มัจฉาเห็นชลธีเดินเข้ามาใกล้ตนเองแกล้งเดินสะดุดก้อนหินหกล้มให้ชลธีเข้ามาช่วยพยุง ทุกอย่างเป็นไปตามแผนการที่วางไว้ ชลธีเห็นมัจฉากำลังล้มรีบวิ่งมาจับตัวมัจฉาในทันที มัจฉาแกล้งเจ็บขาลุกขึ้นเดินไม่ไหว ชลธีอุ้มมัจฉากลับบ้าน มัจฉายิ้มด้วยความพอใจ ชลธีขอตัวไปทำกับข้าว มัจฉานั่งทบทวนคิดถึงเรื่องเมื่อเช้าที่เกิดขึ้นคำพูดของเพ็ญจันทร์ทำให้มัจฉาไม่อยากกลับบ้าน
“ ไอ้มัจแกอยู่ไหน ”
“ ฉันอยู่นี้ ” ชลธีกับมัจฉานั่งกินข้าวอยู่ตรงหน้าระเบียงหน้าบ้าน บรรยากาศช่วงกลางคืนในบ้านสวนเงียบสงบ หิ่งห้อยบินไปมาอยู่ภายในสวน เมื่อมองออกไปเหมือนกับดวงไฟสีเหลืองขนาดเล็กทั้งสองคนนั่งคุยกันตามประสาเพื่อน ชลธีคิดกับมัจฉาแค่เพียงเพื่อนแต่ความรู้สึกของมัจฉาที่มีให้ชลธีมันมากเกินกว่าความเป็นเพื่อน มัจฉาขับรถกลับบ้าน ชลธีตามมาส่งแต่ถูกมัจฉาปฏิเสธ เพ็ญจันทร์รอมัจฉากลับบ้านด้วยความเป็นห่วง
“ ดึกแล้วทำไมยังไม่กลับบ้านอีก มัวไปทำอะไร รู้ไหมว่าป้าเป็นห่วง ” มัจฉากลับมาถึงบ้านไม่ได้เข้าไปหาเพ็ญจันทร์ที่ห้อง มัจฉาไม่พร้อมที่จะเจอหน้าและคุยในตอนนี้ หลังจากอาบน้ำเสร็จมัจฉาโน้มตัวลงนอนด้วยความเหนื่อย เพ็ญจันทร์นั่งรอมัจฉานานนับชั่วโมงแต่ไม่เห็นมัจฉามาที่ห้องสักที หลังจากทำงานเสร็จแวะเข้าไปหามัจฉาที่ห้อง
“ หลับเสียแล้วปล่อยให้ป้ารอตั้งนาน ” เพ็ญจันทร์ลูบหัวมัจฉาเบา ๆ พร้อมกับดึงผ้าห่มมาคลุมตัวมัจฉาเอาไว้ บรรยากาศยามเช้าในชุมชมแออัดแน่นขนัดไปด้วยผู้คนจำนวนมากอาศัยอยู่ที่นี้ บ้านของเข้มและเบิ้มตั้งอยู่ท้ายชุมชนเป็นบ้านไม้หลังเล็ก ๆ ยกพื้นสูงอยู่ติดกับลำคลอง เข้มและเบิ้มอาศัยอยู่ที่นี้ตั้งแต่เกิด บ้านของทั้งสองคนอยู่ติดกัน มัจฉาขับรถมาหาทั้งสองคนที่บ้าน ในขณะที่เพ็ญจันทร์กำลังนั่งคิดทบทวนเรื่องที่เกิดขึ้นคนเดียวเงียบ ๆ ในห้องทำงาน
“ นี่ก็เปิดเทอมมาหลายวันแล้วเงินที่เก็บของฉันเริ่มหมดแล้ว ”
“ ของฉันก็จะหมดแล้ว พวกเราต้องหางานทำหลังเลิกเรียนแล้วแบบนี้ ”
“ ฉันว่าเรามาเปิดร้านขายของเล็ก ๆ กันดีไหมหลังจากเลิกเรียนจะได้ไม่กระทบกับการเรียน ฉันว่าดีกว่าไปรับจ้างทำงาน พวกแกสองคนว่าไง ” เข้มเสนอ
“ ฉันเห็นด้วยกับเข้ม แกว่าไงไอ้เบิ้ม ”
“ ตกลงตามนี้แล้วพวกเราจะขายอะไรกันดีในช่วงเย็น ๆ ค่ำ ”
“ ก๋วยเตี๋ยวดีไหม ในช่วงเย็นเป็นเวลาเลิกงานเป็นช่วงเวลาที่คนพลุกพล่านแล้วเราจะไปขายตรงไหนกันดี ”
“ หน้าปากซอยทางเข้าหมู่บ้านตรงนั้นมีที่ว่างและยังไม่มีร้านก๋วยเตี๋ยวมาเปิด ”
“ ถ้างั้นตกลงตามนี้ เราสามคนจะเปิดร้านขายก๋วยเตี๋ยวกัน ตั้งชื่อว่าร้านสามเกลอ ” นับตั้งแต่วันนั้นหลังเลิกเรียนมัจฉา เข้มและช่วยกันเปิดร้านขายก๋วยเตี๋ยวตรงหน้าปากทางเข้าหมู่บ้าน ร้านก๋วยเตี๋ยวเล็ก ๆ ริมทางขวัญใจคนใช้แรงงาน มัจฉาทำหน้าที่เป็นคนปรุง เข้มและเบิ้มเป็นพนักงานเสริฟ มัจฉาไม่ได้บอกเรื่องนี้ให้เพ็ญจันทร์รู้มีเพียงพุทธชาดเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้ หลังจากเลิกเรียนมัจฉา เข้มและเบิ้มจะไปช่วยกันขายก๋วยเตี๋ยวเป็นประจำทุกวันจนดึกทำให้ในแต่ละวันมัจฉาไม่มีเวลาที่จะไปคุยกับเพ็ญจันทร์เหมือนเช่นกับเมื่อก่อน เพ็ญจันทร์สัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงที่มัจฉามีต่อตัวเอง พิมพ์ภาแวะไปซื้อก๋วยเตี๋ยวร้านของมัจฉาให้กับเพ็ญจันทร์ หลังจากที่ในช่วงนี้เจ้านายของตัวเองบ่นอยากกินก๋วยเตี๋ยวอยู่นานหลายวัน
“ ไปซื้อก๋วยเตี๋ยวร้านไหนมา อร่อยมากเลย ”
“ ก๋วยเตี๋ยวร้านคุณหนูค่ะคุณผู้หญิง ” เปรี้ยวตอบเพ็ญจันทร์ คำตอบของเปรี้ยวทำให้เพ็ญจันทร์ชะงักไปทันที
“ ว่าไงนะ ก๋วยเตี๋ยวที่ฉันเป็นฝีมือของยัยมัจหรอ นี่ฉันมัวแต่ทำงานจนลืมดูแลหลานของตัวเองไปแล้วหรอเนี่ย ” เพ็ญจันทร์ทำท่าครุ่นคิดพร้อมกับถอนหายใจ เพ็ญจันทร์ไปหาพุทธชาดที่ห้องสอบถามเรื่องของมัจฉาในทันที
“ พุดนอนหรือยังลูก ป้ามีเรื่องมาถามพุดให้หายข้องใจ ”
“ ป้ามีเรื่องอะไรคะ ”
“ น้องไปขายก๋วยเตี๋ยวตั้งแต่เมื่อไหร่ ป้าเพิ่งรู้วันนี้เอง ทำไมต้องไปขายก๋วยเตี๋ยวให้เหนื่อยด้วย ในเมื่อตัวเองก็ไม่ได้ลำบากเรื่องเงิน ”
“ นี่ป้าคงทำงานหนักจนลืมไปแล้วว่า ถ้าหากน้องไม่ยอมเรียนมัธยมปลายตาม ป้าจะไม่ยอมจ่ายค่าเล่าเรียนให้ น้องต้องหาเงินเรียนเองและยังกำชับอีกว่าห้ามไม่ให้พุดเอาเงินให้น้อง ” เพ็ญจันทร์ถอนหายครุ่นคิดนึกถึงคำพูดของตัวเองเดินออกจากห้องไป
ร้านสามเกลอเป็นร้านก๋วยเตี๋ยวเล็ก ๆ มีโต๊ะไม้ไว้บริการลูกค้าไม่ถึงสิบโต๊ะ ในแต่ละวันมีลูกค้าขาจรและขาประจำแวะเวียนเข้ามาอุดหนุนเป็นประจำทุกวัน ด้วยความสงสัยและอยากรู้เพ็ญจันทร์ปลอมตัวไปเป็นลูกค้าของมัจฉา
“ ก๋วยเตี๋ยวของยายได้แล้วครับ ”
“ มัจ ! ของพี่วันนี้เหมือนเดิม ”
“ หมดแล้วจ๊ะพี่เหลือแต่น้ำชุปกับลูกชิ้นนิดหน่อย พี่ซื้อเอามาม่าแทนไหมเดี๋ยวฉันลวกให้ ”
“ ได้เหมือนกัน ” ลูกค้ารายสุดท้ายของวันนี้เดินออกไปเหลือแต่เพ็ญจันทร์ที่กำลังนั่งกินอยู่คนเดียวในร้าน
“ ฉันลืมถาม แกก็ไม่ยอมให้ฟัง ตกลงป้าเพ็ญว่าไงบ้างวะ ”
“ ถ้าให้เดาคงเหมือนเดิม ”
“ อือ ! คุณนายโกรธและโมโหฉันมากเอาไม้ฟาดฉันเหมือนอย่างเช่นทุกเหมือนกับทุกครั้งที่ผ่านมา ฉันไม่เข้าใจเหมือนกันว่าฉันโตจนจะหาผัวได้แล้ว คุณนายยังไม่เลิกตีฉันอีก ”
“ นึกอยู่แล้วเชียว ป้าเพ็ญคงไม่ปล่อยแกไปง่าย ๆ โดยไม่ทำอะไรแน่ ”
“ พักเรื่องเครียด ๆ ไว้ก่อน พวกเรามากินข้าวกันดีกว่า ไอ้มัจนี่คะน้าหมูกรอบของแก ส่วนนี้ไอ้หลงกะเพราไก่ไข่ดาว ส่วนของฉัน ราดหน้าหมู ”
“ ต้นเดือนหน้ามีแข่งวาดภาพ ฉันจะลองไปสมัครลงแข่ง ”
“ ไอ้มัจแกหาเรื่องเจ็บตัวอีกแล้ว รู้ทั้งรู้ว่าป้าเพ็ญสั่งห้ามแกวาดรูป ถ้าป้าเพ็ญรู้เข้าแกจะทำยังไง ”
“ คุณนายไม่มีวันรู้เรื่องนี้เด็ดขาด ฉันไม่อยากทะเลาะกับคุณนาย บอกตามตรงฉันเหนื่อย ”
“ ฉันแหละสงสัยจริง ๆเลยตกลงแกเป็นหลานของป้าเพ็ญหรือเป็นแค่เด็กที่เก็บมาเลี้ยง ทำไมป้าเพ็ญไม่เคยสนใจที่จะดูแลหรือว่าเข้าใจแกเหมือนกับพี่พุทธเลย ” มัจฉาถอนหายใจ
“ ฉันเข้าใจคุณนายนะว่าทำไมทำกับฉันแบบนี้ ฉันทำให้น้องของคุณนายต้องตาย ในวันที่ฉันเกิดเป็นวันที่คุณนายต้องสูญเสียน้องสาว ถ้าฉันเลือกได้ ฉันยอมตายดีกว่าเกิดมาในสภาพนี้เป็นแค่กาฝากส่วนเกินของชีวิตที่คุณนายไม่ต้องการ ” คำพูดของมัจฉาทำให้เพ็ญจันทร์น้ำตาไหลโดยไม่รู้ตัว เพ็ญจันทร์วางเงินไว้บนโต๊ะรีบเดินออกจากร้าน คำพูดของมัจฉาก้องอยู่ในหูทำให้เพ็ญจันทร์ถึงกับนอนไม่หลับเดินออกมารับลมข้างนอก มัจฉากลับมาพอดีเพ็ญจันทร์ทำตัวเป็นปกติ
“ คุณนายดึกแล้วยังไม่นอนอีกหรอหรือว่ากำลังคิดถึงใครอยู่ ” เพ็ญจันทร์เงียบเดินเข้าไปสวมกอดมัจฉา อ้อมกอดที่รอมานานแสนนานท่าทีของเพ็ญจันทร์ที่ดูอ่อนลงผิดจากวันอื่น
“ วันนี้เหนื่อยมามากแล้วไปพักเถอะ พรุ่งนี้มีเรียนเช้า ”
“ คุณนายลืมกินยาเขย่าขวดหรือเปล่า วันนี้มาแปลก ” มัจฉาพึมพำกับตัวเอง เพ็ญจันทร์รู้สึกไม่สบายใจหลังจากได้ยินคำพูดของมัจฉา มาริษามาหามัจฉาที่บ้านพร้อมกับผลการทดลอง มัจฉาออกไปข้างนอกยังไม่กลับมา เพ็ญจันทร์นั่งคุยกับมาริษาระหว่างรอมัจฉากลับบ้าน
“ มัจออกไปข้างนอกตั้งแต่เช้าแล้วลูกเที่ยง ๆ คงกลับ ษามีเรื่องอะช่ไรเร่งด่วนหรือเปล่า ป้าจะได้โทรให้มัจกลับบ้าน ”
“ ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนอะไรค่ะ ษารอได้ ถ้าให้ษาเดาคงไปบ้านของเข้มและเบิ้ม ”
“ ใครว่ามัจไม่ได้หาเข้มกับเบิ้ม ตรวจรายงานเสร็จแล้วหรอ ”
“ ยื่นมือมานี่เลย ” มาริษาใช้มือของตัวเองตีมือของมัจฉาเบา ๆ
“ อธิบายให้พี่ฟังสิหมายความว่ายังไง ทำไมรายงานแต่ละเล่มถึงได้เขียนเหมือนกันหมดเลย มัจให้เพื่อนลอกรายงานอีกแล้วใช่ไหม ” มาริษาทำเสียงดุ มัจฉาทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
“ เอาไปทำใหม่เลยนะ ฝากบอกเพื่อน ๆ ด้วยแล้วกัน ” มัจฉาถอนหายใจโน้มตัวลงนอนบนตักของมาริษา พุทธชาดกลับมาจากมหาวิทยาลัยวางสัมภาระลงบนโต๊ะตรงหน้าของเพ็ญ
“ ว่าไงจ๊ะว่าที่คุณหมอ ”
“ สอบเสร็จสักที ” มัจฉาลุกขึ้นเตรียมตัวออกไปเปิดร้าน พุทธชาดห้ามไม่ให้มัจฉาออกจากบ้านต้องการให้มัจฉาอยู่กินข้าวเย็นพร้อมกับตนเองแต่โดนมัจฉาปฏิเสธ
“ ไว้วันหลังแล้วกันนะพี่ วันนี้มัจไม่ว่าง ”
“ ไม่เคยว่างสักที ค่ำ ๆ มืดชอบออกไปจากบ้านไม่เคยอยู่ติดบ้านสักวัน ”
“ มัจมีงานต้องทำ พี่พุดต้องเข้าใจมัจด้วย ” เพ็ญจันทร์ไม่ต้องการให้มัจฉาเลิกขายก๋วยเตี๋ยวส่วนมัจฉาเองก็พอใจในชีวิตที่เป็นอยู่ถึงจะเหนื่อยแต่ก็มีความสุขตามและสนุกกับการใช้ชีวิตแบบนี้ไม่คิดที่จะกลับไปพึงเพ็ญจันทร์อีกแล้ว กิจการร้านก๋วยเตี๋ยวไปได้ด้วยดีเริ่มเป็นที่รู้จักทำให่แต่ละวันมีลูกค้าแวะเวียนเข้ามาอุดหนุน มัจฉาใช้เวลาวาดภาพหลังจากเก็บจากจากเก็บร้านเสร็จ
โรงเพาะฟักสัตว์น้ำกร่อยมัจฉาและเพื่อน ๆ กำลังช่วยกันล้างบ่อปูนเพื่อเตรียมอนุบาลลูกปลา มัจฉาแกล้งสาดน้ำใส่น้ำหวานจนเปียกไปทั้งตัว ทุกคนหัวเราะ น้ำหวานสาดน้ำกลับแต่มัจฉาหลบได้ทันจนตัวเองลื่นล้มไปนอนกองกับพื้น น้ำหวานพยามลุกขึ้นเดินแต่ขาแผลงเดินไม่ไหว มัจฉาช่วยพยุงตัวน้ำหวานให้น้ำหวานขี่หลังไปห้องพยาบาล
“ เป็นไงบ้าง ฉันขอโทษ ”
“ อือ ! ไม่เป็นไร ”
“ เดินไหวไหมเนี่ยให้ฉันช่วยพยุงไหม ”
“ ไม่ต้องฉันเดินเองได้ ” มัจฉาถอนหายใจ
“ เดี๋ยวฉันพาแกไปพักที่ห้อง ฉันขอโทษด้วยที่ทำให้แกต้องเจ็บ ”
“ ทำดีกับฉันแบบนี้กลัวฉันไปฟ้องครูสุใช่ไหม ”
“ ป่าว ทำไมฉันต้องกลัวในเมื่อฉันไม่ได้ทำอะไรผิด ” พรศรีแวะมาหาสุปราณีย์ที่วิทยาลัย นานหลายปีแล้วที่ทั้งสองคนไม่ได้เจอกัน สุปราณีย์ดีใจที่ได้เจอกับพรศรีทั้งคู่นั่งคุยอย่างถูกคอ พรศรีไม่ลืมที่จะถามถึงมัจฉา สุปราณีย์ยิ้ม
“ เธอได้เจอมัจบ้างไหมตอนนี้คงโตเป็นสาวแล้ว พรุ่งนี้วันหยุดฉันจะชวนเธอไปหาเพ็ญจันทร์ที่บ้านด้วยและอีกอย่างหนึ่งฉันอยากเจอหลานด้วย หลายปีแล้วที่ฉันไม่ไปหาหลานตอนนี้คงจำฉันไม่ได้แล้ว ”
“ เธอไม่ต้องรอถึงพรุ่งนี้หรอก วันนี้เธอก็เจอหลานได้ไม่ถึงห้านาที มัจฉาจะมายืนอยู่ตรงหน้าของเธอตรงนี้ ”
“ พูดจริงหรือเปล่าเนี่ย เธอไม่ได้ล้อฉันเล่นใช่ไหม ” สุปราณีย์พูดไม่ทันขาดคำ มัจฉาเดินออกมาจากห้องพอดีพร้อมกับตะโกนเรียก มัจฉาได้ยินเสียงของสุปราณีย์รีบเดินไปหาในทันที
“ ครูเรียกมัจมีอะไรเปล่า ”
“ โอ้ย ! เมื่อไหร่จะเลิกเรียกป้าสักทีละ ตอนนี้ไม่มีใครเรียกป้าเหมือนเดิมเถอะลูก ป้าไม่ชินเลย ”
“ ได้ค่ะแต่ถ้ามีคนอื่นอยู่ด้วยมัจขอเรียกป้าว่าครูเหมือนเดิมนะคะ ”
“ จ๊ะลูก ” พรศรียิ้มด้วยความดีใจ
“ เผลอแปบเดียวโตเป็นสาวแล้ว ”
“ สวัสดีค่ะป้าศรี ”
“ หวัดดีจ๊ะ ”
“ ป้าคิดถึงหนูมากเลย วันนี้ดีใจมากที่ได้เจอ นับตั้งแต่วันนี้เราไม่ต้องพรากจากกันอีกแล้ว ” พรศรีสวมกอดมัจฉา มัจฉาสัมผัสได้ถึงความรักที่พรศรีมีให้กับตัวเอง
“ ถ้าอย่างนั้นป้าขอเบอร์โทร ไลน์และก็เฟสบุคของหลานด้วย เอาไว้คุยกัน ”
“ ค่ะป้า ”
“ ยังไม่เลิกเห่อหลานอีก ”
“ มัจขอตัวไปก่อนนะคะออกมานานแล้ว เพื่อนรอแย่แล้ว ” พรศรีสวมกอดมัจฉาอีกครั้ง
หลังจากเลิกเรียนมัจฉาไปหาชลธีที่โรงเรียน ก้องภพไม่พอใจที่เห็นมัจฉาสนิทกับชลธีแต่พยายามเก็บอาการต่อหน้าชลธีไม่ให้เขารู้ มัจฉาเองก็เช่นกันเกลียดหน้าก้องภพสุด ๆ ต่อหน้าชลธีทั้งคู่แกล้งทำคุยกันดีแต่ลับหลังชลธีกัดเหมือนหมาไม่มีใครยอมใคร
“ ไอ้ชล คิดถึงฉันหรอถึงโทรให้ฉันมาหา ” ชลธียิ้ม
“ ฉันจะให้แกมาช่วยวาดภาพส่งครูให้หน่อย ฉันวาดไม่สวยเลย ”
“ เรื่องแค่นี้เองให้ฉันวาดให้ก็ได้ไม่เห็นต้องลำบากให้มัจมาเลย ”
“ ไม่ลำบากเลยก้อง ฉันเต็มใจ สำหรับไอ้ชลฉันว่างเสมอ ว่างทุกเวลา อย่าว่าแต่วาดภาพเลยทำอย่างอื่นฉันก็เต็มใจทำให้ ” มัจฉาส่งสายยั่วยวนมองไปที่ชลธี ก้องภพเข้าใจความหมายคำพูดของมัจฉา
“ อย่างอื่นที่ว่า ฉันทำให้ชลได้เพียงคนเดียวเท่านั้น คนอื่นคงได้แค่มอง ”
“ ใครจะไม่รู้ละเผื่อวันข้างหน้า เพื่อนของฉันคนนี้อาจกลับใจมาลิ้มรสชาติชะนีอย่างฉันก็เป็นไปได้ ”
“ พวกแกสองคนพูดอะไรกัน ฉันไม่เห็นเข้าใจ ”
“ ไม่มีอะไรหรอก ฉันกับก้องแค่พูดหยอกกันเล่น แก้เซ็ง ” มัจฉารีบตัดบท ก้องภพพยายามยั่วโมโหมัจฉาแต่ก็ไม่เป็นผล มัจฉาขอแยกตัวกลับไปก่อนเมื่อถึงใกล้ถึงเวลาเปิดร้าน กิจการร้านขายก๋วยเตี๋ยวของมัจฉาเป็นไปด้วยดี เพ็ญจันทร์ต้องการให้มัจฉาเลิกขายก๋วยเตี๋ยว
ร้านสามเกลอในช่วงค่ำเนืองแน่นไปด้วยลูกค้าที่พา
กลรักสาวมีนกร ตอนที่ 2 ร้านสามเกลอ
“ ไอ้มัจแกอยู่ไหน ”
“ ฉันอยู่นี้ ” ชลธีกับมัจฉานั่งกินข้าวอยู่ตรงหน้าระเบียงหน้าบ้าน บรรยากาศช่วงกลางคืนในบ้านสวนเงียบสงบ หิ่งห้อยบินไปมาอยู่ภายในสวน เมื่อมองออกไปเหมือนกับดวงไฟสีเหลืองขนาดเล็กทั้งสองคนนั่งคุยกันตามประสาเพื่อน ชลธีคิดกับมัจฉาแค่เพียงเพื่อนแต่ความรู้สึกของมัจฉาที่มีให้ชลธีมันมากเกินกว่าความเป็นเพื่อน มัจฉาขับรถกลับบ้าน ชลธีตามมาส่งแต่ถูกมัจฉาปฏิเสธ เพ็ญจันทร์รอมัจฉากลับบ้านด้วยความเป็นห่วง
“ ดึกแล้วทำไมยังไม่กลับบ้านอีก มัวไปทำอะไร รู้ไหมว่าป้าเป็นห่วง ” มัจฉากลับมาถึงบ้านไม่ได้เข้าไปหาเพ็ญจันทร์ที่ห้อง มัจฉาไม่พร้อมที่จะเจอหน้าและคุยในตอนนี้ หลังจากอาบน้ำเสร็จมัจฉาโน้มตัวลงนอนด้วยความเหนื่อย เพ็ญจันทร์นั่งรอมัจฉานานนับชั่วโมงแต่ไม่เห็นมัจฉามาที่ห้องสักที หลังจากทำงานเสร็จแวะเข้าไปหามัจฉาที่ห้อง
“ หลับเสียแล้วปล่อยให้ป้ารอตั้งนาน ” เพ็ญจันทร์ลูบหัวมัจฉาเบา ๆ พร้อมกับดึงผ้าห่มมาคลุมตัวมัจฉาเอาไว้ บรรยากาศยามเช้าในชุมชมแออัดแน่นขนัดไปด้วยผู้คนจำนวนมากอาศัยอยู่ที่นี้ บ้านของเข้มและเบิ้มตั้งอยู่ท้ายชุมชนเป็นบ้านไม้หลังเล็ก ๆ ยกพื้นสูงอยู่ติดกับลำคลอง เข้มและเบิ้มอาศัยอยู่ที่นี้ตั้งแต่เกิด บ้านของทั้งสองคนอยู่ติดกัน มัจฉาขับรถมาหาทั้งสองคนที่บ้าน ในขณะที่เพ็ญจันทร์กำลังนั่งคิดทบทวนเรื่องที่เกิดขึ้นคนเดียวเงียบ ๆ ในห้องทำงาน
“ นี่ก็เปิดเทอมมาหลายวันแล้วเงินที่เก็บของฉันเริ่มหมดแล้ว ”
“ ของฉันก็จะหมดแล้ว พวกเราต้องหางานทำหลังเลิกเรียนแล้วแบบนี้ ”
“ ฉันว่าเรามาเปิดร้านขายของเล็ก ๆ กันดีไหมหลังจากเลิกเรียนจะได้ไม่กระทบกับการเรียน ฉันว่าดีกว่าไปรับจ้างทำงาน พวกแกสองคนว่าไง ” เข้มเสนอ
“ ฉันเห็นด้วยกับเข้ม แกว่าไงไอ้เบิ้ม ”
“ ตกลงตามนี้แล้วพวกเราจะขายอะไรกันดีในช่วงเย็น ๆ ค่ำ ”
“ ก๋วยเตี๋ยวดีไหม ในช่วงเย็นเป็นเวลาเลิกงานเป็นช่วงเวลาที่คนพลุกพล่านแล้วเราจะไปขายตรงไหนกันดี ”
“ หน้าปากซอยทางเข้าหมู่บ้านตรงนั้นมีที่ว่างและยังไม่มีร้านก๋วยเตี๋ยวมาเปิด ”
“ ถ้างั้นตกลงตามนี้ เราสามคนจะเปิดร้านขายก๋วยเตี๋ยวกัน ตั้งชื่อว่าร้านสามเกลอ ” นับตั้งแต่วันนั้นหลังเลิกเรียนมัจฉา เข้มและช่วยกันเปิดร้านขายก๋วยเตี๋ยวตรงหน้าปากทางเข้าหมู่บ้าน ร้านก๋วยเตี๋ยวเล็ก ๆ ริมทางขวัญใจคนใช้แรงงาน มัจฉาทำหน้าที่เป็นคนปรุง เข้มและเบิ้มเป็นพนักงานเสริฟ มัจฉาไม่ได้บอกเรื่องนี้ให้เพ็ญจันทร์รู้มีเพียงพุทธชาดเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้ หลังจากเลิกเรียนมัจฉา เข้มและเบิ้มจะไปช่วยกันขายก๋วยเตี๋ยวเป็นประจำทุกวันจนดึกทำให้ในแต่ละวันมัจฉาไม่มีเวลาที่จะไปคุยกับเพ็ญจันทร์เหมือนเช่นกับเมื่อก่อน เพ็ญจันทร์สัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงที่มัจฉามีต่อตัวเอง พิมพ์ภาแวะไปซื้อก๋วยเตี๋ยวร้านของมัจฉาให้กับเพ็ญจันทร์ หลังจากที่ในช่วงนี้เจ้านายของตัวเองบ่นอยากกินก๋วยเตี๋ยวอยู่นานหลายวัน
“ ไปซื้อก๋วยเตี๋ยวร้านไหนมา อร่อยมากเลย ”
“ ก๋วยเตี๋ยวร้านคุณหนูค่ะคุณผู้หญิง ” เปรี้ยวตอบเพ็ญจันทร์ คำตอบของเปรี้ยวทำให้เพ็ญจันทร์ชะงักไปทันที
“ ว่าไงนะ ก๋วยเตี๋ยวที่ฉันเป็นฝีมือของยัยมัจหรอ นี่ฉันมัวแต่ทำงานจนลืมดูแลหลานของตัวเองไปแล้วหรอเนี่ย ” เพ็ญจันทร์ทำท่าครุ่นคิดพร้อมกับถอนหายใจ เพ็ญจันทร์ไปหาพุทธชาดที่ห้องสอบถามเรื่องของมัจฉาในทันที
“ พุดนอนหรือยังลูก ป้ามีเรื่องมาถามพุดให้หายข้องใจ ”
“ ป้ามีเรื่องอะไรคะ ”
“ น้องไปขายก๋วยเตี๋ยวตั้งแต่เมื่อไหร่ ป้าเพิ่งรู้วันนี้เอง ทำไมต้องไปขายก๋วยเตี๋ยวให้เหนื่อยด้วย ในเมื่อตัวเองก็ไม่ได้ลำบากเรื่องเงิน ”
“ นี่ป้าคงทำงานหนักจนลืมไปแล้วว่า ถ้าหากน้องไม่ยอมเรียนมัธยมปลายตาม ป้าจะไม่ยอมจ่ายค่าเล่าเรียนให้ น้องต้องหาเงินเรียนเองและยังกำชับอีกว่าห้ามไม่ให้พุดเอาเงินให้น้อง ” เพ็ญจันทร์ถอนหายครุ่นคิดนึกถึงคำพูดของตัวเองเดินออกจากห้องไป
ร้านสามเกลอเป็นร้านก๋วยเตี๋ยวเล็ก ๆ มีโต๊ะไม้ไว้บริการลูกค้าไม่ถึงสิบโต๊ะ ในแต่ละวันมีลูกค้าขาจรและขาประจำแวะเวียนเข้ามาอุดหนุนเป็นประจำทุกวัน ด้วยความสงสัยและอยากรู้เพ็ญจันทร์ปลอมตัวไปเป็นลูกค้าของมัจฉา
“ ก๋วยเตี๋ยวของยายได้แล้วครับ ”
“ มัจ ! ของพี่วันนี้เหมือนเดิม ”
“ หมดแล้วจ๊ะพี่เหลือแต่น้ำชุปกับลูกชิ้นนิดหน่อย พี่ซื้อเอามาม่าแทนไหมเดี๋ยวฉันลวกให้ ”
“ ได้เหมือนกัน ” ลูกค้ารายสุดท้ายของวันนี้เดินออกไปเหลือแต่เพ็ญจันทร์ที่กำลังนั่งกินอยู่คนเดียวในร้าน
“ ฉันลืมถาม แกก็ไม่ยอมให้ฟัง ตกลงป้าเพ็ญว่าไงบ้างวะ ”
“ ถ้าให้เดาคงเหมือนเดิม ”
“ อือ ! คุณนายโกรธและโมโหฉันมากเอาไม้ฟาดฉันเหมือนอย่างเช่นทุกเหมือนกับทุกครั้งที่ผ่านมา ฉันไม่เข้าใจเหมือนกันว่าฉันโตจนจะหาผัวได้แล้ว คุณนายยังไม่เลิกตีฉันอีก ”
“ นึกอยู่แล้วเชียว ป้าเพ็ญคงไม่ปล่อยแกไปง่าย ๆ โดยไม่ทำอะไรแน่ ”
“ พักเรื่องเครียด ๆ ไว้ก่อน พวกเรามากินข้าวกันดีกว่า ไอ้มัจนี่คะน้าหมูกรอบของแก ส่วนนี้ไอ้หลงกะเพราไก่ไข่ดาว ส่วนของฉัน ราดหน้าหมู ”
“ ต้นเดือนหน้ามีแข่งวาดภาพ ฉันจะลองไปสมัครลงแข่ง ”
“ ไอ้มัจแกหาเรื่องเจ็บตัวอีกแล้ว รู้ทั้งรู้ว่าป้าเพ็ญสั่งห้ามแกวาดรูป ถ้าป้าเพ็ญรู้เข้าแกจะทำยังไง ”
“ คุณนายไม่มีวันรู้เรื่องนี้เด็ดขาด ฉันไม่อยากทะเลาะกับคุณนาย บอกตามตรงฉันเหนื่อย ”
“ ฉันแหละสงสัยจริง ๆเลยตกลงแกเป็นหลานของป้าเพ็ญหรือเป็นแค่เด็กที่เก็บมาเลี้ยง ทำไมป้าเพ็ญไม่เคยสนใจที่จะดูแลหรือว่าเข้าใจแกเหมือนกับพี่พุทธเลย ” มัจฉาถอนหายใจ
“ ฉันเข้าใจคุณนายนะว่าทำไมทำกับฉันแบบนี้ ฉันทำให้น้องของคุณนายต้องตาย ในวันที่ฉันเกิดเป็นวันที่คุณนายต้องสูญเสียน้องสาว ถ้าฉันเลือกได้ ฉันยอมตายดีกว่าเกิดมาในสภาพนี้เป็นแค่กาฝากส่วนเกินของชีวิตที่คุณนายไม่ต้องการ ” คำพูดของมัจฉาทำให้เพ็ญจันทร์น้ำตาไหลโดยไม่รู้ตัว เพ็ญจันทร์วางเงินไว้บนโต๊ะรีบเดินออกจากร้าน คำพูดของมัจฉาก้องอยู่ในหูทำให้เพ็ญจันทร์ถึงกับนอนไม่หลับเดินออกมารับลมข้างนอก มัจฉากลับมาพอดีเพ็ญจันทร์ทำตัวเป็นปกติ
“ คุณนายดึกแล้วยังไม่นอนอีกหรอหรือว่ากำลังคิดถึงใครอยู่ ” เพ็ญจันทร์เงียบเดินเข้าไปสวมกอดมัจฉา อ้อมกอดที่รอมานานแสนนานท่าทีของเพ็ญจันทร์ที่ดูอ่อนลงผิดจากวันอื่น
“ วันนี้เหนื่อยมามากแล้วไปพักเถอะ พรุ่งนี้มีเรียนเช้า ”
“ คุณนายลืมกินยาเขย่าขวดหรือเปล่า วันนี้มาแปลก ” มัจฉาพึมพำกับตัวเอง เพ็ญจันทร์รู้สึกไม่สบายใจหลังจากได้ยินคำพูดของมัจฉา มาริษามาหามัจฉาที่บ้านพร้อมกับผลการทดลอง มัจฉาออกไปข้างนอกยังไม่กลับมา เพ็ญจันทร์นั่งคุยกับมาริษาระหว่างรอมัจฉากลับบ้าน
“ มัจออกไปข้างนอกตั้งแต่เช้าแล้วลูกเที่ยง ๆ คงกลับ ษามีเรื่องอะช่ไรเร่งด่วนหรือเปล่า ป้าจะได้โทรให้มัจกลับบ้าน ”
“ ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนอะไรค่ะ ษารอได้ ถ้าให้ษาเดาคงไปบ้านของเข้มและเบิ้ม ”
“ ใครว่ามัจไม่ได้หาเข้มกับเบิ้ม ตรวจรายงานเสร็จแล้วหรอ ”
“ ยื่นมือมานี่เลย ” มาริษาใช้มือของตัวเองตีมือของมัจฉาเบา ๆ
“ อธิบายให้พี่ฟังสิหมายความว่ายังไง ทำไมรายงานแต่ละเล่มถึงได้เขียนเหมือนกันหมดเลย มัจให้เพื่อนลอกรายงานอีกแล้วใช่ไหม ” มาริษาทำเสียงดุ มัจฉาทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
“ เอาไปทำใหม่เลยนะ ฝากบอกเพื่อน ๆ ด้วยแล้วกัน ” มัจฉาถอนหายใจโน้มตัวลงนอนบนตักของมาริษา พุทธชาดกลับมาจากมหาวิทยาลัยวางสัมภาระลงบนโต๊ะตรงหน้าของเพ็ญ
“ ว่าไงจ๊ะว่าที่คุณหมอ ”
“ สอบเสร็จสักที ” มัจฉาลุกขึ้นเตรียมตัวออกไปเปิดร้าน พุทธชาดห้ามไม่ให้มัจฉาออกจากบ้านต้องการให้มัจฉาอยู่กินข้าวเย็นพร้อมกับตนเองแต่โดนมัจฉาปฏิเสธ
“ ไว้วันหลังแล้วกันนะพี่ วันนี้มัจไม่ว่าง ”
“ ไม่เคยว่างสักที ค่ำ ๆ มืดชอบออกไปจากบ้านไม่เคยอยู่ติดบ้านสักวัน ”
“ มัจมีงานต้องทำ พี่พุดต้องเข้าใจมัจด้วย ” เพ็ญจันทร์ไม่ต้องการให้มัจฉาเลิกขายก๋วยเตี๋ยวส่วนมัจฉาเองก็พอใจในชีวิตที่เป็นอยู่ถึงจะเหนื่อยแต่ก็มีความสุขตามและสนุกกับการใช้ชีวิตแบบนี้ไม่คิดที่จะกลับไปพึงเพ็ญจันทร์อีกแล้ว กิจการร้านก๋วยเตี๋ยวไปได้ด้วยดีเริ่มเป็นที่รู้จักทำให่แต่ละวันมีลูกค้าแวะเวียนเข้ามาอุดหนุน มัจฉาใช้เวลาวาดภาพหลังจากเก็บจากจากเก็บร้านเสร็จ
โรงเพาะฟักสัตว์น้ำกร่อยมัจฉาและเพื่อน ๆ กำลังช่วยกันล้างบ่อปูนเพื่อเตรียมอนุบาลลูกปลา มัจฉาแกล้งสาดน้ำใส่น้ำหวานจนเปียกไปทั้งตัว ทุกคนหัวเราะ น้ำหวานสาดน้ำกลับแต่มัจฉาหลบได้ทันจนตัวเองลื่นล้มไปนอนกองกับพื้น น้ำหวานพยามลุกขึ้นเดินแต่ขาแผลงเดินไม่ไหว มัจฉาช่วยพยุงตัวน้ำหวานให้น้ำหวานขี่หลังไปห้องพยาบาล
“ เป็นไงบ้าง ฉันขอโทษ ”
“ อือ ! ไม่เป็นไร ”
“ เดินไหวไหมเนี่ยให้ฉันช่วยพยุงไหม ”
“ ไม่ต้องฉันเดินเองได้ ” มัจฉาถอนหายใจ
“ เดี๋ยวฉันพาแกไปพักที่ห้อง ฉันขอโทษด้วยที่ทำให้แกต้องเจ็บ ”
“ ทำดีกับฉันแบบนี้กลัวฉันไปฟ้องครูสุใช่ไหม ”
“ ป่าว ทำไมฉันต้องกลัวในเมื่อฉันไม่ได้ทำอะไรผิด ” พรศรีแวะมาหาสุปราณีย์ที่วิทยาลัย นานหลายปีแล้วที่ทั้งสองคนไม่ได้เจอกัน สุปราณีย์ดีใจที่ได้เจอกับพรศรีทั้งคู่นั่งคุยอย่างถูกคอ พรศรีไม่ลืมที่จะถามถึงมัจฉา สุปราณีย์ยิ้ม
“ เธอได้เจอมัจบ้างไหมตอนนี้คงโตเป็นสาวแล้ว พรุ่งนี้วันหยุดฉันจะชวนเธอไปหาเพ็ญจันทร์ที่บ้านด้วยและอีกอย่างหนึ่งฉันอยากเจอหลานด้วย หลายปีแล้วที่ฉันไม่ไปหาหลานตอนนี้คงจำฉันไม่ได้แล้ว ”
“ เธอไม่ต้องรอถึงพรุ่งนี้หรอก วันนี้เธอก็เจอหลานได้ไม่ถึงห้านาที มัจฉาจะมายืนอยู่ตรงหน้าของเธอตรงนี้ ”
“ พูดจริงหรือเปล่าเนี่ย เธอไม่ได้ล้อฉันเล่นใช่ไหม ” สุปราณีย์พูดไม่ทันขาดคำ มัจฉาเดินออกมาจากห้องพอดีพร้อมกับตะโกนเรียก มัจฉาได้ยินเสียงของสุปราณีย์รีบเดินไปหาในทันที
“ ครูเรียกมัจมีอะไรเปล่า ”
“ โอ้ย ! เมื่อไหร่จะเลิกเรียกป้าสักทีละ ตอนนี้ไม่มีใครเรียกป้าเหมือนเดิมเถอะลูก ป้าไม่ชินเลย ”
“ ได้ค่ะแต่ถ้ามีคนอื่นอยู่ด้วยมัจขอเรียกป้าว่าครูเหมือนเดิมนะคะ ”
“ จ๊ะลูก ” พรศรียิ้มด้วยความดีใจ
“ เผลอแปบเดียวโตเป็นสาวแล้ว ”
“ สวัสดีค่ะป้าศรี ”
“ หวัดดีจ๊ะ ”
“ ป้าคิดถึงหนูมากเลย วันนี้ดีใจมากที่ได้เจอ นับตั้งแต่วันนี้เราไม่ต้องพรากจากกันอีกแล้ว ” พรศรีสวมกอดมัจฉา มัจฉาสัมผัสได้ถึงความรักที่พรศรีมีให้กับตัวเอง
“ ถ้าอย่างนั้นป้าขอเบอร์โทร ไลน์และก็เฟสบุคของหลานด้วย เอาไว้คุยกัน ”
“ ค่ะป้า ”
“ ยังไม่เลิกเห่อหลานอีก ”
“ มัจขอตัวไปก่อนนะคะออกมานานแล้ว เพื่อนรอแย่แล้ว ” พรศรีสวมกอดมัจฉาอีกครั้ง
หลังจากเลิกเรียนมัจฉาไปหาชลธีที่โรงเรียน ก้องภพไม่พอใจที่เห็นมัจฉาสนิทกับชลธีแต่พยายามเก็บอาการต่อหน้าชลธีไม่ให้เขารู้ มัจฉาเองก็เช่นกันเกลียดหน้าก้องภพสุด ๆ ต่อหน้าชลธีทั้งคู่แกล้งทำคุยกันดีแต่ลับหลังชลธีกัดเหมือนหมาไม่มีใครยอมใคร
“ ไอ้ชล คิดถึงฉันหรอถึงโทรให้ฉันมาหา ” ชลธียิ้ม
“ ฉันจะให้แกมาช่วยวาดภาพส่งครูให้หน่อย ฉันวาดไม่สวยเลย ”
“ เรื่องแค่นี้เองให้ฉันวาดให้ก็ได้ไม่เห็นต้องลำบากให้มัจมาเลย ”
“ ไม่ลำบากเลยก้อง ฉันเต็มใจ สำหรับไอ้ชลฉันว่างเสมอ ว่างทุกเวลา อย่าว่าแต่วาดภาพเลยทำอย่างอื่นฉันก็เต็มใจทำให้ ” มัจฉาส่งสายยั่วยวนมองไปที่ชลธี ก้องภพเข้าใจความหมายคำพูดของมัจฉา
“ อย่างอื่นที่ว่า ฉันทำให้ชลได้เพียงคนเดียวเท่านั้น คนอื่นคงได้แค่มอง ”
“ ใครจะไม่รู้ละเผื่อวันข้างหน้า เพื่อนของฉันคนนี้อาจกลับใจมาลิ้มรสชาติชะนีอย่างฉันก็เป็นไปได้ ”
“ พวกแกสองคนพูดอะไรกัน ฉันไม่เห็นเข้าใจ ”
“ ไม่มีอะไรหรอก ฉันกับก้องแค่พูดหยอกกันเล่น แก้เซ็ง ” มัจฉารีบตัดบท ก้องภพพยายามยั่วโมโหมัจฉาแต่ก็ไม่เป็นผล มัจฉาขอแยกตัวกลับไปก่อนเมื่อถึงใกล้ถึงเวลาเปิดร้าน กิจการร้านขายก๋วยเตี๋ยวของมัจฉาเป็นไปด้วยดี เพ็ญจันทร์ต้องการให้มัจฉาเลิกขายก๋วยเตี๋ยว
ร้านสามเกลอในช่วงค่ำเนืองแน่นไปด้วยลูกค้าที่พา