เป็นที่รับทราบโดยทั่วไปว่า มีความพยายามของหลายๆ กลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นกลุ่ม กปปส.
หรือคณะรัฐ บุคคล และนักวิชาการบางคนที่เสนอให้ มีนายกรัฐมนตรี
"คนกลาง"
ท่ามกลางความขัดแย้งที่เกิดขึ้น ฝ่ายนายกยิ่งลักษณ์ก็ยืนยันที่จะปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี
ในช่วงระยะเวลาตั้งแต่การยุบสภา เมื่อ 9 ธันวาคม พ.ศ.2556 จนถึงวันเลือกตั้งทั่วไป
ในวันที่ 2 ก.พ. พ.ศ.2557 และทุกวันนี้ ในขณะที่กลุ่ม กปปส. ของนายสุเทพก็ยืนยันที่
ต้องการให้ นายกรัฐมนตรีลาออกจากการ (รักษาการ) เพื่อเปิดทางให้เกิดสุญญากาศ
ทางอำนาจ และนำมาซึ่งนายกรัฐมนตรีที่ดูมีความเป็นกลางเพื่อปฏิรูปประเทศ
บทความนี้เขียนเพื่อยืนยันแนวคิดที่ว่านายกรัฐมนตรีคนกลางนั้นไม่มีในรัฐธรรมนูญนี้ หรือมี
แต่อยู่นอกรัฐธรรมนูญ
รัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 (แก้ไข พ.ศ.2554) บัญญัติไว้อย่างชัดเจนที่ มาตรา 171 ถึงบุคคล
ที่จะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้ ว่า
"นายกรัฐมนตรีต้องเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
ซึ่งได้รับแต่งตั้งตามมาตรา 172"
กรณีนี้ชัดเจนที่สุดแล้วว่า ถ้าใครก็ตามต้องการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จะต้องลงสมัคร
รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและประชาชนจะมีสิทธิลงคะแนนให้ไม่ว่าจะเป็นแบบเขต
หรือบัญชีรายชื่อ เมื่อไปตรวจค้นในหนังสือเจตนารมณ์ รัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 ที่จัดทำโดยคณะ
กรรมาธิการวิสามัญบันทึกเจตนารมณ์ สภาร่างรัฐธรรมนูญ ก็ระบุไว้ชัดเจนว่า
1) กำหนดให้นายกรัฐมนตรีต้อง (เน้นโดยผู้เขียน) มาจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเพื่อให้
นายกรัฐมนตรีมีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกับประชาชนโดยผ่านผู้แทนปวงชนซึ่งสอดคล้องกับ
ระบบการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
บทบัญญัตินี้ในเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญยืนยันถึงความต่อเนื่องจากรัฐธรรมนูญพ.ศ.2540ใน
หมายเหตุ 1) คงเดิมตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช 2540
ดังนั้นเป็น
ที่ยุติในทางข้อเท็จจริงและกฎหมายว่า นายกรัฐมนตรีต้องเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเท่านั้น
ไม่มีทางเป็นกรณีอื่นใดไปได้
ข้อเท็จจริง คือในวันที่ 9 ธันวาคม พ.ศ.2556 นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น คือ นางสาวยิ่งลักษณ์
ชินวัตร ได้ใช้อำนาจ ตามมาตรา 108 แห่งรัฐธรรมนูญยุบสภาผู้แทนราษฎร เพื่อคืนอำนาจให้
กับประชาชนในการใช้อำนาจอธิปไตย เลือกผู้แทนของประชาชนเข้ามาบริหารประเทศชุดใหม่
โดยรัฐธรรมนูญได้ยึด หลักความต่อเนื่องไม่ขาดสายของการบริหารประเทศ (พรสันต์ 10 มีนาคม
พ.ศ.2557 น.ส.พ.มติชน หน้า 21 ในบทความ เรื่อง รัฐบาลรักษาการ ปัจจุบันพ้นสภาพไปแล้วหรือไม่)
บังคับไว้ที่มาตรา 181 ว่า
"คณะรัฐมนตรีที่พ้นจากตำแหน่งต้อง (เน้นโดยผู้เขียน) อยู่ในตำแหน่งเพื่อปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่า
คณะรัฐมนตรีที่ตั้งขึ้นใหม่จะเข้ารับหน้าที่"
<
<
<
ปัญหาทางกฎหมาย ในแนวคิด นายกรัฐมนตรีคนกลาง ก็คือมาตรา 7 ที่บัญญัติว่า ในเมื่อไม่มีบทบัญญัติ
แห่งรัฐธรรมนูญนี้บังคับแก่กรณีใด ให้วินิจฉัยกรณีนั้นไปตามประเพณีการปกครองระบอบประชาธิปไตย
อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
<
<
<
สรุปนายกรัฐมนตรี คนกลาง คนดี หรือ คนนอก ไม่ว่าจะเรียกอย่างไร ถ้ายึดตามหลักกฎหมาย
และรัฐธรรมนูญ ไม่มีทางเกิดขึ้นได้ ถ้าจะเป็นไปได้ก็คือ นายกรัฐมนตรีคนกลางนอกรัฐธรรมนูญ
ซึ่งทำให้รัฐธรรมนูญฉบับนี้สิ้นผลไปโดยปริยาย หรือฉีกรัฐธรรมนูญนั่นเอง
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1395064606&grpid=&catid=02&subcatid=0200
ตามไปอ่านกันเต็มจาก link ด้วย
เพื่อนที่สนับสนุนนายกฯคนกลาง ดูกันให้ชัดๆ มีความเป็นไปได้ตามรธน.มากน้อยแค่ไหน
อย่า เถียงกันแบบ ข้างๆคูๆ
อยากจะฉีกรธน. ก็บอกมากันตรงๆเลย ไม่ต้องแอ๊บ ...
วันนี้ ดูเหมือน ว่าคนที่พอจะทำหน้าที่ "ฉีก" รธน. พยายามปัดกันให้วุ่น
รอดูต่อไป องค์กรไหนจะ "ใจกล้า หน้า
" รับทำหน้าที่นี้กัน
เอกชัย ไชยนุวัติ : นายกรัฐมนตรีคนกลาง นอกรัฐธรรมนูญ มติชนออนไลน์
หรือคณะรัฐ บุคคล และนักวิชาการบางคนที่เสนอให้ มีนายกรัฐมนตรี "คนกลาง"
ท่ามกลางความขัดแย้งที่เกิดขึ้น ฝ่ายนายกยิ่งลักษณ์ก็ยืนยันที่จะปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี
ในช่วงระยะเวลาตั้งแต่การยุบสภา เมื่อ 9 ธันวาคม พ.ศ.2556 จนถึงวันเลือกตั้งทั่วไป
ในวันที่ 2 ก.พ. พ.ศ.2557 และทุกวันนี้ ในขณะที่กลุ่ม กปปส. ของนายสุเทพก็ยืนยันที่
ต้องการให้ นายกรัฐมนตรีลาออกจากการ (รักษาการ) เพื่อเปิดทางให้เกิดสุญญากาศ
ทางอำนาจ และนำมาซึ่งนายกรัฐมนตรีที่ดูมีความเป็นกลางเพื่อปฏิรูปประเทศ
บทความนี้เขียนเพื่อยืนยันแนวคิดที่ว่านายกรัฐมนตรีคนกลางนั้นไม่มีในรัฐธรรมนูญนี้ หรือมี
แต่อยู่นอกรัฐธรรมนูญ
รัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 (แก้ไข พ.ศ.2554) บัญญัติไว้อย่างชัดเจนที่ มาตรา 171 ถึงบุคคล
ที่จะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้ ว่า "นายกรัฐมนตรีต้องเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
ซึ่งได้รับแต่งตั้งตามมาตรา 172"
กรณีนี้ชัดเจนที่สุดแล้วว่า ถ้าใครก็ตามต้องการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จะต้องลงสมัคร
รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและประชาชนจะมีสิทธิลงคะแนนให้ไม่ว่าจะเป็นแบบเขต
หรือบัญชีรายชื่อ เมื่อไปตรวจค้นในหนังสือเจตนารมณ์ รัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 ที่จัดทำโดยคณะ
กรรมาธิการวิสามัญบันทึกเจตนารมณ์ สภาร่างรัฐธรรมนูญ ก็ระบุไว้ชัดเจนว่า
1) กำหนดให้นายกรัฐมนตรีต้อง (เน้นโดยผู้เขียน) มาจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเพื่อให้
นายกรัฐมนตรีมีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกับประชาชนโดยผ่านผู้แทนปวงชนซึ่งสอดคล้องกับ
ระบบการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
บทบัญญัตินี้ในเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญยืนยันถึงความต่อเนื่องจากรัฐธรรมนูญพ.ศ.2540ใน
หมายเหตุ 1) คงเดิมตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช 2540 ดังนั้นเป็น
ที่ยุติในทางข้อเท็จจริงและกฎหมายว่า นายกรัฐมนตรีต้องเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเท่านั้น
ไม่มีทางเป็นกรณีอื่นใดไปได้
ข้อเท็จจริง คือในวันที่ 9 ธันวาคม พ.ศ.2556 นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น คือ นางสาวยิ่งลักษณ์
ชินวัตร ได้ใช้อำนาจ ตามมาตรา 108 แห่งรัฐธรรมนูญยุบสภาผู้แทนราษฎร เพื่อคืนอำนาจให้
กับประชาชนในการใช้อำนาจอธิปไตย เลือกผู้แทนของประชาชนเข้ามาบริหารประเทศชุดใหม่
โดยรัฐธรรมนูญได้ยึด หลักความต่อเนื่องไม่ขาดสายของการบริหารประเทศ (พรสันต์ 10 มีนาคม
พ.ศ.2557 น.ส.พ.มติชน หน้า 21 ในบทความ เรื่อง รัฐบาลรักษาการ ปัจจุบันพ้นสภาพไปแล้วหรือไม่)
บังคับไว้ที่มาตรา 181 ว่า
"คณะรัฐมนตรีที่พ้นจากตำแหน่งต้อง (เน้นโดยผู้เขียน) อยู่ในตำแหน่งเพื่อปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่า
คณะรัฐมนตรีที่ตั้งขึ้นใหม่จะเข้ารับหน้าที่"
<
<
<
ปัญหาทางกฎหมาย ในแนวคิด นายกรัฐมนตรีคนกลาง ก็คือมาตรา 7 ที่บัญญัติว่า ในเมื่อไม่มีบทบัญญัติ
แห่งรัฐธรรมนูญนี้บังคับแก่กรณีใด ให้วินิจฉัยกรณีนั้นไปตามประเพณีการปกครองระบอบประชาธิปไตย
อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
<
<
<
สรุปนายกรัฐมนตรี คนกลาง คนดี หรือ คนนอก ไม่ว่าจะเรียกอย่างไร ถ้ายึดตามหลักกฎหมาย
และรัฐธรรมนูญ ไม่มีทางเกิดขึ้นได้ ถ้าจะเป็นไปได้ก็คือ นายกรัฐมนตรีคนกลางนอกรัฐธรรมนูญ
ซึ่งทำให้รัฐธรรมนูญฉบับนี้สิ้นผลไปโดยปริยาย หรือฉีกรัฐธรรมนูญนั่นเอง
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1395064606&grpid=&catid=02&subcatid=0200
ตามไปอ่านกันเต็มจาก link ด้วย
เพื่อนที่สนับสนุนนายกฯคนกลาง ดูกันให้ชัดๆ มีความเป็นไปได้ตามรธน.มากน้อยแค่ไหน
อย่า เถียงกันแบบ ข้างๆคูๆ
อยากจะฉีกรธน. ก็บอกมากันตรงๆเลย ไม่ต้องแอ๊บ ...
วันนี้ ดูเหมือน ว่าคนที่พอจะทำหน้าที่ "ฉีก" รธน. พยายามปัดกันให้วุ่น
รอดูต่อไป องค์กรไหนจะ "ใจกล้า หน้า " รับทำหน้าที่นี้กัน