ผู้ชักศึกเข้าบ้าน ๑๒ ก.พ.๕๗

สามก๊กฉบับอ่านซ้ำ

ผู้ชักศึกเข้าบ้าน

"เล่าเซี่ยงชุน"

จดหมายเหตุ หรือพงศาวดารจีน เรื่อง สามก๊ก ที่ได้รับการถ่ายทอดมาเป็นวรรณคดีไทยในสมัยรัชกาลที่ ๑ นั้น เริ่มต้นตั้งแต่ พระเจ้าเลนเต้ พระราชบุตรเลี้ยงของพระเจ้าฮั่นเต้ ขึ้นครองราชสมบัติ เมื่อ พ.ศ.๗๑๑ และได้ปกครองบ้านเมืองมาด้วยความอ่อนแอ ตกอยู่ในอำนาจของขันทีซึ่งมีพรรคพวกรวมกันถึงสิบคน ตัวหัวหน้าชื่อ เตียวเหยียง แต่คนที่เป็นต้นเหตุให้เกิดการ แตกแยกอย่างใหญ่หลวงขึ้น จนบ้านเมืองยุ่งเหยิง วุ่นวายกลายเป็นก๊กเป็นเหล่าอย่างมากมาย แล้วลงท้ายฆ่าฟันกันเอง จนเหลือเพียงสามก๊ก ก็ยังรบพุ่งทำศึกกันอุตลุดต่อไปอีกร่วมร้อยปี จึงรวมเข้าเป็นอันหนึ่งอันเดียวเหมือนเดิมนั้น หาใช่ผู้น้อยระดับลิ่วล้อไม่ แต่เป็นข้าราชการชั้นบิ๊ก ระดับที่ปรึกษาของพระเจ้าแผ่นดินทีเดียว เพียงแต่ไม่ค่อยมีใครจำชื่อได้ เพราะปรากฏอยู่ตอนต้นเรื่องเกินไปเท่านั้นเขาคือ โฮจิ๋น

เรื่องก็มีอยู่ว่าพระเจ้าเลนเต้ นั้น มีอัครมเหสีชื่อ นางโฮเฮา พระราชบุตร ชื่อ หองจูเปียน และมีสนมเอกชื่อ อองบีหยิน มีพระราชบุตรชื่อ หองจูเหียบ ต่างก็ พยายามแย่งกันเป็นใหญ่ โฮจิ๋น นั้น เป็นพี่ชายแท้ ๆ ของนางโฮเฮา ซึ่งพระเจ้าเลนเต้ตั้งให้เป็นที่ปรึกษา ต่อมาเมื่อพวกโจรโพกผ้าเหลือง ได้ถูกปราบปรามหมดสิ้นไปแล้ว นางโฮเฮาเกิดริษยานางอองบีหยิน จึงหาเหตุให้มีความผิด เป็นเรื่องที่ร้ายแรงถึงขนาดต้องถูกประหารนางตังไทฮอ มารดาของพระเจ้า เลนเต้ จึงเอาหองจูเหียบไปเลี้ยงดูไว้และด้วยความเอ็นดูหลานกำพร้า จึงขอร้องให้พระเจ้าเลนเต้ยกราชสมบัติให้ ทั้ง ๆ ที่เป็นน้อง พระเจ้าเลนเต้เกรงใจก็รับปากไว้ก่อน

ต่อมาถึง พ.ศ.๗๓๓ พระเจ้าเลนเต้ประชวรหนัก และได้สวรรคตลง โดยยังไม่ได้ตั้งให้ผู้ใดเป็นรัชทายาท ขันทีคนหนึ่งชื่อ เกนหวน คบคิดกับขันทีทั้งสิบคน ซึ่งมี เตียวเหยียงเป็นหัวหน้าเข้าข้างนางตังไทฮอ คิดจะยกหองจูเหียบขึ้นครองราชย์ จึงอ้างรับสั่งให้โฮจิ๋นเข้าเฝ้าในวังแล้วจะได้จับฆ่าเสีย บังเอิญลูกน้องโฮจิ๋นรู้เรื่องก่อน จึงรีบบอกให้โฮจิ๋นแก้ไขเหตุการณ์

โฮจิ๋นก็ปรึกษากับ อ้วนเสี้ยว และ โจโฉ ซึ่งขณะนั้นยังเป็นนายทหารอยู่ในเมืองหลวง คิดแก้ไขโดยจะให้หองจูเปียน ขึ้นเสวยราชย์ก่อนเพราะเป็นพี่ จึงให้อ้วนเสี้ยวคุมทหารห้าพัน เข้าไปในวังด้วยกัน เพื่อจับขันทีทั้งสิบเอ็ดคนฆ่าเสีย แล้วก็ให้ขุนนางชั้นผู้ใหญ่สามสิบคน รีบไปเชิญเสด็จ หองจูเปียนขึ้นนั่งบัลลังก์ ที่พระเจ้าเลนเต้เสด็จออกว่าราชการ ขุนนางทั้งปวงก็กราบถวายบังคม ยกให้เป็นพระเจ้าแผ่นดินสืบไป

แต่เมื่อโฮจิ๋น กับอ้วนเสี้ยว เข้าไปในวังก็พบว่า เกนหวนถูกพวกขันทีที่เกลียดชัง ฆ่าตายเสียแล้ว อ้วนเสี้ยวจึงเที่ยวตามหาขันทีอีกสิบคน หวังจะฆ่าเสียให้สิ้นเรื่องไปทีเดียว เตียว เหยียงก็พาขันทีพรรคพวก เข้าไปหานางโฮเฮาขอให้ช่วยชีวิตไว้

นางโฮเฮาก็เชิญโฮจิ๋นพี่ชายเข้าไปเจรจาข้างใน แล้วขอร้องว่าตัวเกนหวนซึ่งเป็นต้นคิด ก็ตายไปแล้ว พวกขันทีสิบคนนี้ ไม่ได้รู้เห็นเป็นใจด้วยขอชีวิตไว้ก่อนเถิด โฮจิ๋นเกรงใจน้องสาว ซึ่งเป็นมารดาของพระเจ้าแผ่นดินองค์ใหม่ ที่ตนเองตั้งมากับมือ ก็เลยต้องยอม นางโฮเฮาก็แต่งตั้งพี่ชายให้เป็นเสนาบดี สำเร็จราชการแผ่นดินไปเลย

อยู่มาอีกพักหนึ่ง นางตังไทฮอมารดาพระเจ้าเลนเต้ เกิดริษยานางโฮเฮา หาว่า พอลูกชายได้เป็นพระเจ้าแผ่นดิน ก็ชักกำเริบไม่เคารพยำเกรงตนเหมือนแต่ก่อน จึงไปปรึกษาขันทีทั้งสิบคนนั้นอีก เตียวเหยียงยังไม่เข็ด ก็ยุให้นางตังไทฮอออกว่าราชการ แล้วตั้งให้หองจูเหียบเป็น เจ้าตันลิวอ๋อง กับให้ ตั๋งต๋งน้องชายตนเอง เป็นผู้สำเร็จราชการฝ่ายทหาร และตั้งให้ขันทีทั้งสิบคนเป็นขุนนางผู้ใหญ่ บรรดาขุนนางที่เข้าเฝ้าในวันนั้นก็งงไปเหมือนกันว่า ใครใหญ่กว่าใครในแผ่นดินนี้

นางโฮเฮาจึงเชิญแม่ผัวมากินโต๊ะแล้วคำนับว่า ทั้งพระองค์และข้าพเจ้าต่างก็เป็นสตรี ไม่ควรที่จะออกว่าราชการงานเมือง ให้มันก้าวก่ายเรื่องของผู้ชายเขา จะเกิดความเสียหายขึ้นได้ นางตังไทฮอก็ไม่ยอมฟังกลับลำเลิกว่า แต่ก่อนเมื่อตัวเป็นผู้น้อยก็ไม่มีใครนับถือพอเป็นมเหสี เลนเต้ลูกของตนก็ยังอ่อนน้อมดีอยู่เวลานี้ลูกชายได้ครองเมือง จะทำเป็นรู้ธรรมเนียมแผ่นดิน มาว่ากล่าวสั่งสอนผู้ใหญ่เชียวหรือ

พวกขันทีทั้งสิบเห็นท่าไม่ดี ก็เข้ามาห้ามปรามทั้งสองฝ่าย ให้เลิกราต่อกันเสีย

แต่นางโฮเฮาไม่เลิก ไปฟ้องโฮจิ๋นให้จัดการกับแม่ผัวตัวดี โฮจิ๋นจึงไปพูดจาเกลี้ยกล่อมขุนนางผู้ใหญ่ว่า นางตังไทฮอนี้ไม่ใช่มเหสีของเจ้าแผ่นดินองค์ก่อน เพราะพระเจ้าเลนเต้เป็นเพียงบุตรเลี้ยงของพระเจ้าฮั่นเต้ พอลูกได้เป็นเจ้าแผ่นดินจึงเข้ามาอยู่ในวัง ตอนนี้หมดสมัยแล้ว ก็สมควรจะไปอยู่นอกวังอย่างเดิม ขุนนางก็พลอยเห็นตามด้วย

จึงชวนกันไปเชิญเสด็จนางตังไทฮอ ไปอยู่ที่ตำหนักกลางสระนอกเมือง แล้วก็ให้ทหารไปล้อมบ้านตั๋งต๋ง น้องชายของนางตังไทฮอ ที่เป็นผู้ว่าราชการทหาร ตั๋งต๋งเห็นว่าจวนตัว เลยแอบไปเชือดคอตายอยู่หลังบ้าน โฮจิ๋นก็เป็นใหญ่อยู่แต่ผู้เดียว พวกขันทีทั้งสิบคนก็ย้ายไปพึ่งบุญ โฮเบี้ยว น้องชายโฮจิ๋น และมารดาชื่อ นางบูยงกุ๋น ให้ช่วยเจรจาขอทำราชการต่อไปตามเดิม โดยไม่ต้องโดนหางเลขเข้าด้วย

อีกสองสามเดือนต่อมา โฮจิ๋นก็ให้ทหารคนสนิท ลอบไปฆ่านางตังไทฮอเสียอย่างเงียบเชียบ และเตรียมกำจัดขันทีทั้งสิบคน แต่ก็ไม่สำเร็จอีก เพราะนางโฮเฮาไม่ยอมเล่นด้วย

โฮจิ๋นชักจะจนปัญญา จึงกลับไปปรึกษาอ้วนเสี้ยว ให้แต่งหนังสือบอกไปยังหัวเมือง ให้ยกกองทัพมาเรียกตัวขันทีทั้งสิบคนออกไปฆ่าเสีย เผื่อนางโฮเฮากลัวอันตรายถึงตนเอง จะได้ส่งตัวขันทีเหล่านั้น ออกไปให้พวกหัวเมืองเสียโดยดี

แผนนี้ดูแล้วเหมือนขี่ช้างจับตั๊กแตน จึงมีคนคัดค้านกันมาก ตันหลิม ขุนนางผู้หนึ่งท้วงว่า ทุกวันนี้ราชการบ้านเมืองทั้งปวงก็ตกเป็นสิทธิ์แก่โฮจิ๋น ผู้สำเร็จราชการคนเดียวอย่างเด็ดขาด เปรียบเสมือนกองเพลิงอันใหญ่ ขันทีสิบคนนั้นเหมือนฝูงแมลงเม่า จะมีอะไรมาต่อกรได้ อันพญาหงส์คิดการใหญ่แล้ว จะมากลัวฝูงกานั้นไม่ควร ถ้ากองทัพหัวเมืองยกมา ได้ตัวขันทีตามแผนแล้ว ก็จะกำเริบเกิดศึกกลางเมืองขึ้นได้ การที่จะคิดทำนุบำรุงแผ่นดินก็จะเสียไปหมด

โจโฉก็เห็นด้วย ว่าขันทีพวกนั้นที่จะมีสติปัญญาอยู่ก็เพียงคนสองคน จับหัวหน้ามันฆ่าเสียก็จะสำเร็จโดยง่าย จะให้หัวเมืองยกทัพโยธามาให้เอิกเกริกทำไม โฮจิ๋นก็ไม่ยอมฟังคำทัดทานเหล่านั้น เร่งให้ทำหนังสือรับสั่งออกไปบอกหัวเมือง ตามความคิดของตนต่อไปตามเดิม

ฝ่าย ตั๋งโต๊ะ เจ้าเมือง ซีหลง ซึ่งตามกิตติศัพท์ว่าเป็นคนมีใจหยาบช้า คิดอยากจะได้ราชสมบัติมานานแล้ว พอได้รับใบบอกก็ฉวยโอกาสยกทหารสิบหมื่น พร้อมกับทหารเอกอีกหกคน มาถึงเมืองลกเอี๋ยงซึ่งเป็นเมืองหลวงก่อนเพื่อน แล้วจึงแต่งหนังสือกราบทูลเข้าไปว่า จะมาช่วยจับขันทีทั้งสิบคนตามรับสั่ง

โฮจิ๋นปรึกษาขุนนางทั้งหลาย ก็ไม่มีใครยินดีที่จะยอมให้ตั๋งโต๊ะยกทหารเข้ามาในเมือง โฮจิ๋นไม่เชื่อฟัง ก็พากันลาออกไปเสียหลายคน

เตียวเหยียงกับลูกน้องอีกเก้าคน เมื่อจนตรอกก็คิดสู้ หาสมัครพรรคพวกคนสนิท ได้ห้าสิบคนมีอาวุธครบมือ คอยดักจับโฮจิ๋นในวัง แล้วไปทูลนางโฮเฮาให้เรียกตัวโฮจิ๋น เข้ามาขอร้องอย่าให้ส่งพวกของตัวออกไปให้ตั๋งโต๊ะฆ่าเลย นางโฮเฮามีความเมตตาต่อพวกขันทีเหล่านี้อยู่แล้วก็ทำตาม

โฮจิ๋นจะเข้าเฝ้าคนเดียว เพราะเห็นว่าเป็นพี่น้องคลานตามกันมาคงจะไม่มีอันตราย แม้ขุนนางผู้ใหญ่จะทักท้วงก็ไม่เชื่อฟัง แถมยังอวดตัวว่าตนเป็นถึงผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน หาผู้ใดเสมอมิได้ พวกขันทีสิบคนจะมีความกล้าหาญขนาดไหน จึงจะมาทำอันตรายได้

พวกทหารจึงว่า ถ้าจะเข้าไปก็ขอเอาทหารไปคุ้มกันด้วย อ้วนเสี้ยวจึงสั่งให้อ้วนสุด น้องชายคุมทหารห้าร้อยคน เข้าไปคอยที่ประตูวังด้านหน้า ตัวอ้วนเสี้ยวกับโจโฉรีบแต่งตัวใส่เกราะถือกระบี่ เข้าไปกับโฮจิ๋นถึงประตูวังด้านใน นายประตูก็ห้ามทหารผู้ถืออาวุธไว้ตามธรรมเนียมปล่อยให้โฮจิ๋นเข้าไปคนเดียว พอผ่านประตูเข้าไปถึงชั้นใน เตียวเหยียงก็คุมพวกบริวารทั้งห้าสิบคน รุมฆ่าโฮจิ๋นตายคาที่ แล้วตัดศรีษะโยนออกมาให้โจโฉกับอ้วนเสี้ยว

ทั้งสองจึงนำอ้วนสุดกับทหาร จุดเพลิงเผาประตูวัง แล้วบุกเข้าไปข้างใน พบขันทีไม่ว่าจะเป็นพวกไหน ก็ฆ่าเสียเป็นอันมาก

พวกตัวการสิบคน ก็แยกหนีกันไปคนละทาง มีอยู่กลุ่มหนึ่งสี่คนเข้าไปตันอยู่ในสวน อ้วนเสี้ยวกับโจโฉก็ตามไปสับเสียเละเป็นหมูบะช่อไปเลย เหลืออีกสี่คนรวมทั้งเตียวเหยียงตัวการ เห็นเพลิงไหม้วังลุกลามไปใหญ่ ก็พานางโฮเฮา กับหองจูเปียน และหองจูเหียบ หนีออกไปอีกทาง บังเอิญเจอกับทหารอีกกองที่มาดัก ก็เลยวิ่งเอาตัวรอดไปก่อน ทหารจึงช่วยนางโฮเฮาไว้ได้ แต่ โฮเบี้ยวถูกทหารหน้ามืด หาว่าคบคิดกับพวกขันที เลยโดนฆ่าตายไปด้วย

ผลของการจลาจลครั้งนี้ ปรากฏว่าเตียวเหยียงตัวหัวโจก หนีไปจนมุมอยู่ที่ริมแม่น้ำแห่งหนึ่ง ถูกล้อมไว้ไม่มีทางรอด ก็เลยกระโดดน้ำตายไป หองจูเปียน กับหองจูเหียบ สองคนพี่น้องถูกขันทีทิ้งไว้ในป่า ต้องเดินกระเซอะกระเซิงไปจนเจอ ซุยก๊ก นายบ้านผู้จงรักภักดี จึงรอดอยู่ได้ ครั้นกองทหารที่ติดตามหามาพบเข้า ก็พากันกลับเข้าเมือง พอดีตั๋งโต๊ะคุมกองทัพมาเจอเข้าอย่างจัง จึงช่วยคุ้มกันมาส่งถึงพระราชวัง

ตั้งแต่นั้นมา ตั๋งโต๊ะ ก็เลยถือโอกาสเข้ามาเป็นใหญ่ในเมืองหลวง ไม่เกรงกลัวผู้ใดเพราะมีทหารมากกว่า แล้วก็ก่อกรรมทำชั่วต่อไป จนกระทั่งถอดหองจูเปียน ออกจากราชสมบัติ แล้วยกหองจูเหียบ น้องชาย ขึ้นครองราชย์เป็น พระเจ้าเหี้ยนเต้ เมื่อ พ.ศ.๗๓๓ ขณะที่มีอายุได้เพียงเก้าขวบ พร้อมทั้งตั้งตนเองเป็น พระยามหาอุปราช ถืออาญาสิทธิ์ว่าราชการแทนพระองค์แต่ผู้เดียว จนแผ่นดินเดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้า บ้านเมืองระส่ำระสายแตกแยกออกเป็นก๊กเป็นเหล่า รบพุ่งกันต่อมาอีกตั้งนานกว่าจะสงบ

ทั้งนี้ ก็ด้วยความโง่แกมหยิ่งของ โฮจิ๋น ผู้สำเร็จราชการคนก่อนแต่ผู้เดียว ที่ไม่ยอมเชื่อภาษิต อย่าชักน้ำเข้าลึก อย่าชักศึกเข้าบ้าน จนหัวของตนเองต้องกระเด็น นั่นแล.

##########
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่