กลรักสาวมีนกร ตอนที่ 1 ( ต่อ )

กระทู้คำถาม
ก้องภพเป็นไม้เบื่อไม้เมากับมัจฉาทั้งสองคนไม่ถูกกันเอาเสียเลยต่อหน้าชลธีทั้งคู่แกล้งเป็นมิตรที่ดีต่อกันแต่ลับหลังชลธีกัดเหมือนกับหมา  
เจ๊นุชลำซิ่งร้านอาหารอีสานประจำหมู่บ้านตั้งอยู่หน้าปากทางเข้าหมู่บ้าน เข้ม เบิ้ม และ ชลธีนั่งรอมัจฉาอยู่ภายในร้านทั้งสามคนมาฉลองวันคล้ายวันเกิดให้กับมัจฉา เจ๊นุชเองก็เช่นกันถึงกับปิดร้านปิดร้านจัดงานวันคล้ายวันเกิดให้กับมัจฉา งานวันเกิดเล็ก ๆ ถูกจัดขึ้นอย่างเรียบง่าย บรรยากาศอบอวลไปด้วยเสียงหัวเราะ  ทุกคนรอมัจฉาอยู่ภายในร้าน    มัจฉาปรับสีหน้าให้เป็นปกติก่อนเดินเข้าไปในร้านเพื่อความสบายใจของทุกคน
“  ฉันต้องขอโทษด้วยที่มาช้าพอดีมีปัญหานิดหน่อย ”  
“  ไอ้มัจ !แกไปมีเรื่องกับใครมา ดูสิหน้าพังหมดเลย แขนด้วย  ใครทำอะไรแก ”  ชลธีถามด้วยความห่วง 
“  วันนี้ฉันมีเรื่องกับพวกไอ้น้ำหวานเพราะเรื่องนี้ที่ทำให้ฉันมาช้า อาจารย์สุปราณีย์เรียกไปอบรมเสียตั้งนาน ”
“ ระวังตัวให้ดีแล้วกันเดี๋ยวเรื่องจะไปถึงหูคุณนายเพ็ญจันทร์ เจ๊เตือนด้วยความหวังดี ”
“ วัยรุ่นเซ็ง ” 
“ พักเรื่องเครียด ๆ ไว้ก่อน เรามาสนุกกันดีกว่า ”  เข้มถือเค้กวันเกิดมาให้มัจฉา เบิ้มปักเทียนลงบนเค้ก เปลวไฟจากแสงเทียนค่อย ๆ สว่าง ทุกคนร้องพร้อมใจร้องเพลงอวยพรวันเกิดให้กับมัจฉา  เสียงเพลงดังขึ้น เครื่องดื่มแอลกออล์มีให้เลือกได้ทดลองชิมหลายอย่าง อาหารคาวหวานมีพร้อม  มัจฉายิ้มด้วยความสุขใจแต่อดนึกถึงเพ็ญจันทร์กับพุทธชาดว่าทำไมวันนี้ยังไม่ได้รับคำอวยพรจากบุคคลทั้งสอง   รอยยิ้ม เสียงหัวเราะของทุกคนทำให้มัจฉาหยุดคิดถึงเพ็ญจันทร์และพุทธชาดไปชั่วขณะ    มาริษามาหาพุทธชาดที่บ้าน  พุทธชาดนั่งอ่านหนังสือเตรียมสอบเทอมสุดท้ายของการแพทย์  ส่วนมาริษากำลังนั่งตรวจการบ้านของนักเรียน   ในขณะที่มาริษาไม่ทันระวังทำให้จดหมายเชิญผู้ปกครองหล่นลงพื้นกระเด็นไปที่เท้าของเพ็ญจันทร์พอดี มาริษาไม่ทันสังเกตว่าจดหมายหล่นลงพื้นไปแล้ว  เพ็ญจันทร์ก้มลงหยิบนึกสงสัยว่าเป็นจดหมายอะไรลองเปิดอ่านดู  เมื่ออ่านรายเนื้อความในจดหมายทำให้ทราบรายละเอียดทั้งหมด เพ็ญจันทร์ตัวเป็นปกติ 
.  “ สวัสดีค่ะป้า ”  
“ หวัดดีจ๊ะ  ทำอะไรกันอยู่เอกสารเต็มโต๊ะเลย ” 
“ ตรวจการบ้านค่ะป้า ”
“ อาชีพครูก็แบบนี้แหละลูก กลางวันเป็นครู กลางคืนนั่งตรวจการบ้าน ไม่ค่อยมีเวลาว่างเหมือนกับคนอื่น ๆ หรอก ชีวิตวนเวียนอยู่ที่บ้านกับโรงเรียนแทบ มัจกลับบ้านมาแล้วหรือยังตั้งแต่ป้าเดินเข้ามายังไม่เห็นเลย ”
“ ค่ำ ๆ คงกลับคะ น้องมีนัดไปฉลองวันเกิดกับเพื่อน ๆ ที่ร้านเจ๊นุชหน้าปากซอย ”
“ ป้าลืมไปเลยวันนี้เป็นวันคล้ายวันเกิดของมัจมัวแต่ทำงาน เค้กสักก้อนยังไม่มีให้ ป้านี่แย่จริง ๆ วันเกิดหลานยังจำไม่ได้  มัจกลับมาให้ไปหาที่ห้องทำงานด้วยนะ  ป้าขอตัวไปเคลียร์งานก่อนแล้วกัน ”   เพ็ญจันทร์เดินเข้าไปลูบหัวพุทธชาดเบา ๆ  
“  สู้ ๆ  นะลูก ป้าเป็นกำลังใจให้เหลืออีกเทอมเดียวแล้ว ”
เพ็ญจันทร์นั่งรอมัจฉาอยู่ในห้องทำงานเหลือบไปมองนาฬิกาเป็นระยะ จดหมายเชิญผู้ปกครองของมัจฉาทำให้เพ็ญจันทร์เครียดกลัวมัจฉาจะโดนพักการเรียนถึงภายนอกจะดูแข็งกร้าวแสดงความรู้สึกไม่เก่งแต่หัวใจทั้งดวงนี้ทั้งรักและเป็นห่วงหลานคนนี้มาก  เพ็ญจันทน์ถอนหายใจ 
“ ทำไมยังไม่กลับบ้านอีก ”    เพ็ญจันทร์นั่งทำงานคั่นเวลารอมัจฉากลับมา  พุทธชาดเดินไปส่งมาริษาที่บ้าน  บ้านของมาริษากับบ้านของพุทธชาดอยู่ตรงกันข้าวห่างกันแค่ถนนกั้นเดินไม่ถึงสิบก้าว  มัจฉากลับมาพอดี พุทธชาดบอกให้มัจฉาไปหาที่ห้องทำงาน   เสียงเปิดประตูทำให้เพ็ญจันทร์เงยหน้าขึ้นปิดแฟ้มเอกสารพร้อมกับถอนหายใจ  
“ ไปไหนมาทำไมเพิ่งกลับบ้าน ”
“ วันนี้คุณนายเป็นอะไร ทำไมดุจัง มัจไปร้านเจ๊นุชมาเลยกลับบ้านมาช้า ”
“ มีอะไรแก้ตัวไหม ”  เพ็ญจันทร์วางกระดาษสีขาวลงบนโต๊ะ  มัจฉาเงียบไม่เถียงเพ็ญจันทร์เหมือนทุกครั้ง  เพ็ญจันทร์ลุกขึ้นเดินเข้าไปใกล้มัจฉา กลิ่นกายของมัจฉาอบอวลไปฤทธิ์ของแอลกอฮล์ยิ่งทำให้เพ็ญจันทร์ยิ่งโกรธเข้าไปอีกจากที่แค่คิดว่าจะปล่อยปัญหาครั้งนี้ผ่านไปอย่างง่าย ๆ ความคิดของเพ็ญจันทร์เปลี่ยนไปในทันที 
“ กลิ่นเหล้ามาจากไหน  ”  เพ็ญจันทร์เดินสำรวจรอบ ๆ ตัวของมัจฉา สายตาที่มองมาเหมือนดังเช่นเหยี่ยวที่กำลังจะตะครุบเหยื่อ 
“ หมายความว่าที่กลับบ้านช้าเพราะแอบไปกินเหล้ากับเพื่อนมาใช่ไหม ”
“ เรื่องวันนี้มัจอธิบายไม่ใช่อย่างที่คุณนายคิด มัจไม่ได้กินเหล้า ”
“  กินอยู่กับปากอยากอยู่กับท้อง หลักฐานชัดเจนยังกล้าปฏิเสธไม่ยอมรับความจริง  ไม่ต้องมาแก้ตัวให้ตัวเองพ้นผิด ”  เพ็ญจันทร์ขว้างซองจดหมายเชิญผู้ปกครองใส่หน้าของมัจฉาเต็มแรงด้วยความโมโห
“  นี่มันอะไรกันไปเรียนหนังสือแต่กลับไปยกพวกตีกัน  ทำตัวเหมือนกุ้ยข้างถนน นักเลงนอกคอก  ไม่อายบ้างหรือไงทำตัวแบบนี้   ”  
“ มัจไม่อายมันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรก็แค่เด็กทะเลาะกัน ทำไมคุณนายต้องคิดมากด้วย ”
“ แกไม่อายแต่ป้าอายที่มีหลานทำตัวเลว ๆ เมื่อไหร่จะเลิกทำตัวเกเรสักที ”
“ คุณนายอายที่มีหลานอย่างมัจแล้วคุณนายเลี้ยงเด็กคนนี้มาทำไมกัน  ในเมื่อคุณนายไม่เคยเข้าใจและรับฟังหลานคนนี้เลย  ในหัวใจของคุณนายมีแต่พี่พุด คุณนายไม่เคยรักมัจเลย  ”
“  เด็กเกเรอย่างนี้ ป้ารักไม่ลง ดูอย่างพุทธชาดสิตั้งแต่เล็กจนโตไม่เคยสร้างปัญหาให้ป้าต้องต้องกลุ้มใจ เชื่อฟังฉันทุกอย่างตั้งแต่มัจเกิดมามีบ้างสักครั้งไหมที่ทำให้ป้าภูมิใจสักเรื่องบ้างมั้ย ลองคิดทบทวนดูแล้วกัน ”    
 “  พี่พุดดีทุกอย่าง  มัจทำอะไรไม่เคยดีในสายตาของคุณนายเลย  คุณนายลำเอียงรักหลานไม่เท่ากัน  คนอะไรใจดำที่สุด มีหลานสองคนแต่เลี้ยงหลานไม่เหมือนกัน คนหนึ่งใช้ชีวิตอย่างกับเจ้าหญิงส่วนอีกคนหนึ่งใช้ชีวิตอย่างกับขอทาน  ในเมื่อคุณนายไม่เคยรักเด็กคนนี้เลยจะฝืนทนเลี้ยงมาทำไมตั้งแต่เล็กจนโต  คนใจร้าย เผด็จการลำเอียงที่สุด ”  เพ็ญจันทร์โมโหโกรธมัจฉามากหยิบไม้เรียวฟาดลงบนตัวมัจฉาเต็มแรง มัจฉายืนนิ่ง ๆ ปล่อยให้เพ็ญจันทร์ใช้ไม้เรียวฟาดตัวเองจนกว่าจะพอใจ  รอยบาดแผลตรงแขนของมัจฉาทำให้เพ็ญจันทร์ได้สติหยุดตีมัจฉา เพ็ญจันทน์พยามข่มความรู้สึกผิดของตัวเองเดินออกจากห้องไปไม่ให้มัจฉาเห็นร่องรอยน้ำตาของตนแอง  มัจฉาขับรถออกจากบ้านไปหาเข้มกับเบิ้มที่บ้าน ในขณะที่ทั้งสองคนกำลังช่วยกันเตรียมอาหารค่ำ  
“  ไอ้มัจ !  วันนี้มาเสียดึกเลยนะทะเลาะกับป้าเพ็ญมาอีกแล้วใช่ไหม  ”  มัจฉาพยักหน้าแทนคำตอบ 
“ พรุ่งนี้แกให้ใครไปเป็นผู้ปกครอง ”
“ คุณนายเพ็ญจันทร์ ”
“ ห๊ะ ! ว่าไงนะ ฉันได้ยินไม่ผิดใช่ไหม แกเตรียมตัวขุดหลุมฝังตัวเองเตรียมตัวลงนรกได้เลย ”  มัจฉา เข้มและเบิ้มหัวเราะออกมาพร้อมกัน  เสียงหัวเราะของเพื่อนชายทั้งสองทำให้มัจฉาลืมเรื่องราวที่เกิดขึ้นไปชั่วครู่  รอยยิ้มเล็ก  ๆ  เผลอยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว  
หน้าห้องปกครอง ผู้ปกครองต่างทยอยเดินเข้ามาในห้อง มัจฉาและเพื่อนนั่งจับกลุ่มคุยกันที่หน้าห้อง ส่วนกลุ่มของน้ำหวานเดินเข้าไปในห้องปกครองก่อนหน้านี้    สุปราณีย์กล่าวต้อนรับผู้ปกครองอยู่ในห้อง
“ มัจ !  พี่ขอโทษที่ทำให้มัจต้องโดนดุเพราะความซุ่มซ่ามของพี่ทำให้มัจต้องเดือดร้อน ”
“ พี่ษามาขอโทษมัจทำไมในเมื่อพี่ได้ทำอะไรผิด คิดเสียว่าเรื่องเมื่อวานเป็นวันแย่ ๆ ของมัจแล้วกันนะ  พี่รีบเดินเข้าห้องไปก่อนที่ใครจะมาเห็น  มัจไม่อยากโดนมองเป็นเด็กเส้น ”  
“ พี่ขอโทษ ”  มัจฉากอดมาริษาเป็นการปลอบใจเพื่อให้มาริษารู้สึกดีขึ้น  กลุ่มของมัจฉาชวนกันเดินเข้าไปในห้องปกครอง  ผู้ปกครองของแต่ละทยอยเดินเข้ามาจนครบเหลือเพียงเพ็ญจันทร์ที่ยังไม่มา  สุปราณีย์กล่าวต้อนรับผู้ปกครองด้วยความยินดีพร้อมทั้งเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้ทุกคนฟัง  มัจฉามมองไปรอบ ๆ  เพ็ญจันทร์ยังไม่มา ในขณะนี้ผู้ปกครองของทุกคนมากันครบทุกคนขาดเพียงเพ็ญจันทร์คนเดียวที่ยังไม่มา มัจฉาถอนหายใจด้วยความเบื่อหน่ายเตรียมคำตอบไว้ให้สุปราณีย์    หลังจากเสร็จจากการประชุมผู้ปกครองแต่ละคนต่างทยอยกันออกไป  ทันใดนั้นเองผู้ปกครองคนสุดท้ายก็เดินเข้ามา หญิงวัยกลางคนแต่งตัวภูมิฐาน  การแต่งการของเธอบ่งบอกถึงฐานะได้เป็นอย่างดี
“ คุณนาย ”   มัจฉาอุทานด้วยความตกใจ
“ ใครวะ ”
“ ป้าฉันเอง นี่แหละคุณนายเพ็ญจันทร์ เจ้านายที่กำหนดชีวิตของฉันมาตั้งแต่เกิด  วันนี้ป้าสุคงรู้ความจริงว่าฉันเป็นใคร  ”  มัจฉาเดินเข้าไปเพ็ญจันทร์  รอยแผลบนแขนของมัจฉายังชัดเจนทำให้เพ็ญจันทร์รู้สึกผิด ความโกรธเมื่อคืนได้จางหายไป
“  วันนี้มีประชุมมัจเข้าใจว่าคุณนายไม่มา ”
“ ครูอยู่ในห้อง ครูประจำชั้นของมัจคุณนายรู้จักดี ”  เพ็ญจันทร์นึกสงสัยในคำพูดของมัจฉารีบเดินเข้าไปในห้อง ในขณะที่สุปราณีย์กำลังนั่งตรวจเอกสารที่วางกองอยู่บนโต๊ะ
“ สวัสดีค่ะอาจารย์ดิฉันเป็นผู้ปกครองของมัจฉาต้องขอโทษด้วยค่ะที่มาช้าพอดีช่วงเช้าดิฉันติดประชุมค่ะ ”
“ เพ็ญ ”
“ สุ  !  ”
“ ฉันไม่คิดว่าจะเจอเธอที่นี้หมายความว่าเธอเป็นครูประจำชั้นของมัจฉา  ดีเหมือนกันฉันได้ถามเธอเรื่องความประพฤติ ฉันแหละกลุ้มใจจริง ๆ กับหลานคนนี้  ”   เพ็ญจันทร์ถอนหายใจ
“ เรื่องธรรมดาของเด็กวัยรุ่นโดยเฉพาะมัจฉา เธอเลี้ยงมัจฉามาตั้งแต่เด็กทำไมจะไม่รู้ละ หลานของเธอคนนี้แสบสะท้านทรวงขนาดไหน ”
“ มันก็จริงอย่างที่เธอว่า ”
“ มัจบอกกับฉันว่าเป็นญาติห่าง ๆ กับเธอ ”
“ ห่างแค่ไหน  ตลกจริง ๆ เด็กคนนี้  ทำไมเธอไม่โทรมาถามฉันละ  ฉันฝากดูยัยมัจด้วยละฝากเธอช่วยเตือนอบรมด้วย ลำพังฉันคนเดียวปรามยัยมัจไม่ไหว   ” 
“ ได้จ๊ะ ”  น้ำหวานรู้ความจริงทั้งหมดถึงกับอ้าปากค้าด้วยความตกใจไม่คาดคิดว่าคนที่เธอดูถูกมาตลอดกลับมีฐานะที่ดีกว่าตัวเองเสียอีก 
“ ไอ้มัจไม่ได้จนอย่างที่ฉันคิด ฉันไม่อย่างจะเชื่อเลย  ฉันกำลังฝันอยู่ใช่ไหม ”  
“ สักทีไหมไอ้น้ำหวาน แกจะได้ตื่นจากความฝัน ”   มัจฉาง้างมือจะตบน้ำหวานแต่เพ็ญจันทร์กับสุปราณีย์เดินออกมาพอทีทำให้ทุกคนต้องอยู่ในความสงบ 
“ มัจ !  กลับบ้านไปเรามีเรื่องที่ต้องคุยกันยาวได้เลยนะ ”
“ ยังมีเรื่องอะไรอีก เมื่อคืนเราคุยกันจบแล้วไม่ใช่หรอ  คุณนายยังมีเรื่องอะไรที่จะคุยกับมัจอีก  มัจไม่มีอะไรคุยกับคุณนาย ”
“ ห้าโมงเย็นเจอกันที่ห้องทำงานของป้า ตกลงตามนี้ ”   มัจฉาพยักหน้าเป็นการตอบรับ  ทุกคนอึ้งในความเด็ดขาดของเพ็ญจันทร์ทำให้เข้าใจมัจฉาความรู้สึกของมัจฉามากขึ้น
“ ไอ้เด็กคนนี้ต้มป้าเสียเปื่อยเลยนะ ”
“  มัจต้องขอโทษป้าสุ  มัจไม่อยากให้รู้ว่าเราเป็นอะไรกันเดี๋ยวจะถูกมองว่าเป็นเด็กเส้น ”
“ ป้าเข้าใจ ”
“ ถ้างั้นหลังจากวันนี้เกิดอะไรขึ้นมัจให้ป้าสุเป็นผู้ปกครองของมัจแล้วกัน ไม่ต้องบอกให้คุณนายรู้   ”
สุปราณีย์ยิ้มลูบหัวมัจฉาเบา ๆ  เดินกลับเข้าไปในห้อง มัจฉาไม่อยากกลับบ้านเลยแวะไปหาชลธีที่บ้าน เพ็ญจันทร์ใจอ่อนยอมให้มัจฉาเรียนประมงเตรียมสมุดบัญชีและบัตรกดเงินไว้ให้  รูปถ่ายของมัจฉาในวัยเด็กทำให้เพ็ญจันทร์นึกถึงเรื่องราวในอดีต   
บทที่  2  ร้านสามเกลอ
บ้านสวนของชลธี ชลธีกำลังยืนรดน้ำผัก ในบริเวณนั้นมีแปลงผักจำนวนมากมีผักหลากหลายชนิดทั้งที่เป็นผักกินใบ ผักกาด  คะน้า  กวางตุ้ง  หรือแม้กระทั่งผักสวนครัวระยะยาว เช่น พริก มะเขือ  มัจฉาเดินเข้าไปในแปลงผักช่วยชลธีรดน้ำแปลงผักที่อยู่ตรงหน้า
“  ไอ้มัจ ! วันนี้แกเป็นไงบ้าง เปิดเรียนไม่กี่วันถูกเชิญผู้ปกครอง แกมันนี่จริง ๆ เลยนะ  ”
“ คุณนายไปที่วิทยาลัยและวันนี้ป้าสุก็รู้แล้วว่าฉันเป็นหลานของคุณนาย ”
“ จริงดิ  ฉันอยากจะหัวเราะต่อไปแกคงกระดิกตัวไปไหนไม่ได้ต้องอยู่ในกฏระเบียบเพราะถ้าแกทำผิดเมื่อไหร่ ป้าเพ็ญจะรู้ทันที ”
“ ไม่ต้องมาย้ำ ฉันรู้แล้ว ”
 “ แกอย่าเพิ่งกลับอยู่กินข้าวกันก่อน ”  
  “ ได้สิ ! พ่อกับแม่ไปไหนตั้งแต่ฉันมายังไม่เห็นเลย ”  
   “  พ่อกับแม่ไปเยี่ยมญาติที่ต่างจังหวัด วันพรุ่งนี้ถึงจะกลับ แกอยากกินอะไรเป็นพิเศษไหมเดี๋ยวฉันทำให้กิน ”   
        “ ฉันอยากกินคะน้าหมูกรอบ ”
“  เดี๋ยววันนี้ฉันทำให้กินรับรองแกจะติดใจฝีมือของฉัน ”  มัจฉาเห็นชลธีเดินเข้ามาใกล้ตนเองแกล้งเดินสะดุดก้อนหินหกล้มให้ชลธีเข้ามาช่วยพยุง ทุกอย่างเป็นไปตามแผนการที่วางไว้ ชลธีเห็นมัจฉากำลังล้มรีบวิ่งมาจับตัวมัจฉาในทันที มัจฉาแกล้งเจ็บขาลุกขึ้นเดินไม่ไหว ชลธีอุ้มมัจฉากลับบ้าน  มัจฉายิ้มด้วยความพอใจ  ชลธีขอตัวไปทำกับข้าว มัจฉานั่งทบทวนคิดถึงเรื่องเมื
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่