“ ไอ้ลูกเมียน้อย เชิญไปฟ้องเลย กูไม่กลัวหรอกครูเพ็ญจันทร์ ถ้าแน่จริงไปเลยสิ บ้านกูอยู่ใกล้แค่นี้เอง ”
โตชวนเพชรกลับบ้านรอวันกลับมาคิดบัญชีแค้นกับมัจฉารีบพากันเดินออกจากตลาด อีกฟากหนึ่งของตลาดเพ็ญจันทร์กับพุทธชาดกำลังช่วยกันเลือกซื้อปลาอยู่ตรงแผงขายปลาท้ายตลาด โตกับเพชรวิ่งออกมาเจอเพ็ญจันทร์กับพุทธชาดที่กำลังช่วยกันเลือกซื้อปลาทับทิม
“ สวัสดีครับครู ครูช่วยผมสองคนด้วยครับ ” โตแสดงละครฟ้องเพ็ญจันทร์กล่าวหาว่าโดนมัจฉาทำร้ายพร้อมกับเปิดบาดแผลให้เพ็ญจันทร์ดู
“ เกิดอะไรขึ้นบอกครูมาสิ ใครเป็นคนทำร้ายพวกเธอ ”
“ พวกผมสองคนโดนมัจฉากระทืบมาครับ ” เพ็ญจันทร์ถอนหายใจ
“ หนูสองคนเป็นอะไรมาหรือเปล่าลูกเดี๋ยวครูพาไปโรงพยาบาลให้หมอตรวจดูว่าบาดเจ็บอะไรตรงไหนบ้าง ”
“ พวกผมสองคนไม่ได้เป็นอะไรมากครับครูมีแค่รอยฟกช้ำนิดหน่อยครับ ”
“ แน่ใจนะว่าไม่ได้เป็นอะไรมาก ”
“ ครับครู ขอบคุณมากครับ ” พุทธชาดพยายามพูดให้เพ็ญจันทร์อารมณ์เย็นลงเกรงว่าเมื่อกลับบ้านไปเจอกับมัจฉาจะมีเรื่องทะเลาะและกลัวมัจฉาจถูกเพ็ญจันทร์ลงโทษ
“ วันนี้เรามีเรื่องต้องคุยกันยาว กลับมาเมื่อไหร่น่าดู ”
“ ป้าคะ พุดคิดว่าน้องคงไม่ได้ตั้งใจทำร้ายโตกับเพชรคงจะเป็นเรื่องเข้าใจผิดกัน ”
“ เลิกให้ท้ายน้องสักที ป้าเข้าใจว่าพุดรักน้องมากแต่ลูกก็ต้องสอนให้น้องเป็นคนดีไม่ใช่ทำตัวเป็นอันตพาลระรานชาวบ้านแบบนี้ คนประเภทนี้เรียน ขยะสังคม ”
ร้านก๋วยเตี๋ยวเจ๊จุ่ม เข้ม เบิ้มและมัจฉานั่งรอชลธีอยู่ภายในร้าน ชลธีเดินเข้ามาพร้อมทั้งหอบเอกสารและหนังสืออีกหลายเล่มเดินเข้าไปหาทุกคน สายตาของคนในร้านหันมามองชลธีด้วยความสงสัยเข้าใจว่าชลธีเป็นคนเก็บของเก่า
“ ไอ้ชลแกถือของอะไรมาเยอะแยะ หนังสืออะไรของแกถึงได้มากมายขนาดนี้
“ฉันเอามาให้แกอ่านเหลือไม่กี่วันแล้วจะถึงวันสอบ ”
“ สอบอะไรวะ แกเข้าใจผิดอะไรหรือเปล่า ฉันไม่ได้เรียนต่อมัธยมปลาย ขอบใจมาก ”
“ ไอ้มัจ แกหมายความว่ายังไง ในเมื่อป้าเพ็ญไม่ให้แกเรียนประมงเพราะฉะนั้นแกก็ต้องเรียนมัธยมปลายตามคำสั่งของป้ามิใช่หรือไง ”
“ ใครว่าคนอย่างไอ้มัจนั้นหรอจะไปเรียนมัยธยมปลายไม่มีวันเสียหรอก แกก็รู้ว่าฉันไม่ชอบ พรุ่งนี้ฉันไปรายงานที่วิทยาลัยประมง ”
“ แกว่าไงนะ ฉันได้ยินไม่ผิดใช่ไหมแล้วนี่ป้าเพ็ญรู้เรื่องหรือยัง ”
“ ยัง ”
“ ก๋วยเตี๋ยวร้อน ๆ มาแล้วจ๊ะทุกคน ” เจ๊จุ่มวางชามก๋วยเตี๊ยวลงบนโต๊ะ ทุกคนก้มหน้าปรุงก๋วยเตี๋ยวของตนเอง บรรยากาศในช่วงเวลากลางวันภายในร้านพลุกพล่านไปด้วยผู้คนที่แวะเข้ามาภายในร้าน ในขณะที่เจ๊จุ่มและลูกน้องช่วยกันบริการดูแลลูกค้า
“ พรุ่งนี้ฉันต้องไปรายงานตัว ฉันจะให้พวกแกช่วยปลอมตัวเป็นผู้ปกครองให้หน่อย ”
“ ห๊ะ ! ปลอมตัว ” ทุกคนตอบพร้อมกัน
“ ป้าเพ็ญรู้เข้าเป็นเรื่องแน่ ฉันว่าแกไปคุยกับป้าอีกสักรอบดีไหม ”
“ คุณชลธีคะ ! แกน่าจะรู้นิสัยของคุณนายเป็นอย่างดีว่าเป็นอย่างไรแล้วแกจะให้ฉันไปไปบอกอีกทำไม ในเมื่อรู้คำตอบอยู่แล้ว ”
“ ไอ้ชลทำไมแกปอดแหกแบบนี้วะ ไอ้มัจแกไม่ต้องเป็นห่วง พวกฉันสองคนช่วยแกเองรับรองไม่มีใครจับได้แน่นอน ”
“ เรื่องลงทะเบียนของละ เงินจ่ายค่าเทอมแกมีแล้วหรือยัง ถ้ายังฉันพอมีอยู่บ้าง ”
“ เอาเงินพวกฉันไปก่อนไหม ”
“ ฉันขอบใจพวกแกทั้งสามคนมากเลยแต่ฉันไม่จำเป็นต้องใช้เงินลงทะเบียน วิทยาลัยประมงเรียนฟรี ”
ด้วยความเป็นห่วงพุทธชาดรีบโทรมให้มัจฉากลับบ้านแต่ไม่สามารถติดต่อน้องได้ เพ็ญจันทร์รอชำระความกับมัจฉาแต่อีกฝ่ายไม่ทีท่าจะกลับบ้าน
“ เย็นมากแล้วทำไมมัจยังไม่กลับบ้าน ”
“ คุณพุดยังไม่ชินอีกหรอคะ เดี๋ยวสักพักก็คงกลับ ”
“ พุดชินแล้วคะพี่เปรี้ยวแต่วันนี้น้องไปมีปัญหากับเพื่อนแล้วป้าก็รู้แล้วด้วย น้องกลับมาบ้านช้า ป้ายิ่งโกรธเข้าไปอีก ”
“ นึกแล้วเชียว ทำไมวันนี้คุณผู้หญิงกลับมาไม่พูดกับใครเดินเข้าไปในห้องทำงานตั้งแต่บ่ายจนถึงตอนนี้ ”
“ คุณหนูของป้ามาอยู่ที่นี้นี่เอง ของที่คุณหนูให้ป้าเตรียมไว้เสร็จแล้วนะคะ ”
พิมพ์ภาแม่บ้านคนสนิทของเพ็ญจันทร์ทำงานรับใช้ดูแลบ้านหลังนี้มาตั้งแต่สมัยจันทราน้องสาวของเพ็ญจันทร์ยังมีชีวิตอยู่จวบจนกระทั่งทุกวันนี้ ผู้กุมความลับทุกอย่างในบ้านเอาไว้
“ วันนี้คงไม่ได้ทำแล้วจ๊ะป้า ป่านนี้แล้วมัจยังไม่กลับบ้านมาเลย ” พุทธชาดถอนหายใจ เพ็ญจันทร์เดินมาหาพุทธชาดที่ห้องโถง มัจฉาเดินเข้าไปกอดเพ็ญจันทร์ด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม
“ คุณนาย พี่พุด สวัสดีคะ ”
“ นี่มันกี่โมงแล้วทำไมพึงกลับบ้าน พรุ่งนี้ต้องไปรายตัวเข้าเรียน ” มัจฉางงไม่เข้าใจคำพูดคของเพ็ญจันทร์ยิ้มออกมาด้วยความดีใจเข้าใจว่าเพ็ญจันทร์ใจอ่อนยอมให้เรียนปวช.สาขาวิชาประมงตามที่ตัวเองต้องการ
“ คุณนายยอมให้มัจเรียนประมงแล้วหรอ ”
“ ใครบอก พรุ่งนี้ป้าให้มัจไปรายงานตัวเข้าเรียนมัธยมปลายต่างหากละ ”
“ มัจไม่เรียน คุณนายอยากเรียนก็ไปเรียนเองสิ ”
“ ไอ้เด็กคนนี้พูดไม่รู้ฟังยังจะดื้ออีก ”
“ มัจไม่เรียน”
“ ไปไหนมา ทำไมพึงกลับบ้าน ”
“ มัจไปหาไอ้เข้มกับไอ้เบิ้ม คุณนายมีอะไรหรือเปล่า ทำไมวันนี้ดูอารมณ์ไม่ดีเลย ”
“ มี ! ” เพ็ญจันทร์ทำเสียงเข้ม มัจฉาแกล้งทำไม่รู้เรื่อง
“ คุณนายพูดเหมือนมัจไปทำอะไรผิดมาอย่างนั้นแหละ ”
“ วันนี้ไปทำอะไรผิดมาละมีอะไรจะสารภาพไหม ”
“ คุณนายพูดเรื่องอะไรมัจไม่เข้าใจ ”
“ กินอยู่กับปากอยากอยู่กับท้อง ใครสั่งใครสอนให้มีนิสัยแบบนี้ ”
“ คุณนายบอกมาสิว่ามัจทำอะไรผิด ทุกวันนี้มัจทำอะไรก็ผิดทุกอย่างในสายตาของคุณนาย ” เพ็ญจันทร์อึ้งเงียบไปชั่วขณะไม่คิดว่ามัจฉาจะตอบกลับมาอย่างนี้แกล้งทำน้ำเสียงเป็นปกติ
“ พิมพ์ไปหยิบไม้เรียวมาให้ฉัน ”
“ ป้าคะ อย่าตีน้องเลยคะเรื่องแค่นี้เองไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรก็แค่เด็กทะเลาะกัน ” เพ็ญจันทร์ดึงไม้เรียวมาจากมือของพิมพ์ภาพร้อมกับส่งสายดุไปให้ทุกคน มัจฉาถอนหายใจด้วยความเบื่อหน่ายตลอดเวลาที่ผ่านมาเพ็ญจันทร์ไม่เคยทำตัวเป็นผู้ใหญ่ที่ดีรับฟังปัญหาแม้แต่ครั้งเดียวเลย เพ็ญจันทร์ฟาดไม้เรียวลงบนตัวของมัจฉา พุทธชาดเอาตัวมาบังเอาไว้
“ พี่พุด ! ”
“ เจ็บไหมลูก ป้าขอโทษ ” มัจฉาหันไปมองเพ็ญจันทร์กำลังใช้มือลูบแผลที่แขนของพุทธชาด สายตาเศร้า ๆ คู่นั้นกำลังมองเพ็ญจันทร์ด้วยความน้อยใจ
“ พุดผิดเองที่สอนน้องไม่ดีความผิดครั้งนี้พุดขอรับไว้เองคะ ” เพ็ญจันทร์ถอนหายใจยื่นไม้เรียวให้กับเพ็ญจันทร์เดินออกไป มัจฉาโน้มตัวลงนอน พุทธชาดเปิดประตูเดินเข้ามาโน้มตัวลงนอนพลิกตัวเข้าไปกอดมัจฉาทางด้านหลัง มัจฉาพลิกตัวกลับมากอดพุทธชาด
“ พี่พุด คุณนายรู้ได้ยังไงว่าวันนี้มัจไปมีเรื่องกับพวกไอ้โต ”
“ วันนี้พี่ไปตลาดกับป้า ในระหว่างที่เลือกปลาอยู่ โตกับเพชรเดินมาทางนี้เจอกับป้าพอดีเลย หลังจากนั้นสองคนเล่าเรื่องทั้งหมดให้ป้าฟัง ”
“ พี่พุดเจ็บมากไหม ยื่นแขนมาสิมัจทายาให้ ” มัจฉาค่อย ๆ ทายาลงบนแขนของมัจฉาอย่างเบามือ พุทธชาดเอามือลูบหัวมัจฉาพร้อมทั้งยิ้มให้
“ นอนได้แล้วพรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าไปรายงานตัวพร้อมกับป้า ”
“ มัจไม่ไป พรุ่งนี้มัจต้องไปรายงานตัวที่วิทยาลัย ”
“ หมายความว่ายังไง ”
“ หมายความอย่างที่พูดนั้นแหละ มัจไม่ได้เรียนต่อมัธยมปลาย อย่างที่คุณนายบอกหรอกนะพี่ พรุ่งนี้มัจต้องไปรายงานตัวที่วิทยาลัยประมง ”
“ แน่ใจแล้วหรอที่ทำแบบนี้ ลองคิดทบททวนดูไหมสักรอบดีไหม ป้ารู้เข้าบ้านแตกพี่ไม่อยากจะคิด ”
“ อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด สวรรค์ลิขิตไว้แบบนี้แล้ว ”
“ เอาที่สบายใจนะไอ้น้องรัก ”
มัจฉาตื่นเช้าแต่งตัวออกจากบ้านไปรอเข้มและเบิ้มตรวหน้าปากซอยหมู่บ้าน เข้มแต่งเป็นผู้หญิงปลอมตัวเป็นแม่ของมัจฉา เบิ้มใส่ชุดสูททั้งสามคนขับรถมอเตอร์ไซด์ไปวิทยาลัยประมง บรรยากาศการรายวันรายงานตัวพลุกพล่านไปด้วยผู้คนที่พาลูกจูงหลายมารายงานตัว มัจฉา เข้มและเบิ้มเดินเข้าไปยังหอประชุม ห้องสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ที่ในตอนนี้เต็มไปด้วยคนจำนวนมาที่ทยอยเดินกันเข้ามา บางส่วนเดินออกไป มัจฉาเหลือบไปเห็นสุปราณีย์นั่งอยู่ตรงโต๊ที่ตัวเองไปรายงานตัวทำให้หยุดเดินสูดลมหายใจทำตัวให้ปกติที่สุด
“ ไอ้เข้ม ! ไอ้เบิ้ม ! ป้าสุเป็นครูอยู่ที่นี้ เห้อ ! ทำไมชีวิตของฉันต้องมีแต่อุปสรรคด้วยวะ ”
“ ใจเย็น ๆ ทำตัวให้ปกติที่สุด ป้าสุกับแกไม่เจอแกมานานหลายปี นับตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้เขาคงจำแกไม่ได้หรอก ”
“ สู้ ๆ นะเพื่อน ”
มัจฉารวบรวมความกล้าเดินเข้าไปหาสุปราณีย์วางเอกสารทั้งหมดลงบนโต๊ะ สุปราณีย์ยิ้มก้มหน้าตรวจเอกสาร
มัจฉาพยายามกลบเกลื่อนแสดงอาการให้ปกติที่สุดกลัวสุปราณีย์จะรู้ว่าฐานะของตัวเอง
“ นามสกุลของหนูเหมือนกับนามสกุลเพื่อนของครูเลย หนูเป็นหลานของสุปราณีย์หรือเปล่า ”
“ แค่ญาติห่าง ๆ คะครู ”
“ มัจฉา ! ชื่อของหนูเหมือนกับชื่อของหลานครู ”
“ คนเราชื่อซ้ำกันได้นะคะครูมันเป็นเรื่องปกติมากเลยค่ะ ”
“ ครูก็ว่าอย่างนั้นแหละ สัญญากับครูได้ไหมว่าหนูจะตั้งใจเรียนจะ ไม่หนีครูไปก่อนจบการศึกษา ”
“ คะครู ”
“ ครูเป็นครูประจำชั้นของหนู เจอกันอีกทีวันเปิดเทอม ” หลังจากรายงานตัวเสร็จ มัจฉาเดินไปหาเข้มและเบิ้มอีกฝั่งของห้องประชุมทั้งสองคนนั่งรออยู่ตรงประตูทางเข้า
“ เป็นบ้างวะแก ป้าสุจำแกได้ไหม ”
“ จำไม่ได้แต่คุ้นชื่อและนามสกุลและยังถามอีกว่าฉันเป็นอะไรกับคุณนาย ฉันตอบไปว่าเป็นญาติห่าง ๆ กัน ”
ภายในห้องสี่เหลี่ยม เพ็ญจันทร์นั่งคิดทบทวนเรื่องราวในอดีต วันเวลาผ่านไปเร็วเหมือนกับใบไม้ไหวจากวันนั้นถึงวันนี้สิบแปดปีเต็มที่ต้องปกปิดเรื่องราวในอดีตอันแสนข่มขืนไว้เพียงลำพังคนเดียว ถ้าหากวันหนึ่งมัจฉารู้ความจริงทั้งหมด ความรักที่เคยมีให้จะยังเหมือนเดิมอยู่ไหม ยิ่งคิดยิ่งปวดหัว เสียงเคาะประตูห้องทำให้เพ็ญจันทร์ได้สติ มัจฉาเดินเข้ามาหาในเพ็ญจันทร์ ใบหน้าอันเรียบเฉยของเพ็ญจันทร์ยิ่งทำให้มัจฉากลัวพยายามทำตัวให้ปกติที่สุด
“ ไปไหนมาทำไมไม่ไปรายงานตัวกับป้าปล่อยให้ป้ารอทั้งวัน ”
“ มัจไปรายตัวเข้าเรียนที่วิทยาลัยประมงมาคะ ”
“ ทำไมถึงได้ดื้อแบบนี้ มีหูไว้กันสมองเพียงอย่างเดียวใช่ไหม ป้าบอกแล้วมิใช่หรอกว่าให้มัจเรียนแล้วทำไมยังกล้าขัดคำสั่งของป้า ” มัจฉาถอยหายใจเดินเข้าไปกอดเพ็ญจันทร์
“ ตั้งแต่เล็กจนโตป้าไม่เคยมีของขวัญแม้กระทั่งความรักจากป้า ครั้งนี้มัจขอป้าแล้วกัน ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายในการเรียนทั้งหมดมัจเป็นคนรับผิดชอบเองจะไม่มารบกวนเงินของป้าแม้แต่บาทเดียว ” มัจฉาเดินจากไป เพ็ญจันทร์อึ้งทำตัวไม่ถูกถึงกับกลั้นน้ำตาไว้ไม่ได้ นานนับหลายปีที่มัจฉาไม่ยอมเรียกตนเองว่าป้าแต่กลับเรียกว่าคุณนาย แต่ในวันนี้กลับเรียกตัวเองว่า ป้า เพ็ญจันทร์รับรู้ถึงความรู้สึกของมัจฉาได้เป็นอย่างดี
“ มัจคงเบื่อที่ป้าชอบบังคับมัจเลยพาลทำให้เข้าใจผิดคิดว่าป้าไม่รัก ทำไมป้าจะไม่รักมัจละลูก ในเมื่อมัจเป็น ” เสียงเรียกของพิมพ์ภาทำให้เพ็ญจันทร์ได้สติรีบเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้า
“ คุณผู้หญิงร้องไห้ทำไมคะ ทะเลาะกับคุณหนูมัจฉาอีกแล้วละสิ ”
“ เปล่าวันนี้ฉันไม่ได้ทะเลาะกับยัยมัจหรอกพิมพ์แต่คำพูดของยัยมัจต่างหากที่ทำให้ฉันเสียใจ ”
“ คุณหนูพูดว่าอะไรคะถึงกับทำให้คุณผู้หญิงต้องเสียน้ำตา พิมพ์ไม่อยากจะเชื่อ ”
“ ยัยมัจบอกกับฉันว่า ตั้งแต่เล็กจนโตฉันไม่เคยมีของขวัญให้หรือแม้กระทั่งความรัก ยัยมัจเข้าใจคิดว่าฉันไม่รักแกเลย หมายังรักลูกของมัน ฉันเป็นมนุษย์ ทำไมฉันจะไม่รักในเมื่อมัจฉา
“ อย่าพูดดังไปคะคุณผู้หญิง กำแพงมีหูประตูมีตา เดี๋ยวใครมาได้ยินเข้า ”
“ ขอบใจนะที่ช่วยเตือนสติฉัน ”
“ ความจริงเป็นสิ่งไม่ตายแต่คนเราก็อายที่จะพูดความจริง ถ้าวันหนึ่งคุณหนูรู้ความจริงคุณผู้หญิงทำใจยอมรับได้แค่ไหน ”
มัจฉาแวะมาหาชลธีที่บ้าน ชลธีเดินเล่นอยู่ในสวนหลังบ้าน บริเวณบ้านของชลธีร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ นานาชนิดมองดูคล้ายกับป่าขนาดย่อม มัจฉาค่อย ๆ เดินอ้อมไปทางด้านหลังของชลธีเอื้อมมือไปปิดตาชายหนุ่มเอาไว้
“ ทายสิว่าใคร ”
“ คุณหนูมัจฉา ” มัจฉาเอามือออกจาก ชลธีคว้ามือของหญิงสาวเอาไว้ยกมือขึ้นสูดกลิ่นจากอุ้งมือของหญิงสาว มัจฉาแอบเขินแต่แกล้งทำตัวปกติไม่ให้ชลธีจับได้ หัวใจของเธอเต้นแรงทุกครั้งเมื่อได้ใกล้ชิดกับชายหนุ่ม ชลธีเดินจูงมือมัจฉาไปยังบึงท้ายสวน ภายในบึงบัวเต็มไปด้วยกอบัว กอบัวบางหย่อมกำลังออกดอก บางหย่อมดอกกำลังบานสะพรั่ง ชลธีพายเรือ
กลรักสาวมีนกร ตอนที่ 1 ( ต่อ )
โตชวนเพชรกลับบ้านรอวันกลับมาคิดบัญชีแค้นกับมัจฉารีบพากันเดินออกจากตลาด อีกฟากหนึ่งของตลาดเพ็ญจันทร์กับพุทธชาดกำลังช่วยกันเลือกซื้อปลาอยู่ตรงแผงขายปลาท้ายตลาด โตกับเพชรวิ่งออกมาเจอเพ็ญจันทร์กับพุทธชาดที่กำลังช่วยกันเลือกซื้อปลาทับทิม
“ สวัสดีครับครู ครูช่วยผมสองคนด้วยครับ ” โตแสดงละครฟ้องเพ็ญจันทร์กล่าวหาว่าโดนมัจฉาทำร้ายพร้อมกับเปิดบาดแผลให้เพ็ญจันทร์ดู
“ เกิดอะไรขึ้นบอกครูมาสิ ใครเป็นคนทำร้ายพวกเธอ ”
“ พวกผมสองคนโดนมัจฉากระทืบมาครับ ” เพ็ญจันทร์ถอนหายใจ
“ หนูสองคนเป็นอะไรมาหรือเปล่าลูกเดี๋ยวครูพาไปโรงพยาบาลให้หมอตรวจดูว่าบาดเจ็บอะไรตรงไหนบ้าง ”
“ พวกผมสองคนไม่ได้เป็นอะไรมากครับครูมีแค่รอยฟกช้ำนิดหน่อยครับ ”
“ แน่ใจนะว่าไม่ได้เป็นอะไรมาก ”
“ ครับครู ขอบคุณมากครับ ” พุทธชาดพยายามพูดให้เพ็ญจันทร์อารมณ์เย็นลงเกรงว่าเมื่อกลับบ้านไปเจอกับมัจฉาจะมีเรื่องทะเลาะและกลัวมัจฉาจถูกเพ็ญจันทร์ลงโทษ
“ วันนี้เรามีเรื่องต้องคุยกันยาว กลับมาเมื่อไหร่น่าดู ”
“ ป้าคะ พุดคิดว่าน้องคงไม่ได้ตั้งใจทำร้ายโตกับเพชรคงจะเป็นเรื่องเข้าใจผิดกัน ”
“ เลิกให้ท้ายน้องสักที ป้าเข้าใจว่าพุดรักน้องมากแต่ลูกก็ต้องสอนให้น้องเป็นคนดีไม่ใช่ทำตัวเป็นอันตพาลระรานชาวบ้านแบบนี้ คนประเภทนี้เรียน ขยะสังคม ”
ร้านก๋วยเตี๋ยวเจ๊จุ่ม เข้ม เบิ้มและมัจฉานั่งรอชลธีอยู่ภายในร้าน ชลธีเดินเข้ามาพร้อมทั้งหอบเอกสารและหนังสืออีกหลายเล่มเดินเข้าไปหาทุกคน สายตาของคนในร้านหันมามองชลธีด้วยความสงสัยเข้าใจว่าชลธีเป็นคนเก็บของเก่า
“ ไอ้ชลแกถือของอะไรมาเยอะแยะ หนังสืออะไรของแกถึงได้มากมายขนาดนี้
“ฉันเอามาให้แกอ่านเหลือไม่กี่วันแล้วจะถึงวันสอบ ”
“ สอบอะไรวะ แกเข้าใจผิดอะไรหรือเปล่า ฉันไม่ได้เรียนต่อมัธยมปลาย ขอบใจมาก ”
“ ไอ้มัจ แกหมายความว่ายังไง ในเมื่อป้าเพ็ญไม่ให้แกเรียนประมงเพราะฉะนั้นแกก็ต้องเรียนมัธยมปลายตามคำสั่งของป้ามิใช่หรือไง ”
“ ใครว่าคนอย่างไอ้มัจนั้นหรอจะไปเรียนมัยธยมปลายไม่มีวันเสียหรอก แกก็รู้ว่าฉันไม่ชอบ พรุ่งนี้ฉันไปรายงานที่วิทยาลัยประมง ”
“ แกว่าไงนะ ฉันได้ยินไม่ผิดใช่ไหมแล้วนี่ป้าเพ็ญรู้เรื่องหรือยัง ”
“ ยัง ”
“ ก๋วยเตี๋ยวร้อน ๆ มาแล้วจ๊ะทุกคน ” เจ๊จุ่มวางชามก๋วยเตี๊ยวลงบนโต๊ะ ทุกคนก้มหน้าปรุงก๋วยเตี๋ยวของตนเอง บรรยากาศในช่วงเวลากลางวันภายในร้านพลุกพล่านไปด้วยผู้คนที่แวะเข้ามาภายในร้าน ในขณะที่เจ๊จุ่มและลูกน้องช่วยกันบริการดูแลลูกค้า
“ พรุ่งนี้ฉันต้องไปรายงานตัว ฉันจะให้พวกแกช่วยปลอมตัวเป็นผู้ปกครองให้หน่อย ”
“ ห๊ะ ! ปลอมตัว ” ทุกคนตอบพร้อมกัน
“ ป้าเพ็ญรู้เข้าเป็นเรื่องแน่ ฉันว่าแกไปคุยกับป้าอีกสักรอบดีไหม ”
“ คุณชลธีคะ ! แกน่าจะรู้นิสัยของคุณนายเป็นอย่างดีว่าเป็นอย่างไรแล้วแกจะให้ฉันไปไปบอกอีกทำไม ในเมื่อรู้คำตอบอยู่แล้ว ”
“ ไอ้ชลทำไมแกปอดแหกแบบนี้วะ ไอ้มัจแกไม่ต้องเป็นห่วง พวกฉันสองคนช่วยแกเองรับรองไม่มีใครจับได้แน่นอน ”
“ เรื่องลงทะเบียนของละ เงินจ่ายค่าเทอมแกมีแล้วหรือยัง ถ้ายังฉันพอมีอยู่บ้าง ”
“ เอาเงินพวกฉันไปก่อนไหม ”
“ ฉันขอบใจพวกแกทั้งสามคนมากเลยแต่ฉันไม่จำเป็นต้องใช้เงินลงทะเบียน วิทยาลัยประมงเรียนฟรี ”
ด้วยความเป็นห่วงพุทธชาดรีบโทรมให้มัจฉากลับบ้านแต่ไม่สามารถติดต่อน้องได้ เพ็ญจันทร์รอชำระความกับมัจฉาแต่อีกฝ่ายไม่ทีท่าจะกลับบ้าน
“ เย็นมากแล้วทำไมมัจยังไม่กลับบ้าน ”
“ คุณพุดยังไม่ชินอีกหรอคะ เดี๋ยวสักพักก็คงกลับ ”
“ พุดชินแล้วคะพี่เปรี้ยวแต่วันนี้น้องไปมีปัญหากับเพื่อนแล้วป้าก็รู้แล้วด้วย น้องกลับมาบ้านช้า ป้ายิ่งโกรธเข้าไปอีก ”
“ นึกแล้วเชียว ทำไมวันนี้คุณผู้หญิงกลับมาไม่พูดกับใครเดินเข้าไปในห้องทำงานตั้งแต่บ่ายจนถึงตอนนี้ ”
“ คุณหนูของป้ามาอยู่ที่นี้นี่เอง ของที่คุณหนูให้ป้าเตรียมไว้เสร็จแล้วนะคะ ”
พิมพ์ภาแม่บ้านคนสนิทของเพ็ญจันทร์ทำงานรับใช้ดูแลบ้านหลังนี้มาตั้งแต่สมัยจันทราน้องสาวของเพ็ญจันทร์ยังมีชีวิตอยู่จวบจนกระทั่งทุกวันนี้ ผู้กุมความลับทุกอย่างในบ้านเอาไว้
“ วันนี้คงไม่ได้ทำแล้วจ๊ะป้า ป่านนี้แล้วมัจยังไม่กลับบ้านมาเลย ” พุทธชาดถอนหายใจ เพ็ญจันทร์เดินมาหาพุทธชาดที่ห้องโถง มัจฉาเดินเข้าไปกอดเพ็ญจันทร์ด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม
“ คุณนาย พี่พุด สวัสดีคะ ”
“ นี่มันกี่โมงแล้วทำไมพึงกลับบ้าน พรุ่งนี้ต้องไปรายตัวเข้าเรียน ” มัจฉางงไม่เข้าใจคำพูดคของเพ็ญจันทร์ยิ้มออกมาด้วยความดีใจเข้าใจว่าเพ็ญจันทร์ใจอ่อนยอมให้เรียนปวช.สาขาวิชาประมงตามที่ตัวเองต้องการ
“ คุณนายยอมให้มัจเรียนประมงแล้วหรอ ”
“ ใครบอก พรุ่งนี้ป้าให้มัจไปรายงานตัวเข้าเรียนมัธยมปลายต่างหากละ ”
“ มัจไม่เรียน คุณนายอยากเรียนก็ไปเรียนเองสิ ”
“ ไอ้เด็กคนนี้พูดไม่รู้ฟังยังจะดื้ออีก ”
“ มัจไม่เรียน”
“ ไปไหนมา ทำไมพึงกลับบ้าน ”
“ มัจไปหาไอ้เข้มกับไอ้เบิ้ม คุณนายมีอะไรหรือเปล่า ทำไมวันนี้ดูอารมณ์ไม่ดีเลย ”
“ มี ! ” เพ็ญจันทร์ทำเสียงเข้ม มัจฉาแกล้งทำไม่รู้เรื่อง
“ คุณนายพูดเหมือนมัจไปทำอะไรผิดมาอย่างนั้นแหละ ”
“ วันนี้ไปทำอะไรผิดมาละมีอะไรจะสารภาพไหม ”
“ คุณนายพูดเรื่องอะไรมัจไม่เข้าใจ ”
“ กินอยู่กับปากอยากอยู่กับท้อง ใครสั่งใครสอนให้มีนิสัยแบบนี้ ”
“ คุณนายบอกมาสิว่ามัจทำอะไรผิด ทุกวันนี้มัจทำอะไรก็ผิดทุกอย่างในสายตาของคุณนาย ” เพ็ญจันทร์อึ้งเงียบไปชั่วขณะไม่คิดว่ามัจฉาจะตอบกลับมาอย่างนี้แกล้งทำน้ำเสียงเป็นปกติ
“ พิมพ์ไปหยิบไม้เรียวมาให้ฉัน ”
“ ป้าคะ อย่าตีน้องเลยคะเรื่องแค่นี้เองไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรก็แค่เด็กทะเลาะกัน ” เพ็ญจันทร์ดึงไม้เรียวมาจากมือของพิมพ์ภาพร้อมกับส่งสายดุไปให้ทุกคน มัจฉาถอนหายใจด้วยความเบื่อหน่ายตลอดเวลาที่ผ่านมาเพ็ญจันทร์ไม่เคยทำตัวเป็นผู้ใหญ่ที่ดีรับฟังปัญหาแม้แต่ครั้งเดียวเลย เพ็ญจันทร์ฟาดไม้เรียวลงบนตัวของมัจฉา พุทธชาดเอาตัวมาบังเอาไว้
“ พี่พุด ! ”
“ เจ็บไหมลูก ป้าขอโทษ ” มัจฉาหันไปมองเพ็ญจันทร์กำลังใช้มือลูบแผลที่แขนของพุทธชาด สายตาเศร้า ๆ คู่นั้นกำลังมองเพ็ญจันทร์ด้วยความน้อยใจ
“ พุดผิดเองที่สอนน้องไม่ดีความผิดครั้งนี้พุดขอรับไว้เองคะ ” เพ็ญจันทร์ถอนหายใจยื่นไม้เรียวให้กับเพ็ญจันทร์เดินออกไป มัจฉาโน้มตัวลงนอน พุทธชาดเปิดประตูเดินเข้ามาโน้มตัวลงนอนพลิกตัวเข้าไปกอดมัจฉาทางด้านหลัง มัจฉาพลิกตัวกลับมากอดพุทธชาด
“ พี่พุด คุณนายรู้ได้ยังไงว่าวันนี้มัจไปมีเรื่องกับพวกไอ้โต ”
“ วันนี้พี่ไปตลาดกับป้า ในระหว่างที่เลือกปลาอยู่ โตกับเพชรเดินมาทางนี้เจอกับป้าพอดีเลย หลังจากนั้นสองคนเล่าเรื่องทั้งหมดให้ป้าฟัง ”
“ พี่พุดเจ็บมากไหม ยื่นแขนมาสิมัจทายาให้ ” มัจฉาค่อย ๆ ทายาลงบนแขนของมัจฉาอย่างเบามือ พุทธชาดเอามือลูบหัวมัจฉาพร้อมทั้งยิ้มให้
“ นอนได้แล้วพรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าไปรายงานตัวพร้อมกับป้า ”
“ มัจไม่ไป พรุ่งนี้มัจต้องไปรายงานตัวที่วิทยาลัย ”
“ หมายความว่ายังไง ”
“ หมายความอย่างที่พูดนั้นแหละ มัจไม่ได้เรียนต่อมัธยมปลาย อย่างที่คุณนายบอกหรอกนะพี่ พรุ่งนี้มัจต้องไปรายงานตัวที่วิทยาลัยประมง ”
“ แน่ใจแล้วหรอที่ทำแบบนี้ ลองคิดทบททวนดูไหมสักรอบดีไหม ป้ารู้เข้าบ้านแตกพี่ไม่อยากจะคิด ”
“ อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด สวรรค์ลิขิตไว้แบบนี้แล้ว ”
“ เอาที่สบายใจนะไอ้น้องรัก ”
มัจฉาตื่นเช้าแต่งตัวออกจากบ้านไปรอเข้มและเบิ้มตรวหน้าปากซอยหมู่บ้าน เข้มแต่งเป็นผู้หญิงปลอมตัวเป็นแม่ของมัจฉา เบิ้มใส่ชุดสูททั้งสามคนขับรถมอเตอร์ไซด์ไปวิทยาลัยประมง บรรยากาศการรายวันรายงานตัวพลุกพล่านไปด้วยผู้คนที่พาลูกจูงหลายมารายงานตัว มัจฉา เข้มและเบิ้มเดินเข้าไปยังหอประชุม ห้องสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ที่ในตอนนี้เต็มไปด้วยคนจำนวนมาที่ทยอยเดินกันเข้ามา บางส่วนเดินออกไป มัจฉาเหลือบไปเห็นสุปราณีย์นั่งอยู่ตรงโต๊ที่ตัวเองไปรายงานตัวทำให้หยุดเดินสูดลมหายใจทำตัวให้ปกติที่สุด
“ ไอ้เข้ม ! ไอ้เบิ้ม ! ป้าสุเป็นครูอยู่ที่นี้ เห้อ ! ทำไมชีวิตของฉันต้องมีแต่อุปสรรคด้วยวะ ”
“ ใจเย็น ๆ ทำตัวให้ปกติที่สุด ป้าสุกับแกไม่เจอแกมานานหลายปี นับตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้เขาคงจำแกไม่ได้หรอก ”
“ สู้ ๆ นะเพื่อน ”
มัจฉารวบรวมความกล้าเดินเข้าไปหาสุปราณีย์วางเอกสารทั้งหมดลงบนโต๊ะ สุปราณีย์ยิ้มก้มหน้าตรวจเอกสาร
มัจฉาพยายามกลบเกลื่อนแสดงอาการให้ปกติที่สุดกลัวสุปราณีย์จะรู้ว่าฐานะของตัวเอง
“ นามสกุลของหนูเหมือนกับนามสกุลเพื่อนของครูเลย หนูเป็นหลานของสุปราณีย์หรือเปล่า ”
“ แค่ญาติห่าง ๆ คะครู ”
“ มัจฉา ! ชื่อของหนูเหมือนกับชื่อของหลานครู ”
“ คนเราชื่อซ้ำกันได้นะคะครูมันเป็นเรื่องปกติมากเลยค่ะ ”
“ ครูก็ว่าอย่างนั้นแหละ สัญญากับครูได้ไหมว่าหนูจะตั้งใจเรียนจะ ไม่หนีครูไปก่อนจบการศึกษา ”
“ คะครู ”
“ ครูเป็นครูประจำชั้นของหนู เจอกันอีกทีวันเปิดเทอม ” หลังจากรายงานตัวเสร็จ มัจฉาเดินไปหาเข้มและเบิ้มอีกฝั่งของห้องประชุมทั้งสองคนนั่งรออยู่ตรงประตูทางเข้า
“ เป็นบ้างวะแก ป้าสุจำแกได้ไหม ”
“ จำไม่ได้แต่คุ้นชื่อและนามสกุลและยังถามอีกว่าฉันเป็นอะไรกับคุณนาย ฉันตอบไปว่าเป็นญาติห่าง ๆ กัน ”
ภายในห้องสี่เหลี่ยม เพ็ญจันทร์นั่งคิดทบทวนเรื่องราวในอดีต วันเวลาผ่านไปเร็วเหมือนกับใบไม้ไหวจากวันนั้นถึงวันนี้สิบแปดปีเต็มที่ต้องปกปิดเรื่องราวในอดีตอันแสนข่มขืนไว้เพียงลำพังคนเดียว ถ้าหากวันหนึ่งมัจฉารู้ความจริงทั้งหมด ความรักที่เคยมีให้จะยังเหมือนเดิมอยู่ไหม ยิ่งคิดยิ่งปวดหัว เสียงเคาะประตูห้องทำให้เพ็ญจันทร์ได้สติ มัจฉาเดินเข้ามาหาในเพ็ญจันทร์ ใบหน้าอันเรียบเฉยของเพ็ญจันทร์ยิ่งทำให้มัจฉากลัวพยายามทำตัวให้ปกติที่สุด
“ ไปไหนมาทำไมไม่ไปรายงานตัวกับป้าปล่อยให้ป้ารอทั้งวัน ”
“ มัจไปรายตัวเข้าเรียนที่วิทยาลัยประมงมาคะ ”
“ ทำไมถึงได้ดื้อแบบนี้ มีหูไว้กันสมองเพียงอย่างเดียวใช่ไหม ป้าบอกแล้วมิใช่หรอกว่าให้มัจเรียนแล้วทำไมยังกล้าขัดคำสั่งของป้า ” มัจฉาถอยหายใจเดินเข้าไปกอดเพ็ญจันทร์
“ ตั้งแต่เล็กจนโตป้าไม่เคยมีของขวัญแม้กระทั่งความรักจากป้า ครั้งนี้มัจขอป้าแล้วกัน ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายในการเรียนทั้งหมดมัจเป็นคนรับผิดชอบเองจะไม่มารบกวนเงินของป้าแม้แต่บาทเดียว ” มัจฉาเดินจากไป เพ็ญจันทร์อึ้งทำตัวไม่ถูกถึงกับกลั้นน้ำตาไว้ไม่ได้ นานนับหลายปีที่มัจฉาไม่ยอมเรียกตนเองว่าป้าแต่กลับเรียกว่าคุณนาย แต่ในวันนี้กลับเรียกตัวเองว่า ป้า เพ็ญจันทร์รับรู้ถึงความรู้สึกของมัจฉาได้เป็นอย่างดี
“ มัจคงเบื่อที่ป้าชอบบังคับมัจเลยพาลทำให้เข้าใจผิดคิดว่าป้าไม่รัก ทำไมป้าจะไม่รักมัจละลูก ในเมื่อมัจเป็น ” เสียงเรียกของพิมพ์ภาทำให้เพ็ญจันทร์ได้สติรีบเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้า
“ คุณผู้หญิงร้องไห้ทำไมคะ ทะเลาะกับคุณหนูมัจฉาอีกแล้วละสิ ”
“ เปล่าวันนี้ฉันไม่ได้ทะเลาะกับยัยมัจหรอกพิมพ์แต่คำพูดของยัยมัจต่างหากที่ทำให้ฉันเสียใจ ”
“ คุณหนูพูดว่าอะไรคะถึงกับทำให้คุณผู้หญิงต้องเสียน้ำตา พิมพ์ไม่อยากจะเชื่อ ”
“ ยัยมัจบอกกับฉันว่า ตั้งแต่เล็กจนโตฉันไม่เคยมีของขวัญให้หรือแม้กระทั่งความรัก ยัยมัจเข้าใจคิดว่าฉันไม่รักแกเลย หมายังรักลูกของมัน ฉันเป็นมนุษย์ ทำไมฉันจะไม่รักในเมื่อมัจฉา
“ อย่าพูดดังไปคะคุณผู้หญิง กำแพงมีหูประตูมีตา เดี๋ยวใครมาได้ยินเข้า ”
“ ขอบใจนะที่ช่วยเตือนสติฉัน ”
“ ความจริงเป็นสิ่งไม่ตายแต่คนเราก็อายที่จะพูดความจริง ถ้าวันหนึ่งคุณหนูรู้ความจริงคุณผู้หญิงทำใจยอมรับได้แค่ไหน ”
มัจฉาแวะมาหาชลธีที่บ้าน ชลธีเดินเล่นอยู่ในสวนหลังบ้าน บริเวณบ้านของชลธีร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ นานาชนิดมองดูคล้ายกับป่าขนาดย่อม มัจฉาค่อย ๆ เดินอ้อมไปทางด้านหลังของชลธีเอื้อมมือไปปิดตาชายหนุ่มเอาไว้
“ ทายสิว่าใคร ”
“ คุณหนูมัจฉา ” มัจฉาเอามือออกจาก ชลธีคว้ามือของหญิงสาวเอาไว้ยกมือขึ้นสูดกลิ่นจากอุ้งมือของหญิงสาว มัจฉาแอบเขินแต่แกล้งทำตัวปกติไม่ให้ชลธีจับได้ หัวใจของเธอเต้นแรงทุกครั้งเมื่อได้ใกล้ชิดกับชายหนุ่ม ชลธีเดินจูงมือมัจฉาไปยังบึงท้ายสวน ภายในบึงบัวเต็มไปด้วยกอบัว กอบัวบางหย่อมกำลังออกดอก บางหย่อมดอกกำลังบานสะพรั่ง ชลธีพายเรือ