รักเมียเสียดายลูก ๑๘ ก.พ.๕๗

สามก๊กฉบับอ่านซ้ำ

รักเมียเสียดายลูก

เล่าเซี่ยงชุน

เมื่อ ลิโป้ ทราบข่าวว่า อ้องอุ้น ส่งตัว นางเตียวเสียน ให้ตั๋งโต๊ะไปก็สงสัย จึงไปถามอ้องอุ้นว่าได้ยกนางให้กับตนแล้วจะเปลี่ยนใจหรือ อ้องอุ้นก็แก้ตัวว่าตั๋งโต๊ะขอรับตัวนางเตียวเสียนไปเพื่อจัดการแต่งงานให้แก่ลิโป้ ซึ่งลิโป้ก็เชื่อจึงรีบไปที่บ้านตั๋งโต๊ะแต่เช้ามืด หญิงรับใช้ก็บอกว่ามหาอุปราชได้หญิงงามมาคนหนึ่ง ป่านนี้จึงยังไม่ตื่น ลิโป้ก็ใจหายวาบ ค่อยเดินย่องมองเมียงไปรอบบ้าน

ขณะนั้นนางเตียวเสียนตื่นแล้ว จึงออกมาล้างหน้าที่หน้าต่างห้องนอน ก็แลเห็นลิโป้ หนุ่มรูปงามที่หลงรักนางอยู่ เดินผ่านมา นางจึงทำเป็นร้องไห้ แล้วเอาผ้าเช็ดน้ำตาอยู่ พอดีได้ยินเสียงตั๋งโต๊ะตื่นขึ้นมา นางจึงหลบเข้าหน้าต่างไป และลิโป้ก็กลับไปเข้าทางหน้าบ้าน

เมื่อตั๋งโต๊ะแต่งกายเสร็จแล้วก็ออกมาที่ห้องข้างหา พบลิโป้ก็ถามว่าวันนี้มีราชการสิ่งใด ลิโป้กำลังขุ่นมัวในใจจึงตอบไปด้วยน้ำเสียงกระด้างว่าหามีราชการสิ่งใดไม่ ตั๋งโต๊ะก็ไม่สนใจลงนั่งกินอาหาร ลิโป้ก็คอยดูแลตามปกติ นางเตียวเสียนก็เข้าไปแอบอยู่หลังมู่ลี่เยี่ยมหน้าออกมาครึ่งหนึ่ง แล้วชายตาไปสบตาลิโป้อยู่หลายครั้ง ทำให้ลิโป้ปั่นป่วนรัญจวนใจเป็นอันมาก

พอดีตั๋งโต๊ะเหลือบมาเห็นทั้งสองกำลังสบสายตากันอยู่ จึงออกปากไล่ลิโป้ไปเสียด้วยความหึงหวง ลิโป้ก็ได้แต่ถอนใจใหญ่ กลับบ้านไปด้วยความอาลัยต่อนางเตียวเสียน

ตั้งแต่นั้นมาตั๋งโต๊ะก็ขลุกอยู่กับนางเตียวเสียน ด้วยความรักใคร่ลุ่มหลง จนไม่ได้ออกว่าราชการถึงเดือนเศษ แล้วก็ล้มป่วยลง นางเตียวเสียนก็แสร้งอุตส่าห์ดูแลรักษาพยาบาล ปรนนิบัติพัดวีตั๋งโต๊ะเป็นอย่างดี ไม่ให้มีข้ออนาทรร้อนใจ

วันหนึ่งลิโป้ก็มาเยี่ยมตั๋งโต๊ะที่บ้าน และเข้าไปถึงข้างใน ขณะที่ตั๋งโต๊ะกำลังนอนหลับอยู่ นางเตียวเสียนก็เฝ้าไข้อยู่หลังมุ้ง เมื่อเห็นลิโป้เข้ามาในห้องก็ทำท่าทางบอกใบ้ชี้มือไปที่ตั๋งโต๊ะ และชี้ที่อกตนเองแล้วก็ร้องไห้ ลิโป้เข้าใจว่านางได้รับความทุกข์เพราะตั๋งโต๊ะ ก็สงสารเป็นอันมาก

ครั้นตั๋งโต๊ะลืมตาขึ้น เห็นลิโป้กับนางเตียวเสียน กำลังสนทนาภาษาใจกันอยู่ ก็โกรธเป็นกำลังจึงตวาดออกมาว่า

".....อ้ายลิโป้นี้ เสียแรงกูไว้ใจรักดังบุตรในอุทร บังอาจหยอกเมียกูได้....."

แล้วก็ให้หญิงคนใช้ ขับไล่ลิโป้ออกไปเสีย และห้ามมิให้เข้ามาอีกเป็นอันขาด

ลิโป้จึงต้องออกจากบ้านไปด้วยความอัปยศ แต่อีกไม่นาน ลิยู ที่ปรึกษาของตั๋งโต๊ะ ก็เข้ามาหา และบอกว่าได้สวนกับลิโป้กลางทาง ลิโป้ก็เล่าเรื่องที่ขัดใจกันจนถูกด่าว่าให้ฟังด้วยความน้อยใจ แล้วก็เตือนว่า

".....ท่านสิจะคิดการใหญ่ เป็นไฉนมาขัดเคืองกับลิโป้ด้วยความมโนสาเร่เล่า ถ้าลิโป้เอาใจออกหากท่านก็จะหวังเอาผู้ใดเป็นกำลังสืบไปเล่า....."

ตั๋งโต๊ะก็สะดุ้งใจถามว่า แล้วจะให้คิดประการใดดี ลิยูจึงบอกให้หาเงินทองของดีให้ และกล่าวปลอบโยนสมัครสมานน้ำใจลิโป้เสียโดยเร็ว

รุ่งขึ้นอีกวันหนึ่งตั๋งโต๊ะจึงเรียกตัวลิโป้มาหา แล้วออกตัวว่าเมื่อวานยังป่วยไข้อยู่ ในใจไม่ปกติ จึงว่ากล่าวไปโดยไม่ตั้งใจ อย่าได้ถือโทษเลย แล้วก็ให้ทองคำกับผ้าแพรหลายพับเป็นการปลอบขวัญ ลิโป้ก็หายน้อยใจและไปมาหาสู่ตั๋งโต๊ะดังเดิม

ครั้นเมื่อตั๋งโต๊ะหายป่วยและไปเฝ้าพระเจ้าเหี้ยนเต้ ได้เป็นปกติแล้ว วันหนึ่งขณะที่ตั๋งโต๊ะอยู่ในที่เฝ้า ลิโป้ก็แอบขึ้นม้ากลับมาที่บ้านตั๋งโต๊ะเอาม้าผูกไว้หน้าตึก แล้วถือทวนเข้าไปหานางเตียวเสียนที่ข้างในด้วยความคิดถึง นางเตียวเสียนก็ชวนให้ไปคุยกันที่ศาลาพักร้อน กลางสระน้ำในสวนดอกไม้หลังบ้าน

เมื่อลับตาผู้คนแล้ว นางเตียวเสียนก็ทรุดตัวลงกอดเท้าลิโป้ไว้ แล้วร่ำไห้คร่ำครวญว่า

".....ข้าพเจ้าเป็นบุตรเลี้ยงอ้องอุ้น อ้องอุ้นรักข้าพเจ้าเหมือนหนึ่งบุตรในอุทร จึงยกข้าพเจ้าให้เป็นภรรยาท่าน ข้าพเจ้าก็มีความยินดีด้วย แลมหาอุปราชไปรับข้าพเจ้ามา ว่าจะแต่งการให้อยู่เป็นภรรยาท่าน ครั้นมาถึงที่อยู่มหาอุปราชมิได้ทำตามคำว่า ทำข่มเหงข้าพเจ้าทั้งนี้ แลในอกข้าพเจ้านี้ตรมเป็นหนอง อยู่ได้ประมาณเดือนเศษมาแล้ว คิดว่าจะกลั้นใจตายเสีย ก็ยังมิได้ลาแลแจ้งความทุกข์แก่ท่าน ชีวิตจึงยังคงอยู่ วันนี้ข้าพเจ้าได้กราบลาแลแจ้งความทุกข์ในอกแล้ว ก็จะลาตายไปให้พ้นความระกำใจ ต่อหน้าท่านให้เห็นความสัตย์....."

ว่าแล้วก็ปีนลูกกรงศาลาขึ้นไปทำท่าว่าจะโจนน้ำตาย

ลิโป้เห็นดังนั้นก็ตกใจ เข้าไปอุ้มนางไว้แล้วปลอบว่า ความรักของเจ้านั้น ก็เห็นประจักษ์อยู่ แต่มีที่กีดขวางจึงยังมิได้ปรับทุกข์กัน นางเตียวเสียนก็ตอบว่า

".....ซึ่งจะทรมานในชาตินี้ ก็ยิ่งได้ความลำบากนัก เพราะเจ้ากรรมตามมาทัน ชาตินี้บุญน้อยแล้ว มิได้อยู่ปรนนิบัติท่านผู้เป็นสามี ข้าพเจ้าจะขอตายไปให้พ้นความเวทนา...."

ลิโป้ก็ปลอบว่าจะด่วนตีตนตายไปก่อนไข้นั้นไม่ควร ในชาตินี้ถ้ามิได้นางมาเป็นภรรยาแล้วก็จะไม่ขออยู่เป็นชายสืบไป นางเตียวเสียนก็อ้อนว่า

"...แต่ข้าพเจ้าทนทุกข์ทรมานมานี้ถึงเดือนเศษแล้ว แลความระกำใจในอก วันหนึ่งนั้นอุปมาก็เหมือนหนึ่งขวบปี ถ้าท่านเมตตาจะเลี้ยงข้าพเจ้าเป็นภรรยาอยู่ จะคิดผ่อนผันประการใดก็ขอให้ท่านเร่งคิด....."

ลิโป้ก็ว่า

"....เราตามตั๋งโต๊ะเข้าไปในวัง ครั้นเห็นได้ทีจึงกลับออกมาหาเจ้า มิได้บอกตั๋งโต๊ะว่าจะไปแห่งใด เกลือกตั๋งโต๊ะไม่เห็นจะมีความสงสัย เราจะลาเจ้ากลับไปก่อน....."

นางเตียวเสียนก็ว่า

".....ถ้าท่านกลัวอ้ายศัตรูเฒ่าอยู่ฉะนี้ ท่านจะไม่ได้เห็นหน้าข้าพเจ้าสืบไปแล้ว....."

ลิโป้ก็ของดให้ไปตรึกตรองดูก่อน นางเตียวเสียนจึงพ้อว่า

"......ข้าพเจ้าได้ยินลือชาปรากฎ แต่ชื่อท่านดังเสียงฟ้า ข้าพเจ้าเอามือปิดหูไว้ด้วยกลัวอำนาจว่าเข้มแข็งกล้าหาญในการสงครามหาผู้ใดเสมอมิได้ บัดนี้ข้าพเจ้าได้เห็นแลฟังวาจาของท่านนั้นไม่สมกับคำลือ เมื่อพิจารณาดูเห็นว่าท่านกลัวตั๋งโต๊ะเป็นอันมากอยู่ฉะนี้ เห็นจะคิดการไม่ตลอดเสียแล้ว....."

และนางเตียวเสียนก็ร้องไห้ ปลิดมือลิโป้ที่กอดรัดเอาไว้ จะโจนน้ำตาย ลิโป้ก็ปลอบโยนเล้าโลมนางอยู่เป็นช้านาน

จนตั๋งโต๊ะโผล่เข้ามาในสวนดอกไม้ เมื่อได้เห็นภาพอันบาดตาเช่นนั้น ก็โกรธเป็นกำลัง ร้องตวาดออกไปคำหนึ่ง ลิโป้ก็ตกใจโดดวิ่ง ออกจากศาลาไปโดยเร็ว ตั๋งโต๊ะตามไม่ทันก็คว้าทวนของลิโป้ที่ทิ้งเอาไว้ พุ่งตามไปก็ไม่ถูก จึงคว้าทวนวิ่งไล่ตามไปอีก พอถึงประตูสวนดอกไม้ ก็ชนกับลิยูซึ่งถลันเข้ามาจนล้มลง ลิยูก็เข้าประคองตั๋งโต๊ะขึ้นไปบนตึก

นางเตียวเสียนก็หลบขึ้นมาบนตึกแล้วแอบฟังความอยู่ในห้อง ตั๋งโต๊ะถามลิยูว่าวิ่งสวนเข้ามาด้วยเหตุสิ่งใด ลิยูก็ว่า

".....ข้าพเจ้าตามท่านออกมาจากเฝ้ามาถึงประตูตึก จะลากลับไปบ้าน พอไปถึงประตูท้ายสวน เห็นลิโป้วิ่งร้องออกมาว่า มหาอุปราชจะฆ่าเสีย ข้าพเจ้าจึงวิ่งเข้ามา หวังว่าจะห้ามท่าน พอโดนท่านเข้านั้นข้าพเจ้าขออภัยเถิด....."

ตั๋งโต๊ะจึงเล่าให้ลิยูฟังว่า

"....ลิโป้นั้นเป็นคนหามีกตัญญูไม่ เสียแรงเราเลี้ยงเป็นบุตร ควรหรือมาทำหยาบช้าแก่นางเตียวเสียน ซึ่งเป็นภรรยาเรา เราจำจะฆ่าลิโป้เสียจึงจะหายความแค้น....."

ลิยูก็ห้ามไว้ว่า

".....ท่านจะฆ่าลิโป้เสียนั้น ข้าพเจ้านี้เห็นมิบังควร...."

แล้วก็เล่าเรื่องเป็นอุทาหรณ์ว่าเจ้านายควรจะรักข้าทหารมากกว่าอิสตรี และย้ำว่า

".....แลลิโป้เป็นทหารเอก แล้วท่านก็เลี้ยงเป็นบุตรไว้เนื้อเชื่อใจอยู่ ควรที่จะบำรุงน้ำใจลิโป้ไว้ แลท่านจะมาเห็นแก่หญิงคนเดียวนี่ด้วยอันใด ขอให้ยกนางเตียวเสียนให้เป็นภรรยาลิโป้จึงจะควร ลิโป้ก็จะมีใจภักดีไปต่อท่าน....."

ตั๋งโต๊ะก็ว่าชอบอยู่แต่ขอตรึกตรองดูก่อน เมื่อลิยูลากลับไปแล้ว ตั๋งโต๊ะก็เข้าไปหานางเตียวเสียนข้างใน ถามว่านางเป็นชู้กับลิโป้หรือ นางเตียวเสียนก็ร้องไห้แล้วเล่าว่า

"..เวลาวันนี้ข้าพเจ้าลงไปชมสวนดอกไม้ ลิโป้ลอบเข้ามาข้างใน ข้าพเจ้ามิได้แจ้ง ต่อลิโป้มาใกล้ข้าพเจ้าจึงเห็นว่าถือทวนเข้ามาด้วย ข้าพเจ้ากลัวเข้าแอบที่นั่งเย็น ครั้นลิโป้เห็นจึงว่าแก่ข้าพเจ้าว่า ข้าเป็นบุตรมหาอุปราชจะกลัวข้าใย แล้วลิโป้ก็พูดเกี้ยวพานเป็นข้อหยาบช้า ข้าพเจ้าด่าว่าก็มิฟัง ขืนจะมาต้องตัวข้าพเจ้า ข้าพเจ้าโกรธจะโจนน้ำตาย ลิโป้ก็ยุดตัวข้าพเจ้าไว้ พอท่านมาถึงเข้า หาไม่ลิโป้จะทำอันตราย แก่ข้าพเจ้าได้ แลลิโป้ทำทั้งนี้ข้าพเจ้าได้ความอัปยศนัก....."

ตั๋งโต๊ะก็เชื่อคำของนางแล้วว่า

"....ลิโป้นี้มีความรักเจ้าเป็นอันมากนัก เราจะยกเจ้าให้เป็นภรรยาลิโป้ตามปรารถนา....."

นางเตียวเสียนก็ทำเป็นตกใจ ร้องไห้แล้วว่า

"...ข้าพเจ้าเป็นผู้หญิง อุตส่าห์รักษาตัวมา จนได้เป็นภรรยามหาอุปราช ข้าพเจ้าก็เหมือนมารดาลิโป้ แลท่านจะยกข้าพเจ้าให้เป็นภรรยาลิโป้ผู้บุตรท่าน ข้าพเจ้าไม่ยอม อุปมาเหมือนท่านเขียนรูปนกยูง แล้วเอาหมึกมาทาให้ดำเสียสีไปฉะนี้ ข้าพเจ้าได้ความอัปยศนัก ซึ่งจะครองชีวิตอยู่ดูหน้าคนสืบไปนั้นไม่ได้....."

ตั๋งโต๊ะโดนมารยาหญิงเข้าถึงขนาดนี้ จะคิดประการใดต่อไป ฝ่ายหนึ่งก็เป็นลูกเลี้ยงและทหารเอกที่จะต้องเอาใจ อีกฝ่ายหนึ่งก็เป็นหญิงงามที่ได้มาเป็นภรรยา และได้เชยชมอย่างมีความสุขเพียงเดือนเศษเท่านั้น จะยอมเสียสละผู้ใด ก็คงจะได้รู้กันในไม่ช้าไม่นานนี้.

###############
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่