ผลึกวิญญาณมังกร บทที่ 8 มนตร์สะกดและเวทน้ำแข็ง

กระทู้สนทนา
บทที่ 7 อิทธิฤทธิ์ของเวทดวงดาว
http://ppantip.com/topic/31390631

บทที่ 8 มนต์สะกดและเวทน้ำแข็ง

เสียงไชโยโห่ร้องกับเสียงอือฮาจากสนาม ทำให้เบอร์ทิน่ารู้ว่าการแข่งขันจบลงไปอีกรอบหนึ่งแล้ว หากเป็นก่อนหน้านี้ นางคงตื่นเต้นและสนุกกับการเฝ้าดู ถึงบางครั้งเป็นการต่อสู้ที่เหี้ยมโหด นางยังพอเข้าใจเพราะมันเป็นการขับเคี่ยวพลังของจอมเวทแต่ละคน ผู้ใดแข็งแกร่งกว่าย่อมได้เปรียบและเป็นฝ่ายมีชัย

ครั้งแรกที่เห็นจอมเวทถูกปลิดชีวิตจนดับดิ้น เด็กสาวยังรู้สึกตระหนก และหวาดกลัว แต่พอได้เห็นหลายครั้งเข้า เบอร์ทิน่าก็เริ่มคุ้น เพราะดังเช่นอาเซอร์บัสเตือน การประลองระหว่างจอมเวท ไม่ใช่แค่การต่อสู้ธรรมดา แต่ไม่เคยคิดเลยว่า จอมเวทผู้หนึ่งจะจบชีวิตลง ด้วยน้ำมือของนาง คิดพลางระบายลมหายใจยาวก่อนทิ้งตัวลงนั่งบนเตียง ภาพรอยยิ้มและใบหน้าไร้เดียงของจอมเวทหญิงเมื่อแรกพบ ยังคงติดตรึงอยู่ในความทรงจำ นางไม่เคยคิดเลยว่า หญิงสาวผู้มีดวงหน้าอันแสนน่ารัก จะฆ่าคนอื่นได้อย่างเลือดเย็น

เบอร์ทิน่าก้มหน้าลงและกำมือแน่น ทั้งที่ถูกไล่ล่า แต่เด็กสาวกลับมีความคิดเพียงแค่หยุดคู่ต่อสู้เอาไว้เท่านั้น ตอนคว้าเหรียญขึ้นมานางภาวนาขอให้ทุกอย่างยุติลง ช่วงนั้นเองที่มีคลื่นบางอย่างวิ่งเข้ามาในกาย นางไม่รู้หรอกว่าเกิดอะไรขึ้น รู้แต่เพียงสิ่งนั้นคือพลังอันกล้าแข็ง ที่กำลังวิ่งพล่านไปทั่วกาย พริบตานั้นเองธนูแสงจำนวนมากก็พุ่งลงมาจากฟ้า หยุดทุกอย่างตามที่นางต้องการ ไม่เพียงแค่มือปิศาจ จอมเวทหญิงผู้ร่ายเวท ก็หยุดลมหายใจตามไปด้วย สิ่งนี้เองที่เบอร์ทิน่าทำใจยอมรับไม่ได้ แม้ไม่ได้เป็นผู้ลงมือ แต่นางก็ยังรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนฆ่าอยู่ดี
  
เสียงเคาะประตูดังขึ้นสองครั้งและเปิดออกโดยที่เด็กสาวยังไม่ทันเอ่ยปากอนุญาต ไม่จำเป็นต้องเงยหน้าขึ้นมอง นางก็รู้ว่าใคร เพราะทั้งวัง ไม่สิ ต้องใช้คำว่าทั้งเมืองต่างหาก มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่กล้าทำเช่นนี้  

“ทำไมถึงมานั่งหลบอยู่ในนี้” อาเซอร์บัสถามก่อนก้าวเข้าไปด้านใน เบอร์ทิน่าเม้มปากและเบือนหน้าหนีแต่ไม่ยอมตอบ จอมเวทหนุ่มจึงเข้าไปยืนใกล้ๆ และโน้มตัวลงเล็กน้อยเพื่อมองอีกฝ่ายให้ชัด

“เป็นอะไรหรือเปล่า”

“เปล่านี่” เด็กสาวตอบน้ำเสียงกระด้าง ฟังเหมือนสะบัด อาเซอร์บัสทำหน้าประหลาดใจ

“จริงหรือ” เขาย้อนถาม ก่อนกดน้ำเสียงให้ต่ำลง “เจ้าไม่ได้กำลังเสียใจ หรือโกรธที่ต้องฆ่าคนด้วยมือของตัวเอง”

คำถามนั้นเหมือนฟางแห้งโดนเปลวไฟ เบอร์ทิน่าหันไปจ้องจอมเวทหนุ่มพร้อมกับพูดเสียงดังด้วยความโกรธ

“ข้าไม่ใช่คนเลือดเย็นแบบเจ้านี่”  

อาเซอร์บัสไม่ใส่ใจกับความเกรี้ยวกราดของเด็กสาวเลยสักนิด ในทางตรงกันข้าม เขากลับเพิ่มความเป็นห่วงเป็นใยนางมากกว่าเดิม เพียงแต่ไม่แสดงออกมาทางสีหน้าเท่านั้น เมื่อเห็นเบอร์ทิน่าไม่สามารถสงบจิตใจของตัวเองได้ จอมเวทหนุ่มจึงยืดตัวขึ้น เบนสายตามองออกไปนอกห้อง และกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“การต่อสู้ทุกอย่าง มีแพ้ มีชนะ เมื่ออยู่ในสนาม แม้เป็นเพื่อนก็ไม่อาจรอมชอมต่อกันได้ หากเจ้าต้องการขึ้นไปอยู่จุดสูงสุดก็ต้องล้มคนอื่นให้หมด”

“แม้ต้องฆ่าอย่างนั้นหรือ” เบอร์ทิน่าถาม อาเซอร์บัสจึงเบนสายตากลับมาที่นาง

“ใช่”

“แต่ข้า...”

“หากไม่ทำ ตัวเจ้าเองนั่นแหละที่จะตาย” เขาหยุดคำพูดไว้แค่นั้นและมองเด็กสาวที่กำลังนั่งนิ่ง “คนพวกนั้นสู้เพื่อสมบัติและลาภยศ ส่วนเจ้าสู้เพื่อความสุขของคนอื่น ฉะนั้นทำใจให้หนักแน่น ยอมรับความจริงที่เกิดขึ้น และจงรู้ไว้ด้วยว่าจอมเวทหญิงที่เจ้าสู้เมื่อครู่เป็นนักฆ่า นางไม่ลังเลที่จะสังหารเจ้า”

“แม้นางจะส่งยิ้มให้อย่างนั้นหรือ”

เบอร์ทิน่าถาม อาเซอร์บัสส่ายหน้าช้าๆ

“รอยยิ้มนั่นคือเครื่องหมาย มันเป็นสัญลักษณ์แห่งความตายของคนที่ตกเป็นเป้าหมายของดาร์คชามเบอร์” เขาอธิบายด้วยน้ำเสียงราบเรียบพลางวางมือลงบนไหล่ของนาง “เจ้าจำเป็นต้องฆ่า เพื่อรักษาชีวิต อย่าเสียใจเลยเบอร์ทิน่า”

เด็กสาวก้มหน้าลง พยายามกลืนก้อนสะอื้นที่ตีขึ้นมาให้ไหลกลับลงไปในท้อง

“ข้าต้องทำเรื่องจำเป็นที่ว่านี่อีกกี่ครั้ง”

“จนกว่าเจ้าจะบรรลุเป้าหมาย” อาเซอร์บัสตอบพลางกระชับมือแน่นขึ้น “ข้ารู้ว่ามันเป็นเรื่องที่ทำใจได้ยาก แต่ก็อยากให้เจ้ายอมรับ เพื่อกษัตริย์ ราชินีและชาวไมธีร่า เจ้าต้องเข้มแข็ง อดทน จงสู้ให้ถึงที่สุด ฆ่าเมื่อจำเป็น และอย่าออมมือให้ผู้ใด แม้ว่าคู่ต่อสู้นั้นจะเป็นข้าหรือราเชนก็ตาม”  

ประโยคสุดท้ายเด็กสาวเงยหน้าขึ้นมองจอมเวทหนุ่ม

“หมายความว่ายังไง ทำไมข้าต้องสู้กับเจ้า”

“รอบสุดท้ายจอมเวททุกคนจะถูกจับเข้ากลุ่มและถูกส่งออกมาต่อสู้ทีละคนจนเหลือแค่สิบคนสุดท้าย ถ้าอยู่กลุ่มเดียวกันยังไม่เท่าไหร่ แต่ถ้าโดนจับแยก พวกเราอาจต้องสู้กัน”

อาเซอร์บัสอธิบาย เบอร์ทิน่าส่ายหน้า

“ข้าไม่อยากสู้กับพวกเจ้า”

“แต่เจ้าจำต้องสู้” จอมเวทหนุ่มพูดและหยุดนิ่งก่อนคลี่ยิ้มบางๆ “จะได้ถือโอกาสเล่นงานข้าให้สมใจด้วยไง เจ้าอยากทำแบบนี้มานานแล้วไม่ใช่หรือ”

หากไม่มีหน้ากาก อาเซอร์บัสคงเห็นว่าตอนนี้ใบหน้าของเจ้าหญิงแดงก่ำไปจนถึงใบหู แน่นอนว่าไม่ใช่ความโกรธ หากเป็นความรู้สึกบางอย่างที่นางเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันคืออะไร ถึงอย่างนั้นเด็กสาวก็ทำปากยื่นและสะบัดหน้าหนีอย่างเง้างอน

“คนกำลังกลุ้มยังมีแก่ใจมาล้อเล่นอยู่อีก”

“อย่างน้อยก็ทำให้อารมณ์เจ้าดีขึ้น” จอมเวทแห่งไมธีร่ากล่าวและอมยิ้มมุมปาก “ใช่หรือไม่”

แม้ใบหน้าจะซ่อนอยู่ภายใต้ฮู้ด เบอร์ทิน่าก็ยังเห็นว่าเขากำลังทำหน้าประหนึ่งถูกใจที่หาเรื่องกระเซ้านางเล่นได้ เด็กสาวเงื้อกำปั้นขึ้นหมายซัดสักตุ้บด้วยความหมั่นไส้ แต่กลับเปลี่ยนใจเป็นลุกพรวดจากเตียง เดินไปที่ประตู

“เจ้าจะไปไหน”

“ดูการแข่งขัน” เด็กสาวตอบโดยไม่หันมามอง จากนั้นจึงเดินลิ่วนำออกไป อาเซอร์บัสมองตามอย่างนึกเอ็นดูและเผลอตัวยิ้มออกมา มันละลายหายไปอย่างรวดเร็วเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะดังมาจากด้านนอก

“เจ้าสนใจแม่แมวน้อยนี่จริงๆ” เกรย์ซึ่งมายืนกอดอกตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้พูด “สงสัยเรื่องที่ว่าจอมเวทแห่งไมธีร่าเป็นคนเย็นชาไร้ความรู้สึกจะไม่เป็นความจริงเสียแล้ว”

“ตามข้ามาทำไม” อาเซอร์บัสถามเสียงห้วน มือกำไม้เท้าแน่นเหมือนพร้อมเรียกพลังออกมาระเบิดร่างคนข้างหน้า เกรย์ยิ้มอย่างรู้ทันและรีบยกมือขึ้น

“ใจเย็นน่า ข้าแค่มาชวนพวกเจ้าไปดูการแข่งรอบต่อไปเท่านั้น”

“ทำไม”

จอมเวทหนุ่มถาม หนุ่มพลังมังกรฉีกยิ้มและตอบสั้นๆ

“เอรา”

ชื่อที่หลุดจากปากทำให้อาเซอร์บัสก้าวพรวดออกไปทันที อารามเร่งร้อนทำให้เขากระแทกคนยืนขวางจนเซถลา แต่เกรย์กลับไม่โกรธเลยสักนิด ตรงกันข้ามเขากลับหัวเราะออกมาเบาๆ ดวงตาสีเทาหรี่ลง

“ใช่แล้วอาเซอร์บัส ถ้าแม่แมวน้อยสู้กับเอรา ต่อให้เป็นเจ้า ก็ไม่มีทางช่วยอะไรนางได้”

เสียงฮือฮาของผู้ชมรอบสนามทำให้จอมเวทแห่งไมธีร่าเร่งการเดินของตัวเองเร็วขึ้น ยิ่งได้ยินเสียงระเบิดจากสนามดังมาเป็นระยะด้วยแล้ว เขายิ่งกวาดตามองหาเบอร์ทิน่าอย่างร้อนรน และพบว่านางกำลังยืนอยู่ขอบสนามข้างราเชน

ไม่รอช้า จอมเวทหนุ่มสืบเท้าเข้าไปหานางอย่างเร็วและเอ่ยถามทันทีเมื่อไปถึง

“ทำไมถึงยืนใกล้ขนาดนี้”

ทั้งราเชนและเจ้าหญิงหันมามองเขาพร้อมกัน แต่คนตอบกลับเป็นบุตรโหราจารย์ตัวแสบ

“มันเห็นชัดดี”

“แต่อันตรายเกินไป” อาเซอร์บัสสวนคำย้อนทันควัน มือตะปบไหล่เด็กทั้งสองลากให้ถอยห่างออกมา แต่ราเชนกลับสลัดออกพร้อมกับโพล่งอย่างไม่พอใจ

“เจ้าทำบ้าอะไรน่ะอาเซอร์บัส”

“กันพวกเจ้าให้อยู่ห่างจากเวที” อีกฝ่ายตอบ เด็กหนุ่มขยับปากจะพูดต่อแต่เบอร์ทิน่ากลับชิงถามขึ้นมาก่อน

“เพราะอะไร” นางหันไปมองจอมเวททั้งห้าที่กำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือดแล้วเม้มปากแน่นก่อนหันกลับมาที่อาเซอร์บัส ”หรือว่ามีจอมเวทแบบครั้งที่แล้ว”

“ร้ายกว่านั้นอีก” พูดพลางเลื่อนดวงตาเข้าไปในสนาม มือที่จับเด็กสาวไว้คลายออกและยื่นออกไปข้างหน้า พร้อมกับทำท่าเหมือนเขียนอะไรบางอย่างในอากาศ

“เจ้ากำลังทำอะไร” เด็กสาวถามด้วยความสงสัย จอมเวทหนุ่มตอบทั้งที่ปลายนิ้วยังขยับไม่หยุด

“สร้างม่านคุ้มกัน” เขาสูดลมหายใจเข้าและลดมือลง “ขอให้อยู่ใกล้ๆข้าจนกว่าการแข่งขันจะจบลง เข้าใจไหมราเชน”

ประโยคสุดท้ายเขาหันไปทางเด็กหนุ่ม อีกฝ่ายทำหน้าเบื่อหน่ายก่อนลากเสียงตอบ

“ได้”

ความกวนประสาทของเขาทำให้ดวงตาของอาเซอร์บัสลุกวาวด้วยความโมโห แต่เพราะความกังวลเรื่องการต่อสู้มีมากกว่า เขาจึงละสายตาจากราเชน มองตรงไปยังสนาม ซึ่งตอนนี้จอมเวททุกคนบนนั้นกำลังร่ายเวทสารพัดรูปแบบ เพื่อสร้างศัสตราวุธเข้าห้ำหั่นกัน แต่คนที่ดูเสียเปรียบมากที่สุดเป็นจอมเวทหญิงเพียงหนึ่งเดียว หลังจากต้านรับพลังโจมตีไปได้สักพักนางจึงรู้ว่าตัวเองถูกต้อนให้ไปยืนอยู่กลางสนาม เมื่อจอมเวททั้งสี่ล้อมกันเป็นวง หนึ่งในนั้นจึงพูดขึ้น

“เจ้าหมดทางหนีแล้วเอรา”

ทุกคนยกมือขึ้นเพื่อร่ายเวท เอรากลับแหงนหน้าขึ้นและเปล่งเสียงหัวเราะเยาะดังลั่น

“เวทของพวกเจ้าไม่มีทางทำอะไรข้าได้หรอก” นางกล่าวอย่างดูแคลน ดวงตาสีเขียวอมฟ้าทอแสงเจิดจรัสออกมาอย่างน่ากลัว เมื่อเห็นดังนั้นจอมเวททั้งสี่จึงเร่งตั้งท่าร่ายมนต์เพื่อกำจัดนาง แต่ทั้งหมดกลับหยุดอยู่ในท่านั้นเมื่อเอรากางแขนทั้งสองข้างออกพร้อมกับร่ายมนต์ภาษาประหลาดรัวเร็ว มือทั้งสองข้างค่อยๆเลื่อนมาข้างหน้าและประสานเข้าหากัน พลังที่แผ่ออกมาจากร่างรุนแรงจนเรือนผมสีแดงสดยาวสยายสะบัดไหวไปมา

“สะกด !”

นางเปล่งวาจาอย่างเฉียบขาด มนตราที่ถูกร่ายกลายเป็นอักษรหมุนวนเป็นวงแหวนลอยขึ้นไปเหนือศีรษะและขยายตัวจนมีขนาดเท่าสนาม เวทต่างๆรวมทั้งตัวผู้ใช้หยุดนิ่งอยู่กับที่ราวถูกตอกตรึงด้วยหมุดล่องหน ไม่เว้นแม้แต่ผู้ชมข้างสนาม ทุกคนมองหน้ากันอย่างงงงัน

“คำว่าสะกดของข้าคือหยุดทุกสิ่ง” เอราพูดเสียงเย็น พลางวาดแขนลงขนาบข้างตัวพร้อมกับหมุนข้อมือ “ลาขาดละเจ้าพวกหน้าโง่”

วงแหวนลดวูบลงมาอย่างรวดเร็วบีบอัดร่างของผู้ที่อยู่ข้างใต้จนแหลกเละ เสียงกรีดร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดดังสลับกับลั่นเปรี๊ยะของกระดูกที่ถูกบดจนแตกเป็นเสี่ยง เลือดไหลพร่างพรูออกร่างของทุกคนอาบพื้นดินจนกลายเป็นสีแดงฉาน กลิ่นคาวจัดของเนื้อลอยคละคลุ้งไปทั่ว ยิ่งได้เห็นภาพของอวัยวะภายในที่ทะลักออกมากระจายเกลื่อนพื้นด้วยแล้ว จอมเวทบางส่วนที่สามารถขยับตัวได้ต้องหันหน้าหนีพร้อมกับยกมือขึ้นอุดจมูก หลายคนถึงกับโก่งคออาเจียนออกมา

“โหดเป็นบ้า” ราเชนหลุดปากออกมาอย่างพรั่นพรึงขณะยืนบังเบอร์ทิน่าเอาไว้เพื่อมิให้นางเห็นภาพสยองตรงหน้า มือทั้งสองข้างกำแน่นจนสั่นระริก ถึงจะเห็นจอมเวทถูกสังหารมาหลายครั้ง ส่วนใหญ่แล้วมักเป็นไปในลักษณะมอดไหม้เป็นธุลีหรือสูญสลายหายไป นับเป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นการฆ่าชัดเต็มตา อย่างแท้จริง

กรรมการขานนามเอราเสียงสั่น จอมเวทหญิงเดินอาดๆออกจากสนามเพื่อกลับไปยังที่พัก โดยเจาะจงใช้ทางที่กลุ่มของอาเซอร์บัสยืนอยู่ ขณะก้าวผ่าน นางชะลอฝีเท้าให้ช้าลงพร้อมเอ่ยปากพูดพอให้เขาได้ยิน

“กำแพงของเจ้ากันอำนาจสะกดของข้าไม่ได้หรอก”

จอมเวทแห่งไมธีร่ามิได้มองผู้กล่าวเลยสักนิด และไม่เอื้อนเอ่ยวาจาออกมาสักคำ เขายังคงยืนนิ่งไม่ไหวติง มีเพียงมือเท่านั้นที่กระชับไม้เท้าแน่น เหมือนระงับอารมณ์ไม่ให้เต้นไปตามคำยั่วยวน กิริยาของเขาทำให้เอราเหยียดยิ้มเยาะ ดวงตาคมกริบตวัดมองเบอร์ทิน่ากับราเชนอย่างมาดร้ายก่อนเดินจากไป

“รู้จักนางด้วยหรือ” ราเชนซึ่งเห็นการกระทำทั้งหมดหันไปถามอาเซอร์บัส และขมวดคิ้วเมื่อเขาผงกศีรษะรับ “แล้วที่นางพูดว่า เจ้ากันอำนาจสะกดไม่ได้ มันหมายความว่ายังไง”

เด็กหนุ่มซักไซ้ด้วยความสงสัยและอยากรู้ ยังไม่ทันที่จอมเวทแห่งไมธีร่าตอบ เบอร์ทิน่าก็อุทานออกมาด้วยความตกใจ

“เลือด !”
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่