ผู้อยู่เบื้องหลังความชั่วร้าย ๑๓ ก.พ.๕๗

สามก๊กฮบับอ่านซ้ำ

ผู้อยู่เบื้องหลังความชั่วร้าย

"เล่าเซี่ยงชุน"

ตัวละครในวรรณคดีเรื่องสามก๊กทุกคน ไม่มีใครเลยสักคน ที่จะเป็นคนดีตลอดทั้งเรื่อง หรือเลวร้ายไปเสียทุกแง่ทุกมุม ต่างก็มีดีบ้างชั่วบ้างคละกันไป ตามวิสัยของปุถุชน แต่มีอยู่คนหนึ่ง ที่ถูกประนามว่าหยาบช้าสามาลย์ โหดร้ายทารุณ จนถูกสาปแช่งไปทั้งสิบทิศ เขาคือ ตั๋งโต๊ะ เจ้าเมืองซีหลง ที่เข้ามามีอำนาจอยู่ในเมืองหลวง และเป็นผู้แต่งตั้ง หองจูเหียบ ให้เป็นเจ้าแผ่นดินผู้มีนามว่า พระเจ้าเหี้ยนเต้ กับอีกคนหนึ่งที่ถูกกล่าวขวัญในทางลบอยู่เสมอ ว่าเป็นคนอกตัญญูต่อผู้มีคุณ และแม้จะเป็นคนรูปงาม มีฝีมือในการรบ แต่ก็เป็นคนโลภมากอีกทั้งโง่เขลาเบาปัญญาหาความคิดมิได้ นั่นก็คือ ลิโป้ นายทหารคู่ใจ หรือลูกเลี้ยงผู้ทรยศของตั๋งโต๊ะนั่นเอง

แต่พฤติกรรมของเขาทั้งสองนั้น เกิดขึ้นเพราะนิสัยสันดานเดิม หรือว่าเป็นเพราะได้รับการยุยงเสี้ยมสอน จากที่ปรึกษาชั้นเลว ก็ลองพิจารณาจากเรื่องราว ที่ได้ปรากฏอยู่ในพงศาวดารจีน ภาคภาษาไทยดูจะดีกว่า

เริ่มตั้งแต่เมื่อครั้งตั๋งโต๊ะ ยกทัพมาช่วยปราบขันทีสิบคน ที่ก่อเหตุวุ่นวายขึ้นในเมืองลกเอี๋ยงซึ่งเป็นเมืองหลวงอยู่ในขณะนั้น แล้วเชิญเสด็จ หองจูเปียน ให้กลับมาปกครองบ้านเมืองดังเก่า หลังจาก โฮจิ๋น ตายแล้วจึงไม่มีขุนนางผู้ใดเป็นใหญ่ ตั๋งโต๊ะเลยยึดครองการบังคับบัญชาทหาร ไว้ในมือแต่ผู้เดียวไม่มีใครขัดขวาง แต่ก็ยังอยากจะใหญ่ต่อไปอีก จึงหารือกับ ลิยู ที่ปรึกษาคู่ใจว่าจะทำอย่างไรดี ลิยูก็บอกให้ถอดหองจูเปียนออกเสีย แล้วตั้ง หองจูเหียบ ผู้น้องเป็นเจ้าแผ่นดินแทน ใครไม่เห็นด้วยก็จับฆ่าเสียให้หมด

ตั๋งโต๊ะจึงเชิญขุนนางใหญ่น้อยมากินโต๊ะ ในสวนดอกไม้ชื่ออุนเบ้งหุ้ย แล้วก็ถือกระบี่ออกมาประกาศว่า จะถอดหองจูเปียนออกแล้วยกให้หองจูเหียบเสวยราชย์ เพราะเห็นว่ามีสติปัญญาหลักแหลม กล้าหาญกว่าองค์พี่ บ้านเมืองจะได้ร่มเย็นเป็นสุข ใครจะว่าอย่างไรบ้าง ขุนนางก็พากันนั่งนิ่งเงียบด้วยความกลัวแต่ เต๊งหงวน เจ้าเมืองเต๊งจิ๋วลุกชึ้นยืนค้านว่า หองจูเปียนเป็นราชบุตรเอกของ พระเจ้าเลนเต้ จึงได้ราชสมบัติ และก็ไม่ได้มีความผิดอันใด ตั๋งโต๊ะเป็นแต่ขุนนางหัวเมืองบังอาจจะถอดเจ้าคิดจะเป็นกบฏหรือ

ตั๋งโต๊ะโกรธที่มีผู้ขัดขวาง ก็ชักกระบี่จะฆ่าเต๊งหงวน ลิยูเห็นลิโป้ยืนอยู่ข้างหลังเต๊งหงวน รูปร่างสูงใหญ่ถือทวน ท่วงทีมีสง่า จึงห้ามตั๋งโต๊ะว่าวันนี้จะมากินเลี้ยงกัน ขออย่าได้วิวาททุ่มเถียงกันเลย เต๊งหงวนก็ขึ้นม้าพาลิโป้กลับไป ตั๋งโต๊ะก็ถามขุนนางที่เหลือว่า เมื่อกี้ใครผิดใครถูก ก็ยังมีผู้ไม่เห็นด้วยอีก ที่ประชุมก็เลยเลิกไปโดยปริยาย

รุ่งเช้าเต๊งหงวนกับลิโป้ ก็ยกทหารมารบกับตั๋งโต๊ะ ทั้งสองเข้าตีทหารตั๋งโต๊ะ จนต้องถอยไปถึงห้าสิบเส้น จึงตั้งค่ายมั่นรับไว้ได้ ตั๋งโต๊ะถามลิยูว่าลิโป้เป็นใคร ลิยูก็บอกว่า เป็นลูกเลี้ยงของเต๊งหงวน มีฝีมือกล้าแข็งนัก ตั๋งโต๊ะชอบใจเห็นว่าเป็นคนเข้มแข็งกล้าหาญ อยากจะได้ตัวมาเป็นทหารของตน

นายทหารที่ชื่อ ลิซก จึงบอกว่าเป็นคนบ้านเดียวกันกับลิโป้ รู้จักนิสสัยใจคอดีว่าเป็นคนโลภเห็นแก่ได้ เพราะเคยเป็นเพื่อนกันมาก่อน จะขออาสาไปเกลี้ยกล่อมให้ ขอให้จัดทรัพย์สิ่งของอย่างดี กับม้า เซ็กเธาว์ ที่มีกำลังเดินทางได้วันละหมื่นเส้น ไปให้ลิโป้เป็นการจูงใจ ลิยูก็เห็นด้วย ตั๋งโต๊ะจึงจัดทองคำพันตำลึงกับพลอยสิบยอด เข็มขัดประดับหยกสายหนึ่ง และม้าที่ว่านั้น ให้ลิซกไปจัดการตามความคิด

ลิซกก็ไปคุยกับลิโป้ในฐานะเพื่อนเก่า แล้วมอบม้าให้เป็นของขวัญ ลิโป้ชอบใจม้าเป็นอันมาก ก็ถามว่าเอามาให้เพราะอะไร ลิซกก็เกลี้ยกล่อมชักชวนลิโป้ ให้ไปอยู่กับตั๋งโต๊ะ โดยป้อยอว่าลิโป้นั้นมีฝีมือกล้าหาญในการสงคราม ขึ้นชื่อลือชาปรากฏไปทุกหัวเมือง ทำไมมาจมอยู่กับเต๊งหงวนพ่อเลี้ยง ซึ่งเป็นเจ้าเมืองเล็ก ๆ อย่างนี้ เมื่อไรจะได้ดี อันตั๋งโต๊ะนั้นมีสติปัญญากล้าหาญสัตย์ซื่อมั่นคง น้ำใจรักทหาร ต่อไปข้างหน้าคงจะได้เป็นใหญ่เป็นโต เป็นที่พึ่งได้ ว่าแล้วก็เอาทองคำเพ็ชรพลอยของกำนัลออกมากองไว้ ย้ำว่าตั๋งโต๊ะให้เอามาให้ทั้งหมดนี่แหละ

ลิโป้ก็ขอบใจ แต่ไม่รู้ว่าจะแทนคุณอย่างไร ลิซกก็ชี้ช่องให้ว่าตนเองฝีมือพอประมาณก็ยังได้ดีพอสมควร ถ้าลิโป้ซึ่งมีฝีมือเข้มแข็งกว่ามากได้ไปอยู่ด้วย ก็คงจะได้เป็นขุนนางใหญ่ มีลาภสการเป็นอันมาก ถ้าจะทำความชอบตอบแทนน้ำใจตั๋งโต๊ะ ก็ง่ายนิดเดียว กลัวว่าจะไม่กล้าทำเท่านั้น ลิโป้ก็คิดออกว่าเต๊งหงวนกับตั๋งโต๊ะผิดใจกันอยู่ พรุ่งนี้จะตัดศีรษะเต๊งหงวนไปให้ตั๋งโต๊ะ ลิซกก็ลากลับ

ตอนดึกสองยามเศษ ลิโป้ก็พกกระบี่เข้าไปในห้องนอนของเต๊งหงวน ซึ่งกำลังนอนอ่านหนังสืออยู่ ก็ถามว่าลูกเอ๋ยเข้ามาทำไม ลิโป้ร้องว่า ตัวกูเป็นชายมีฝีมือลือชาปรากฏซึ่งจะมาเรียกกูว่าลูกนั้นไม่สมควรเต๊งหงวนได้ยินดังนั้นก็ตกใจถามว่า เป็นไฉนเจ้าจึงคิดกลับใจเป็นดังนี้

ลิโป้ไม่ตอบประการใด ชักกระบี่ออกวิ่งเข้าไปฟันเต๊งหงวนตาย แล้วตัดศีรษะไปให้ ตั๋งโต๊ะในตอนเช้า ตั๋งโต๊ะก็ยินดียกย่องลิโป้เป็นอันมาก แล้วเอาเสื้ออย่างดี กับเกราะทองคำมาให้ ลิโป้จึงกราบคำนับแล้วว่า ข้าพเจ้านี้มีใจภักดีจะมาทำราชการกับท่าน ซึ่งท่านมีใจเมตตาต่อข้าพเจ้านั้นก็เห็นประจักษ์สิ้นข้าพเจ้าจะขอเอาท่านเป็นบิดาจนกว่าจะสิ้นชีวิต

ตั้งแต่นั้นมา ตั๋งโต๊ะก็มีใจกำเริบหยาบช้าขึ้นกว่าแต่ก่อน ตั้งให้ ตั๋งหุ่น น้องชาย เป็นนายทหารซ้าย ลิโป้ซึ่งยอมเป็นลูกเลี้ยง เป็นนายทหารขวา และขุนนางผู้ใหญ่ผู้น้อยรวมตลอดจนทหารทั้งปวงในเมืองหลวง ก็อยู่ในบังคับบัญชาทั้งสิ้น

ต่อมาลิยูได้เตือนตั๋งโต๊ะ ให้ดำเนินการตามความคิดเดิมอีกครั้ง ตั๋งโต๊ะก็ให้ลิโป้คุมทหารพันเศษเข้าล้อมพระราชวังไว้ และประกาศในที่ชุมนุมขุนนางว่าจะถอดหองจูเปียน และตั้งหองจูเหียบอย่างเคย ปรากฏว่า อ้วนเสี้ยว ก็ลุกขึ้นคัดค้านอีก ตั๋งโต๊ะก็ว่าราชสมบัติทุกวันนี้อยู่ในเงื้อมมือเรา เมื่อเห็นว่าไม่เหมาะสม ก็จะทำให้เหมาะสมเสีย ขืนขัดขวางก็จงดูกระบี่ที่ถือมานี้ว่าจะคมหรือไม่

อ้วนเสี้ยวก็ว่าเราก็ถือกระบี่มาเหมือนกัน ถ้าขืนจะตั้งหองจูเหียบให้ผิดธรรมเนียม ก็จงดูกระบี่ของเราว่าใครจะคมกว่ากัน แล้วทั้งสองต่างก็ชักกระบี่ออกจะเข้าสู้รบกัน ลิยูก็ห้ามตั๋งโต๊ะขุนนางอื่น ๆ ก็ห้ามอ้วนเสี้ยวไว้ อ้วนเสี้ยวก็เลยออกจากที่ประชุม ยกพรรคพวกและทหารไปอยู่เมืองกิจิ๋ว

ตั๋งโต๊ะก็ข่มอ้วนหงุย ผู้เป็นอาของอ้วนเสี้ยวว่า นี่เพราะเห็นแก่ท่าน จึงไม่ฆ่าอ้วนเสี้ยวเสีย ใครอยากจะขัดขวางอีก ก็ไม่มีใครกล้าหือ แถมมีขุนนางพลอยพยักออกความเห็น ให้ตั้ง อ้วนเสี้ยวเป็นเจ้าเมืองปุดไฮ เพื่อเอาใจราษฎรไว้ และอ้วนเสี้ยวจะได้ไม่คิดแค้นต่อไป ตั๋งโต๊ะก็ยอมทำตาม จากนั้นขุนนางทั้งปวง ก็อยู่ในบังคับบัญชาของตั๋งโต๊ะจนหมดสิ้นไม่มีเสี้ยนหนามอีกต่อไปรวมทั้’ โจโฉ ก็ฝากตัวอยู่ให้ตั๋งโต๊ะใช้สอยด้วย

อยู่มามิช้ามินาน พอหองจูเปียนเสด็จออกว่าราชการ ณ พระที่นั่งแกเต๊กเตี้ยนมีขุนนางผู้น้อยผู้ใหญ่เฝ้าตามตำแหน่ง ตั๋งโต๊ะก็ถือกระบี่เข้าไปประกาศว่า หองจูเปียนนั้นมีสติปัญญาน้อยไม่สมควรจะอยู่ในราชสมบัติ แล้วสั่งให้ขันทีอุ้มหองจูเปียนออกมาจากที่นั่ง และถอดตราสำหรับราชสมบัติออกจากพระศอ ให้อยู่เฝ้าในตำแหน่งลูกหลวง กับให้เรียกตัวนางโฮเฮาพระมารดา มาถอดเครื่องประดับสำหรับตำแหน่งออกเสียสิ้น ขุนนางหลายคนก็พากันร้องไห้สงสาร

เต๊งกวน ขุนนางคนหนึ่งทนไม่ได้ลุกขึ้นร้องว่าตั๋งโต๊ะเป็นศัตรูราชสมบัติ แล้วก็ฉวยง้าวประจำตำแหน่ง จะฆ่าตั๋งโต๊ะด้วยความโกรธ ตั๋งโต๊ะก็ให้ตำรวจจับไปฆ่าเสีย เต๊งกวนไม่กลัวความตาย ก็ร้องด่าอย่างหยาบคายไปตลอดทางจนถูกประหาร จากนั้นก็เชิญหองจูเหียบขึ้นพระที่นั่งเสด็จออก ขุนนางทั้งปวงก็กราบถวายบังคมสิ้น

ส่วนหองจูเปียน และนางโฮเฮามารดา กับนางสนมนั้น ให้เอาตัวไปขังไว้ในพระตำหนัก แล้วลั่นกุญแจห้ามติดต่อกับใครทั้งสิ้น ได้รับความทรมารอดอยากเป็นอันมาก

วันหนึ่งหองจูเปียนจึงผูกโคลง ปิดไว้ที่ข้างฝาตำหนัก ขอความช่วยเหลือจากผู้ที่ซื่อสัตย์ ต่อพระเจ้าเลนเต้ผู้บิดา ช่วยแก้แค้นให้ด้วย คนสนิทของตั๋งโต๊ะซึ่งมาคอยสอดแนมอยู่ก็นำความไปแจ้งแก่ตั๋งโต๊ะ จึงให้ลิยูพาตำรวจสิบคนเปิดประตูเข้าไปในตำหนักนั้น ลิยูจัดแจงยื่นจอกสุราใส่ยาพิษ ให้หองจูเปียนดื่ม หองจูเปียนถามว่าอะไร ลิยูบอกว่ามหาอุปราชตั๋งโต๊ะเห็นว่าบ้านเมืองเป็นสุขแล้ว จึงเอาสุรามาให้ดื่ม นางโฮเฮาจึงว่าขอบใจ ผู้เอามาจงกินก่อนจึงให้บุตรเรากิน

ลิยูโกรธเรียกตำรวจให้เอากระบี่กับโซ่ มาวางไว้ตรงหน้า แล้วว่าเมื่อไม่กิน ก็เลือกเอาของสองสิ่งนี้จะเอาอะไร นางสนมที่อยู่ด้วยก็คุกเข่าลงคำนับขอกินแทน แต่ให้ไว้ชีวิตแก่สองแม่ลูกด้วยเถิด ลิยูไม่ยอม นางโฮเฮาก็ด่าว่าทั้งตั๋งโต๊ะและลิยู ว่าเป็นโจรกบฏต่อแผ่นดิน ถึงแม้ว่าสองแม่ลูกจะสู้ไม่ได้ อีกไม่นานก็จะมีคนมาฆ่าเสียจนได้

ลิยูจึงลากทั้งนางโฮเฮาและนางสนม เอาไปให้ตำรวจมัดจนตาย แล้วจึงเอาสุรายาพิษนั้นกรอกปากหองจูเปียน จนตายตามไปด้วย

ต่อมาอีกไม่นาน ตั๋งโต๊ะก็คุมทหารยกไปเมืองหยงเซีย แล้วให้ทหารหักเข้าไปในเมือง เก็บเอาทรัพย์สินของราษฎร แล้วจับผู้ชายฆ่าเสียเป็นจำนวนมาก ตัดศีรษะเอามาเมืองหลวง ประกาศว่าเป็นพวกโจร ส่วนผู้หญิงนั้นคุมตัวเข้ามาพร้อมกับทรัพย์สิน เอาไปแจกทหารทั้งปวง

ขุนนางคนหนึ่งชื่อ เงาฮู ทนไม่ไหว เอามีดเหน็บซ่อนไปในเสื้อ คอยดักอยู่หน้าประตูวัง พอตั๋งโต๊ะผ่านมาก็ปรี่เข้าไปแทง ตั๋งโต๊ะรับไว้ทัน ลิโป้ก็เข้ามาช่วยจับไว้ได้ ตั๋งโต๊ะก็ให้ตำรวจเอาตัวเงาฮูไปแล่เนื้อให้เสีย เงาฮูก็ร้องด่าอย่างหยาบคาย จนสิ้นใจตายไปอีกคน

พฤติการณ์เหล่านี้ คงจะพอเพียงที่ใคร ๆ เขาจะว่ากล่าวเล่าลือกันไป ดังที่ได้นำมาอ้างไว้ข้างต้นแล้ว และลงท้ายทั้งนายและลิ่วล้อคู่นี้ ก็ต้องตายอย่างทุเรศ ตามคำสาปแช่งของใครต่อใคร รวมทั้งนางโฮเฮาผู้สูญเสียอำนาจ เพราะน้ำมือของสองนายบ่าวคู่นี้ไปจนได้ในที่สุด.

##########
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่