บทที่ 8 มนตร์สะกดและเวทน้ำแข็ง
http://ppantip.com/topic/31406903
บทที่ 9 ไฮพรีสท์แห่งความตาย
วันรุ่งขึ้น อาเซอร์บัสนำเบอร์ทิน่ามายังสนามประลองตั้งแต่ดวงอาทิตย์ยังไม่ทอแสง เมื่อถูกถามว่าทำไมต้องออกมาเช้าขนาดนั้น เขาก็ให้เหตุผลว่า จอมเวทที่เหลือในตอนนี้ล้วนแล้วแต่มีพลังฝีมือกล้าแข็ง ซ้ำบางคนยังเป็นนักล่าเงินรางวัล หากรู้ว่าเจ้าหญิงแห่งไมธีร่าปลอมตัวเข้ามาแข่งขัน คงไม่ปลอดภัย
เพื่อไม่ให้ใครเห็น จอมเวทหนุ่มจึงเลือกห้องพักของราเชนเป็นที่ปรากฏตัว โชคดีที่เด็กหนุ่มตื่นตั้งแต่เช้าเพื่อทดสอบและทบทวนอำนาจของผลึกทั้งหมดที่มีอยู่ จึงไม่ต้องเสียเวลาปลุก ทักทายกันพอหอมปากหอมคอแล้วทั้งหมดจึงตรงไปยังโรงอาหาร โดยอาเซอร์บัสขอแยกตัวไปยังสนามประลองก่อน จัดการมื้อเช้าเสร็จเบอร์ทิน่ากับราเชนก็เดินพูดคุยกันไปจนกระทั่งถึงลานกว้าง อันเป็นที่ตั้งของคณะกรรมการการประลอง ยืนรอได้สักพัก ก็มีคนร้องเรียกราเชน ไม่จำเป็นต้องหันไปมองเพราะเพียงอึดใจ ผู้เรียกก็มายืนอยู่ข้างตัวแล้ว
“ไง” เกรย์ทักทายเด็กทั้งสองด้วยรอยยิ้มอันสดใส เบอร์ทิน่าจึงยิ้มตอบพร้อมกับเอ่ยทัก
“อรุณสวัสดิ์”
“อรุณสวัสดิ์แม่แมวน้อย” เกรย์กล่าวตอบและโค้งตัวน้อยๆล้อเลียน เด็กสาวหุบยิ้มทำแก้มป่อง
“ข้าชื่อลิงคซ” นางบอกเสียงห้วน อีกฝ่ายยังคงยิ้มกว้างและกระเซ้าไม่เลิก
“ไม่เห็นจะต่างกันตรงไหน มันก็แมวเหมือนกัน”
เบอร์ทิน่าดึงเหรียญออกมากำแน่นเหมือนอยากจะร่ายมนตร์สั่งสอนหนุ่มมังกรสักสองสามบท ราเชนเห็นท่าไม่ดีจึงรีบห้าม
“พอได้แล้วน่า เกรย์”
ชายหนุ่มหยุดตามคำแนะนำแต่ยังไม่วายอมยิ้ม ใบหน้าทะเล้นของเขาทำให้เด็กสาวทำหน้าง้ำและบ่นพึมพำ
“อย่างกับมีราเชนเพิ่มมาอีกคน”
คนถูกเอ่ยชื่อตีหน้าปุเลี่ยน ส่วนเกรย์ยังคงยิ้มระรื่น เขายืนกอดอกไม่พูดไม่จาตามคำแนะนำของราเชนนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง จู่ๆก็โพล่งออกมา
“อรุณสวัสดิ์”
ราเชนและเบอร์ทิน่าหันไปมองพร้อมกัน จึงเห็นว่าคนที่ถูกเอ่ยทักคืออาเซอร์บัส เขามองเกรย์นิ่งแต่ไม่ได้แปลกใจอะไรนัก
“ไม่ยักรู้ว่าเจ้ามีตาหลัง” เขาพูดเหมือนประชด อีกฝ่ายเลิกคิ้วขึ้น
“ในนี้ไม่มีใครทำตัวเป็นเงาทะมึนได้ดีเท่าเจ้า” เกรย์ตอบอย่างกวนประสาทก่อนหันไปหลิ่วตาให้คนข้างหน้า “จริงไหมราเชน”
“จริง” เด็กหนุ่มตอบรับด้วยใบหน้ายียวนไม่แพ้กัน อาเซอร์บัสมองคนทั้งสองเหมือนเห็นของประหลาด
“เจ้าสองคนสนิทกันตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ตั้งแต่เมื่อวาน” เกรย์ตอบหน้าตาเฉย อีกฝ่ายนิ่วหน้า
“คนตั้งเยอะแยะ ทำไมเจาะจงมาที่พวกเรา” เขาถามด้วยความสงสัย หนุ่มมังกรยักไหล่
“มันก็จริง แต่ข้าคุยกับพวกเจ้าสนุกที่สุด”
“ขอให้เป็นแค่นั้นเถอะ” จอมเวทแห่งไมธีร่ากล่าวอย่างเคร่งขรึมพลางมองหนุ่มมังกรเหมือนไม่ไว้ใจเท่าใดนักก่อนหันกลับไปทางสนามประลอง
“ดูเหมือนจะเริ่มกันแล้ว”
เขาพูดเมื่อเห็นกรรมการคนหนึ่งเดินเข้าไปในสนาม เสียงระฆังเตือนให้ทุกคนอยู่ในความสงบ เมื่อทุกอย่างเงียบลงแล้ว กรรมการผู้นั้นจึงกล่าว
“อรุณสวัสดิ์จอมเวทและชาวเมืองไมธีร่าทุกท่าน ค่ำคืนที่ผ่านมาทุกคนคงพักผ่อนกันอย่างเต็มอิ่ม เพราะการแข่งในวันนี้จะดุเดือดและเข้มข้นกว่าที่ผ่านมา”
เขาหยุดเว้นระยะและกวาดตามองรอบสนามก่อนกล่าวต่อ
“การแข่งรอบนี้จะเป็นการประชันแบบตัวต่อตัว โดยเราจะแบ่งจอมเวทออกเป็น 10 กลุ่ม กลุ่มละ 10 คน ผลัดกันออกมาประลองคนละรอบ จนกว่าจะเหลือจอมเวท 10 คน กลุ่มที่ถูกกำหนดให้จอมเวททุกคนเข้าร่วม มีชื่อดังนี้
แอรา หรือกลุ่มแท่นบูชา สัญลักษณ์ประจำกลุ่มคือ รูปสามเหลี่ยมคล้ายคนพนมมือ
เวล่า หรือกลุ่มใบเรือ สัญลักษณ์ประจำกลุ่มคือ สี่เหลี่ยมผืนผ้าซ้อนกันสามอัน
บูธ หรือกลุ่มคนเลี้ยงสัตว์ สัญลักษณ์คือ เขากวาง
อะควอเรียส หรือกลุ่มคนโทน้ำ สัญลักษณ์ประจำกลุ่มคือ วงกลมซ้อนกันสามวง
ครักซ์ หรือกลุ่มกางเขนใต้ สัญลักษณ์ประจำกลุ่มคือ ผลึกหิมะ
ลูปัส หรือกลุ่มหมาป่า สัญลักษณ์ประจำกลุ่มคือ รอยเท้าหมาป่า
ลีโอ หรือกลุ่มสิงโต สัญลักษณ์ประจำกลุ่มคือ สิงโต
ฟีนิกซ์ หรือกลุ่มวิหคเพลิง สัญลักษณ์ประจำกลุ่มคือ เปลวไฟ
ซิกนัส หรือกลุ่มหงส์ สัญลักษณ์ประจำกลุ่มคือ หงส์
เซอร์เพ้นท์ หรือกลุ่มงู สัญลักษณ์ประจำกลุ่มคือ งู
ส่วนรายละเอียดว่าท่านใดอยู่กลุ่มไหนนั้น ดูได้ที่โต๊ะกรรมการ โปรดรำลึกว่า การจัดกลุ่มนี้เพื่อความสะดวกและความเป็นระเบียบในการแข่งขัน ถึงจะอยู่กลุ่มเดียวกัน ก็ไม่มีความเกี่ยวข้องต่อกัน ชัยชนะขึ้นอยู่กับฝีมือของจอมเวทแต่ละคน ซึ่งเมื่อจบการแข่งขันแล้ว บางกลุ่มอาจไม่เหลือสมาชิกสักคนเลยก็ได้”
ผู้ประกาศเว้นคำพูดและกวาดตามองจอมเวททุกคน เมื่อไม่คำถามหรือข้อโต้แย้งใดเขาจึงกล่าวต่อ
“การแข่งจะเริ่มต้นเมื่อได้ยินเสียงระฆัง กลุ่มแรกที่เข้าแข่งขันคือ แอรากับเวล่า ส่วนจอมเวทคู่แรกจะเป็นใครนั้น เราจะประกาศให้ทราบในลานประลอง”
จอมเวทรวมทั้งผู้ชมบางคนต่างเฮกันเข้าไปกลุ้มรุมโต๊ะกรรมการเพื่อดูว่าตัวเองอยู่กลุ่มไหน เบอร์ทิน่าจึงเตรียมไปดูบ้างแต่ราเชนร้องห้าม
“เจ้าอยู่นี่แหละ เดี๋ยวข้าไปดูให้เอง”
พูดจบก็เตรียมออกวิ่งแต่อาเซอร์บัสคว้าไหล่เขาเอาไว้ทัน
“นางอยู่กลุ่มซิกนัสส่วนเจ้ากลุ่มลีโอ”
เด็กหนุ่มหันไปมองหน้า
“รู้ได้ยังไง”
“ข้าเข้าไปดูมาแล้ว อ้อ ข้าอยู่กลุ่มเซอร์เพ้นท์ หากเจ้าอยากรู้” อาเซอร์บัสตอบและบอกกลุ่มของตัวเองไปพร้อมกัน ราเชนทำตาโตและพยักหน้าหงึกๆ
“เหมาะกับเจ้าดี” เขาหันไปทางเกรย์ “แล้วเจ้าละ”
“ฟีนิกซ์” อีกฝ่ายตอบเนือยๆ ราเชนทำตาวาวเหมือนสิ่งที่ได้ยินเป็นเรื่องน่าตื่นเต้น
“สุดยอด”
“สุดยอดอะไรกัน ข้าเป็นมังกร ไม่ใช่นก” เกรย์พูดอย่างเบื่อหน่าย แต่เด็กหนุ่มกลับส่ายหน้า
“นกไฟเป็นอมตะไม่มีวันตายนะเกรย์”
“มังกรก็ไม่มีวันตายเหมือนกัน” เกรย์พูดอย่างไว้ตัวพลางยกมือขึ้นกอดอกและหันไปมองกลุ่มจอมเวทที่รู้ว่าตัวเองอยู่กลุ่มไหนกระจายตัวไปยืนรอบสนามประลอง “ข้าว่าเราเลิกพูดเรื่องไร้สาระแล้วไปหาที่นั่งกันดีกว่า ขืนมัวชักช้าคนอื่นจะแย่งที่ดีๆไปหมด”
ราเชนผงกศีรษะพร้อมกับไล่สายตามองไปโดยรอบจนเห็นมุมถูกใจจึงหันไปชวนเบอร์ทิน่า และเดินไปด้วยกัน ซึ่งพอนั่งลงเป็นที่เรียบร้อย เสียงระฆังแจ้งเตือนการแข่งขันก็ดังขึ้นมาพอดี กรรมการคนเดิมก้าวเข้ามาในสนาม เมื่อเห็นทุกคนตั้งใจฟังจึงเริ่มประกาศ
“รอบแรกจะเป็นการแข่งขันระหว่างกลุ่มแอรา กับกลุ่มเวล่า ผู้เข้าแข่งขันในรอบนี้คือ จูดัส แห่งไฮพรีสต์ กับแกรวิตี้มุนดา ขอเชิญทั้งคู่เข้ามาในสนามประลอง”
ทั้งสองก้าวเข้าไปในสนามพร้อมกัน ผู้มีนามว่าจูดัส แห่งไฮพรีสต์ เป็นชายร่างใหญ่ แต่งกายในชุดนักบวชสีดำ มีเครื่องหมายศาสนจักรประทับบนลำตัวเด่นชัด บ่าทั้งสองข้างพาดผ้าแถบสีขาวริ้วน้ำเงิน ลำคอห้อยประคำเส้นโต ส่วนมุนดายังคงอยู่ในชุดสีน้ำเงินเข้มเช่นเดิม เมื่อทั้งคู่หยุดยืนประจันหน้ากันกลางสนามแล้ว กรรมการจึงกล่าว
“กติกาของรอบนี้ก็คือ สู้จนกว่าอีกฝ่ายจะยอมแพ้”
“จนกว่าอีกฝ่ายจะตายต่างหาก” เสียงต่ำทุ้มของจูดัสเอ่ยขัด ดวงตาดุดันจ้องมุนดาเขม็งอย่างมาดร้าย “ใช่ไหมมุนดา”
หญิงสาวยืนนิ่ง ไม่ตอบ กรรมการเห็นท่าไม่ดีจึงรีบกล่าวสรุปและเผ่นอ้าวออกจากสนาม เสียงระฆังเริ่มการแข่งขันดังก้องกังวาน แต่คู่ต่อสู้ทั้งสองยังคงยืนนิ่ง ไม่ขยับ
“เป็นยังไงบ้าง” จูดัสเอ่ยถามเหมือนเป็นคำทักทายธรรมดามากกว่าความเป็นห่วงเป็นใย มุนดาก้มหน้าลงเล็กน้อย
“อยากรู้จริงหรือ”
ปากหนาของจูดัสเชิดขึ้นเล็กน้อยอย่างดูแคลน
“แน่นอนว่าไม่” เขาตอบ “ที่ถามเพราะอยากจะบอกว่า เตรียมทำใจให้ดี เพราะหลังจากนี้เจ้าได้รับบทเรียนที่เจ็บปวดทรมานที่สุด”
มุนดาขยับขาทั้งสองข้างพร้อมกับกางมือออก เมื่อเห็นฝ่ายหญิงอยู่ในท่าเตรียมพร้อม จูดัสจึงเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
“ไม่ถามหน่อยหรือว่าเพราะเหตุใด”
“ไม่จำเป็น” จอมเวทหญิงกล่าวอย่างไม่สนใจ แต่อีกฝ่ายยังคงพูด
“เจ้าทำผิดกฎ ฝ่าฝืนคำสั่ง และยังหันหลังให้กลุ่มไฮพรีสต์ ที่ประชุมลงมติเป็นเอกฉันท์แล้วว่าโทษที่เจ้าสมควรได้รับก็คือ”
มือข้างหนึ่งยื่นมาข้างหน้าสร้างกระแสลมรุนแรงและคมกริบพุ่งเข้าใส่มุนดา นางรีบสร้างม่านป้องกันทันที กระนั้นแรงปะทะอันหนักหน่วงยังส่งผลให้ร่างของหญิงสาวครูดถอยหลังไปสองสามก้าว จูดัสแสยะยิ้มและพูดเสียงเหี้ยม
“ตาย !”
แขนทั้งสองข้างยกขึ้นเสมอไหล่และหงายมือออก เมื่ออากาศเหนือฝ่ามือเต้นไหวเหมือนคลื่นบนผิวน้ำแล้วจึงสะบัดมือทั้งสองอย่างเร็ว แม้จะมองไม่เห็น มุนดาก็รู้ว่าพลังนั่นคือกงจักรลม เวทโจมตีอำมหิตของจูดัส พลังสังหารที่ปลิดชีวิตเป้าหมายได้โดยไม่รู้ตัว และพลังที่พอจะหยุดยั้งได้ก็คือ หลุมแรงโน้มถ่วงกำลังมหาศาล ซึ่งทำได้แค่หน่วงมันเอาไว้เท่านั้น เมื่อชะลอความเร็วของกงจักรทั้งสองลงแล้ว จอมเวทสาวก็นึกหาหนทาตีโต้แต่ยังไม่ทันได้ลงมือ อีกฝ่ายก็สร้างกงจักรลม โจมตีกระหน่ำลงมาไม่ยั้งมือ เมื่อมีจำนวนมากขึ้น อำนาจแรงโน้มถ่วงก็เริ่มอ่อนกำลังลงปล่อยกงจักรสังหารให้หลุดเป็นอิสระหมุนวนเร็วจี๋เข้าหาร่างของมุนดา นางรีบวาดมือสร้างแรงอัดอากาศปัดมันออกไป กระนั้นคมเวทก็ยังเฉี่ยวโดนแขน ปาดเป็นรอยแผลยาว
“มุนดา !” เบอร์ทิน่าซึ่งยืนให้กำลังใจข้างสนามร้องอุทานด้วยความตระหนก และถลันจะเข้าไปช่วย อาเซอร์บัสคว้านางเอาไว้พร้อมกับกล่าวห้าม
“นี่เป็นการแข่งขัน เจ้าช่วยอะไรนางไม่ได้หรอก”
คำเตือนทำให้เด็กสาวได้คิด นางหยุดยืนนิ่งและยกมือขึ้นประสานไว้ที่อก ในใจพร่ำภาวนาขอให้มุนดาปลอดภัย แต่คำอ้อนวอนของเบอร์ทิน่ากลับถูกกลบด้วยเสียงหัวเราะอันแสนชั่วร้ายของชายที่อยู่ในสนามประลอง
“เจ้าหมดหนทางสู้แล้วมุนดา จงคุกเข่าลง ยอมรับทัณฑ์แต่โดยดีเถิด”
มุนดามองเลือดของตัวเองที่กำลังไหลปรี่อาบแขนข้างนั้นจนเป็นสีแดงฉานก่อนเลื่อนสายตาไปยังจูดัส
“ข้าไม่ได้ทำอะไรผิด”
“เจ้าเพิกเฉยต่อคำบัญชาของเจ้าคณะ นำเงินรางวัลทั้งหมดแจกจ่ายไปทั่วซ้ำยังแต่งตัวนอกรีต แบบนี้ยังไม่เรียกว่าทำผิดอีกหรือ”
“ข้าชดใช้กรรมที่ตัวเองได้ก่อไว้ต่างหาก” มุนดาเถียง “บาปที่ทำลายชีวิตคนบริสุทธิ์ ต่อให้นำเงินทั้งหมดของไฮพรีสต์ไปชดใช้ ก็ไม่สามารถทดแทนอะไรได้”
“การตายของพวกไร้ค่า ไม่มีความหมายต่อไฮพรีสต์เลยสักนิด เราคือผู้รับพระบัญชา มีหน้าที่ชำระล้างบาปทั้งหลายให้หมดสิ้น ความพินาศของวิหารและเมืองเหล่านั้น ถือเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้”
“หลีกเลี่ยงไม่ได้หรือไม่สนใจกันแน่” มุนดาคำราม “ทั้งที่ข้าแจ้งไปแล้วว่ามีคนบริสุทธิ์ ท่านก็ยังสั่งให้ทำลาย”
“มันเป็นคราวเคราะห์ของพวกเขา อีกอย่าง หากมีความเลวปะปนอยู่ในความบริสุทธิ์ สุดท้ายมันก็กลายเป็นความเลวทั้งหมด” จูดัสพูดอย่างไม่แยแส พลางวาดมือวาดอักขระเวทเพื่อสร้างพลังทำลาย “หมดเรื่องที่จะพูดแล้วใช่ไหม”
ดวงตาของมุนตาเปล่งประกายจ้าด้วยความแค้น “ในนั้นมีเด็ก” นางเค้นเสียงลอดไรฟัน พร้อมกับกดบาดแผลของตัวเองให้เลือดไหลทะลักออกมา “ข้าไม่มีวันให้อภัยพวกไฮพรีสต์อย่างเด็ดขาด ไม่มีวัน !”
ผลึกวิญญาณมังกร บทที่ 9 ไฮพรีสต์แห่งความตาย
http://ppantip.com/topic/31406903
บทที่ 9 ไฮพรีสท์แห่งความตาย
วันรุ่งขึ้น อาเซอร์บัสนำเบอร์ทิน่ามายังสนามประลองตั้งแต่ดวงอาทิตย์ยังไม่ทอแสง เมื่อถูกถามว่าทำไมต้องออกมาเช้าขนาดนั้น เขาก็ให้เหตุผลว่า จอมเวทที่เหลือในตอนนี้ล้วนแล้วแต่มีพลังฝีมือกล้าแข็ง ซ้ำบางคนยังเป็นนักล่าเงินรางวัล หากรู้ว่าเจ้าหญิงแห่งไมธีร่าปลอมตัวเข้ามาแข่งขัน คงไม่ปลอดภัย
เพื่อไม่ให้ใครเห็น จอมเวทหนุ่มจึงเลือกห้องพักของราเชนเป็นที่ปรากฏตัว โชคดีที่เด็กหนุ่มตื่นตั้งแต่เช้าเพื่อทดสอบและทบทวนอำนาจของผลึกทั้งหมดที่มีอยู่ จึงไม่ต้องเสียเวลาปลุก ทักทายกันพอหอมปากหอมคอแล้วทั้งหมดจึงตรงไปยังโรงอาหาร โดยอาเซอร์บัสขอแยกตัวไปยังสนามประลองก่อน จัดการมื้อเช้าเสร็จเบอร์ทิน่ากับราเชนก็เดินพูดคุยกันไปจนกระทั่งถึงลานกว้าง อันเป็นที่ตั้งของคณะกรรมการการประลอง ยืนรอได้สักพัก ก็มีคนร้องเรียกราเชน ไม่จำเป็นต้องหันไปมองเพราะเพียงอึดใจ ผู้เรียกก็มายืนอยู่ข้างตัวแล้ว
“ไง” เกรย์ทักทายเด็กทั้งสองด้วยรอยยิ้มอันสดใส เบอร์ทิน่าจึงยิ้มตอบพร้อมกับเอ่ยทัก
“อรุณสวัสดิ์”
“อรุณสวัสดิ์แม่แมวน้อย” เกรย์กล่าวตอบและโค้งตัวน้อยๆล้อเลียน เด็กสาวหุบยิ้มทำแก้มป่อง
“ข้าชื่อลิงคซ” นางบอกเสียงห้วน อีกฝ่ายยังคงยิ้มกว้างและกระเซ้าไม่เลิก
“ไม่เห็นจะต่างกันตรงไหน มันก็แมวเหมือนกัน”
เบอร์ทิน่าดึงเหรียญออกมากำแน่นเหมือนอยากจะร่ายมนตร์สั่งสอนหนุ่มมังกรสักสองสามบท ราเชนเห็นท่าไม่ดีจึงรีบห้าม
“พอได้แล้วน่า เกรย์”
ชายหนุ่มหยุดตามคำแนะนำแต่ยังไม่วายอมยิ้ม ใบหน้าทะเล้นของเขาทำให้เด็กสาวทำหน้าง้ำและบ่นพึมพำ
“อย่างกับมีราเชนเพิ่มมาอีกคน”
คนถูกเอ่ยชื่อตีหน้าปุเลี่ยน ส่วนเกรย์ยังคงยิ้มระรื่น เขายืนกอดอกไม่พูดไม่จาตามคำแนะนำของราเชนนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง จู่ๆก็โพล่งออกมา
“อรุณสวัสดิ์”
ราเชนและเบอร์ทิน่าหันไปมองพร้อมกัน จึงเห็นว่าคนที่ถูกเอ่ยทักคืออาเซอร์บัส เขามองเกรย์นิ่งแต่ไม่ได้แปลกใจอะไรนัก
“ไม่ยักรู้ว่าเจ้ามีตาหลัง” เขาพูดเหมือนประชด อีกฝ่ายเลิกคิ้วขึ้น
“ในนี้ไม่มีใครทำตัวเป็นเงาทะมึนได้ดีเท่าเจ้า” เกรย์ตอบอย่างกวนประสาทก่อนหันไปหลิ่วตาให้คนข้างหน้า “จริงไหมราเชน”
“จริง” เด็กหนุ่มตอบรับด้วยใบหน้ายียวนไม่แพ้กัน อาเซอร์บัสมองคนทั้งสองเหมือนเห็นของประหลาด
“เจ้าสองคนสนิทกันตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ตั้งแต่เมื่อวาน” เกรย์ตอบหน้าตาเฉย อีกฝ่ายนิ่วหน้า
“คนตั้งเยอะแยะ ทำไมเจาะจงมาที่พวกเรา” เขาถามด้วยความสงสัย หนุ่มมังกรยักไหล่
“มันก็จริง แต่ข้าคุยกับพวกเจ้าสนุกที่สุด”
“ขอให้เป็นแค่นั้นเถอะ” จอมเวทแห่งไมธีร่ากล่าวอย่างเคร่งขรึมพลางมองหนุ่มมังกรเหมือนไม่ไว้ใจเท่าใดนักก่อนหันกลับไปทางสนามประลอง
“ดูเหมือนจะเริ่มกันแล้ว”
เขาพูดเมื่อเห็นกรรมการคนหนึ่งเดินเข้าไปในสนาม เสียงระฆังเตือนให้ทุกคนอยู่ในความสงบ เมื่อทุกอย่างเงียบลงแล้ว กรรมการผู้นั้นจึงกล่าว
“อรุณสวัสดิ์จอมเวทและชาวเมืองไมธีร่าทุกท่าน ค่ำคืนที่ผ่านมาทุกคนคงพักผ่อนกันอย่างเต็มอิ่ม เพราะการแข่งในวันนี้จะดุเดือดและเข้มข้นกว่าที่ผ่านมา”
เขาหยุดเว้นระยะและกวาดตามองรอบสนามก่อนกล่าวต่อ
“การแข่งรอบนี้จะเป็นการประชันแบบตัวต่อตัว โดยเราจะแบ่งจอมเวทออกเป็น 10 กลุ่ม กลุ่มละ 10 คน ผลัดกันออกมาประลองคนละรอบ จนกว่าจะเหลือจอมเวท 10 คน กลุ่มที่ถูกกำหนดให้จอมเวททุกคนเข้าร่วม มีชื่อดังนี้
แอรา หรือกลุ่มแท่นบูชา สัญลักษณ์ประจำกลุ่มคือ รูปสามเหลี่ยมคล้ายคนพนมมือ
เวล่า หรือกลุ่มใบเรือ สัญลักษณ์ประจำกลุ่มคือ สี่เหลี่ยมผืนผ้าซ้อนกันสามอัน
บูธ หรือกลุ่มคนเลี้ยงสัตว์ สัญลักษณ์คือ เขากวาง
อะควอเรียส หรือกลุ่มคนโทน้ำ สัญลักษณ์ประจำกลุ่มคือ วงกลมซ้อนกันสามวง
ครักซ์ หรือกลุ่มกางเขนใต้ สัญลักษณ์ประจำกลุ่มคือ ผลึกหิมะ
ลูปัส หรือกลุ่มหมาป่า สัญลักษณ์ประจำกลุ่มคือ รอยเท้าหมาป่า
ลีโอ หรือกลุ่มสิงโต สัญลักษณ์ประจำกลุ่มคือ สิงโต
ฟีนิกซ์ หรือกลุ่มวิหคเพลิง สัญลักษณ์ประจำกลุ่มคือ เปลวไฟ
ซิกนัส หรือกลุ่มหงส์ สัญลักษณ์ประจำกลุ่มคือ หงส์
เซอร์เพ้นท์ หรือกลุ่มงู สัญลักษณ์ประจำกลุ่มคือ งู
ส่วนรายละเอียดว่าท่านใดอยู่กลุ่มไหนนั้น ดูได้ที่โต๊ะกรรมการ โปรดรำลึกว่า การจัดกลุ่มนี้เพื่อความสะดวกและความเป็นระเบียบในการแข่งขัน ถึงจะอยู่กลุ่มเดียวกัน ก็ไม่มีความเกี่ยวข้องต่อกัน ชัยชนะขึ้นอยู่กับฝีมือของจอมเวทแต่ละคน ซึ่งเมื่อจบการแข่งขันแล้ว บางกลุ่มอาจไม่เหลือสมาชิกสักคนเลยก็ได้”
ผู้ประกาศเว้นคำพูดและกวาดตามองจอมเวททุกคน เมื่อไม่คำถามหรือข้อโต้แย้งใดเขาจึงกล่าวต่อ
“การแข่งจะเริ่มต้นเมื่อได้ยินเสียงระฆัง กลุ่มแรกที่เข้าแข่งขันคือ แอรากับเวล่า ส่วนจอมเวทคู่แรกจะเป็นใครนั้น เราจะประกาศให้ทราบในลานประลอง”
จอมเวทรวมทั้งผู้ชมบางคนต่างเฮกันเข้าไปกลุ้มรุมโต๊ะกรรมการเพื่อดูว่าตัวเองอยู่กลุ่มไหน เบอร์ทิน่าจึงเตรียมไปดูบ้างแต่ราเชนร้องห้าม
“เจ้าอยู่นี่แหละ เดี๋ยวข้าไปดูให้เอง”
พูดจบก็เตรียมออกวิ่งแต่อาเซอร์บัสคว้าไหล่เขาเอาไว้ทัน
“นางอยู่กลุ่มซิกนัสส่วนเจ้ากลุ่มลีโอ”
เด็กหนุ่มหันไปมองหน้า
“รู้ได้ยังไง”
“ข้าเข้าไปดูมาแล้ว อ้อ ข้าอยู่กลุ่มเซอร์เพ้นท์ หากเจ้าอยากรู้” อาเซอร์บัสตอบและบอกกลุ่มของตัวเองไปพร้อมกัน ราเชนทำตาโตและพยักหน้าหงึกๆ
“เหมาะกับเจ้าดี” เขาหันไปทางเกรย์ “แล้วเจ้าละ”
“ฟีนิกซ์” อีกฝ่ายตอบเนือยๆ ราเชนทำตาวาวเหมือนสิ่งที่ได้ยินเป็นเรื่องน่าตื่นเต้น
“สุดยอด”
“สุดยอดอะไรกัน ข้าเป็นมังกร ไม่ใช่นก” เกรย์พูดอย่างเบื่อหน่าย แต่เด็กหนุ่มกลับส่ายหน้า
“นกไฟเป็นอมตะไม่มีวันตายนะเกรย์”
“มังกรก็ไม่มีวันตายเหมือนกัน” เกรย์พูดอย่างไว้ตัวพลางยกมือขึ้นกอดอกและหันไปมองกลุ่มจอมเวทที่รู้ว่าตัวเองอยู่กลุ่มไหนกระจายตัวไปยืนรอบสนามประลอง “ข้าว่าเราเลิกพูดเรื่องไร้สาระแล้วไปหาที่นั่งกันดีกว่า ขืนมัวชักช้าคนอื่นจะแย่งที่ดีๆไปหมด”
ราเชนผงกศีรษะพร้อมกับไล่สายตามองไปโดยรอบจนเห็นมุมถูกใจจึงหันไปชวนเบอร์ทิน่า และเดินไปด้วยกัน ซึ่งพอนั่งลงเป็นที่เรียบร้อย เสียงระฆังแจ้งเตือนการแข่งขันก็ดังขึ้นมาพอดี กรรมการคนเดิมก้าวเข้ามาในสนาม เมื่อเห็นทุกคนตั้งใจฟังจึงเริ่มประกาศ
“รอบแรกจะเป็นการแข่งขันระหว่างกลุ่มแอรา กับกลุ่มเวล่า ผู้เข้าแข่งขันในรอบนี้คือ จูดัส แห่งไฮพรีสต์ กับแกรวิตี้มุนดา ขอเชิญทั้งคู่เข้ามาในสนามประลอง”
ทั้งสองก้าวเข้าไปในสนามพร้อมกัน ผู้มีนามว่าจูดัส แห่งไฮพรีสต์ เป็นชายร่างใหญ่ แต่งกายในชุดนักบวชสีดำ มีเครื่องหมายศาสนจักรประทับบนลำตัวเด่นชัด บ่าทั้งสองข้างพาดผ้าแถบสีขาวริ้วน้ำเงิน ลำคอห้อยประคำเส้นโต ส่วนมุนดายังคงอยู่ในชุดสีน้ำเงินเข้มเช่นเดิม เมื่อทั้งคู่หยุดยืนประจันหน้ากันกลางสนามแล้ว กรรมการจึงกล่าว
“กติกาของรอบนี้ก็คือ สู้จนกว่าอีกฝ่ายจะยอมแพ้”
“จนกว่าอีกฝ่ายจะตายต่างหาก” เสียงต่ำทุ้มของจูดัสเอ่ยขัด ดวงตาดุดันจ้องมุนดาเขม็งอย่างมาดร้าย “ใช่ไหมมุนดา”
หญิงสาวยืนนิ่ง ไม่ตอบ กรรมการเห็นท่าไม่ดีจึงรีบกล่าวสรุปและเผ่นอ้าวออกจากสนาม เสียงระฆังเริ่มการแข่งขันดังก้องกังวาน แต่คู่ต่อสู้ทั้งสองยังคงยืนนิ่ง ไม่ขยับ
“เป็นยังไงบ้าง” จูดัสเอ่ยถามเหมือนเป็นคำทักทายธรรมดามากกว่าความเป็นห่วงเป็นใย มุนดาก้มหน้าลงเล็กน้อย
“อยากรู้จริงหรือ”
ปากหนาของจูดัสเชิดขึ้นเล็กน้อยอย่างดูแคลน
“แน่นอนว่าไม่” เขาตอบ “ที่ถามเพราะอยากจะบอกว่า เตรียมทำใจให้ดี เพราะหลังจากนี้เจ้าได้รับบทเรียนที่เจ็บปวดทรมานที่สุด”
มุนดาขยับขาทั้งสองข้างพร้อมกับกางมือออก เมื่อเห็นฝ่ายหญิงอยู่ในท่าเตรียมพร้อม จูดัสจึงเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
“ไม่ถามหน่อยหรือว่าเพราะเหตุใด”
“ไม่จำเป็น” จอมเวทหญิงกล่าวอย่างไม่สนใจ แต่อีกฝ่ายยังคงพูด
“เจ้าทำผิดกฎ ฝ่าฝืนคำสั่ง และยังหันหลังให้กลุ่มไฮพรีสต์ ที่ประชุมลงมติเป็นเอกฉันท์แล้วว่าโทษที่เจ้าสมควรได้รับก็คือ”
มือข้างหนึ่งยื่นมาข้างหน้าสร้างกระแสลมรุนแรงและคมกริบพุ่งเข้าใส่มุนดา นางรีบสร้างม่านป้องกันทันที กระนั้นแรงปะทะอันหนักหน่วงยังส่งผลให้ร่างของหญิงสาวครูดถอยหลังไปสองสามก้าว จูดัสแสยะยิ้มและพูดเสียงเหี้ยม
“ตาย !”
แขนทั้งสองข้างยกขึ้นเสมอไหล่และหงายมือออก เมื่ออากาศเหนือฝ่ามือเต้นไหวเหมือนคลื่นบนผิวน้ำแล้วจึงสะบัดมือทั้งสองอย่างเร็ว แม้จะมองไม่เห็น มุนดาก็รู้ว่าพลังนั่นคือกงจักรลม เวทโจมตีอำมหิตของจูดัส พลังสังหารที่ปลิดชีวิตเป้าหมายได้โดยไม่รู้ตัว และพลังที่พอจะหยุดยั้งได้ก็คือ หลุมแรงโน้มถ่วงกำลังมหาศาล ซึ่งทำได้แค่หน่วงมันเอาไว้เท่านั้น เมื่อชะลอความเร็วของกงจักรทั้งสองลงแล้ว จอมเวทสาวก็นึกหาหนทาตีโต้แต่ยังไม่ทันได้ลงมือ อีกฝ่ายก็สร้างกงจักรลม โจมตีกระหน่ำลงมาไม่ยั้งมือ เมื่อมีจำนวนมากขึ้น อำนาจแรงโน้มถ่วงก็เริ่มอ่อนกำลังลงปล่อยกงจักรสังหารให้หลุดเป็นอิสระหมุนวนเร็วจี๋เข้าหาร่างของมุนดา นางรีบวาดมือสร้างแรงอัดอากาศปัดมันออกไป กระนั้นคมเวทก็ยังเฉี่ยวโดนแขน ปาดเป็นรอยแผลยาว
“มุนดา !” เบอร์ทิน่าซึ่งยืนให้กำลังใจข้างสนามร้องอุทานด้วยความตระหนก และถลันจะเข้าไปช่วย อาเซอร์บัสคว้านางเอาไว้พร้อมกับกล่าวห้าม
“นี่เป็นการแข่งขัน เจ้าช่วยอะไรนางไม่ได้หรอก”
คำเตือนทำให้เด็กสาวได้คิด นางหยุดยืนนิ่งและยกมือขึ้นประสานไว้ที่อก ในใจพร่ำภาวนาขอให้มุนดาปลอดภัย แต่คำอ้อนวอนของเบอร์ทิน่ากลับถูกกลบด้วยเสียงหัวเราะอันแสนชั่วร้ายของชายที่อยู่ในสนามประลอง
“เจ้าหมดหนทางสู้แล้วมุนดา จงคุกเข่าลง ยอมรับทัณฑ์แต่โดยดีเถิด”
มุนดามองเลือดของตัวเองที่กำลังไหลปรี่อาบแขนข้างนั้นจนเป็นสีแดงฉานก่อนเลื่อนสายตาไปยังจูดัส
“ข้าไม่ได้ทำอะไรผิด”
“เจ้าเพิกเฉยต่อคำบัญชาของเจ้าคณะ นำเงินรางวัลทั้งหมดแจกจ่ายไปทั่วซ้ำยังแต่งตัวนอกรีต แบบนี้ยังไม่เรียกว่าทำผิดอีกหรือ”
“ข้าชดใช้กรรมที่ตัวเองได้ก่อไว้ต่างหาก” มุนดาเถียง “บาปที่ทำลายชีวิตคนบริสุทธิ์ ต่อให้นำเงินทั้งหมดของไฮพรีสต์ไปชดใช้ ก็ไม่สามารถทดแทนอะไรได้”
“การตายของพวกไร้ค่า ไม่มีความหมายต่อไฮพรีสต์เลยสักนิด เราคือผู้รับพระบัญชา มีหน้าที่ชำระล้างบาปทั้งหลายให้หมดสิ้น ความพินาศของวิหารและเมืองเหล่านั้น ถือเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้”
“หลีกเลี่ยงไม่ได้หรือไม่สนใจกันแน่” มุนดาคำราม “ทั้งที่ข้าแจ้งไปแล้วว่ามีคนบริสุทธิ์ ท่านก็ยังสั่งให้ทำลาย”
“มันเป็นคราวเคราะห์ของพวกเขา อีกอย่าง หากมีความเลวปะปนอยู่ในความบริสุทธิ์ สุดท้ายมันก็กลายเป็นความเลวทั้งหมด” จูดัสพูดอย่างไม่แยแส พลางวาดมือวาดอักขระเวทเพื่อสร้างพลังทำลาย “หมดเรื่องที่จะพูดแล้วใช่ไหม”
ดวงตาของมุนตาเปล่งประกายจ้าด้วยความแค้น “ในนั้นมีเด็ก” นางเค้นเสียงลอดไรฟัน พร้อมกับกดบาดแผลของตัวเองให้เลือดไหลทะลักออกมา “ข้าไม่มีวันให้อภัยพวกไฮพรีสต์อย่างเด็ดขาด ไม่มีวัน !”