บทที่ 16 ตัวตนที่แท้จริงของเกรย์ ก
http://ppantip.com/topic/31567431
บทที่ 17 คำอ้อนวอนของชาคราส
รอบที่เก้า เป็นการประลองของจอมเวทในกลุ่มเวล่า ระหว่างมุนดากับผู้ใช้เวทลม ช่วงแรกเหมือนจอมเวทสาวจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบแต่พอจับทางคู่ต่อสู้ได้ นางก็ตอบโต้กลับจนได้รับชัยชนะ ตอนเดินออกจากสนาม เบอร์ทิน่าซึ่งตะโกนให้กำลังใจตลอดเวลาวิ่งเข้าไปกอดพร้อมกับกล่าวแสดงความยินดีอย่างจริงใจ
“ดีใจจังที่เจ้าชนะ” เด็กสาวพูดพลางบีบมืออีกฝ่ายแน่น “เราจะได้เดินทางไปด้วยกันแล้วนะมุนดา”
มุนดายิ้มอย่างอ่อนโยน
“ยังไม่รู้เลยว่าข้าจะได้ไปหรือเปล่า”
“ทำไมจะไม่ได้ เจ้าเป็นหนึ่งในสิบของจอมเวทที่ผ่านเข้ารอบย่อมมีสิทธิ์อยู่แล้ว ถ้าใครแย้งหรือมีปัญหาข้าจะจัดการกับมันเอง”
คำพูดของเบอร์ทิน่าทำให้มุนดาต้องเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ
“เจ้าทำแบบนั้นได้ด้วยหรือ”
“ได้สิ ก็ข้าเป็น...”เด็กสาวชะงักคำพูดค้างเมื่อนึกได้ว่าตอนนี้นางอยู่ในคราบของจอมเวทแมวป่า เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายสงสัย จึงรีบกล่าวเลี่ยง “ข้ารู้จักคนใหญ่โตในนั้น เขาต้องฟังคำขอของข้าแน่”
มุนดาหัวเราะออกมาเบาๆด้วยความขบขัน เพราะวิธีการพูดของคนตรงหน้าเหมือนสาวน้อยที่ถูกตามใจจนเคยตัวมากกว่าจอมเวทธรรมดาทั่วไป ถึงอย่างไรสิ่งที่กล่าวบ่งบอกถึงเจตนาดี นางจึงบีบมือเด็กสาวกลับพร้อมกับพูด
“ข้าไม่ได้กังวลเรื่องนั้นหรอก” มุนดาพูดและถอนใจออกมาเบาๆ “ช่างเถอะ บางทีข้าอาจคิดมากไปเอง”
“หมายความว่ายังไง” เบอร์ทิน่าถาม จอมเวทสาวส่ายหน้าและเดินแยกตัวไปโดยไม่กล่าวอะไรออกมาสักคำ พอเด็กสาวจะตามไปถามเพื่อให้หายสงสัยใครคนหนึ่งก็คว้าแขนของนางเอาไว้
“ไม่ต้องตามไปหรอก”
คิ้วสวยขมวดเข้าหากันด้วยความขัดใจเพราะคนพูดคืออาเซอร์บัส เด็กสาวจึงสะบัดแขนออกพร้อมกับพูดเสียงห้วน
“เจ้าไม่มีสิทธิ์มาห้ามข้า”
“ข้ารู้ แต่ที่เข้ามาห้ามเพราะไม่อยากให้เจ้าไปกวนใจนาง”
เหตุผลที่ฟังเหมือนกวนประสาททำให้เบอร์ทิน่าหน้าง้ำ
“ข้าเป็นห่วงต่างหาก ถึงจะผ่านเข้ารอบแต่มุนดากลัวว่าพวกเจ้าจะหาเรื่องแกล้งไม่ให้นางร่วมเดินทาง”
“ทำไมข้าต้องทำแบบนั้นด้วย”
จอมเวทหนุ่มถาม เบอร์ทิน่าค้อนเขาขวับและเบือนหน้าหนีไปอีกด้าน
“ข้าจะไปรู้ได้ยังไง เจ้าก็ถามตัวเองดูสิ”
อาเซอร์บัสระบายลมหายใจออกมาน้อยๆด้วยความเอือมระอากับความงอนเง้าเอาแต่ใจของเด็กสาว แต่เขาก็ไม่ได้ถือโกรธอะไรเพราะรู้ดีว่าที่ทำเช่นนี้ก็เพื่อบีบให้เขาเอาใจใส่มุนดามากกว่าคนอื่น
“สิ่งที่มุนดากังวลไม่ใช่การเดินทาง แต่เป็นพวกไฮพรีสต์ต่างหาก”
เขาพูดช้าๆ เบอร์ทิน่าหันหน้ากลับมาที่จอมเวทหนุ่มอีกครั้ง
“ข้าไม่เข้าใจ”
“ข้าเองก็ไม่ค่อยรู้เรื่องของนางมากนัก แต่จากกิตติศัพท์ของคนกลุ่มนี้ทำให้พอเดาได้ว่า พวกไฮพรีสต์อาจลอบโจมตีมุนดาระหว่างการเดินทาง นางคงไม่อยากให้พวกเราต้องพลอยรับเคราะห์ไปด้วย”
พอได้ยินสาเหตุที่แท้จริงแล้วเด็กสาวถึงกับพูดอะไรไม่ออก นางมองมุนดาที่ยืนอยู่อีกด้านหนึ่งของสนามก่อนหันกลับมาที่อาเซอร์บัส
“เจ้าปกป้องนางได้ไหม”
“ข้ามีหน้าที่ดูแลเจ้าเพียงคนเดียวเท่านั้น” เขาตอบด้วยใบหน้าเฉยชา เบอร์ทิน่าเม้มปากแน่นด้วยความขัดใจและใช้กำปั้นทุบอกเขาอย่างแรงหนึ่งครั้ง
“ใจดำ” นางมองเขาด้วยใบหน้างอง้ำ พอเห็นอีกฝ่ายทำเป็นยืนเฉยไม่แสดงความรู้สึกหรืออารมณ์อะไรออกมา เด็กสาวก็ยิ่งโมโห “งั้นข้าขอสั่งให้เจ้าดูแลนางด้วย”
คิ้วของอาเซอร์บัสขมวดเข้าหากัน เขามองเบอร์ทิน่าลอดฮู้ดเหมือนไม่ค่อยพอใจสิ่งที่ได้ยินสักเท่าใดนัก
“ข้าขอปฏิเสธ”
“ถึงเป็นจอมเวทแต่เจ้าก็เป็นองครักษ์ที่จะต้องทำตามทุกอย่างที่ข้าสั่ง ถ้าไม่ทำ” เด็กสาวจ้องหน้าเขาอย่างเอาเรื่อง “ข้าจะถอดตำแหน่งและขังเจ้าซะ”
คำขู่เหมือนเด็กทำให้จอมเวทหนุ่มเกือบหลุดเสียงหัวเราะออกมา แต่เพราะรู้ดีว่าขืนทำแบบนั้นมีหวังคนตรงหน้าคงโกรธจนควันออกหูแน่ อาเซอร์บัสจึงแสร้งทำเป็นตีหน้าเคร่งขรึม ก่อนพูด
“ข้าเป็นจอมเวทแห่งไมธีร่า นอกจากกษัตริย์แล้วไม่มีใครสั่งขังข้าได้”
“แต่ข้าเป็นลูกกษัตริย์ คำสั่งของข้าก็เหมือนกับคำสั่งของท่านพ่อ” เบอร์ทิน่าเถียงอย่างดื้อดึงจนอีกฝ่ายอ่อนใจ
“ทำไมต้องปกป้องถึงขนาดนั้น” จอมเวทหนุ่มถามพลางมองเด็กสาวเขม็ง นางจ้องประสานตากับเขาอย่างไม่กลัวเกรง
“นางเป็นเพื่อนของข้า”
“แล้วนางคิดเหมือนเจ้าหรือเปล่า” อาเซอร์บัสย้อน พอเห็นอีกฝ่ายอึกอักเหมือนไม่แน่ใจ เขาจึงพูดต่อ “หน้าสวย พูดเพราะ กิริยาสุภาพไม่ได้หมายความว่าเป็นคนดี เจ้าเพิ่งรู้จักกับมุนดา รู้แล้วหรือว่าตัวจริงของนางเป็นยังไง”
“นางเป็นคนมีน้ำใจ” เบอร์ทิน่าเถียงอุบอิบ จอมเวทหนุ่มจึงถาม
“รู้ได้ยังไง”
“ก็” เด็กสาวขมวดคิ้วยืนคิดและทำตาโตเหมือนนึกได้ “ใช่แล้วตอนที่นางพูดกับคนที่ชื่อจูดัสไง ที่ว่าต้องรับผิดชอบคนที่เดือดร้อน ถ้าไม่ใช่คนดีมีน้ำใจแล้วคงไม่สนเรื่องแบบนี้หรอก จริงไหม” ประโยคสุดท้ายถามย้อนกลับด้วยท่าทางมั่นอกมั่นใจ อาเซอร์บัสอมยิ้มในหน้า
“นั่นสินะ” เขารับคำและทำทีเป็นยืนใคร่ครวญ “ในฐานะที่เป็นจอมเวทเหมือนกัน ข้าคิดว่ามุนดาคงไม่ชอบใจแน่หากรู้ว่ามีคนคอยปกป้อง ดังนั้นข้ารับปากว่าจะคอยดูแลนางระหว่างการเดินทาง และถ้าถูกพวกไฮพรีสต์ทำร้าย ข้าจะช่วยก็ต่อเมื่อนางรับมือไม่ไหวจริงๆ”
ตอนแรกเบอร์ทิน่าเตรียมแย้งข้อเสนอดังกล่าวแต่พอคิดอีกทีแล้ว เหตุผลที่อาเซอร์บัสพูดมาทั้งหมดเป็นความจริง มุนดาเป็นจอมเวทที่เก่งกาจและมีความมั่นใจในตัวเองสูง ย่อมไม่ยอมรับช่วยเหลือจากคนอี่นแน่
“ก็ได้” นางกล่าวออกมาในที่สุด “เมื่อรับปากแล้วเจ้าต้องดูแลนางให้ดี ถ้ามุนดามีอันตรายข้าไม่ให้อภัยเจ้าแน่” เด็กสาวสั่งและขู่สำทับก่อนละจากจอมเวทหนุ่ม เขาหัวเราะออกมาเบาๆด้วยความรู้สึกทั้งเอ็นดูและนึกขัน แต่รอยยิ้มต้องมลายหายไปอย่างฉับพลันเมื่อมีพลังกดดันรุนแรงพุ่งมากระทบร่าง พอหันไปยังที่มาจึงพบว่าเจ้าของไออำมหิตนั้นคือเอรา และนางกำลังจ้องอาเซอร์บัสด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความเคียดแค้น จอมเวทสาวขยับเรียวปากสีแดงฉ่ำขมุบขมิบเหมือนกำลังร่ายเวท ทว่าเสียงของกรรมการประกาศชื่อผู้แข่งรอบสุดท้ายดังขึ้นมาเสียก่อน นางจึงส่งสายตาอาฆาตให้อาเซอร์บัสก่อนสะบัดหน้าเดินเข้าไปยังสนามประลอง
คู่ต่อสู้ของนางเป็นจอมเวทอายุน้อยที่มีท่าทางมั่นใจในตัวเองมากพอดู เมื่อทั้งคู่ประจันหน้ากัน เขาร่ายเวทเรียกหอกแสงออกมาโจมตีแต่ถูกเอราปัดออกจนหมด พอเห็นดังนั้นเขาจึงสร้างธนูขึ้นมานับร้อยอัน ทั้งหมดถูกทำลายด้วยมนตร์เพียงคำเดียว
“น่ารำคาญจริง ไม่มีเวทที่มันแรงกว่านี้อีกแล้วหรือ” เอราโพล่งออกมาอย่างหงุดหงิด ใบหน้าสวยบึ้งตึงจนน่าขนลุก ยิ่งเสริมเส้นผมสีแดงเพลิงเข้าไปด้วยแล้ว ยิ่งดูน่ากลัวราวปิศาจร้ายทำให้จอมเวทหนุ่มถึงกับตัวสั่น เอราจ้องคู่ต่อสู้ที่ผงะถอยหลังและยืนนิ่งทำอะไรไม่ถูกอย่างขัดใจ “ถ้าไม่มีก็ตายซะ”
วงแหวนเวทปรากฏขึ้นเหนือสนามประลอง ปล่อยคลื่นทำลายโจมตีคนด้านล่างอย่างต่อเนื่องจนปัดป้องไม่ทัน อำนาจอันรุนแรงยังแฉลบออกไปข้างสนาม ฉีกอาคารและเสาไม้จนแหลกเป็นชิ้น พลังส่วนหนึ่งพุ่งไปทางกลุ่มของอาเซอร์บัส เขารีบสร้างม่านอาคมขึ้นป้องกันและมองเอราอย่างประหวั่นใจ
“ไม่ได้เรื่องแล้ว” เขาพึมพำเมื่อเห็นคู่แข่งของจอมเวทสาวยกมือขึ้นปัดป้องอย่างหมดทางสู้ และทรุดตัวลงนั่งคุกเข่าพร้อมกับกล่าวยอมแพ้ แต่เอราไม่สนใจเลยสักนิด นางยกแขนข้างหนึ่งขึ้นชี้ตรงไปข้างหน้า ร่ายเวทออกมาประโยคหนึ่งก่อนกล่าวคำสำทับ
“ตาย!”
อำนาจเวทสะกดคงขยี้จอมเวทเคราะห์ร้ายจนแหลกไม่มีชิ้นดีหากไม่มีม่านสีดำปรากฏขึ้นคลุมร่างเขาเอาไว้ เอราขบกรามแน่นและหันไปจ้องเจ้าของเวทด้วยความโกรธ
“กล้าดียังไงถึงขวางข้า”
อาเซอร์บัสลดไม้เท้าในมือลงพร้อมกับพูด
“เขายอมแพ้แล้ว”
“ข้าไม่สน” จอมเวทสาวตวาด “ปลดม่านป้องกันนั่นออกเดี๋ยวนี้ อาเซอร์บัส”
จอมเวทแห่งไมธีร่าขยับไปข้างหน้าหนึ่งก้าว “ไม่” เขาปฏิเสธสั้นๆและกล่าวเสียงเข้ม “การแข่งขันจบสิ้นลงแล้วเอรา เจ้าคือผู้ชนะ”
“ข้าจะชนะก็ต่อเมื่อปลิดชีวิตคู่ต่อสู้แล้วเท่านั้น” เอราคำรามอย่างคั่งแค้น “ส่งมันมาให้ข้าไม่อย่างนั้น”
“เจ้าจะทำไม” อาเซอร์บัสสวนคำถามแทรกขึ้นมา “อาละวาดฆ่าคนให้หมดทั้งค่าย หรือทั้งเมือง”
“อย่าท้าข้านะ” จอมเวทสาวซึ่งในตอนนี้ดูเหมือนจะลืมคู่ต่อสู้ไปแล้วกล่าวพร้อมกับก้าวเข้าไปหาอาเซอร์บัส เขากระชับไม้เท้า
“ข้าไม่ได้ท้า” จอมเวทหนุ่มพูดเสียงเรียบ พอเห็นเอรายืนตัวสั่นกำมือแน่น จึงกล่าวต่อ “ข้าไม่รู้หรอกว่าเจ้าเข้าร่วมการประลองเพื่ออะไร จะให้มันล้มเหลวด้วยอารมณ์ชั่ววูบหรือ”
หญิงสาวแสดงอาการฮึดฮัดแต่ยอมหยุดโดยดี นางมองอาเซอร์บัสนิ่งอยู่ครู่หนึ่งและกระแทกลมหายใจอย่างแรงก่อนหมุนตัวก้าวออกจากสนามประลอง ครั้นเห็นเอรายอมรามือแล้วเขาจึงหันไปที่จอมเวทซึ่งยังคงนั่งเข่าอ่อนอยู่กลางสนาม
“ไปได้แล้ว”
บอกแค่นั้นก่อนหมุนตัวเดินกลับไปยังที่ประจำ โชคดีที่ราเชนออกไปตามหาเบอร์ทิน่า จึงไม่ต้องปวดหัวเรื่องคำถาม แต่โชคร้ายที่ข้างตัวเขายังมีมนุษย์เจ้าปัญหาอีกคน
“เสน่ห์แรงเหมือนกันนี่” เกรย์กระเซ้า อาเซอร์บัสมองเขาด้วยหางตา
“อยากได้แผลเพิ่มอีกหรือไง”
หนุ่มมังกรหัวเราะและขยับนั่งตัวตรง “เอาไว้วันหลังดีกว่า” พูดพลางมองจอมเวทหนุ่มแห่งไมธีร่าที่มองเหม่อไปทางสนามอย่างครุ่นคิด “กลุ้มอะไรอีกละ คำสาปหรือสาวสวยคนเมื่อกี้”
คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันอย่างนึกฉุน
“พอหายก็พูดไม่หยุดเลยนะ”
เกรย์ยักไหล่ “ช่วยไม่ได้ ข้ามันพวกอยู่นิ่งไม่เป็น” พอเห็นอีกฝ่ายมีสีหน้าเคร่งเครียดเขาก็หยุดคำพูดไว้แค่นั้นและกล่าวด้วยท่าทางที่ดูเป็นจริงเป็นจังกว่าตอนแรก “ถามจริงๆเถอะ เจ้ากำลังกลุ้มใจเรื่องอะไร”
อาเซอร์บัสทำท่าเหมือนจะตอบแต่กลับเปลี่ยนใจเมื่อเห็นเบอร์ทิน่ากับราเชนเดินมาด้วยกัน และรอจนทั้งคู่มาใกล้จึงพูด
“การแข่งจบแล้ว พวกเจ้าต้องไปรายงานตัวกับท่านโหราจารย์”
พอจอมเวทหนุ่มกล่าวจบ กรรมการผู้หนึ่งก็ก้าวไปยืนกลางสนามและประกาศเสียงดังฟังชัด
“ชาวไมธีร่าและจอมเวททุกท่าน บัดนี้การประลองเพื่อคัดเลือกจอมเวทเข้าร่วมเดินทางไปยังหุบเขาสีน้ำเงินยได้เสร็จสิ้นลงแล้ว ขอเชิญผู้เข้ารอบทุกท่านรายงานตัวกับท่านโหราจารย์ที่ห้องประชุม” เขาชี้ไปยังอาคารหลังใหญ่ห่างจากสนามประลองไปพอสมควร “เมื่อครบทุกคนแล้วเราจะพาพวกท่านเข้าพบท่านมหาอำมาตย์ออร์เด็น ส่วนผู้ตกรอบและผู้ชมทั่วไปอย่าเพิ่งไปไหน เรายังมีอาหารและเครื่องดื่มอีกมาก ขอเชิญทุกคนพักผ่อนให้สบายก่อนแยกย้ายกันกลับเมือง”
เสียงปรบมือดังขึ้นเมื่อกรรมการผู้นั้นกล่าวจบ เขาก้มศีรษะลงเล็กน้อยก่อนไปรวมกลุ่มกับกรรมการท่านอื่น จากนั้นทั้งหมดก็เดินตรงไปยังห้องประชุมโดยมีโซลแดทและทหารคอยให้การอารักขาตลอดทาง
เหล่าจอมเวทที่ผ่านเข้ารอบทยอยเข้าไปในอาคารทีละคน ซึ่งเมื่ออาเซอร์บัส เกรย์ ราเชนกับเบอร์ทิน่าเข้าไปในนั้นก็พบว่าทุกคนมาครบกันหมดทุกคนแล้ว ตรงกลางมีเก้าอี้วางเรียงรายไว้เป็นแถว ด้านหนึ่งของห้อง มีโต๊ะตัวใหญ่ตั้งไว้พร้อมเอกสารกองโต และปากกาขนนก โดยมีกรรมการทุกคนนั่งประจำที่ พอเห็นจอมเวทมากันครบทุกคนแล้ว ท่านโหราจารย์จึงลุกขึ้นเชิญให้ทั้งหมดนั่งพร้อมกับกล่าวแนะนำตัว
ผลึกวิญญาณมังกร บทที่ 17 คำอ้อนวอนของชาคราส
http://ppantip.com/topic/31567431
บทที่ 17 คำอ้อนวอนของชาคราส
รอบที่เก้า เป็นการประลองของจอมเวทในกลุ่มเวล่า ระหว่างมุนดากับผู้ใช้เวทลม ช่วงแรกเหมือนจอมเวทสาวจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบแต่พอจับทางคู่ต่อสู้ได้ นางก็ตอบโต้กลับจนได้รับชัยชนะ ตอนเดินออกจากสนาม เบอร์ทิน่าซึ่งตะโกนให้กำลังใจตลอดเวลาวิ่งเข้าไปกอดพร้อมกับกล่าวแสดงความยินดีอย่างจริงใจ
“ดีใจจังที่เจ้าชนะ” เด็กสาวพูดพลางบีบมืออีกฝ่ายแน่น “เราจะได้เดินทางไปด้วยกันแล้วนะมุนดา”
มุนดายิ้มอย่างอ่อนโยน
“ยังไม่รู้เลยว่าข้าจะได้ไปหรือเปล่า”
“ทำไมจะไม่ได้ เจ้าเป็นหนึ่งในสิบของจอมเวทที่ผ่านเข้ารอบย่อมมีสิทธิ์อยู่แล้ว ถ้าใครแย้งหรือมีปัญหาข้าจะจัดการกับมันเอง”
คำพูดของเบอร์ทิน่าทำให้มุนดาต้องเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ
“เจ้าทำแบบนั้นได้ด้วยหรือ”
“ได้สิ ก็ข้าเป็น...”เด็กสาวชะงักคำพูดค้างเมื่อนึกได้ว่าตอนนี้นางอยู่ในคราบของจอมเวทแมวป่า เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายสงสัย จึงรีบกล่าวเลี่ยง “ข้ารู้จักคนใหญ่โตในนั้น เขาต้องฟังคำขอของข้าแน่”
มุนดาหัวเราะออกมาเบาๆด้วยความขบขัน เพราะวิธีการพูดของคนตรงหน้าเหมือนสาวน้อยที่ถูกตามใจจนเคยตัวมากกว่าจอมเวทธรรมดาทั่วไป ถึงอย่างไรสิ่งที่กล่าวบ่งบอกถึงเจตนาดี นางจึงบีบมือเด็กสาวกลับพร้อมกับพูด
“ข้าไม่ได้กังวลเรื่องนั้นหรอก” มุนดาพูดและถอนใจออกมาเบาๆ “ช่างเถอะ บางทีข้าอาจคิดมากไปเอง”
“หมายความว่ายังไง” เบอร์ทิน่าถาม จอมเวทสาวส่ายหน้าและเดินแยกตัวไปโดยไม่กล่าวอะไรออกมาสักคำ พอเด็กสาวจะตามไปถามเพื่อให้หายสงสัยใครคนหนึ่งก็คว้าแขนของนางเอาไว้
“ไม่ต้องตามไปหรอก”
คิ้วสวยขมวดเข้าหากันด้วยความขัดใจเพราะคนพูดคืออาเซอร์บัส เด็กสาวจึงสะบัดแขนออกพร้อมกับพูดเสียงห้วน
“เจ้าไม่มีสิทธิ์มาห้ามข้า”
“ข้ารู้ แต่ที่เข้ามาห้ามเพราะไม่อยากให้เจ้าไปกวนใจนาง”
เหตุผลที่ฟังเหมือนกวนประสาททำให้เบอร์ทิน่าหน้าง้ำ
“ข้าเป็นห่วงต่างหาก ถึงจะผ่านเข้ารอบแต่มุนดากลัวว่าพวกเจ้าจะหาเรื่องแกล้งไม่ให้นางร่วมเดินทาง”
“ทำไมข้าต้องทำแบบนั้นด้วย”
จอมเวทหนุ่มถาม เบอร์ทิน่าค้อนเขาขวับและเบือนหน้าหนีไปอีกด้าน
“ข้าจะไปรู้ได้ยังไง เจ้าก็ถามตัวเองดูสิ”
อาเซอร์บัสระบายลมหายใจออกมาน้อยๆด้วยความเอือมระอากับความงอนเง้าเอาแต่ใจของเด็กสาว แต่เขาก็ไม่ได้ถือโกรธอะไรเพราะรู้ดีว่าที่ทำเช่นนี้ก็เพื่อบีบให้เขาเอาใจใส่มุนดามากกว่าคนอื่น
“สิ่งที่มุนดากังวลไม่ใช่การเดินทาง แต่เป็นพวกไฮพรีสต์ต่างหาก”
เขาพูดช้าๆ เบอร์ทิน่าหันหน้ากลับมาที่จอมเวทหนุ่มอีกครั้ง
“ข้าไม่เข้าใจ”
“ข้าเองก็ไม่ค่อยรู้เรื่องของนางมากนัก แต่จากกิตติศัพท์ของคนกลุ่มนี้ทำให้พอเดาได้ว่า พวกไฮพรีสต์อาจลอบโจมตีมุนดาระหว่างการเดินทาง นางคงไม่อยากให้พวกเราต้องพลอยรับเคราะห์ไปด้วย”
พอได้ยินสาเหตุที่แท้จริงแล้วเด็กสาวถึงกับพูดอะไรไม่ออก นางมองมุนดาที่ยืนอยู่อีกด้านหนึ่งของสนามก่อนหันกลับมาที่อาเซอร์บัส
“เจ้าปกป้องนางได้ไหม”
“ข้ามีหน้าที่ดูแลเจ้าเพียงคนเดียวเท่านั้น” เขาตอบด้วยใบหน้าเฉยชา เบอร์ทิน่าเม้มปากแน่นด้วยความขัดใจและใช้กำปั้นทุบอกเขาอย่างแรงหนึ่งครั้ง
“ใจดำ” นางมองเขาด้วยใบหน้างอง้ำ พอเห็นอีกฝ่ายทำเป็นยืนเฉยไม่แสดงความรู้สึกหรืออารมณ์อะไรออกมา เด็กสาวก็ยิ่งโมโห “งั้นข้าขอสั่งให้เจ้าดูแลนางด้วย”
คิ้วของอาเซอร์บัสขมวดเข้าหากัน เขามองเบอร์ทิน่าลอดฮู้ดเหมือนไม่ค่อยพอใจสิ่งที่ได้ยินสักเท่าใดนัก
“ข้าขอปฏิเสธ”
“ถึงเป็นจอมเวทแต่เจ้าก็เป็นองครักษ์ที่จะต้องทำตามทุกอย่างที่ข้าสั่ง ถ้าไม่ทำ” เด็กสาวจ้องหน้าเขาอย่างเอาเรื่อง “ข้าจะถอดตำแหน่งและขังเจ้าซะ”
คำขู่เหมือนเด็กทำให้จอมเวทหนุ่มเกือบหลุดเสียงหัวเราะออกมา แต่เพราะรู้ดีว่าขืนทำแบบนั้นมีหวังคนตรงหน้าคงโกรธจนควันออกหูแน่ อาเซอร์บัสจึงแสร้งทำเป็นตีหน้าเคร่งขรึม ก่อนพูด
“ข้าเป็นจอมเวทแห่งไมธีร่า นอกจากกษัตริย์แล้วไม่มีใครสั่งขังข้าได้”
“แต่ข้าเป็นลูกกษัตริย์ คำสั่งของข้าก็เหมือนกับคำสั่งของท่านพ่อ” เบอร์ทิน่าเถียงอย่างดื้อดึงจนอีกฝ่ายอ่อนใจ
“ทำไมต้องปกป้องถึงขนาดนั้น” จอมเวทหนุ่มถามพลางมองเด็กสาวเขม็ง นางจ้องประสานตากับเขาอย่างไม่กลัวเกรง
“นางเป็นเพื่อนของข้า”
“แล้วนางคิดเหมือนเจ้าหรือเปล่า” อาเซอร์บัสย้อน พอเห็นอีกฝ่ายอึกอักเหมือนไม่แน่ใจ เขาจึงพูดต่อ “หน้าสวย พูดเพราะ กิริยาสุภาพไม่ได้หมายความว่าเป็นคนดี เจ้าเพิ่งรู้จักกับมุนดา รู้แล้วหรือว่าตัวจริงของนางเป็นยังไง”
“นางเป็นคนมีน้ำใจ” เบอร์ทิน่าเถียงอุบอิบ จอมเวทหนุ่มจึงถาม
“รู้ได้ยังไง”
“ก็” เด็กสาวขมวดคิ้วยืนคิดและทำตาโตเหมือนนึกได้ “ใช่แล้วตอนที่นางพูดกับคนที่ชื่อจูดัสไง ที่ว่าต้องรับผิดชอบคนที่เดือดร้อน ถ้าไม่ใช่คนดีมีน้ำใจแล้วคงไม่สนเรื่องแบบนี้หรอก จริงไหม” ประโยคสุดท้ายถามย้อนกลับด้วยท่าทางมั่นอกมั่นใจ อาเซอร์บัสอมยิ้มในหน้า
“นั่นสินะ” เขารับคำและทำทีเป็นยืนใคร่ครวญ “ในฐานะที่เป็นจอมเวทเหมือนกัน ข้าคิดว่ามุนดาคงไม่ชอบใจแน่หากรู้ว่ามีคนคอยปกป้อง ดังนั้นข้ารับปากว่าจะคอยดูแลนางระหว่างการเดินทาง และถ้าถูกพวกไฮพรีสต์ทำร้าย ข้าจะช่วยก็ต่อเมื่อนางรับมือไม่ไหวจริงๆ”
ตอนแรกเบอร์ทิน่าเตรียมแย้งข้อเสนอดังกล่าวแต่พอคิดอีกทีแล้ว เหตุผลที่อาเซอร์บัสพูดมาทั้งหมดเป็นความจริง มุนดาเป็นจอมเวทที่เก่งกาจและมีความมั่นใจในตัวเองสูง ย่อมไม่ยอมรับช่วยเหลือจากคนอี่นแน่
“ก็ได้” นางกล่าวออกมาในที่สุด “เมื่อรับปากแล้วเจ้าต้องดูแลนางให้ดี ถ้ามุนดามีอันตรายข้าไม่ให้อภัยเจ้าแน่” เด็กสาวสั่งและขู่สำทับก่อนละจากจอมเวทหนุ่ม เขาหัวเราะออกมาเบาๆด้วยความรู้สึกทั้งเอ็นดูและนึกขัน แต่รอยยิ้มต้องมลายหายไปอย่างฉับพลันเมื่อมีพลังกดดันรุนแรงพุ่งมากระทบร่าง พอหันไปยังที่มาจึงพบว่าเจ้าของไออำมหิตนั้นคือเอรา และนางกำลังจ้องอาเซอร์บัสด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความเคียดแค้น จอมเวทสาวขยับเรียวปากสีแดงฉ่ำขมุบขมิบเหมือนกำลังร่ายเวท ทว่าเสียงของกรรมการประกาศชื่อผู้แข่งรอบสุดท้ายดังขึ้นมาเสียก่อน นางจึงส่งสายตาอาฆาตให้อาเซอร์บัสก่อนสะบัดหน้าเดินเข้าไปยังสนามประลอง
คู่ต่อสู้ของนางเป็นจอมเวทอายุน้อยที่มีท่าทางมั่นใจในตัวเองมากพอดู เมื่อทั้งคู่ประจันหน้ากัน เขาร่ายเวทเรียกหอกแสงออกมาโจมตีแต่ถูกเอราปัดออกจนหมด พอเห็นดังนั้นเขาจึงสร้างธนูขึ้นมานับร้อยอัน ทั้งหมดถูกทำลายด้วยมนตร์เพียงคำเดียว
“น่ารำคาญจริง ไม่มีเวทที่มันแรงกว่านี้อีกแล้วหรือ” เอราโพล่งออกมาอย่างหงุดหงิด ใบหน้าสวยบึ้งตึงจนน่าขนลุก ยิ่งเสริมเส้นผมสีแดงเพลิงเข้าไปด้วยแล้ว ยิ่งดูน่ากลัวราวปิศาจร้ายทำให้จอมเวทหนุ่มถึงกับตัวสั่น เอราจ้องคู่ต่อสู้ที่ผงะถอยหลังและยืนนิ่งทำอะไรไม่ถูกอย่างขัดใจ “ถ้าไม่มีก็ตายซะ”
วงแหวนเวทปรากฏขึ้นเหนือสนามประลอง ปล่อยคลื่นทำลายโจมตีคนด้านล่างอย่างต่อเนื่องจนปัดป้องไม่ทัน อำนาจอันรุนแรงยังแฉลบออกไปข้างสนาม ฉีกอาคารและเสาไม้จนแหลกเป็นชิ้น พลังส่วนหนึ่งพุ่งไปทางกลุ่มของอาเซอร์บัส เขารีบสร้างม่านอาคมขึ้นป้องกันและมองเอราอย่างประหวั่นใจ
“ไม่ได้เรื่องแล้ว” เขาพึมพำเมื่อเห็นคู่แข่งของจอมเวทสาวยกมือขึ้นปัดป้องอย่างหมดทางสู้ และทรุดตัวลงนั่งคุกเข่าพร้อมกับกล่าวยอมแพ้ แต่เอราไม่สนใจเลยสักนิด นางยกแขนข้างหนึ่งขึ้นชี้ตรงไปข้างหน้า ร่ายเวทออกมาประโยคหนึ่งก่อนกล่าวคำสำทับ
“ตาย!”
อำนาจเวทสะกดคงขยี้จอมเวทเคราะห์ร้ายจนแหลกไม่มีชิ้นดีหากไม่มีม่านสีดำปรากฏขึ้นคลุมร่างเขาเอาไว้ เอราขบกรามแน่นและหันไปจ้องเจ้าของเวทด้วยความโกรธ
“กล้าดียังไงถึงขวางข้า”
อาเซอร์บัสลดไม้เท้าในมือลงพร้อมกับพูด
“เขายอมแพ้แล้ว”
“ข้าไม่สน” จอมเวทสาวตวาด “ปลดม่านป้องกันนั่นออกเดี๋ยวนี้ อาเซอร์บัส”
จอมเวทแห่งไมธีร่าขยับไปข้างหน้าหนึ่งก้าว “ไม่” เขาปฏิเสธสั้นๆและกล่าวเสียงเข้ม “การแข่งขันจบสิ้นลงแล้วเอรา เจ้าคือผู้ชนะ”
“ข้าจะชนะก็ต่อเมื่อปลิดชีวิตคู่ต่อสู้แล้วเท่านั้น” เอราคำรามอย่างคั่งแค้น “ส่งมันมาให้ข้าไม่อย่างนั้น”
“เจ้าจะทำไม” อาเซอร์บัสสวนคำถามแทรกขึ้นมา “อาละวาดฆ่าคนให้หมดทั้งค่าย หรือทั้งเมือง”
“อย่าท้าข้านะ” จอมเวทสาวซึ่งในตอนนี้ดูเหมือนจะลืมคู่ต่อสู้ไปแล้วกล่าวพร้อมกับก้าวเข้าไปหาอาเซอร์บัส เขากระชับไม้เท้า
“ข้าไม่ได้ท้า” จอมเวทหนุ่มพูดเสียงเรียบ พอเห็นเอรายืนตัวสั่นกำมือแน่น จึงกล่าวต่อ “ข้าไม่รู้หรอกว่าเจ้าเข้าร่วมการประลองเพื่ออะไร จะให้มันล้มเหลวด้วยอารมณ์ชั่ววูบหรือ”
หญิงสาวแสดงอาการฮึดฮัดแต่ยอมหยุดโดยดี นางมองอาเซอร์บัสนิ่งอยู่ครู่หนึ่งและกระแทกลมหายใจอย่างแรงก่อนหมุนตัวก้าวออกจากสนามประลอง ครั้นเห็นเอรายอมรามือแล้วเขาจึงหันไปที่จอมเวทซึ่งยังคงนั่งเข่าอ่อนอยู่กลางสนาม
“ไปได้แล้ว”
บอกแค่นั้นก่อนหมุนตัวเดินกลับไปยังที่ประจำ โชคดีที่ราเชนออกไปตามหาเบอร์ทิน่า จึงไม่ต้องปวดหัวเรื่องคำถาม แต่โชคร้ายที่ข้างตัวเขายังมีมนุษย์เจ้าปัญหาอีกคน
“เสน่ห์แรงเหมือนกันนี่” เกรย์กระเซ้า อาเซอร์บัสมองเขาด้วยหางตา
“อยากได้แผลเพิ่มอีกหรือไง”
หนุ่มมังกรหัวเราะและขยับนั่งตัวตรง “เอาไว้วันหลังดีกว่า” พูดพลางมองจอมเวทหนุ่มแห่งไมธีร่าที่มองเหม่อไปทางสนามอย่างครุ่นคิด “กลุ้มอะไรอีกละ คำสาปหรือสาวสวยคนเมื่อกี้”
คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันอย่างนึกฉุน
“พอหายก็พูดไม่หยุดเลยนะ”
เกรย์ยักไหล่ “ช่วยไม่ได้ ข้ามันพวกอยู่นิ่งไม่เป็น” พอเห็นอีกฝ่ายมีสีหน้าเคร่งเครียดเขาก็หยุดคำพูดไว้แค่นั้นและกล่าวด้วยท่าทางที่ดูเป็นจริงเป็นจังกว่าตอนแรก “ถามจริงๆเถอะ เจ้ากำลังกลุ้มใจเรื่องอะไร”
อาเซอร์บัสทำท่าเหมือนจะตอบแต่กลับเปลี่ยนใจเมื่อเห็นเบอร์ทิน่ากับราเชนเดินมาด้วยกัน และรอจนทั้งคู่มาใกล้จึงพูด
“การแข่งจบแล้ว พวกเจ้าต้องไปรายงานตัวกับท่านโหราจารย์”
พอจอมเวทหนุ่มกล่าวจบ กรรมการผู้หนึ่งก็ก้าวไปยืนกลางสนามและประกาศเสียงดังฟังชัด
“ชาวไมธีร่าและจอมเวททุกท่าน บัดนี้การประลองเพื่อคัดเลือกจอมเวทเข้าร่วมเดินทางไปยังหุบเขาสีน้ำเงินยได้เสร็จสิ้นลงแล้ว ขอเชิญผู้เข้ารอบทุกท่านรายงานตัวกับท่านโหราจารย์ที่ห้องประชุม” เขาชี้ไปยังอาคารหลังใหญ่ห่างจากสนามประลองไปพอสมควร “เมื่อครบทุกคนแล้วเราจะพาพวกท่านเข้าพบท่านมหาอำมาตย์ออร์เด็น ส่วนผู้ตกรอบและผู้ชมทั่วไปอย่าเพิ่งไปไหน เรายังมีอาหารและเครื่องดื่มอีกมาก ขอเชิญทุกคนพักผ่อนให้สบายก่อนแยกย้ายกันกลับเมือง”
เสียงปรบมือดังขึ้นเมื่อกรรมการผู้นั้นกล่าวจบ เขาก้มศีรษะลงเล็กน้อยก่อนไปรวมกลุ่มกับกรรมการท่านอื่น จากนั้นทั้งหมดก็เดินตรงไปยังห้องประชุมโดยมีโซลแดทและทหารคอยให้การอารักขาตลอดทาง
เหล่าจอมเวทที่ผ่านเข้ารอบทยอยเข้าไปในอาคารทีละคน ซึ่งเมื่ออาเซอร์บัส เกรย์ ราเชนกับเบอร์ทิน่าเข้าไปในนั้นก็พบว่าทุกคนมาครบกันหมดทุกคนแล้ว ตรงกลางมีเก้าอี้วางเรียงรายไว้เป็นแถว ด้านหนึ่งของห้อง มีโต๊ะตัวใหญ่ตั้งไว้พร้อมเอกสารกองโต และปากกาขนนก โดยมีกรรมการทุกคนนั่งประจำที่ พอเห็นจอมเวทมากันครบทุกคนแล้ว ท่านโหราจารย์จึงลุกขึ้นเชิญให้ทั้งหมดนั่งพร้อมกับกล่าวแนะนำตัว