สามก๊กฉบับอ่านซ้ำ
ไม่พ้นกรรม
เล่าเซี่ยงชุน
เมื่อ ตั๋งโต๊ะ ได้ตัดสินใจที่จะยกนางเตียวเสียน ภรรยาอันเป็นที่รักของตน ให้แก่ ลิโป้ ลูกเลี้ยง ซึ่งเป็นทหารเอกผู้มีฝีมือเข้มแข็ง เพื่อยึดเหนี่ยวน้ำใจให้มีความจงรักภักดีต่อตน ตามคำแนะนำของ ลิยู นั้น ทำให้แผนการของนางเตียวเสียน ที่ได้รับมาจากอ้องอุ้น ผู้เป็นบิดาเลี้ยงของนางจะต้องล้มเหลวลง นางจึงร้องขึ้นว่า
"......ข้าพเจ้าได้ความอัปยศนัก ซึ่งจะครองชีวิตอยู่ดูหน้าคนสืบไปนั้นไม่ได้..."
นางไม่ได้พูดแต่ปากเท่านั้น แต่ได้ลุกขึ้นชักเอากระบี่ของตั๋งโต๊ะ ที่แขวนอยู่ข้างฝาใกล้ ๆ นั้น ออกจากฝักจะเชือดคอตายตามคำ
ตั๋งโต๊ะก็ตกใจยิ่งนัก รีบวิ่งเข้าไปชิงเอากระบี่นั้นไว้ แล้วก็ปลอบว่า ที่พูดจาจะยกนางให้แก่ลิโป้นั้น เพียงแต่จะหยอกเล่นดอก นางเตียวเสียนก็ซบหน้าลงกับตักของตั๋งโต๊ะแล้วร้องไห้รำพันต่อไปว่า
"....อันเกิดเหตุทั้งนี้ก็เพราะลิยูมีความรักลิโป้จึง คิดอ่านให้ท่านยกข้าพเจ้าให้เป็นภรรยาลิโป้ เห็นว่าลิยูหามีความรักท่านแลเอ็นดูข้าพเจ้าไม่....."
ตั๋งโต๊ะก็ว่า ถึงลิยูจะว่าประการใดก็จะไม่ฟังคำแล้ว นางเตียวเสียนก็ขอร้องว่า
"...ซึ่งจะอยู่ในที่นี้สืบไปนั้น เห็นว่าลิโป้จะทำอันตรายแก่ข้าพเจ้าเป็นมั่นคง ข้าพเจ้าก็จะซ้ำได้ความอายยิ่งกว่าแต่ก่อน ขอท่านยกออกไปอยู่ ณ เมืองใหม่ ข้าพเจ้าจึงจะพ้นภัย....."
ตั๋งโต๊ะก็เห็นชอบด้วย จึงตกลงว่าจะไปพรุ่งนี้
พอวันรุ่งขึ้น ลิยูก็เข้ามาหาตั๋งโต๊ะแล้วบอกว่า
".....วันนี้ดีแล้ว ท่านจะยกนางเตียวเสียนให้เป็นภรรยาลิโป้ ก็ให้เร่งทำการตามฤกษ์ดีเถิด....."
ตั๋งโต๊ะจึงตอบว่า
"...ลิโป้เป็นบุตรของเรา นางเตียวเสียนก็ได้เป็นภรรยาเราแล้ว แลซึ่งจะยกให้เป็นภรรยาลิโป้นั้น ผิดอย่างธรรมเนียมแต่ก่อน ซึ่งลิโป้ได้เกี้ยวพานเย้าหยอกนางเตียวเสียนได้ความละอายนัก ก็ยกโทษให้เสียแล้ว แลเนื้อความทั้งนี้ ท่านจงออกไปบอกลิโป้ให้แจ้งเถิด....."
ลิยูก็เตือนว่า
".....ซึ่งท่านมิฟังคำข้าพเจ้า แลการซึ่งคิดไว้นั้น เห็นจะเสียท่วงทีเพราะหญิงคนนี้....."
ตั๋งโต๊ะได้ฟังดังนั้นก็โกรธ จึงว่า
"...ซึ่งท่านจะขืนให้เราเอาภรรยายกให้แก่ลิโป้นั้น เราไม่ฟังคำท่านแล้ว ถ้าท่านมีใจรักลิโป้อยู่ จงเอาภรรยาท่านมายกให้แก่ลิโป้เองเถิด แต่นี้สืบไปอย่าให้ผู้ใดเอาเนื้อความข้อนี้มาซ้ำว่าฉะนี้อีก ถ้าผู้ใดมิฟังเราจะตัดศรีษะเสีย....."
ลิยูได้ยินดังนี้จึงบอกลาลุกเดินออกมา และบ่นกับนายทหารที่มานั่งคอยตั๋งโต๊ะว่า
".....เราท่านทั้งนี้จะพากัน
เพราะอีเตียวเสียนคนนี้เป็นมั่นคง...." แล้วก็กลับบ้านไป
ฝ่ายตั๋งโต๊ะก็จัดแจงทหารเป็นขบวน พานางเตียวเสียนขึ้นรถไปอยู่ที่วัง ในเมืองใหม่ ซึ่งตั๋งโต๊ะได้สร้างไว้สำหรับเป็นที่อยู่ส่วนตัว ห่างออกไปจากเมืองเตียงฮันราชธานี พวกขุนนาง ผู้ใหญ่ผู้น้อยก็ตามไปส่งตั๋งโต๊ะถึงนอกประตูเมืองรวมทั้งลิโป้ด้วย
นางเตียวเสียนก็แง้มม่านในรถ ส่งสายตาไปสบตาลิโป้ แล้วทำอาการโศกเศร้า ลิโป้เห็นดังนั้นก็ยืนตลึงดูด้วยความทุกข์ในหัวใจ จนลับสายตาไป
นางเตียวเสียนมาอยู่กับตั๋งโต๊ะที่เมืองใหม่ได้ไม่นานนัก ลิซก ซึ่งเป็นนายทหารของตั๋งโต๊ะอยู่ที่เมืองหลวงก็นำทหารม้ายี่สิบนาย ถือหนังสือรับสั่งมาให้ตั๋งโต๊ะถึงที่อยู่ ตั๋งโต๊ะก็ออกมาคำนับรับหนังสือ แล้วก็พาลิซกเข้าไปนั่งในที่อันสมควร ลิซกก็อ่านรับสั่งให้ฟังว่า
"...บัดนี้ พระเจ้าเหี้ยนเต้ ทรงพระประชวรอยู่ หาผู้ใดจะว่าราชการมิได้ ขุนนางทั้งปวงจึงปรึกษากันมาเชิญมหาอุปราชเข้าไป เพื่อจะมอบราชสมบัติให้....."
ตั๋งโต๊ะก็ถามว่า
".....ซึ่งขุนนางทั้งปวงปรึกษากันฉะนี้ ท่านได้ยินอ้องอุ้นนั้นว่าประการใดบ้าง...."
ลิซกก็บอกว่า
".....ซึ่งจะมอบราชสมบัติให้แก่ท่านนี้ อ้องอุ้นเป็นผู้เสนอ ขุนนางทั้งปวงจึงเห็นด้วย บัดนี้อ้องอุ้นก็จัดแจงตราสำหรับว่าราชการเมืองไว้ให้ท่าน...."
ตั๋งโต๊ะก็มีความยินดี รีบเข้าไปหามารดาแล้วบอกว่า
"...บัดนี้ขุนนางทั้งปวงปรึกษาจะมอบราชสมบัติให้แก่ข้าพเจ้า แลบัดนี้ข้าพเจ้าจะไปครองราชสมบัติแล้ว ท่านผู้เป็นมารดาก็จะได้เป็น หองไทฮอ...."
ตำแหน่งที่ว่านั้นก็คือสมเด็จพระพันปีหลวง มารดาจึงบอกว่า
"....ตัวแม่ก็แก่ชราแล้ว อายุได้ถึงเก้าสิบเศษ แม่ได้พึ่งบุญเจ้าก็ค่อยมีความสุขมา ครั้งนี้แม่ประหลาดใจด้วยให้เขม่นไปทั่วทั้งกาย แล้วก็ให้สะดุ้งตกประหม่าเป็นหลายเวลาแล้ว ซึ่งเจ้าจะเข้าไปนั้นให้คิดการระมัดตัวให้จงดี...."
ตั๋งโต๊ะก็แก้ว่า
".....ซึ่งมารดาเป็นเช่นนั้น เพราะบุญจะมาถึงแล้ว จึงเผอิญให้เป็นไปดังนี้...."
แล้วตั๋งโต๊ะก็ลามารดามาหานางเตียวเสียน เล่าความทั้งหมดให้ฟัง แล้วว่า
".....ถ้าเราได้ครองราชสมบัติแล้ว เราจะให้เจ้าเป็นมเหสีฝ่ายซ้าย....."
นางเตียวเสียนก็รู้ว่า แผนการของอ้องอุ้นได้ดำเนินมาถึงขั้นสุดท้ายแล้วจึงทำเป็นยินดีคำนับรับตำแหน่งนั้น
ตั๋งโต๊ะก็ให้ ลิฉุย กุยกี เตียวเจ หวนเตียว คุมทหารสามพัน อยู่รักษาเมือง ตนเองจัดขบวนทหารขึ้นรถแห่แหนไปยังเมืองหลวง ด้วยความตื่นเต้น
นางเตียวเสียนก็คอยฟังข่าวอยู่ด้วยความวิตกว่า แผนการของอ้องอุ้น จะสำเร็จผลหรือไม่ อีกไม่ช้าก็มีข่าวว่าตั๋งโต๊ะถูกลิโป้กับพรรคพวกของอ้องอุ้นฆ่าตายหน้าที่นั่งขณะที่จะเข้าเฝ้านั้นเอง และลิซกก็คุมทหารไปจับตัวลิยูกับบุตรภรรยา และพรรคพวกพี่น้องมาฆ่าเสียสิ้น
ศพของตั๋งโต๊ะนั้นถูกนำไปตระเวนรอบเมือง แล้วเอามาทิ้งประจานไว้ที่ทางสามแพร่ง ทหารที่รักษาศพก็ฟั่นชุดใส่ลงไปในสะดือ เอาเพลิงจุดตามต่างตะเกียงไว้ อาณาประชาราษฎรที่เกลียดชังก็พากันมาด่าว่า และรุมกันทิ้งศพจนแหลกเหลวเปื่อยยุ่ยไป เมื่อรู้ดังนั้น ทหารเอกของตั๋งโต๊ทั้งสี่นาย ก็พาทหารสามพัน ออกจากเมืองไปอยู่ที่เมืองเซียงไส
งานที่นางเตียวเสียนได้รับมาจากอ้องอุ้นบิดาเลี้ยง ด้วยการยอมเสียสละชีวิตสาวของตนเอง เพื่อกำจัดมหาอุปราชผู้หยาบช้า ก็สำเร็จลงสมความตั้งใจ
ลิโป้ กับลิซก ก็คุมทหารห้าหมื่น มาจับพรรคพวกญาติพี่น้องของตั๋งโต๊ะที่เมืองใหม่ ฆ่าเสียสิ้นทั้งตระกูล รวมทั้งมารดาผู้ชราด้วย แล้วริบเอาทรัพย์สมบัติ หลายเล่มเกวียนของตั๋งโต๊ะไปให้อ้องอุ้นที่เมืองหลวง อ้องอุ้นก็เอาไปแจกจ่ายให้แก่ทหารที่ร่วมมือด้วยทุกคน
ลิโป้นั้นก็ได้รับเอาตัวนางเตียวเสียนไปอยู่กินด้วยกันในเมืองหลวง สมดังความปรารถนา นางเตียวเสียนก็มีใจรักใคร่ภักดีต่อลิโป้ ยินดีเป็นภรรยารองของลิโป้ตั้งแต่บัดนั้น
#############
ไม่พ้นกรรม ๑๙ ก.พ.๕๗
ไม่พ้นกรรม
เล่าเซี่ยงชุน
เมื่อ ตั๋งโต๊ะ ได้ตัดสินใจที่จะยกนางเตียวเสียน ภรรยาอันเป็นที่รักของตน ให้แก่ ลิโป้ ลูกเลี้ยง ซึ่งเป็นทหารเอกผู้มีฝีมือเข้มแข็ง เพื่อยึดเหนี่ยวน้ำใจให้มีความจงรักภักดีต่อตน ตามคำแนะนำของ ลิยู นั้น ทำให้แผนการของนางเตียวเสียน ที่ได้รับมาจากอ้องอุ้น ผู้เป็นบิดาเลี้ยงของนางจะต้องล้มเหลวลง นางจึงร้องขึ้นว่า
"......ข้าพเจ้าได้ความอัปยศนัก ซึ่งจะครองชีวิตอยู่ดูหน้าคนสืบไปนั้นไม่ได้..."
นางไม่ได้พูดแต่ปากเท่านั้น แต่ได้ลุกขึ้นชักเอากระบี่ของตั๋งโต๊ะ ที่แขวนอยู่ข้างฝาใกล้ ๆ นั้น ออกจากฝักจะเชือดคอตายตามคำ
ตั๋งโต๊ะก็ตกใจยิ่งนัก รีบวิ่งเข้าไปชิงเอากระบี่นั้นไว้ แล้วก็ปลอบว่า ที่พูดจาจะยกนางให้แก่ลิโป้นั้น เพียงแต่จะหยอกเล่นดอก นางเตียวเสียนก็ซบหน้าลงกับตักของตั๋งโต๊ะแล้วร้องไห้รำพันต่อไปว่า
"....อันเกิดเหตุทั้งนี้ก็เพราะลิยูมีความรักลิโป้จึง คิดอ่านให้ท่านยกข้าพเจ้าให้เป็นภรรยาลิโป้ เห็นว่าลิยูหามีความรักท่านแลเอ็นดูข้าพเจ้าไม่....."
ตั๋งโต๊ะก็ว่า ถึงลิยูจะว่าประการใดก็จะไม่ฟังคำแล้ว นางเตียวเสียนก็ขอร้องว่า
"...ซึ่งจะอยู่ในที่นี้สืบไปนั้น เห็นว่าลิโป้จะทำอันตรายแก่ข้าพเจ้าเป็นมั่นคง ข้าพเจ้าก็จะซ้ำได้ความอายยิ่งกว่าแต่ก่อน ขอท่านยกออกไปอยู่ ณ เมืองใหม่ ข้าพเจ้าจึงจะพ้นภัย....."
ตั๋งโต๊ะก็เห็นชอบด้วย จึงตกลงว่าจะไปพรุ่งนี้
พอวันรุ่งขึ้น ลิยูก็เข้ามาหาตั๋งโต๊ะแล้วบอกว่า
".....วันนี้ดีแล้ว ท่านจะยกนางเตียวเสียนให้เป็นภรรยาลิโป้ ก็ให้เร่งทำการตามฤกษ์ดีเถิด....."
ตั๋งโต๊ะจึงตอบว่า
"...ลิโป้เป็นบุตรของเรา นางเตียวเสียนก็ได้เป็นภรรยาเราแล้ว แลซึ่งจะยกให้เป็นภรรยาลิโป้นั้น ผิดอย่างธรรมเนียมแต่ก่อน ซึ่งลิโป้ได้เกี้ยวพานเย้าหยอกนางเตียวเสียนได้ความละอายนัก ก็ยกโทษให้เสียแล้ว แลเนื้อความทั้งนี้ ท่านจงออกไปบอกลิโป้ให้แจ้งเถิด....."
ลิยูก็เตือนว่า
".....ซึ่งท่านมิฟังคำข้าพเจ้า แลการซึ่งคิดไว้นั้น เห็นจะเสียท่วงทีเพราะหญิงคนนี้....."
ตั๋งโต๊ะได้ฟังดังนั้นก็โกรธ จึงว่า
"...ซึ่งท่านจะขืนให้เราเอาภรรยายกให้แก่ลิโป้นั้น เราไม่ฟังคำท่านแล้ว ถ้าท่านมีใจรักลิโป้อยู่ จงเอาภรรยาท่านมายกให้แก่ลิโป้เองเถิด แต่นี้สืบไปอย่าให้ผู้ใดเอาเนื้อความข้อนี้มาซ้ำว่าฉะนี้อีก ถ้าผู้ใดมิฟังเราจะตัดศรีษะเสีย....."
ลิยูได้ยินดังนี้จึงบอกลาลุกเดินออกมา และบ่นกับนายทหารที่มานั่งคอยตั๋งโต๊ะว่า
".....เราท่านทั้งนี้จะพากันเพราะอีเตียวเสียนคนนี้เป็นมั่นคง...." แล้วก็กลับบ้านไป
ฝ่ายตั๋งโต๊ะก็จัดแจงทหารเป็นขบวน พานางเตียวเสียนขึ้นรถไปอยู่ที่วัง ในเมืองใหม่ ซึ่งตั๋งโต๊ะได้สร้างไว้สำหรับเป็นที่อยู่ส่วนตัว ห่างออกไปจากเมืองเตียงฮันราชธานี พวกขุนนาง ผู้ใหญ่ผู้น้อยก็ตามไปส่งตั๋งโต๊ะถึงนอกประตูเมืองรวมทั้งลิโป้ด้วย
นางเตียวเสียนก็แง้มม่านในรถ ส่งสายตาไปสบตาลิโป้ แล้วทำอาการโศกเศร้า ลิโป้เห็นดังนั้นก็ยืนตลึงดูด้วยความทุกข์ในหัวใจ จนลับสายตาไป
นางเตียวเสียนมาอยู่กับตั๋งโต๊ะที่เมืองใหม่ได้ไม่นานนัก ลิซก ซึ่งเป็นนายทหารของตั๋งโต๊ะอยู่ที่เมืองหลวงก็นำทหารม้ายี่สิบนาย ถือหนังสือรับสั่งมาให้ตั๋งโต๊ะถึงที่อยู่ ตั๋งโต๊ะก็ออกมาคำนับรับหนังสือ แล้วก็พาลิซกเข้าไปนั่งในที่อันสมควร ลิซกก็อ่านรับสั่งให้ฟังว่า
"...บัดนี้ พระเจ้าเหี้ยนเต้ ทรงพระประชวรอยู่ หาผู้ใดจะว่าราชการมิได้ ขุนนางทั้งปวงจึงปรึกษากันมาเชิญมหาอุปราชเข้าไป เพื่อจะมอบราชสมบัติให้....."
ตั๋งโต๊ะก็ถามว่า
".....ซึ่งขุนนางทั้งปวงปรึกษากันฉะนี้ ท่านได้ยินอ้องอุ้นนั้นว่าประการใดบ้าง...."
ลิซกก็บอกว่า
".....ซึ่งจะมอบราชสมบัติให้แก่ท่านนี้ อ้องอุ้นเป็นผู้เสนอ ขุนนางทั้งปวงจึงเห็นด้วย บัดนี้อ้องอุ้นก็จัดแจงตราสำหรับว่าราชการเมืองไว้ให้ท่าน...."
ตั๋งโต๊ะก็มีความยินดี รีบเข้าไปหามารดาแล้วบอกว่า
"...บัดนี้ขุนนางทั้งปวงปรึกษาจะมอบราชสมบัติให้แก่ข้าพเจ้า แลบัดนี้ข้าพเจ้าจะไปครองราชสมบัติแล้ว ท่านผู้เป็นมารดาก็จะได้เป็น หองไทฮอ...."
ตำแหน่งที่ว่านั้นก็คือสมเด็จพระพันปีหลวง มารดาจึงบอกว่า
"....ตัวแม่ก็แก่ชราแล้ว อายุได้ถึงเก้าสิบเศษ แม่ได้พึ่งบุญเจ้าก็ค่อยมีความสุขมา ครั้งนี้แม่ประหลาดใจด้วยให้เขม่นไปทั่วทั้งกาย แล้วก็ให้สะดุ้งตกประหม่าเป็นหลายเวลาแล้ว ซึ่งเจ้าจะเข้าไปนั้นให้คิดการระมัดตัวให้จงดี...."
ตั๋งโต๊ะก็แก้ว่า
".....ซึ่งมารดาเป็นเช่นนั้น เพราะบุญจะมาถึงแล้ว จึงเผอิญให้เป็นไปดังนี้...."
แล้วตั๋งโต๊ะก็ลามารดามาหานางเตียวเสียน เล่าความทั้งหมดให้ฟัง แล้วว่า
".....ถ้าเราได้ครองราชสมบัติแล้ว เราจะให้เจ้าเป็นมเหสีฝ่ายซ้าย....."
นางเตียวเสียนก็รู้ว่า แผนการของอ้องอุ้นได้ดำเนินมาถึงขั้นสุดท้ายแล้วจึงทำเป็นยินดีคำนับรับตำแหน่งนั้น
ตั๋งโต๊ะก็ให้ ลิฉุย กุยกี เตียวเจ หวนเตียว คุมทหารสามพัน อยู่รักษาเมือง ตนเองจัดขบวนทหารขึ้นรถแห่แหนไปยังเมืองหลวง ด้วยความตื่นเต้น
นางเตียวเสียนก็คอยฟังข่าวอยู่ด้วยความวิตกว่า แผนการของอ้องอุ้น จะสำเร็จผลหรือไม่ อีกไม่ช้าก็มีข่าวว่าตั๋งโต๊ะถูกลิโป้กับพรรคพวกของอ้องอุ้นฆ่าตายหน้าที่นั่งขณะที่จะเข้าเฝ้านั้นเอง และลิซกก็คุมทหารไปจับตัวลิยูกับบุตรภรรยา และพรรคพวกพี่น้องมาฆ่าเสียสิ้น
ศพของตั๋งโต๊ะนั้นถูกนำไปตระเวนรอบเมือง แล้วเอามาทิ้งประจานไว้ที่ทางสามแพร่ง ทหารที่รักษาศพก็ฟั่นชุดใส่ลงไปในสะดือ เอาเพลิงจุดตามต่างตะเกียงไว้ อาณาประชาราษฎรที่เกลียดชังก็พากันมาด่าว่า และรุมกันทิ้งศพจนแหลกเหลวเปื่อยยุ่ยไป เมื่อรู้ดังนั้น ทหารเอกของตั๋งโต๊ทั้งสี่นาย ก็พาทหารสามพัน ออกจากเมืองไปอยู่ที่เมืองเซียงไส
งานที่นางเตียวเสียนได้รับมาจากอ้องอุ้นบิดาเลี้ยง ด้วยการยอมเสียสละชีวิตสาวของตนเอง เพื่อกำจัดมหาอุปราชผู้หยาบช้า ก็สำเร็จลงสมความตั้งใจ
ลิโป้ กับลิซก ก็คุมทหารห้าหมื่น มาจับพรรคพวกญาติพี่น้องของตั๋งโต๊ะที่เมืองใหม่ ฆ่าเสียสิ้นทั้งตระกูล รวมทั้งมารดาผู้ชราด้วย แล้วริบเอาทรัพย์สมบัติ หลายเล่มเกวียนของตั๋งโต๊ะไปให้อ้องอุ้นที่เมืองหลวง อ้องอุ้นก็เอาไปแจกจ่ายให้แก่ทหารที่ร่วมมือด้วยทุกคน
ลิโป้นั้นก็ได้รับเอาตัวนางเตียวเสียนไปอยู่กินด้วยกันในเมืองหลวง สมดังความปรารถนา นางเตียวเสียนก็มีใจรักใคร่ภักดีต่อลิโป้ ยินดีเป็นภรรยารองของลิโป้ตั้งแต่บัดนั้น
#############