ก้องภพเป็นไม้เบื่อไม้เมากับมัจฉาทั้งสองคนไม่ถูกกันเอาเสียเลยต่อหน้าชลธีทั้งคู่แกล้งเป็นมิตรที่ดีต่อกันแต่ลับหลังชลธีกัดเหมือนกับหมา
เจ๊นุชลำซิ่งร้านอาหารอีสานประจำหมู่บ้านตั้งอยู่หน้าปากทางเข้าหมู่บ้าน เข้ม เบิ้ม และ ชลธีนั่งรอมัจฉาอยู่ภายในร้านทั้งสามคนมาฉลองวันคล้ายวันเกิดให้กับมัจฉา เจ๊นุชเองก็เช่นกันถึงกับปิดร้านปิดร้านจัดงานวันคล้ายวันเกิดให้กับมัจฉา งานวันเกิดเล็ก ๆ ถูกจัดขึ้นอย่างเรียบง่าย บรรยากาศอบอวลไปด้วยเสียงหัวเราะ ทุกคนรอมัจฉาอยู่ภายในร้าน มัจฉาปรับสีหน้าให้เป็นปกติก่อนเดินเข้าไปในร้านเพื่อความสบายใจของทุกคน
“ ฉันต้องขอโทษด้วยที่มาช้าพอดีมีปัญหานิดหน่อย ”
“ ไอ้มัจ !แกไปมีเรื่องกับใครมา ดูสิหน้าพังหมดเลย แขนด้วย ใครทำอะไรแก ” ชลธีถามด้วยความห่วง
“ วันนี้ฉันมีเรื่องกับพวกไอ้น้ำหวานเพราะเรื่องนี้ที่ทำให้ฉันมาช้า อาจารย์สุปราณีย์เรียกไปอบรมเสียตั้งนาน ”
“ ระวังตัวให้ดีแล้วกันเดี๋ยวเรื่องจะไปถึงหูคุณนายเพ็ญจันทร์ เจ๊เตือนด้วยความหวังดี ”
“ วัยรุ่นเซ็ง ”
“ พักเรื่องเครียด ๆ ไว้ก่อน เรามาสนุกกันดีกว่า ” เข้มถือเค้กวันเกิดมาให้มัจฉา เบิ้มปักเทียนลงบนเค้ก เปลวไฟจากแสงเทียนค่อย ๆ สว่าง ทุกคนร้องพร้อมใจร้องเพลงอวยพรวันเกิดให้กับมัจฉา เสียงเพลงดังขึ้น เครื่องดื่มแอลกออล์มีให้เลือกได้ทดลองชิมหลายอย่าง อาหารคาวหวานมีพร้อม มัจฉายิ้มด้วยความสุขใจแต่อดนึกถึงเพ็ญจันทร์กับพุทธชาดว่าทำไมวันนี้ยังไม่ได้รับคำอวยพรจากบุคคลทั้งสอง รอยยิ้ม เสียงหัวเราะของทุกคนทำให้มัจฉาหยุดคิดถึงเพ็ญจันทร์และพุทธชาดไปชั่วขณะ มาริษามาหาพุทธชาดที่บ้าน พุทธชาดนั่งอ่านหนังสือเตรียมสอบเทอมสุดท้ายของการแพทย์ ส่วนมาริษากำลังนั่งตรวจการบ้านของนักเรียน ในขณะที่มาริษาไม่ทันระวังทำให้จดหมายเชิญผู้ปกครองหล่นลงพื้นกระเด็นไปที่เท้าของเพ็ญจันทร์พอดี มาริษาไม่ทันสังเกตว่าจดหมายหล่นลงพื้นไปแล้ว เพ็ญจันทร์ก้มลงหยิบนึกสงสัยว่าเป็นจดหมายอะไรลองเปิดอ่านดู เมื่ออ่านรายเนื้อความในจดหมายทำให้ทราบรายละเอียดทั้งหมด เพ็ญจันทร์ตัวเป็นปกติ
. “ สวัสดีค่ะป้า ”
“ หวัดดีจ๊ะ ทำอะไรกันอยู่เอกสารเต็มโต๊ะเลย ”
“ ตรวจการบ้านค่ะป้า ”
“ อาชีพครูก็แบบนี้แหละลูก กลางวันเป็นครู กลางคืนนั่งตรวจการบ้าน ไม่ค่อยมีเวลาว่างเหมือนกับคนอื่น ๆ หรอก ชีวิตวนเวียนอยู่ที่บ้านกับโรงเรียนแทบ มัจกลับบ้านมาแล้วหรือยังตั้งแต่ป้าเดินเข้ามายังไม่เห็นเลย ”
“ ค่ำ ๆ คงกลับคะ น้องมีนัดไปฉลองวันเกิดกับเพื่อน ๆ ที่ร้านเจ๊นุชหน้าปากซอย ”
“ ป้าลืมไปเลยวันนี้เป็นวันคล้ายวันเกิดของมัจมัวแต่ทำงาน เค้กสักก้อนยังไม่มีให้ ป้านี่แย่จริง ๆ วันเกิดหลานยังจำไม่ได้ มัจกลับมาให้ไปหาที่ห้องทำงานด้วยนะ ป้าขอตัวไปเคลียร์งานก่อนแล้วกัน ” เพ็ญจันทร์เดินเข้าไปลูบหัวพุทธชาดเบา ๆ
“ สู้ ๆ นะลูก ป้าเป็นกำลังใจให้เหลืออีกเทอมเดียวแล้ว ”
เพ็ญจันทร์นั่งรอมัจฉาอยู่ในห้องทำงานเหลือบไปมองนาฬิกาเป็นระยะ จดหมายเชิญผู้ปกครองของมัจฉาทำให้เพ็ญจันทร์เครียดกลัวมัจฉาจะโดนพักการเรียนถึงภายนอกจะดูแข็งกร้าวแสดงความรู้สึกไม่เก่งแต่หัวใจทั้งดวงนี้ทั้งรักและเป็นห่วงหลานคนนี้มาก เพ็ญจันทน์ถอนหายใจ
“ ทำไมยังไม่กลับบ้านอีก ” เพ็ญจันทร์นั่งทำงานคั่นเวลารอมัจฉากลับมา พุทธชาดเดินไปส่งมาริษาที่บ้าน บ้านของมาริษากับบ้านของพุทธชาดอยู่ตรงกันข้าวห่างกันแค่ถนนกั้นเดินไม่ถึงสิบก้าว มัจฉากลับมาพอดี พุทธชาดบอกให้มัจฉาไปหาที่ห้องทำงาน เสียงเปิดประตูทำให้เพ็ญจันทร์เงยหน้าขึ้นปิดแฟ้มเอกสารพร้อมกับถอนหายใจ
“ ไปไหนมาทำไมเพิ่งกลับบ้าน ”
“ วันนี้คุณนายเป็นอะไร ทำไมดุจัง มัจไปร้านเจ๊นุชมาเลยกลับบ้านมาช้า ”
“ มีอะไรแก้ตัวไหม ” เพ็ญจันทร์วางกระดาษสีขาวลงบนโต๊ะ มัจฉาเงียบไม่เถียงเพ็ญจันทร์เหมือนทุกครั้ง เพ็ญจันทร์ลุกขึ้นเดินเข้าไปใกล้มัจฉา กลิ่นกายของมัจฉาอบอวลไปฤทธิ์ของแอลกอฮล์ยิ่งทำให้เพ็ญจันทร์ยิ่งโกรธเข้าไปอีกจากที่แค่คิดว่าจะปล่อยปัญหาครั้งนี้ผ่านไปอย่างง่าย ๆ ความคิดของเพ็ญจันทร์เปลี่ยนไปในทันที
“ กลิ่นเหล้ามาจากไหน ” เพ็ญจันทร์เดินสำรวจรอบ ๆ ตัวของมัจฉา สายตาที่มองมาเหมือนดังเช่นเหยี่ยวที่กำลังจะตะครุบเหยื่อ
“ หมายความว่าที่กลับบ้านช้าเพราะแอบไปกินเหล้ากับเพื่อนมาใช่ไหม ”
“ เรื่องวันนี้มัจอธิบายไม่ใช่อย่างที่คุณนายคิด มัจไม่ได้กินเหล้า ”
“ กินอยู่กับปากอยากอยู่กับท้อง หลักฐานชัดเจนยังกล้าปฏิเสธไม่ยอมรับความจริง ไม่ต้องมาแก้ตัวให้ตัวเองพ้นผิด ” เพ็ญจันทร์ขว้างซองจดหมายเชิญผู้ปกครองใส่หน้าของมัจฉาเต็มแรงด้วยความโมโห
“ นี่มันอะไรกันไปเรียนหนังสือแต่กลับไปยกพวกตีกัน ทำตัวเหมือนกุ้ยข้างถนน นักเลงนอกคอก ไม่อายบ้างหรือไงทำตัวแบบนี้ ”
“ มัจไม่อายมันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรก็แค่เด็กทะเลาะกัน ทำไมคุณนายต้องคิดมากด้วย ”
“ แกไม่อายแต่ป้าอายที่มีหลานทำตัวเลว ๆ เมื่อไหร่จะเลิกทำตัวเกเรสักที ”
“ คุณนายอายที่มีหลานอย่างมัจแล้วคุณนายเลี้ยงเด็กคนนี้มาทำไมกัน ในเมื่อคุณนายไม่เคยเข้าใจและรับฟังหลานคนนี้เลย ในหัวใจของคุณนายมีแต่พี่พุด คุณนายไม่เคยรักมัจเลย ”
“ เด็กเกเรอย่างนี้ ป้ารักไม่ลง ดูอย่างพุทธชาดสิตั้งแต่เล็กจนโตไม่เคยสร้างปัญหาให้ป้าต้องต้องกลุ้มใจ เชื่อฟังฉันทุกอย่างตั้งแต่มัจเกิดมามีบ้างสักครั้งไหมที่ทำให้ป้าภูมิใจสักเรื่องบ้างมั้ย ลองคิดทบทวนดูแล้วกัน ”
“ พี่พุดดีทุกอย่าง มัจทำอะไรไม่เคยดีในสายตาของคุณนายเลย คุณนายลำเอียงรักหลานไม่เท่ากัน คนอะไรใจดำที่สุด มีหลานสองคนแต่เลี้ยงหลานไม่เหมือนกัน คนหนึ่งใช้ชีวิตอย่างกับเจ้าหญิงส่วนอีกคนหนึ่งใช้ชีวิตอย่างกับขอทาน ในเมื่อคุณนายไม่เคยรักเด็กคนนี้เลยจะฝืนทนเลี้ยงมาทำไมตั้งแต่เล็กจนโต คนใจร้าย เผด็จการลำเอียงที่สุด ” เพ็ญจันทร์โมโหโกรธมัจฉามากหยิบไม้เรียวฟาดลงบนตัวมัจฉาเต็มแรง มัจฉายืนนิ่ง ๆ ปล่อยให้เพ็ญจันทร์ใช้ไม้เรียวฟาดตัวเองจนกว่าจะพอใจ รอยบาดแผลตรงแขนของมัจฉาทำให้เพ็ญจันทร์ได้สติหยุดตีมัจฉา เพ็ญจันทน์พยามข่มความรู้สึกผิดของตัวเองเดินออกจากห้องไปไม่ให้มัจฉาเห็นร่องรอยน้ำตาของตนแอง มัจฉาขับรถออกจากบ้านไปหาเข้มกับเบิ้มที่บ้าน ในขณะที่ทั้งสองคนกำลังช่วยกันเตรียมอาหารค่ำ
“ ไอ้มัจ ! วันนี้มาเสียดึกเลยนะทะเลาะกับป้าเพ็ญมาอีกแล้วใช่ไหม ” มัจฉาพยักหน้าแทนคำตอบ
“ พรุ่งนี้แกให้ใครไปเป็นผู้ปกครอง ”
“ คุณนายเพ็ญจันทร์ ”
“ ห๊ะ ! ว่าไงนะ ฉันได้ยินไม่ผิดใช่ไหม แกเตรียมตัวขุดหลุมฝังตัวเองเตรียมตัวลงนรกได้เลย ” มัจฉา เข้มและเบิ้มหัวเราะออกมาพร้อมกัน เสียงหัวเราะของเพื่อนชายทั้งสองทำให้มัจฉาลืมเรื่องราวที่เกิดขึ้นไปชั่วครู่ รอยยิ้มเล็ก ๆ เผลอยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว
หน้าห้องปกครอง ผู้ปกครองต่างทยอยเดินเข้ามาในห้อง มัจฉาและเพื่อนนั่งจับกลุ่มคุยกันที่หน้าห้อง ส่วนกลุ่มของน้ำหวานเดินเข้าไปในห้องปกครองก่อนหน้านี้ สุปราณีย์กล่าวต้อนรับผู้ปกครองอยู่ในห้อง
“ มัจ ! พี่ขอโทษที่ทำให้มัจต้องโดนดุเพราะความซุ่มซ่ามของพี่ทำให้มัจต้องเดือดร้อน ”
“ พี่ษามาขอโทษมัจทำไมในเมื่อพี่ได้ทำอะไรผิด คิดเสียว่าเรื่องเมื่อวานเป็นวันแย่ ๆ ของมัจแล้วกันนะ พี่รีบเดินเข้าห้องไปก่อนที่ใครจะมาเห็น มัจไม่อยากโดนมองเป็นเด็กเส้น ”
“ พี่ขอโทษ ” มัจฉากอดมาริษาเป็นการปลอบใจเพื่อให้มาริษารู้สึกดีขึ้น กลุ่มของมัจฉาชวนกันเดินเข้าไปในห้องปกครอง ผู้ปกครองของแต่ละทยอยเดินเข้ามาจนครบเหลือเพียงเพ็ญจันทร์ที่ยังไม่มา สุปราณีย์กล่าวต้อนรับผู้ปกครองด้วยความยินดีพร้อมทั้งเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้ทุกคนฟัง มัจฉามมองไปรอบ ๆ เพ็ญจันทร์ยังไม่มา ในขณะนี้ผู้ปกครองของทุกคนมากันครบทุกคนขาดเพียงเพ็ญจันทร์คนเดียวที่ยังไม่มา มัจฉาถอนหายใจด้วยความเบื่อหน่ายเตรียมคำตอบไว้ให้สุปราณีย์ หลังจากเสร็จจากการประชุมผู้ปกครองแต่ละคนต่างทยอยกันออกไป ทันใดนั้นเองผู้ปกครองคนสุดท้ายก็เดินเข้ามา หญิงวัยกลางคนแต่งตัวภูมิฐาน การแต่งการของเธอบ่งบอกถึงฐานะได้เป็นอย่างดี
“ คุณนาย ” มัจฉาอุทานด้วยความตกใจ
“ ใครวะ ”
“ ป้าฉันเอง นี่แหละคุณนายเพ็ญจันทร์ เจ้านายที่กำหนดชีวิตของฉันมาตั้งแต่เกิด วันนี้ป้าสุคงรู้ความจริงว่าฉันเป็นใคร ” มัจฉาเดินเข้าไปเพ็ญจันทร์ รอยแผลบนแขนของมัจฉายังชัดเจนทำให้เพ็ญจันทร์รู้สึกผิด ความโกรธเมื่อคืนได้จางหายไป
“ วันนี้มีประชุมมัจเข้าใจว่าคุณนายไม่มา ”
“ ครูอยู่ในห้อง ครูประจำชั้นของมัจคุณนายรู้จักดี ” เพ็ญจันทร์นึกสงสัยในคำพูดของมัจฉารีบเดินเข้าไปในห้อง ในขณะที่สุปราณีย์กำลังนั่งตรวจเอกสารที่วางกองอยู่บนโต๊ะ
“ สวัสดีค่ะอาจารย์ดิฉันเป็นผู้ปกครองของมัจฉาต้องขอโทษด้วยค่ะที่มาช้าพอดีช่วงเช้าดิฉันติดประชุมค่ะ ”
“ เพ็ญ ”
“ สุ ! ”
“ ฉันไม่คิดว่าจะเจอเธอที่นี้หมายความว่าเธอเป็นครูประจำชั้นของมัจฉา ดีเหมือนกันฉันได้ถามเธอเรื่องความประพฤติ ฉันแหละกลุ้มใจจริง ๆ กับหลานคนนี้ ” เพ็ญจันทร์ถอนหายใจ
“ เรื่องธรรมดาของเด็กวัยรุ่นโดยเฉพาะมัจฉา เธอเลี้ยงมัจฉามาตั้งแต่เด็กทำไมจะไม่รู้ละ หลานของเธอคนนี้แสบสะท้านทรวงขนาดไหน ”
“ มันก็จริงอย่างที่เธอว่า ”
“ มัจบอกกับฉันว่าเป็นญาติห่าง ๆ กับเธอ ”
“ ห่างแค่ไหน ตลกจริง ๆ เด็กคนนี้ ทำไมเธอไม่โทรมาถามฉันละ ฉันฝากดูยัยมัจด้วยละฝากเธอช่วยเตือนอบรมด้วย ลำพังฉันคนเดียวปรามยัยมัจไม่ไหว ”
“ ได้จ๊ะ ” น้ำหวานรู้ความจริงทั้งหมดถึงกับอ้าปากค้าด้วยความตกใจไม่คาดคิดว่าคนที่เธอดูถูกมาตลอดกลับมีฐานะที่ดีกว่าตัวเองเสียอีก
“ ไอ้มัจไม่ได้จนอย่างที่ฉันคิด ฉันไม่อย่างจะเชื่อเลย ฉันกำลังฝันอยู่ใช่ไหม ”
“ สักทีไหมไอ้น้ำหวาน แกจะได้ตื่นจากความฝัน ” มัจฉาง้างมือจะตบน้ำหวานแต่เพ็ญจันทร์กับสุปราณีย์เดินออกมาพอทีทำให้ทุกคนต้องอยู่ในความสงบ
“ มัจ ! กลับบ้านไปเรามีเรื่องที่ต้องคุยกันยาวได้เลยนะ ”
“ ยังมีเรื่องอะไรอีก เมื่อคืนเราคุยกันจบแล้วไม่ใช่หรอ คุณนายยังมีเรื่องอะไรที่จะคุยกับมัจอีก มัจไม่มีอะไรคุยกับคุณนาย ”
“ ห้าโมงเย็นเจอกันที่ห้องทำงานของป้า ตกลงตามนี้ ” มัจฉาพยักหน้าเป็นการตอบรับ ทุกคนอึ้งในความเด็ดขาดของเพ็ญจันทร์ทำให้เข้าใจมัจฉาความรู้สึกของมัจฉามากขึ้น
“ ไอ้เด็กคนนี้ต้มป้าเสียเปื่อยเลยนะ ”
“ มัจต้องขอโทษป้าสุ มัจไม่อยากให้รู้ว่าเราเป็นอะไรกันเดี๋ยวจะถูกมองว่าเป็นเด็กเส้น ”
“ ป้าเข้าใจ ”
“ ถ้างั้นหลังจากวันนี้เกิดอะไรขึ้นมัจให้ป้าสุเป็นผู้ปกครองของมัจแล้วกัน ไม่ต้องบอกให้คุณนายรู้ ”
สุปราณีย์ยิ้มลูบหัวมัจฉาเบา ๆ เดินกลับเข้าไปในห้อง มัจฉาไม่อยากกลับบ้านเลยแวะไปหาชลธีที่บ้าน เพ็ญจันทร์ใจอ่อนยอมให้มัจฉาเรียนประมงเตรียมสมุดบัญชีและบัตรกดเงินไว้ให้ รูปถ่ายของมัจฉาในวัยเด็กทำให้เพ็ญจันทร์นึกถึงเรื่องราวในอดีต
บทที่ 2 ร้านสามเกลอ
บ้านสวนของชลธี ชลธีกำลังยืนรดน้ำผัก ในบริเวณนั้นมีแปลงผักจำนวนมากมีผักหลากหลายชนิดทั้งที่เป็นผักกินใบ ผักกาด คะน้า กวางตุ้ง หรือแม้กระทั่งผักสวนครัวระยะยาว เช่น พริก มะเขือ มัจฉาเดินเข้าไปในแปลงผักช่วยชลธีรดน้ำแปลงผักที่อยู่ตรงหน้า
“ ไอ้มัจ ! วันนี้แกเป็นไงบ้าง เปิดเรียนไม่กี่วันถูกเชิญผู้ปกครอง แกมันนี่จริง ๆ เลยนะ ”
“ คุณนายไปที่วิทยาลัยและวันนี้ป้าสุก็รู้แล้วว่าฉันเป็นหลานของคุณนาย ”
“ จริงดิ ฉันอยากจะหัวเราะต่อไปแกคงกระดิกตัวไปไหนไม่ได้ต้องอยู่ในกฏระเบียบเพราะถ้าแกทำผิดเมื่อไหร่ ป้าเพ็ญจะรู้ทันที ”
“ ไม่ต้องมาย้ำ ฉันรู้แล้ว ”
“ แกอย่าเพิ่งกลับอยู่กินข้าวกันก่อน ”
“ ได้สิ ! พ่อกับแม่ไปไหนตั้งแต่ฉันมายังไม่เห็นเลย ”
“ พ่อกับแม่ไปเยี่ยมญาติที่ต่างจังหวัด วันพรุ่งนี้ถึงจะกลับ แกอยากกินอะไรเป็นพิเศษไหมเดี๋ยวฉันทำให้กิน ”
“ ฉันอยากกินคะน้าหมูกรอบ ”
“ เดี๋ยววันนี้ฉันทำให้กินรับรองแกจะติดใจฝีมือของฉัน ” มัจฉาเห็นชลธีเดินเข้ามาใกล้ตนเองแกล้งเดินสะดุดก้อนหินหกล้มให้ชลธีเข้ามาช่วยพยุง ทุกอย่างเป็นไปตามแผนการที่วางไว้ ชลธีเห็นมัจฉากำลังล้มรีบวิ่งมาจับตัวมัจฉาในทันที มัจฉาแกล้งเจ็บขาลุกขึ้นเดินไม่ไหว ชลธีอุ้มมัจฉากลับบ้าน มัจฉายิ้มด้วยความพอใจ ชลธีขอตัวไปทำกับข้าว มัจฉานั่งทบทวนคิดถึงเรื่องเมื
กลรักสาวมีนกร ตอนที่ 1 ( ต่อ )
เจ๊นุชลำซิ่งร้านอาหารอีสานประจำหมู่บ้านตั้งอยู่หน้าปากทางเข้าหมู่บ้าน เข้ม เบิ้ม และ ชลธีนั่งรอมัจฉาอยู่ภายในร้านทั้งสามคนมาฉลองวันคล้ายวันเกิดให้กับมัจฉา เจ๊นุชเองก็เช่นกันถึงกับปิดร้านปิดร้านจัดงานวันคล้ายวันเกิดให้กับมัจฉา งานวันเกิดเล็ก ๆ ถูกจัดขึ้นอย่างเรียบง่าย บรรยากาศอบอวลไปด้วยเสียงหัวเราะ ทุกคนรอมัจฉาอยู่ภายในร้าน มัจฉาปรับสีหน้าให้เป็นปกติก่อนเดินเข้าไปในร้านเพื่อความสบายใจของทุกคน
“ ฉันต้องขอโทษด้วยที่มาช้าพอดีมีปัญหานิดหน่อย ”
“ ไอ้มัจ !แกไปมีเรื่องกับใครมา ดูสิหน้าพังหมดเลย แขนด้วย ใครทำอะไรแก ” ชลธีถามด้วยความห่วง
“ วันนี้ฉันมีเรื่องกับพวกไอ้น้ำหวานเพราะเรื่องนี้ที่ทำให้ฉันมาช้า อาจารย์สุปราณีย์เรียกไปอบรมเสียตั้งนาน ”
“ ระวังตัวให้ดีแล้วกันเดี๋ยวเรื่องจะไปถึงหูคุณนายเพ็ญจันทร์ เจ๊เตือนด้วยความหวังดี ”
“ วัยรุ่นเซ็ง ”
“ พักเรื่องเครียด ๆ ไว้ก่อน เรามาสนุกกันดีกว่า ” เข้มถือเค้กวันเกิดมาให้มัจฉา เบิ้มปักเทียนลงบนเค้ก เปลวไฟจากแสงเทียนค่อย ๆ สว่าง ทุกคนร้องพร้อมใจร้องเพลงอวยพรวันเกิดให้กับมัจฉา เสียงเพลงดังขึ้น เครื่องดื่มแอลกออล์มีให้เลือกได้ทดลองชิมหลายอย่าง อาหารคาวหวานมีพร้อม มัจฉายิ้มด้วยความสุขใจแต่อดนึกถึงเพ็ญจันทร์กับพุทธชาดว่าทำไมวันนี้ยังไม่ได้รับคำอวยพรจากบุคคลทั้งสอง รอยยิ้ม เสียงหัวเราะของทุกคนทำให้มัจฉาหยุดคิดถึงเพ็ญจันทร์และพุทธชาดไปชั่วขณะ มาริษามาหาพุทธชาดที่บ้าน พุทธชาดนั่งอ่านหนังสือเตรียมสอบเทอมสุดท้ายของการแพทย์ ส่วนมาริษากำลังนั่งตรวจการบ้านของนักเรียน ในขณะที่มาริษาไม่ทันระวังทำให้จดหมายเชิญผู้ปกครองหล่นลงพื้นกระเด็นไปที่เท้าของเพ็ญจันทร์พอดี มาริษาไม่ทันสังเกตว่าจดหมายหล่นลงพื้นไปแล้ว เพ็ญจันทร์ก้มลงหยิบนึกสงสัยว่าเป็นจดหมายอะไรลองเปิดอ่านดู เมื่ออ่านรายเนื้อความในจดหมายทำให้ทราบรายละเอียดทั้งหมด เพ็ญจันทร์ตัวเป็นปกติ
. “ สวัสดีค่ะป้า ”
“ หวัดดีจ๊ะ ทำอะไรกันอยู่เอกสารเต็มโต๊ะเลย ”
“ ตรวจการบ้านค่ะป้า ”
“ อาชีพครูก็แบบนี้แหละลูก กลางวันเป็นครู กลางคืนนั่งตรวจการบ้าน ไม่ค่อยมีเวลาว่างเหมือนกับคนอื่น ๆ หรอก ชีวิตวนเวียนอยู่ที่บ้านกับโรงเรียนแทบ มัจกลับบ้านมาแล้วหรือยังตั้งแต่ป้าเดินเข้ามายังไม่เห็นเลย ”
“ ค่ำ ๆ คงกลับคะ น้องมีนัดไปฉลองวันเกิดกับเพื่อน ๆ ที่ร้านเจ๊นุชหน้าปากซอย ”
“ ป้าลืมไปเลยวันนี้เป็นวันคล้ายวันเกิดของมัจมัวแต่ทำงาน เค้กสักก้อนยังไม่มีให้ ป้านี่แย่จริง ๆ วันเกิดหลานยังจำไม่ได้ มัจกลับมาให้ไปหาที่ห้องทำงานด้วยนะ ป้าขอตัวไปเคลียร์งานก่อนแล้วกัน ” เพ็ญจันทร์เดินเข้าไปลูบหัวพุทธชาดเบา ๆ
“ สู้ ๆ นะลูก ป้าเป็นกำลังใจให้เหลืออีกเทอมเดียวแล้ว ”
เพ็ญจันทร์นั่งรอมัจฉาอยู่ในห้องทำงานเหลือบไปมองนาฬิกาเป็นระยะ จดหมายเชิญผู้ปกครองของมัจฉาทำให้เพ็ญจันทร์เครียดกลัวมัจฉาจะโดนพักการเรียนถึงภายนอกจะดูแข็งกร้าวแสดงความรู้สึกไม่เก่งแต่หัวใจทั้งดวงนี้ทั้งรักและเป็นห่วงหลานคนนี้มาก เพ็ญจันทน์ถอนหายใจ
“ ทำไมยังไม่กลับบ้านอีก ” เพ็ญจันทร์นั่งทำงานคั่นเวลารอมัจฉากลับมา พุทธชาดเดินไปส่งมาริษาที่บ้าน บ้านของมาริษากับบ้านของพุทธชาดอยู่ตรงกันข้าวห่างกันแค่ถนนกั้นเดินไม่ถึงสิบก้าว มัจฉากลับมาพอดี พุทธชาดบอกให้มัจฉาไปหาที่ห้องทำงาน เสียงเปิดประตูทำให้เพ็ญจันทร์เงยหน้าขึ้นปิดแฟ้มเอกสารพร้อมกับถอนหายใจ
“ ไปไหนมาทำไมเพิ่งกลับบ้าน ”
“ วันนี้คุณนายเป็นอะไร ทำไมดุจัง มัจไปร้านเจ๊นุชมาเลยกลับบ้านมาช้า ”
“ มีอะไรแก้ตัวไหม ” เพ็ญจันทร์วางกระดาษสีขาวลงบนโต๊ะ มัจฉาเงียบไม่เถียงเพ็ญจันทร์เหมือนทุกครั้ง เพ็ญจันทร์ลุกขึ้นเดินเข้าไปใกล้มัจฉา กลิ่นกายของมัจฉาอบอวลไปฤทธิ์ของแอลกอฮล์ยิ่งทำให้เพ็ญจันทร์ยิ่งโกรธเข้าไปอีกจากที่แค่คิดว่าจะปล่อยปัญหาครั้งนี้ผ่านไปอย่างง่าย ๆ ความคิดของเพ็ญจันทร์เปลี่ยนไปในทันที
“ กลิ่นเหล้ามาจากไหน ” เพ็ญจันทร์เดินสำรวจรอบ ๆ ตัวของมัจฉา สายตาที่มองมาเหมือนดังเช่นเหยี่ยวที่กำลังจะตะครุบเหยื่อ
“ หมายความว่าที่กลับบ้านช้าเพราะแอบไปกินเหล้ากับเพื่อนมาใช่ไหม ”
“ เรื่องวันนี้มัจอธิบายไม่ใช่อย่างที่คุณนายคิด มัจไม่ได้กินเหล้า ”
“ กินอยู่กับปากอยากอยู่กับท้อง หลักฐานชัดเจนยังกล้าปฏิเสธไม่ยอมรับความจริง ไม่ต้องมาแก้ตัวให้ตัวเองพ้นผิด ” เพ็ญจันทร์ขว้างซองจดหมายเชิญผู้ปกครองใส่หน้าของมัจฉาเต็มแรงด้วยความโมโห
“ นี่มันอะไรกันไปเรียนหนังสือแต่กลับไปยกพวกตีกัน ทำตัวเหมือนกุ้ยข้างถนน นักเลงนอกคอก ไม่อายบ้างหรือไงทำตัวแบบนี้ ”
“ มัจไม่อายมันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรก็แค่เด็กทะเลาะกัน ทำไมคุณนายต้องคิดมากด้วย ”
“ แกไม่อายแต่ป้าอายที่มีหลานทำตัวเลว ๆ เมื่อไหร่จะเลิกทำตัวเกเรสักที ”
“ คุณนายอายที่มีหลานอย่างมัจแล้วคุณนายเลี้ยงเด็กคนนี้มาทำไมกัน ในเมื่อคุณนายไม่เคยเข้าใจและรับฟังหลานคนนี้เลย ในหัวใจของคุณนายมีแต่พี่พุด คุณนายไม่เคยรักมัจเลย ”
“ เด็กเกเรอย่างนี้ ป้ารักไม่ลง ดูอย่างพุทธชาดสิตั้งแต่เล็กจนโตไม่เคยสร้างปัญหาให้ป้าต้องต้องกลุ้มใจ เชื่อฟังฉันทุกอย่างตั้งแต่มัจเกิดมามีบ้างสักครั้งไหมที่ทำให้ป้าภูมิใจสักเรื่องบ้างมั้ย ลองคิดทบทวนดูแล้วกัน ”
“ พี่พุดดีทุกอย่าง มัจทำอะไรไม่เคยดีในสายตาของคุณนายเลย คุณนายลำเอียงรักหลานไม่เท่ากัน คนอะไรใจดำที่สุด มีหลานสองคนแต่เลี้ยงหลานไม่เหมือนกัน คนหนึ่งใช้ชีวิตอย่างกับเจ้าหญิงส่วนอีกคนหนึ่งใช้ชีวิตอย่างกับขอทาน ในเมื่อคุณนายไม่เคยรักเด็กคนนี้เลยจะฝืนทนเลี้ยงมาทำไมตั้งแต่เล็กจนโต คนใจร้าย เผด็จการลำเอียงที่สุด ” เพ็ญจันทร์โมโหโกรธมัจฉามากหยิบไม้เรียวฟาดลงบนตัวมัจฉาเต็มแรง มัจฉายืนนิ่ง ๆ ปล่อยให้เพ็ญจันทร์ใช้ไม้เรียวฟาดตัวเองจนกว่าจะพอใจ รอยบาดแผลตรงแขนของมัจฉาทำให้เพ็ญจันทร์ได้สติหยุดตีมัจฉา เพ็ญจันทน์พยามข่มความรู้สึกผิดของตัวเองเดินออกจากห้องไปไม่ให้มัจฉาเห็นร่องรอยน้ำตาของตนแอง มัจฉาขับรถออกจากบ้านไปหาเข้มกับเบิ้มที่บ้าน ในขณะที่ทั้งสองคนกำลังช่วยกันเตรียมอาหารค่ำ
“ ไอ้มัจ ! วันนี้มาเสียดึกเลยนะทะเลาะกับป้าเพ็ญมาอีกแล้วใช่ไหม ” มัจฉาพยักหน้าแทนคำตอบ
“ พรุ่งนี้แกให้ใครไปเป็นผู้ปกครอง ”
“ คุณนายเพ็ญจันทร์ ”
“ ห๊ะ ! ว่าไงนะ ฉันได้ยินไม่ผิดใช่ไหม แกเตรียมตัวขุดหลุมฝังตัวเองเตรียมตัวลงนรกได้เลย ” มัจฉา เข้มและเบิ้มหัวเราะออกมาพร้อมกัน เสียงหัวเราะของเพื่อนชายทั้งสองทำให้มัจฉาลืมเรื่องราวที่เกิดขึ้นไปชั่วครู่ รอยยิ้มเล็ก ๆ เผลอยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว
หน้าห้องปกครอง ผู้ปกครองต่างทยอยเดินเข้ามาในห้อง มัจฉาและเพื่อนนั่งจับกลุ่มคุยกันที่หน้าห้อง ส่วนกลุ่มของน้ำหวานเดินเข้าไปในห้องปกครองก่อนหน้านี้ สุปราณีย์กล่าวต้อนรับผู้ปกครองอยู่ในห้อง
“ มัจ ! พี่ขอโทษที่ทำให้มัจต้องโดนดุเพราะความซุ่มซ่ามของพี่ทำให้มัจต้องเดือดร้อน ”
“ พี่ษามาขอโทษมัจทำไมในเมื่อพี่ได้ทำอะไรผิด คิดเสียว่าเรื่องเมื่อวานเป็นวันแย่ ๆ ของมัจแล้วกันนะ พี่รีบเดินเข้าห้องไปก่อนที่ใครจะมาเห็น มัจไม่อยากโดนมองเป็นเด็กเส้น ”
“ พี่ขอโทษ ” มัจฉากอดมาริษาเป็นการปลอบใจเพื่อให้มาริษารู้สึกดีขึ้น กลุ่มของมัจฉาชวนกันเดินเข้าไปในห้องปกครอง ผู้ปกครองของแต่ละทยอยเดินเข้ามาจนครบเหลือเพียงเพ็ญจันทร์ที่ยังไม่มา สุปราณีย์กล่าวต้อนรับผู้ปกครองด้วยความยินดีพร้อมทั้งเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้ทุกคนฟัง มัจฉามมองไปรอบ ๆ เพ็ญจันทร์ยังไม่มา ในขณะนี้ผู้ปกครองของทุกคนมากันครบทุกคนขาดเพียงเพ็ญจันทร์คนเดียวที่ยังไม่มา มัจฉาถอนหายใจด้วยความเบื่อหน่ายเตรียมคำตอบไว้ให้สุปราณีย์ หลังจากเสร็จจากการประชุมผู้ปกครองแต่ละคนต่างทยอยกันออกไป ทันใดนั้นเองผู้ปกครองคนสุดท้ายก็เดินเข้ามา หญิงวัยกลางคนแต่งตัวภูมิฐาน การแต่งการของเธอบ่งบอกถึงฐานะได้เป็นอย่างดี
“ คุณนาย ” มัจฉาอุทานด้วยความตกใจ
“ ใครวะ ”
“ ป้าฉันเอง นี่แหละคุณนายเพ็ญจันทร์ เจ้านายที่กำหนดชีวิตของฉันมาตั้งแต่เกิด วันนี้ป้าสุคงรู้ความจริงว่าฉันเป็นใคร ” มัจฉาเดินเข้าไปเพ็ญจันทร์ รอยแผลบนแขนของมัจฉายังชัดเจนทำให้เพ็ญจันทร์รู้สึกผิด ความโกรธเมื่อคืนได้จางหายไป
“ วันนี้มีประชุมมัจเข้าใจว่าคุณนายไม่มา ”
“ ครูอยู่ในห้อง ครูประจำชั้นของมัจคุณนายรู้จักดี ” เพ็ญจันทร์นึกสงสัยในคำพูดของมัจฉารีบเดินเข้าไปในห้อง ในขณะที่สุปราณีย์กำลังนั่งตรวจเอกสารที่วางกองอยู่บนโต๊ะ
“ สวัสดีค่ะอาจารย์ดิฉันเป็นผู้ปกครองของมัจฉาต้องขอโทษด้วยค่ะที่มาช้าพอดีช่วงเช้าดิฉันติดประชุมค่ะ ”
“ เพ็ญ ”
“ สุ ! ”
“ ฉันไม่คิดว่าจะเจอเธอที่นี้หมายความว่าเธอเป็นครูประจำชั้นของมัจฉา ดีเหมือนกันฉันได้ถามเธอเรื่องความประพฤติ ฉันแหละกลุ้มใจจริง ๆ กับหลานคนนี้ ” เพ็ญจันทร์ถอนหายใจ
“ เรื่องธรรมดาของเด็กวัยรุ่นโดยเฉพาะมัจฉา เธอเลี้ยงมัจฉามาตั้งแต่เด็กทำไมจะไม่รู้ละ หลานของเธอคนนี้แสบสะท้านทรวงขนาดไหน ”
“ มันก็จริงอย่างที่เธอว่า ”
“ มัจบอกกับฉันว่าเป็นญาติห่าง ๆ กับเธอ ”
“ ห่างแค่ไหน ตลกจริง ๆ เด็กคนนี้ ทำไมเธอไม่โทรมาถามฉันละ ฉันฝากดูยัยมัจด้วยละฝากเธอช่วยเตือนอบรมด้วย ลำพังฉันคนเดียวปรามยัยมัจไม่ไหว ”
“ ได้จ๊ะ ” น้ำหวานรู้ความจริงทั้งหมดถึงกับอ้าปากค้าด้วยความตกใจไม่คาดคิดว่าคนที่เธอดูถูกมาตลอดกลับมีฐานะที่ดีกว่าตัวเองเสียอีก
“ ไอ้มัจไม่ได้จนอย่างที่ฉันคิด ฉันไม่อย่างจะเชื่อเลย ฉันกำลังฝันอยู่ใช่ไหม ”
“ สักทีไหมไอ้น้ำหวาน แกจะได้ตื่นจากความฝัน ” มัจฉาง้างมือจะตบน้ำหวานแต่เพ็ญจันทร์กับสุปราณีย์เดินออกมาพอทีทำให้ทุกคนต้องอยู่ในความสงบ
“ มัจ ! กลับบ้านไปเรามีเรื่องที่ต้องคุยกันยาวได้เลยนะ ”
“ ยังมีเรื่องอะไรอีก เมื่อคืนเราคุยกันจบแล้วไม่ใช่หรอ คุณนายยังมีเรื่องอะไรที่จะคุยกับมัจอีก มัจไม่มีอะไรคุยกับคุณนาย ”
“ ห้าโมงเย็นเจอกันที่ห้องทำงานของป้า ตกลงตามนี้ ” มัจฉาพยักหน้าเป็นการตอบรับ ทุกคนอึ้งในความเด็ดขาดของเพ็ญจันทร์ทำให้เข้าใจมัจฉาความรู้สึกของมัจฉามากขึ้น
“ ไอ้เด็กคนนี้ต้มป้าเสียเปื่อยเลยนะ ”
“ มัจต้องขอโทษป้าสุ มัจไม่อยากให้รู้ว่าเราเป็นอะไรกันเดี๋ยวจะถูกมองว่าเป็นเด็กเส้น ”
“ ป้าเข้าใจ ”
“ ถ้างั้นหลังจากวันนี้เกิดอะไรขึ้นมัจให้ป้าสุเป็นผู้ปกครองของมัจแล้วกัน ไม่ต้องบอกให้คุณนายรู้ ”
สุปราณีย์ยิ้มลูบหัวมัจฉาเบา ๆ เดินกลับเข้าไปในห้อง มัจฉาไม่อยากกลับบ้านเลยแวะไปหาชลธีที่บ้าน เพ็ญจันทร์ใจอ่อนยอมให้มัจฉาเรียนประมงเตรียมสมุดบัญชีและบัตรกดเงินไว้ให้ รูปถ่ายของมัจฉาในวัยเด็กทำให้เพ็ญจันทร์นึกถึงเรื่องราวในอดีต
บทที่ 2 ร้านสามเกลอ
บ้านสวนของชลธี ชลธีกำลังยืนรดน้ำผัก ในบริเวณนั้นมีแปลงผักจำนวนมากมีผักหลากหลายชนิดทั้งที่เป็นผักกินใบ ผักกาด คะน้า กวางตุ้ง หรือแม้กระทั่งผักสวนครัวระยะยาว เช่น พริก มะเขือ มัจฉาเดินเข้าไปในแปลงผักช่วยชลธีรดน้ำแปลงผักที่อยู่ตรงหน้า
“ ไอ้มัจ ! วันนี้แกเป็นไงบ้าง เปิดเรียนไม่กี่วันถูกเชิญผู้ปกครอง แกมันนี่จริง ๆ เลยนะ ”
“ คุณนายไปที่วิทยาลัยและวันนี้ป้าสุก็รู้แล้วว่าฉันเป็นหลานของคุณนาย ”
“ จริงดิ ฉันอยากจะหัวเราะต่อไปแกคงกระดิกตัวไปไหนไม่ได้ต้องอยู่ในกฏระเบียบเพราะถ้าแกทำผิดเมื่อไหร่ ป้าเพ็ญจะรู้ทันที ”
“ ไม่ต้องมาย้ำ ฉันรู้แล้ว ”
“ แกอย่าเพิ่งกลับอยู่กินข้าวกันก่อน ”
“ ได้สิ ! พ่อกับแม่ไปไหนตั้งแต่ฉันมายังไม่เห็นเลย ”
“ พ่อกับแม่ไปเยี่ยมญาติที่ต่างจังหวัด วันพรุ่งนี้ถึงจะกลับ แกอยากกินอะไรเป็นพิเศษไหมเดี๋ยวฉันทำให้กิน ”
“ ฉันอยากกินคะน้าหมูกรอบ ”
“ เดี๋ยววันนี้ฉันทำให้กินรับรองแกจะติดใจฝีมือของฉัน ” มัจฉาเห็นชลธีเดินเข้ามาใกล้ตนเองแกล้งเดินสะดุดก้อนหินหกล้มให้ชลธีเข้ามาช่วยพยุง ทุกอย่างเป็นไปตามแผนการที่วางไว้ ชลธีเห็นมัจฉากำลังล้มรีบวิ่งมาจับตัวมัจฉาในทันที มัจฉาแกล้งเจ็บขาลุกขึ้นเดินไม่ไหว ชลธีอุ้มมัจฉากลับบ้าน มัจฉายิ้มด้วยความพอใจ ชลธีขอตัวไปทำกับข้าว มัจฉานั่งทบทวนคิดถึงเรื่องเมื