่กินรีสักเกตเห็นเสียก่อนจึงเอ่ยถามขึ้น
"คุณแม่เป็นอะไรหรือเปล่าค่ะ?"
"คือ ฝุ่นเข้าตาแม่นะ ไม่มีอะไรหรอก" คุณหญิงตอบปฏิเสธไป แต่สายตาเหลือบไปเห็นมือของกินรีที่ถือเสื้อของผู้หญิงอยู่ จึงเกิดคำถามขึ้นอีกครั้งว่าลูกสาวของตนเอาเสื้อตัวนี้มาจากไหน เพราะเธอไม่เคยเห็นมันเลยสักครั้ง "หนูไปเอาเสื้อตัวนี้มาจากไหนหรอจ๊ะ ทำไมแม่ไมเคยเห็นเลย"
"คือ...หนูยืมเสื้อเพื่อนมาน่ะคะ เสื้อหนูเปื้อนอาเจียนตั้งแต่เมื้อคืน หนูก็เลยทิ้งไปเลยเพราะถ้าจะเอามาซักก็เห็นใจพี่นกเค้าน่ะคะ" คำตอบของกินรีทำให้คุณหญิงเชื่อไปซะสนิทใจ เหตุการณ์ในบ้านกลับไปเป็นดังเดิม
แต่อีกไม่นานความวุ่นวายโกลาหน กำลังจะเข้ามาครอบงำบ้านหลังนี้!!!!
...................................................
รถเก๋งคันงามของกรวิชญ์ขับมาตามท้องถนนเส้นใหญ่ก่อนที่จะเลี้ยวเข้าไปภายในบ้านของกินรี เมื่อเห็นว่ามีแขกมาเยี่ยมตาหมายที่กำลังรดน้ำต้นไม้อยู่ก็วางสายยางลงแล้วเดินเข้าไปทักทายด้วยท่าทีสุภาพ
"คุณครับ มาหาคุณหญิงหรือเปล่าครับ" ตาหมายถามด้วยใบหน้าที่เป็นมิตร
"เปล่าครับ ผมมาหาเมีย!" กรวิชญ์ตอบออกไปอย่างไม่อายปาก กระเป๋าหลายใบที่เต็มไปด้วยเสื้อผ้าของชายหนุ่มถูกนำมาด้วย เค้าพร้อมที่จะเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้อย่างชอบธรรม เพราะเค้าได้ชื่อว่าเป็นสามีคนที่สองของคุณหนูบ้านหลังนี้!!!
.....................................................
กระดังงาลนไฟ บทที่ 4 จุดเริ่มต้นของความหายนะ
เสียงร้องไห้ของกินรียังคงอยู่ภายในห้องของกรวิชญ์ เธอบอกกับตนเองตลอดเวลาว่าสักวันหนึ่งเธอจะต้องเอาคืนและแก้แค้นให้ได้ ในขณะเดียวกันกรวิชญ์ก็รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาพอดี เมื่อเค้าสังเกตเห็นหญิงสาวยังคงนอนร้องไห้อยู่ชายหนุ่มก็พูดคำบางคำขึ้นมา
"เธอจะร้องไห้ให้มันได้อะไรขึ้นมา" กินรียังคงนิ่งเฉยไม่โต้ตอบอะไร เมื่อชายหนุ่มเห็นเช่นนั้นก็เข้าไปโอบกอดเธออย่างแนบแน่นพลางซอกไซ้คอของหญิงสาวอย่างหื่นกระหายแล้วเอ่ยขึ้น "ยังไงเธอก็ได้เป็นเมียฉันแล้วแหละ ถึงเธอจะร้องไห้ฟูฟายจนจะเป็นจะตายยังไงมันก็ไม่มีทางกลับไปเป็นอย่างเดิมได้หรอก แต่ฉันว่าตอนนี้เรามาสนุกกันต่อดีกว่า" พูดจบชายกนุ่มก็ซอกไซ้คอของหญิงสาวอย่างหื่นกระหายพลางกดตัวของของหญิงสาวให้นอนลง แต่เธอจับแขนของกรวิชญ์ไว้ก็แล้วผลักชายหนุ่มออกไปจากตัวเองอย่างแรง
"นายยังย้ำยีฉันไม่พออีกหรอ แค่นี้ยังไม่สาแก่ใจนายอีกหรอ!" กินรีพูดทั้งน้ำตา
"ย้ำยีอะไรกัน เธอเป็นเมียฉันแล้วนะ จะพูดอะไรก็ให้เกียรติผัวคนนี้หน่อยสิ หรือว่าเธอยังไม่ลืมไอ้ชาติ แต่ไม่เป็นไรฉันจะทำให้เธอลืมมันเอง" พูดจบชายหนุ่มก็พยายามที่จะกุมมือของกินรีแต่ไม่ได้ผล เธอผลักตัวเค้าออกไปก่อนลุกขึ้นจากเตียงที่ทั้งเนื้อทั้งตัวมีเพียงฟ้าห่มผืนเดียว
"อย่ามายุ่งกับฉันนะ ถึงตัวฉันจะเป็นของนายแต่จิตใจของฉันนายอย่างหวังว่าจะได้มันไป" พูดจบกินรีก็เดินไปหยิบเสื้อผ้าที่ขาดวิ่นขึ้นมาและหยิบผ้าเช็ดตัวที่พาดอยู่แล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำ
เธอเดินออกมาพร้อมกับชุดเดิม ส่วนบนของร่างกายถูกปกปิดไว้ด้วยผ้าเช็ดตัวเพราะเสื้อของเธอถูกกรวิชญ์ฉีกออกเป็นชิ้นๆตั้งแต่เมื่อคืนนี้แล้ว
เธอเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าเพื่อหาเสื้อที่จะใส่แทนเสื้อที่ขาด เมื่อเปิดตู้ออกมาเธอก็เห็นเสื้อผ้าของผู้หญิงอยู่หลายตัว หญิงสาวแน่ใจขึ้นมาทันที่ ว่ากรวิชญ์จะต้องอาศัยอยู่กับผู้หญิงของเค้า
หญิงสาวหยิบเสื้อผู้หญิงตัวหนึ่งออกมาจากตู้ก่อนจะเอ่ยขึ้น
"ฉันขอยืมเสื้อของแฟนนายก่อนนะ แล้วฉันจะเอามาคืนให้" หญิงสาวพูดจากกับกรวิชญ์อย่างมีมารยาท แล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำอีกครั้งเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า
กรวิชญ์ไม่โต้ตอบอะไร แต่พยัคไหล่เบาๆหมายถึงอนุญาติ
ก่อนที่กินรีจะเดินออกไปจาก ชายหนุ่มก็รีบลุกขึ้นมาจากเตียงแล้วเข้ามาโอบกอดหญิงสาวอีกครั้ง แล้วพูดคำบางคำที่ทำให้หญิงสาวถึงกับโมโห
"แล้วกลับมาหาผมอีกนะครับ เมียที่รัก!" กรวิชญ์ยิ้มอย่างมีความสุขพลางซอกไซ้คอของหญิงสาว
กินรีหันหน้ากลับมาแล้วตบฉากเข้าที่ใบหน้าของชายหนุ่มอีกครั้งด้วยความโมโห เธอไม่ชอบให้ใครมาพูดจากหยาบคายกับเธอแบบนี้ เพราะเธอถือเสมอว่าทุกคนควรให้เกียรติซึ่งกันและกัน
"ฉันขอบอกนายเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายนะ อย่ามาเรียกฉันว่าเมียอีกเพราะฉันไม่ใช้เมียของนาย"
"แล้วแต่เธอแล้วกันนะ เพราะยังไงเธอกับฉันก็ได้เสียกันแล้ว แล้วอย่างนี้จะเรียกว่าเป็นผัวเมียกันได้หรือเปล่าจ๊ะ เมียที่รัก!" กรวิชญ์ยิ้มอย่างพอใจที่ได้ถากถางหญิงสาว แต่เธอไม่สนใจแล้วเดินออกไปจาห้องทันที
"เธอได้เห็นดีกับฉันแน่ ริน!" แผนการที่สุดแสนจะร้ายกาจได้ผุดขึ้นในสมองของกรวิชญ์อีกครั้ง ครวานี้ไม่ใช่แค่กินรีเท่านั้นที่ต้องรับมือกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นแต่มีแม่ของกินรี คุณหญิงนวลแจ่มทที่ต้องรับภาระที่หนักอึ้งนี้อีกด้วย!!
กินรีขับรถมาเรื่อยๆจนมาถึงบ้าน เธอขับรถเข้าไปจอด ณ ที่ประที่ประจำของเธอ หลังจากที่เธอประตูรถแล้วเดินลงมา ป้าเพ็ญคนงานที่กำลังเอาขยะไปทิ้งก็สังเกตเห็น ด้วยความสงสัยที่เห็นสภาพของคุณหนูของตนเองดูโทรม ผมเผ้ายุ่งเหยิง น่าตาดูไม่สดใส ป้าเพ็ญก็รีบเอาขยะไปทิ้งเพื่อที่จะได้กลับมาทันไถ่ถามหญิงสาว เมื่อป้าเพ็ญเอาขยะไปทิ้งเสร็จก็รีบวิ่งกลับมาอย่างรวดเร็วแต่กลับไม่เห็นหญิงสาว
"อ้าว! คุณหนูหายไปไหนแล้วล่ะ เอาขยะไปทิ้งแป๊บเดียวเอง" ป้าเพ็ญอุทานด้วยความสงสัยก่อนที่จะรีบวิ่งขึ้นไปบนบ้านเพื่อหาคุณหญิงนวลแจ่ม
ในขณะที่ป้าเพ็ญกำลังวิ่งไปหาคุณหญิงก็ชนเข้ากับนกคนงานในบ้านอีกคนที่กำลังจะไปรถน้ำต้นไม้
"โอ้ยป้า!!จะรีบไปตายหรือไง วิ่งไม่ดูตาม้าตาเรือเลยนิ" ด้วยความโมโห นกเผลอหลุดปากด่าป้าเพ็ญออกไปอย่างไม่ทันได้คิด
"แกว่าใครจะไปตาย ฉันจะรีบไปหาคุณหญิงต่างหากล่ะ" ป้าเพ็ญบอก
"แล้วป้าจะรีบไปหาคุณหญิงทำไมหรอ มีอะไรหรือเปล่าป้า" คู่สนทนาเอ่ยถามด้วยความสงสัย
"แกไม่ต้องมาถามฉันหรอก เพราะถ้าฉันขืนบอกแกไป แกก็จะเอาเรื่องนี้ไปบอกกับบ้านนู้ทีบ้านนี้ที แล้วคราวนี้มันก็จะกลายเป็นเรื่องใหญ่ แล้วถ้าหากคุยหญิงรู้ว่าแกเอาเรื่องภายในบ้านไปบอกให้คนอื่นเค้ารับทราบ ฉันกับแกมีหวังได้ถูกคุณหญิงถีบออกจากบ้านแน่" ป้าเพ็ญอธิบายยาวเหยียดเพราะเกลงว่าจะถูกไล่ออก ถ้าหากบอกเรื่องที่เห็นคุณหนูกลับบ้านในสภาพที่กะเซอะกะเซิงไปทั้งตัว
"ไม่ถามก็ได้ ไปดีกว่ารำคาญคนแก่สังคายนา" นกหัวเราะชอบใจก่อนที่จะรีบวิ่งหนีผ่ามือที่จะฟาดเข้าที่หัวของตนเอง
"เอ๊ะนังนี่นิ ผีเจาะปากมาพูดหรือยังไง ไปเลยนะถ้ายังไม่อยากตาย" ป้าเพ็ญชี้นิ้วไปทางนกที่กำลังวิ่งหนีตนเองแล้วตำหนิเสียงดังไปทั่วบริเวณ
เมื่อป้าเพ็ญนึกขึ้นได้ว่าตนเองจะต้องไปหาคุณหญิงนวลแจ่ม จึงเลิกสนใจนกแล้ววิ่งไปหาคุณหญิงที่อยู่ภายในบ้านทันที
ในขณะที่ป้าเพ็ญกำลังวิ่งไปหาคุณหญิงนั้น ก็เกิดวิ่งชนเข้ากับเจ้าตัวจนตัวของคุณหญิงเกือบล้มคะมำลงกับพื้นแต่ดีที่คุณหญิงพยุงตัวเองไว้ได้ทัน
"เพ็ญจะรีบไหน เห็นมั้ยวิ่งชนฉันจนเกือบล้มแล้วเนี่ย" คุณหญิงนวลแจ่มตวาดเสียงใส่ป้าเพ็ญพร้อมกับทำสีหน้าไม่พอใจ จนทำให้เธอต้องหลบสายตายและกล่าวขอโทษขอโพยเจ้านายเป็นยกใหญ่
"เพ็ญขอโทษคะคือเพ็ญจะรีบมาหาคุณหญิงน่ะคะ"
"แล้วมีเรื่องอะไรถึงรีบขนาดนี้" คุณหญิงถามในขณะที่ยังทำสีหน้าไม่พอใจ
"เพ็ญจะมาถามคุณหญิงว่าทำไมคุณหนูถึงกลับบ้านมาในสภาพที่กะเซอะกะเซิงไปทั้งตัว" คำถามของป้าเพ็ญทำเอาคุณหญิงต้องขมวดคิ้วด้วยความสงสัย "แล้วนี้คุณหญิงเห็นคุณหนูหรือยังค่ะ?"
"มันหมายความว่ายังไงเพ็ญ ลูกฉันเป็นอะไร ทำไม่ถึงกลับบ้านมาในสภาพกะเซอะกะเซิงไปทั้งตัวอย่างนั้น" คุณหญิงถามกลับ
"แล้วถ้าเพ็ญรู้ เพ็ญจะมาถามคุณหญิงทำไม่ล่ะคะ" คำตอบของป้าเพ็ญทำให้อารมณ์ของคุณหญิงนวลแจ่มเสียมากกว่าเดิม
ความสงสัยว่าทำไมลูกสาวของตนถึงต้องกลับมาในสภาพเช่นที่ป้าเพ็ญเล่ามา มันบีบบังคับให้จิตใจของเธออยู่ไม่เป็นสุข กระวนกระวานว่ากินรีจะได้รับบาดเจ็บหรืออันตรายหรือเปล่า เมื่อจิตใจมันเรียกร้องคุณหญิงก็เดินกุมมือของตนขึ้นไปหาลูกสาวแต่ในขณะที่กำลังไปนั้น กินรีก็เดินลงมาจากชนสองของบ้าน หน้าตาดูสะอาดสะอ้าน ในมือถือเสื้อของผู้หญิงแล้วเดินเข้ามาหาคุณหญิง
"คุณแม่จะไปไหนหรอคะ" เมื่อคุณหญิงเห็นลูกสาวก็เกิดสงสัยอีกครั้งว่าในเมื่อป้าเพ็ญบอกว่าลูกสาวของตนกลับมาบ้านพร้อมกับสภาพที่ไม่น่าดูนัก แต่ทำไมการปฏิบัติตนของเธอยังคงดูเป็นปกติดี และสภาพร่างกายยังคงดูเป็นผู้หญิงธรรมดาที่ต้องแต่ตัวก่อนออกจากบ้านหรืออยู่ในบ้านก็ตาม
"หนูกลับบ้านตั้งแต่เมื่อไหร่ลูกทำไมแม่ไม่เห็น" คุณหญิงนวลแจ่มเอ่ยถามกินรี
"คือ หนูกลับมาไม่นานมานี้เองคะ เลยรีบขึ้นไปเปลี่ยนชุดลงมา" คำตอบของเธอต้องกับคำถามของผู้เป็นแม่ แต่คุณหญิงต้องการคำตอบที่มากกว่านั้น
"แล้วทำไมเมื่อคืนถึงไม่กลับบ้านล่ะลูก อย่าบอกนะว่าเมาหนักจนขับรถกลับบ้านไม่ไหว"
"ตามนั้นแหละคะคุณแม่" กินรีตอบ
คุณหญิงหันหน้าไปมองป้าเพ็ญแล้วสงสายตาเหมือนอยากจะบอกอะไรซักอย่าง แต่กินรีสักเกตเห็นเสียก่อนจึงเอ่ยถามขึ้น
"คุณแม่เป็นอะไรหรือเปล่าค่ะ?"
"คือ ฝุ่นเข้าตาแม่นะ ไม่มีอะไรหรอก" คุณหญิงตอบปฏิเสธไป แต่สายตาเหลือบไปเห็นมือของกินรีที่ถือเสื้อของผู้หญิงอยู่ จึงเกิดคำถามขึ้นอีกครั้งว่าลูกสาวของตนเอาเสื้อตัวนี้มาจากไหน เพราะเธอไม่เคยเห็นมันเลยสักครั้ง "หนูไปเอาเสื้อตัวนี้มาจากไหนหรอจ๊ะ ทำไมแม่ไมเคยเห็นเลย"
"คือ...หนูยืมเสื้อเพื่อนมาน่ะคะ เสื้อหนูเปื้อนอาเจียนตั้งแต่เมื้อคืน หนูก็เลยทิ้งไปเลยเพราะถ้าจะเอามาซักก็เห็นใจพี่นกเค้าน่ะคะ" คำตอบของกินรีทำให้คุณหญิงเชื่อไปซะสนิทใจ เหตุการณ์ในบ้านกลับไปเป็นดังเดิม
รถเก๋งคันงามของกรวิชญ์ขับมาตามท้องถนนเส้นใหญ่ก่อนที่จะเลี้ยวเข้าไปภายในบ้านของกินรี เมื่อเห็นว่ามีแขกมาเยี่ยมตาหมายที่กำลังรดน้ำต้นไม้อยู่ก็วางสายยางลงแล้วเดินเข้าไปทักทายด้วยท่าทีสุภาพ
"คุณครับ มาหาคุณหญิงหรือเปล่าครับ" ตาหมายถามด้วยใบหน้าที่เป็นมิตร
"เปล่าครับ ผมมาหาเมีย!" กรวิชญ์ตอบออกไปอย่างไม่อายปาก กระเป๋าหลายใบที่เต็มไปด้วยเสื้อผ้าของชายหนุ่มถูกนำมาด้วย เค้าพร้อมที่จะเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้อย่างชอบธรรม เพราะเค้าได้ชื่อว่าเป็นสามีคนที่สองของคุณหนูบ้านหลังนี้!!!