เสี้ยวสามก๊ก
ลิ่วล้อของทรราชย์
เล่าเซี่ยงชุน
ผู้ร้ายหรือตัวโกงในสามก๊กนั้น ผู้อ่านส่วนมากก็จะจำได้แต่โจโฉ ซึ่งมีบทบาทยาวนานร่วมสามในสี่ของเรื่อง แต่ยังมีตัวโกงหรือผู้ร้ายที่ร้ายกว่าโจโฉอีกคนหนึ่ง ซึ่งแสดงบทบาทอยู่ไม่นานในตอนต้นเรื่อง แต่ก็สำคัญมากเพราะเป็นผู้ที่เปิดฉาก ให้มีเรื่องราวต่อเนื่องจากพฤติกรรมของเขา ให้ยืดยาวไปอีกร่วมร้อยปี เขาผู้นั้นคือตั๋งโต๊ะ ซึ่งท่านยาขอบให้สมญานามว่า ผู้ถูกสาปแช่ง ทั้งสิบทิศ นั่นเอง
ตั๋งโต๊ะมีคนสนิทที่สำคัญอยู่หลายคน ที่ร่วมมือในการทำชั่ว จนเจ้านายได้รับความเกลียดชังไปทั่วแผ่นดิน คนแรกคือลิยูซึ่งเป็นที่ปรึกษาและได้แนะนำ ให้ตั๋งโต๊ะถอดฮ่องเต้ หองจูเปียนออกจากบัลลังก์ แล้วยกหองจูเหียบขึ้นเป็นฮ่องเต้แทน แต่ตั๋งโต๊ะยังทำการไม่สำเร็จ ด้วยเต๊งหงวนเจ้าเมืองเต๊งจิ๋วขัดขวางไว้ จึงต้องรบพุ่งกันขึ้น ตั๋งโต๊ะไม่สามารถเอาชนะได้ เพราะเต๊งหงวนมีลิโป้ทหารเอกซึ่งเป็นลูกเลี้ยง มีฝีมือเข้มแข็งมาก ตั๋งโต๊ะก็อยากได้มาเป็นทหารของตน จึงปรึกษากับลิซกนายทหารเอก ลิซกก็บอกว่า
“……ข้าพเจ้ากับลิโป้อยู่บ้านเดียวกัน แล้วก็เป็นมิตรสหายวิสาสะกัน อันลิโป้นั้นกล้าแข็งก็จริง แต่เป็นคนใจหยาบช้า หารู้จักคุณคนไม่ โลภเห็นแต่จะได้สิ่งของอันดี ข้าพเจ้าจะขอไปเกลี้ยกล่อมลิโป้ ให้มาอยู่กับท่านจงได้……..”
แล้วลิซกก็นำทองคำพันตำลึง พลอยสิบยอด เข็มขัดประดับหยกสายหนึ่ง และม้าเซ็กเธาว์สูงสี่ศอก ขนแดงดังถ่านเพลิงทั่วทั้งตัว มีฝีเท้าเดินทางได้วันละหมื่นเส้น ไปให้เป็นของขวัญแก่ลิโป้ และเกลี้ยกล่อมให้ลิโป้ทิ้งเต๊งหงวนมาอยู่กับตั๋งโต๊ะ ลิโป้หวังจะเป็นใหญ่เป็นโตมากกว่าเดิม จึงฆ่าเต๊งหงวนตัดศีรษะเอาไปกำนัลแก่ตั๋งโต๊ะ ฝากตัวเป็นลูกเลี้ยงและเป็นทหารเอกประดับบารมีตั๋งโต๊ะ ทำให้ตั๋งโต๊ะไม่เกรงกลัวใคร สามารถจับหองจูเปียนและนางโฮเฮาเอาไปขังไว้ แล้วยกหองจูเหียบขึ้นเป็นฮ่องเต้ตามความคิดเดิม ทรงพระนามว่าพระเจ้าเหี้ยนเต้
ต่อมาได้ข่าวว่าหองจูเปียนเขียนโคลง ขอความช่วยเหลือจากขุนนางที่จงรักภักดี ให้ช่วยกันกำจัดตน จึงใช้ให้ลิยูไปจัดการ ลิยูก็ลากตัวนางโฮเฮาออกมาจากที่คุมขัง เอาโซ่รัดคอจนตาย แล้วก็เอายาพิษกรอกปากหองจูเปียนสิ้นพระชนม์ตามมารดาไป
ครั้นเมื่ออ้วนเสี้ยวกับโจโฉยกทหารหัวเมือง มาตีเมืองลกเอี๋ยงตั๋งโต๊ะก็ได้ลิโป้เป็นกำลังต่อสู้ต้านทาน จนกองทัพทั้งสิบเจ็ดหัวเมืองแตกพ่ายไปหมด ตั๋งโต๊ะจึงย้ายเมืองหลวงไปอยู่ที่เมืองเตียงฮัน และตั้งตัวเป็นอัครมหาเสนาบดีสำเร็จราชการสูงสุด ไม่มีผู้ใดเทียบได้
แต่ไม่ช้าตั๋งโต๊ะก็ผิดใจกับลิโป้เรื่องนางเตียวเสียน ซึ่งอ้องอุ้นใช้ให้มาทำกลมารยาให้พ่อลูกคู่นี้แตกคอกัน ลิยูก็เตือนว่า
“…….ลิโป้เป็นทหารเอก แล้วท่านก็เลี้ยงเป็นบุตรไว้เนื้อเชื่อใจอยู่ ควรที่จะบำรุงน้ำใจลิโป้ไว้ แลท่านจะมาเห็นแก่หญิงคนเดียวนี้ด้วยอันใด ขอให้ยกนางเตียวเสียนให้เป็นภรรยา ลิโป้จึงจะควร ลิโป้จะได้มีใจภักดีต่อท่าน……”
แต่ตั๋งโต๊ะหลงนางเตียวเสียน จนไม่ยอมทำตามคำแนะนำของลิยู ลิยูถึงกับรำพึงกับขุนนางของตั๋งโต๊ะว่า เราท่านทั้งนี้จะพากัน
เพราะอีเตียวเสียนคนนี้เป็นมั่นคง
แล้วการก็เป็นดังที่ลิยูคาดไว้ ลิโป้แค้นตั๋งโต๊ะที่แย่งนางเตียวเสียนไปเป็นภรรยา จึงร่วมมือกับอ้องอุ้นฆ่าตั๋งโต๊ะเสีย ลิซกก็กลับใจไปเป็นพวกอ้องอุ้น รับอาสาไปจับตัวลิยูกับบุตรภรรยาและพรรคพวก มาประหารหมดทั้งตระกูล
แต่ลิ่วล้อของตั๋งโต๊ะยังเหลืออยู่อีกสี่คน ที่หนีไปอยู่เมืองเซียงไส ก็มีหนังสือมาขอมอบตัว แต่อ้องอุ้นไม่รับ จึงยกทหารมาตีเมืองเตียงฮัน ลิฉุยกับกุยกีเป็นแม่ทัพใหญ่รุกเข้าไปถึงพระราชวัง ฆ่าอ้องอุ้นตายส่วนลิโป้ต้องหนีเตลิดไป ทั้งสองนายจึงบังคับให้ฮ่องเต้แต่งตั้ง ให้เป็น ขุนนางปกครองบ้านเมืองต่อไป ลิฉุยนั้นได้เป็นผู้สำเร็จราชการฝ่ายทหาร ส่วนกุยกี เป็นผู้สำเร็จราชการฝ่ายพลเรือน อีกสองคนคือเตียวเจและหวนเตียวเป็นนายทหารซ้ายขวา ลิ่วล้อของตั๋งโต๊ะทั้งสี่นายจึงเป็นใหญ่ในเมืองหลวง แทนนายเก่าต่อไป
เอียวปิวขุนนางผู้ใหญ่ฝ่ายพลเรือนทนไม่ได้ คิดจะกำจัดสมุนทรราชย์แทนคุณฮ่องเต้ จึงให้ภรรยาของตน ไปหาภรรยาของกุยกี แล้วกระซิบบอกว่า
“…….ข้าพเจ้ารู้กิตติศัพท์ว่ากุยกีไปลอบรักใคร่กับภรรยาลิฉุย เนื้อความทั้งนี้ถ้า ลิฉุยรู้เห็นจะทำร้ายกุยกี ท่านจงคิดอ่านห้ามปรามผัวท่านเสีย……..”
ภรรยากุยกีได้ฟังก็ตกใจจึงว่า
“…….กุยกีไปหาลิฉุยเป็นอัตรา ลางทีไปนอนค้างบ้าน เราคิดว่าเพื่อนราชการรักกันกับลิฉุย ซึ่งกุยกีไปทำการรักใคร่ภรรยาลิฉุยเรามิได้รู้ หากท่านมีน้ำใจเมตตามาบอกนั้นขอบใจนัก แต่นี้เราจะห้ามมิให้กุยกีไป ณ บ้านลิฉุยเลย…….”
ครั้นวันหนึ่งลิฉุยให้คนไปเชิญกุยกีมากินโต๊ะ ภรรยากุยกีก็ห้ามว่า
“……..ซึ่งท่านจะไปเสพย์สุราบ้านลิฉุยนั้น ท่านกับลิฉุยแก่งแย่งกัน ต่างคนต่างถือว่าตัวเป็นใหญ่ เกลือกท่านเสพย์สุราเมา ลิฉุยจะเอายาพิษให้ท่านกิน ท่านก็จะถึงแก่ความตาย ตัวข้าพเจ้าเป็นผู้หญิงจะบ่ายหน้าไปพึ่งผู้ใดได้……..”
กุยกีก็เชื่อฟังภรรยาไม่ไปกินเลี้ยง ลิฉุยคอยอยู่จนเย็นไม่เห็นกุยกีมา จึงให้คนใช้เอาอาหารไปให้ถึงบ้าน ขณะที่กุยกีกำลังนอนหลับอยู่ ภรรยาจึงออกมารับอาหารไว้ แล้วเพื่อให้สมจริงดังคำเตือนของตน นางจึงเอายาพิษใส่ปนในอาหารทั้งปวง ครั้นกุยกีตื่นขึ้นมาคนใช้ก็จัดโต๊ะอาหารและบอกว่า อาหารวันนี้ลิฉุยใช้คนเอามาให้ ภรรยาก็ห้ามมิให้กุยกีกินอาหารนั้น แล้วโยนให้สุนัขกิน สุนัขกินอาหารปนยาพิษก็ตาย กุยกีจึงคิดระแวงลิฉุยอยู่ แต่ยังไม่แน่ใจนัก
อีกวันหนึ่งเมื่อออกจากที่เฝ้าแล้ว ลิฉุยก็ชวนกุยกีไปปรึกษาราชการ และกินเลี้ยงที่บ้านตามปกติ กุยกีกินแล้วกลับมาบ้านก็เกิดปวดท้อง ภรรยารู้ว่าไปบ้านลิฉุยก็ว่าห้ามแล้วไม่ฟัง เขามิใส่ยาพิษลงแล้วหรือ นางก็แก้ไขให้กุยกีอาเจียนออกมา ที่ปวดท้องก็คลาย กุยกีก็เชื่อว่าลิฉุยคิดร้ายจริง จึงยกทหารจะไปล้อมบ้านลิฉุยไว้
ลิฉุยไม่รู้เรื่องก็คิดว่ากุยกีทรยศต่อเพื่อน จึงจัดทหารออกไปสู้รบกับกุยกีที่ริมกำแพงเมือง แต่รบกันยังไม่รู้แพ้ชนะ ลิฉุยก็กลับไปล้อมพระราชวัง เชิญพระเจ้าเหี้ยนเต้ กับนาง ฮกเฮามเหสี และขันทีนางสนมทั้งปวง ไปคุมไว้นอกวัง ฝ่ายกุยกีก็กลับมาเก็บทรัพย์สินในท้องพระคลัง แล้วก็ยกพลมาประจันหน้ากับลิฉุย จะแย่งชิงเอาฮ่องเต้ไปเป็นหุ่นของตน
ลิฉุยก็ชี้หน้าด่ากุยกีว่า
“……..กูเลี้ยงก็เต็มกอง เป็นไฉนจึงทรยศมาคิดร้ายต่อกู……..”
กุยกีก็ตอบว่า
“……..ตัวเป็นศัตรูราชสมบัติ กูจึงจะคิดฆ่าเสีย…….”
ลิฉุยเถียงว่า
“…….กูเชิญเสด็จพระเจ้าเหี้ยนเต้ออกมารักษาไว้ เหตุไฉนว่าเป็นศัตรูราชสมบัติ……..”
กุยกีอ้างว่า
“……ให้หลานเข้าไปหักหาญพาเสด็จออกมา หวังจะทำร้ายพระองค์เสีย ครั้นกูยกตามมา แก้ว่าพามารักษาไว้……”
ลิฉุยโกรธมากจึงท้าว่า
“……อย่าให้ร้อนถึงทหารทั้งปวงเลย แต่กับกูมาสู้กัน ถ้าชนะจงพาเสด็จไปเถิด…….”
แล้วสองสหายที่เคยร่วมมือกัน ยึดอำนาจการปกครองจากอ้องอุ้น ก็เข้ารบกันอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่ยังไม่ทันแพ้ชนะกันให้เด็ดขาด ขุนนางทั้งหลายก็พากันมาห้ามทัพไว้เสียก่อน ลิฉุยก็พาฮ่องเต้ไปควบคุมไว้ตามเดิม กุยกีจึงจับตัวขุนนางทั้งหลายไปขังไว้เป็นตัวประกันบ้าง ทั้งสองยกทหารออกมารบกันทุกวัน เป็นเวลาประมาณสองเดือน ขุนนางเก่าชื่อฮองหูเหียบเข้ามาเฝ้าฮ่องเต้ พระองค์จึงฝากพระอักษร ขอให้ช่วยไกล่เกลี่ยทั้งสองฝ่ายให้ปรองดองกันเสีย
ฮองหูเหียบก็ไปหากุยกี เอาพระอักษรของฮ่องเต้ให้อ่าน กุยกีก็ว่า
“…….ลิฉุยปล่อยพระเจ้าเหี้ยนเต้เสีย แล้วเราก็จะปล่อยขุนนางทั้งปวงเสียบ้าง เรากับลิฉุยก็จะเป็นปกติกันสืบไป…….”
ฮองหูเหียบก็กลับมาบอกแก่ลิฉุยว่า กุยกีก็ฟังรับสั่งแล้ว ฝ่ายท่านจะว่าประการใด ลิฉุยก็ว่า
“…….เราได้ทำนุบำรุงมา ถึงสี่ปีแล้ว ความชอบก็มีอยู่เป็นอันมาก กุยกีนั้นเป็นแต่ผู้ร้ายลักม้า มาได้ดีขึ้น ครั้งนี้บังอาจถือตัวว่าเป็นใหญ่ เอาขุนนางทั้งปวงไปจำไว้ เราจะฆ่ามันเสียให้จงได้…….”
ฮองหูเหียบก็เกลี้ยกล่อมว่า
“…….ทุกวันนี้บ้านเมืองยังมิปรกติ ท่านอย่าเพ่อถือตัวว่าเป็นใหญ่ก่อนเลย ประการหนึ่งญาติพี่น้องท่านก็ได้เป็นขุนนางมา ครั้งนี้พระเจ้าเหี้ยนเต้ก็ชุบเลี้ยงท่าน เป็นใหญ่ถึงขนาด เป็นไฉนท่านจึงเอาพระเจ้าเหี้ยนเต้ไปกักขังไว้ กุยกีเห็นท่านทำดังนั้น จึงจับเอาขุนนางทั้งปวงไปจำเสียบ้าง ท่านทั้งสองฝ่ายเป็นผู้ทำนุบำรุงแผ่นดิน เมื่อทำดังนี้เห็นไม่ชอบ จะเห็นข้างผู้ใดผิด จงพิเคราะห์ดูให้สมควร………”
ลิฉุยได้ฟังก็หันมาโกรธฮองหูเหียบ หาว่าฮ่องเต้ส่งให้มาขู่กระโชกตน จึงจะฆ่าฮองหูเหียบเสีย แต่มีผู้ทักท้วงไว้ว่ายังรบกับกุยกีไม่สำเร็จ ถ้าฆ่าผู้ถือรับสั่งเสียจะเกิดเรื่องใหญ่ ฮองหูเหียบจึงรอดตัวไป และฮ่องเต้ก็รับสั่งให้หนีไปอยู่ที่เมืองซีหลง จะได้พ้นภัย
ลิฉุยกับกุยกียังคงรบกันต่อไป จนเตียวเจยกทหารมาห้ามทัพ ทั้งสองฝ่ายซึ่งบอบช้ำพอกันจึงยอมเลิกรา และหันไปร่วมมือกันอีกครั้ง ฝ่ายตังสินก็มาช่วยพาฮ่องเต้ให้พ้นจากเงื้อมมือของทั้งสองวายร้าย ไปอยู่ที่เมืองฮองหลง กุยกีก็ปรึกษาว่า
“…….ตังสินกับเอียวฮองพาเสด็จพระเจ้าเหี้ยนเต้ ไปทางเมืองฮองหลง ถ้าเสด็จไปถึงเมืองเตียงฮันได้ตั้งมั่นลงแล้ว เห็นจะมีหนังสือรับสั่งไปถึงหัวเมืองทั้งปวง ให้ยกเข้ามาทำร้ายแก่เราทั้งสองเป็นมั่นคง……..”
ลิฉุยก็ออกความเห็นว่า
“…….ท่านกับเราจำจะรีบตามไป ณ เมืองฮองหลง จับเอาพระเจ้าเหี้ยนเต้ฆ่าเสีย สมบัติทั้งนั้นท่านกับเราปันกันคนละกึ่ง…….”
กุยกีก็เห็นด้วย ทั้งสองจึงยกติดตามฮ่องเต้ไป เมื่อผ่านตำบลใดก็ให้ทหารริบทรัพย์สมบัติของอาณาประชาราษฎร มาเป็นของตนตลอดเส้นทาง เมื่อตามไปทันก็เข้าตีขบวนอพยพของฮ่องเต้ ตังสินก็ทิ้งทรัพย์สมบัติที่ขนมาเสีย พาเอาแต่ฮ่องเต้กับขุนนาง รบฝ่าไปทางทิศเหนือ จนได้นายโจรสามคนอยู่แดนเมืองโฮตั๋งคุมไพร่พลมาเป็นพวก และเจ้าเมืองโห้ลายกับเจ้าเมืองโฮต๋องก็ช่วยส่งเสบียงอาหาร ตังสินจึงพาพระเจ้าเหี้ยนเต้กลับไปอยู่ที่เมืองลกเอี๋ยง และฟื้นฟูบูรณะพระราชวังที่ถูกเผา เมื่อครั้งตั๋งโต๊ะย้ายเมืองหลวง ให้พออาศัยอยู่ได้
เอียวปิวต้นเหตุที่ทำให้ลิฉุยกับกุยกีขัดใจกัน จึงทูลฮ่องเต้ให้มีรับสั่งถึงโจโฉ ซึ่งเป็นใหญ่อยู่ทางภาคตะวันออก ให้ยกกองทัพมาช่วยจัดการบ้านเมือง โจโฉได้รับสั่งก็ดีใจรีบยกกองทัพประมาณสามสิบหมื่น มุ่งตรงมายังเมืองลกเอี๋ยง ให้ทัพหน้าล้อมเมืองลกเอี๋ยงไว้ป้องกันข้าศึก แล้วโจโฉก็เข้าไปเฝ้าพระเจ้าเหี้ยนเต้ กราบทูลว่า
“……..ซึ่งพระองค์ชุบเลี้ยงข้าพเจ้ามาแต่ก่อนนั้น ก็คิดอยู่ว่าจะสนองพระคุณ มิได้ขาด ครั้งนี้ลิฉุยกุยกีทำการหยาบช้าต่อพระองค์นั้น อย่าทรงพระวิตกเลย ข้าพเจ้าจะคิดอ่านฆ่า ลิฉุย กุยกีเสียให้ได้……”
แล้วโจโฉก็ใช้กำลังอันมหาศาลนั้น โจมตีกองทหารของสองขบถจนแตกพ่ายกระจัดกระจายไป ตัวลิฉุยกับกุยกีต้องหนีไปซ่อนตัวอยู่ที่ภูเขาแห่งหนึ่ง
ส่วนลูกน้องของตั๋งโต๊ะทั้งหมด ล้วนแต่ประสบชะตากรรม ต่าง ๆ กันไป ลิซกที่เป็นเพื่อนลิโป้ ได้อาสาลิโป้ออกรบกับลิฉุยกุยกีแต่กลับพ่ายแพ้ ก็ถูกลิโป้ประหารชีวิตเสีย ต่อมาเมื่อ ลิฉุยกุยกีเป็นใหญ่ ม้าเท้งเจ้าเมืองเสเหลียงกับหันซุยเจ้าเมืองเป๊งจิ๋ว ยกทัพมารบแล้วหมดเสบียงต้องเลิกทัพกลับ ลิฉุยใช้ให้หวนเตียวติดตามไปจับหันซุย แต่หวนเตียวกลับปล่อยให้หันซุยรอดไปได้ จึงถูกลิฉุยหลอกมาฆ่าเสีย เหลืออยู่แต่เตียวเจซึ่งกลับใจ ช่วยพาฮ่องเต้ไปอยู่ที่เมืองฮองหลง ก่อนที่โจโฉจะมาถึง ฮ่องเต้จึงแต่งตั้งให้เป็นนายทหารผู้ใหญ่ อยู่ที่เมืองเตียงฮัน
จนเวลาล่วงไปอีกหลายปี โจโฉพาพระเจ้าเหี้ยนเต้ไปอยู่เมืองฮูโต๋ และตนเองได้เป็นมหาอุปราชผู้มีอำนาจเต็มแล้ว จึงมีผู้จับลิฉุยกุยกีได้ และตัดศีรษะมาให้โจโฉ เมื่อพระเจ้า เหี้ยนเต้ทรงทราบความก็ดีพระทัยตรัสว่า
“…..แผ่นดินเราครั้งนี้จะอยู่เย็นเป็นสุข มิได้มีเสี้ยนหนามแล้ว……”
ลิ่วล้อของทรราชย์ ๕ พ.ย.๕๙
ลิ่วล้อของทรราชย์
เล่าเซี่ยงชุน
ผู้ร้ายหรือตัวโกงในสามก๊กนั้น ผู้อ่านส่วนมากก็จะจำได้แต่โจโฉ ซึ่งมีบทบาทยาวนานร่วมสามในสี่ของเรื่อง แต่ยังมีตัวโกงหรือผู้ร้ายที่ร้ายกว่าโจโฉอีกคนหนึ่ง ซึ่งแสดงบทบาทอยู่ไม่นานในตอนต้นเรื่อง แต่ก็สำคัญมากเพราะเป็นผู้ที่เปิดฉาก ให้มีเรื่องราวต่อเนื่องจากพฤติกรรมของเขา ให้ยืดยาวไปอีกร่วมร้อยปี เขาผู้นั้นคือตั๋งโต๊ะ ซึ่งท่านยาขอบให้สมญานามว่า ผู้ถูกสาปแช่ง ทั้งสิบทิศ นั่นเอง
ตั๋งโต๊ะมีคนสนิทที่สำคัญอยู่หลายคน ที่ร่วมมือในการทำชั่ว จนเจ้านายได้รับความเกลียดชังไปทั่วแผ่นดิน คนแรกคือลิยูซึ่งเป็นที่ปรึกษาและได้แนะนำ ให้ตั๋งโต๊ะถอดฮ่องเต้ หองจูเปียนออกจากบัลลังก์ แล้วยกหองจูเหียบขึ้นเป็นฮ่องเต้แทน แต่ตั๋งโต๊ะยังทำการไม่สำเร็จ ด้วยเต๊งหงวนเจ้าเมืองเต๊งจิ๋วขัดขวางไว้ จึงต้องรบพุ่งกันขึ้น ตั๋งโต๊ะไม่สามารถเอาชนะได้ เพราะเต๊งหงวนมีลิโป้ทหารเอกซึ่งเป็นลูกเลี้ยง มีฝีมือเข้มแข็งมาก ตั๋งโต๊ะก็อยากได้มาเป็นทหารของตน จึงปรึกษากับลิซกนายทหารเอก ลิซกก็บอกว่า
“……ข้าพเจ้ากับลิโป้อยู่บ้านเดียวกัน แล้วก็เป็นมิตรสหายวิสาสะกัน อันลิโป้นั้นกล้าแข็งก็จริง แต่เป็นคนใจหยาบช้า หารู้จักคุณคนไม่ โลภเห็นแต่จะได้สิ่งของอันดี ข้าพเจ้าจะขอไปเกลี้ยกล่อมลิโป้ ให้มาอยู่กับท่านจงได้……..”
แล้วลิซกก็นำทองคำพันตำลึง พลอยสิบยอด เข็มขัดประดับหยกสายหนึ่ง และม้าเซ็กเธาว์สูงสี่ศอก ขนแดงดังถ่านเพลิงทั่วทั้งตัว มีฝีเท้าเดินทางได้วันละหมื่นเส้น ไปให้เป็นของขวัญแก่ลิโป้ และเกลี้ยกล่อมให้ลิโป้ทิ้งเต๊งหงวนมาอยู่กับตั๋งโต๊ะ ลิโป้หวังจะเป็นใหญ่เป็นโตมากกว่าเดิม จึงฆ่าเต๊งหงวนตัดศีรษะเอาไปกำนัลแก่ตั๋งโต๊ะ ฝากตัวเป็นลูกเลี้ยงและเป็นทหารเอกประดับบารมีตั๋งโต๊ะ ทำให้ตั๋งโต๊ะไม่เกรงกลัวใคร สามารถจับหองจูเปียนและนางโฮเฮาเอาไปขังไว้ แล้วยกหองจูเหียบขึ้นเป็นฮ่องเต้ตามความคิดเดิม ทรงพระนามว่าพระเจ้าเหี้ยนเต้
ต่อมาได้ข่าวว่าหองจูเปียนเขียนโคลง ขอความช่วยเหลือจากขุนนางที่จงรักภักดี ให้ช่วยกันกำจัดตน จึงใช้ให้ลิยูไปจัดการ ลิยูก็ลากตัวนางโฮเฮาออกมาจากที่คุมขัง เอาโซ่รัดคอจนตาย แล้วก็เอายาพิษกรอกปากหองจูเปียนสิ้นพระชนม์ตามมารดาไป
ครั้นเมื่ออ้วนเสี้ยวกับโจโฉยกทหารหัวเมือง มาตีเมืองลกเอี๋ยงตั๋งโต๊ะก็ได้ลิโป้เป็นกำลังต่อสู้ต้านทาน จนกองทัพทั้งสิบเจ็ดหัวเมืองแตกพ่ายไปหมด ตั๋งโต๊ะจึงย้ายเมืองหลวงไปอยู่ที่เมืองเตียงฮัน และตั้งตัวเป็นอัครมหาเสนาบดีสำเร็จราชการสูงสุด ไม่มีผู้ใดเทียบได้
แต่ไม่ช้าตั๋งโต๊ะก็ผิดใจกับลิโป้เรื่องนางเตียวเสียน ซึ่งอ้องอุ้นใช้ให้มาทำกลมารยาให้พ่อลูกคู่นี้แตกคอกัน ลิยูก็เตือนว่า
“…….ลิโป้เป็นทหารเอก แล้วท่านก็เลี้ยงเป็นบุตรไว้เนื้อเชื่อใจอยู่ ควรที่จะบำรุงน้ำใจลิโป้ไว้ แลท่านจะมาเห็นแก่หญิงคนเดียวนี้ด้วยอันใด ขอให้ยกนางเตียวเสียนให้เป็นภรรยา ลิโป้จึงจะควร ลิโป้จะได้มีใจภักดีต่อท่าน……”
แต่ตั๋งโต๊ะหลงนางเตียวเสียน จนไม่ยอมทำตามคำแนะนำของลิยู ลิยูถึงกับรำพึงกับขุนนางของตั๋งโต๊ะว่า เราท่านทั้งนี้จะพากัน เพราะอีเตียวเสียนคนนี้เป็นมั่นคง
แล้วการก็เป็นดังที่ลิยูคาดไว้ ลิโป้แค้นตั๋งโต๊ะที่แย่งนางเตียวเสียนไปเป็นภรรยา จึงร่วมมือกับอ้องอุ้นฆ่าตั๋งโต๊ะเสีย ลิซกก็กลับใจไปเป็นพวกอ้องอุ้น รับอาสาไปจับตัวลิยูกับบุตรภรรยาและพรรคพวก มาประหารหมดทั้งตระกูล
แต่ลิ่วล้อของตั๋งโต๊ะยังเหลืออยู่อีกสี่คน ที่หนีไปอยู่เมืองเซียงไส ก็มีหนังสือมาขอมอบตัว แต่อ้องอุ้นไม่รับ จึงยกทหารมาตีเมืองเตียงฮัน ลิฉุยกับกุยกีเป็นแม่ทัพใหญ่รุกเข้าไปถึงพระราชวัง ฆ่าอ้องอุ้นตายส่วนลิโป้ต้องหนีเตลิดไป ทั้งสองนายจึงบังคับให้ฮ่องเต้แต่งตั้ง ให้เป็น ขุนนางปกครองบ้านเมืองต่อไป ลิฉุยนั้นได้เป็นผู้สำเร็จราชการฝ่ายทหาร ส่วนกุยกี เป็นผู้สำเร็จราชการฝ่ายพลเรือน อีกสองคนคือเตียวเจและหวนเตียวเป็นนายทหารซ้ายขวา ลิ่วล้อของตั๋งโต๊ะทั้งสี่นายจึงเป็นใหญ่ในเมืองหลวง แทนนายเก่าต่อไป
เอียวปิวขุนนางผู้ใหญ่ฝ่ายพลเรือนทนไม่ได้ คิดจะกำจัดสมุนทรราชย์แทนคุณฮ่องเต้ จึงให้ภรรยาของตน ไปหาภรรยาของกุยกี แล้วกระซิบบอกว่า
“…….ข้าพเจ้ารู้กิตติศัพท์ว่ากุยกีไปลอบรักใคร่กับภรรยาลิฉุย เนื้อความทั้งนี้ถ้า ลิฉุยรู้เห็นจะทำร้ายกุยกี ท่านจงคิดอ่านห้ามปรามผัวท่านเสีย……..”
ภรรยากุยกีได้ฟังก็ตกใจจึงว่า
“…….กุยกีไปหาลิฉุยเป็นอัตรา ลางทีไปนอนค้างบ้าน เราคิดว่าเพื่อนราชการรักกันกับลิฉุย ซึ่งกุยกีไปทำการรักใคร่ภรรยาลิฉุยเรามิได้รู้ หากท่านมีน้ำใจเมตตามาบอกนั้นขอบใจนัก แต่นี้เราจะห้ามมิให้กุยกีไป ณ บ้านลิฉุยเลย…….”
ครั้นวันหนึ่งลิฉุยให้คนไปเชิญกุยกีมากินโต๊ะ ภรรยากุยกีก็ห้ามว่า
“……..ซึ่งท่านจะไปเสพย์สุราบ้านลิฉุยนั้น ท่านกับลิฉุยแก่งแย่งกัน ต่างคนต่างถือว่าตัวเป็นใหญ่ เกลือกท่านเสพย์สุราเมา ลิฉุยจะเอายาพิษให้ท่านกิน ท่านก็จะถึงแก่ความตาย ตัวข้าพเจ้าเป็นผู้หญิงจะบ่ายหน้าไปพึ่งผู้ใดได้……..”
กุยกีก็เชื่อฟังภรรยาไม่ไปกินเลี้ยง ลิฉุยคอยอยู่จนเย็นไม่เห็นกุยกีมา จึงให้คนใช้เอาอาหารไปให้ถึงบ้าน ขณะที่กุยกีกำลังนอนหลับอยู่ ภรรยาจึงออกมารับอาหารไว้ แล้วเพื่อให้สมจริงดังคำเตือนของตน นางจึงเอายาพิษใส่ปนในอาหารทั้งปวง ครั้นกุยกีตื่นขึ้นมาคนใช้ก็จัดโต๊ะอาหารและบอกว่า อาหารวันนี้ลิฉุยใช้คนเอามาให้ ภรรยาก็ห้ามมิให้กุยกีกินอาหารนั้น แล้วโยนให้สุนัขกิน สุนัขกินอาหารปนยาพิษก็ตาย กุยกีจึงคิดระแวงลิฉุยอยู่ แต่ยังไม่แน่ใจนัก
อีกวันหนึ่งเมื่อออกจากที่เฝ้าแล้ว ลิฉุยก็ชวนกุยกีไปปรึกษาราชการ และกินเลี้ยงที่บ้านตามปกติ กุยกีกินแล้วกลับมาบ้านก็เกิดปวดท้อง ภรรยารู้ว่าไปบ้านลิฉุยก็ว่าห้ามแล้วไม่ฟัง เขามิใส่ยาพิษลงแล้วหรือ นางก็แก้ไขให้กุยกีอาเจียนออกมา ที่ปวดท้องก็คลาย กุยกีก็เชื่อว่าลิฉุยคิดร้ายจริง จึงยกทหารจะไปล้อมบ้านลิฉุยไว้
ลิฉุยไม่รู้เรื่องก็คิดว่ากุยกีทรยศต่อเพื่อน จึงจัดทหารออกไปสู้รบกับกุยกีที่ริมกำแพงเมือง แต่รบกันยังไม่รู้แพ้ชนะ ลิฉุยก็กลับไปล้อมพระราชวัง เชิญพระเจ้าเหี้ยนเต้ กับนาง ฮกเฮามเหสี และขันทีนางสนมทั้งปวง ไปคุมไว้นอกวัง ฝ่ายกุยกีก็กลับมาเก็บทรัพย์สินในท้องพระคลัง แล้วก็ยกพลมาประจันหน้ากับลิฉุย จะแย่งชิงเอาฮ่องเต้ไปเป็นหุ่นของตน
ลิฉุยก็ชี้หน้าด่ากุยกีว่า
“……..กูเลี้ยงก็เต็มกอง เป็นไฉนจึงทรยศมาคิดร้ายต่อกู……..”
กุยกีก็ตอบว่า
“……..ตัวเป็นศัตรูราชสมบัติ กูจึงจะคิดฆ่าเสีย…….”
ลิฉุยเถียงว่า
“…….กูเชิญเสด็จพระเจ้าเหี้ยนเต้ออกมารักษาไว้ เหตุไฉนว่าเป็นศัตรูราชสมบัติ……..”
กุยกีอ้างว่า
“……ให้หลานเข้าไปหักหาญพาเสด็จออกมา หวังจะทำร้ายพระองค์เสีย ครั้นกูยกตามมา แก้ว่าพามารักษาไว้……”
ลิฉุยโกรธมากจึงท้าว่า
“……อย่าให้ร้อนถึงทหารทั้งปวงเลย แต่กับกูมาสู้กัน ถ้าชนะจงพาเสด็จไปเถิด…….”
แล้วสองสหายที่เคยร่วมมือกัน ยึดอำนาจการปกครองจากอ้องอุ้น ก็เข้ารบกันอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่ยังไม่ทันแพ้ชนะกันให้เด็ดขาด ขุนนางทั้งหลายก็พากันมาห้ามทัพไว้เสียก่อน ลิฉุยก็พาฮ่องเต้ไปควบคุมไว้ตามเดิม กุยกีจึงจับตัวขุนนางทั้งหลายไปขังไว้เป็นตัวประกันบ้าง ทั้งสองยกทหารออกมารบกันทุกวัน เป็นเวลาประมาณสองเดือน ขุนนางเก่าชื่อฮองหูเหียบเข้ามาเฝ้าฮ่องเต้ พระองค์จึงฝากพระอักษร ขอให้ช่วยไกล่เกลี่ยทั้งสองฝ่ายให้ปรองดองกันเสีย
ฮองหูเหียบก็ไปหากุยกี เอาพระอักษรของฮ่องเต้ให้อ่าน กุยกีก็ว่า
“…….ลิฉุยปล่อยพระเจ้าเหี้ยนเต้เสีย แล้วเราก็จะปล่อยขุนนางทั้งปวงเสียบ้าง เรากับลิฉุยก็จะเป็นปกติกันสืบไป…….”
ฮองหูเหียบก็กลับมาบอกแก่ลิฉุยว่า กุยกีก็ฟังรับสั่งแล้ว ฝ่ายท่านจะว่าประการใด ลิฉุยก็ว่า
“…….เราได้ทำนุบำรุงมา ถึงสี่ปีแล้ว ความชอบก็มีอยู่เป็นอันมาก กุยกีนั้นเป็นแต่ผู้ร้ายลักม้า มาได้ดีขึ้น ครั้งนี้บังอาจถือตัวว่าเป็นใหญ่ เอาขุนนางทั้งปวงไปจำไว้ เราจะฆ่ามันเสียให้จงได้…….”
ฮองหูเหียบก็เกลี้ยกล่อมว่า
“…….ทุกวันนี้บ้านเมืองยังมิปรกติ ท่านอย่าเพ่อถือตัวว่าเป็นใหญ่ก่อนเลย ประการหนึ่งญาติพี่น้องท่านก็ได้เป็นขุนนางมา ครั้งนี้พระเจ้าเหี้ยนเต้ก็ชุบเลี้ยงท่าน เป็นใหญ่ถึงขนาด เป็นไฉนท่านจึงเอาพระเจ้าเหี้ยนเต้ไปกักขังไว้ กุยกีเห็นท่านทำดังนั้น จึงจับเอาขุนนางทั้งปวงไปจำเสียบ้าง ท่านทั้งสองฝ่ายเป็นผู้ทำนุบำรุงแผ่นดิน เมื่อทำดังนี้เห็นไม่ชอบ จะเห็นข้างผู้ใดผิด จงพิเคราะห์ดูให้สมควร………”
ลิฉุยได้ฟังก็หันมาโกรธฮองหูเหียบ หาว่าฮ่องเต้ส่งให้มาขู่กระโชกตน จึงจะฆ่าฮองหูเหียบเสีย แต่มีผู้ทักท้วงไว้ว่ายังรบกับกุยกีไม่สำเร็จ ถ้าฆ่าผู้ถือรับสั่งเสียจะเกิดเรื่องใหญ่ ฮองหูเหียบจึงรอดตัวไป และฮ่องเต้ก็รับสั่งให้หนีไปอยู่ที่เมืองซีหลง จะได้พ้นภัย
ลิฉุยกับกุยกียังคงรบกันต่อไป จนเตียวเจยกทหารมาห้ามทัพ ทั้งสองฝ่ายซึ่งบอบช้ำพอกันจึงยอมเลิกรา และหันไปร่วมมือกันอีกครั้ง ฝ่ายตังสินก็มาช่วยพาฮ่องเต้ให้พ้นจากเงื้อมมือของทั้งสองวายร้าย ไปอยู่ที่เมืองฮองหลง กุยกีก็ปรึกษาว่า
“…….ตังสินกับเอียวฮองพาเสด็จพระเจ้าเหี้ยนเต้ ไปทางเมืองฮองหลง ถ้าเสด็จไปถึงเมืองเตียงฮันได้ตั้งมั่นลงแล้ว เห็นจะมีหนังสือรับสั่งไปถึงหัวเมืองทั้งปวง ให้ยกเข้ามาทำร้ายแก่เราทั้งสองเป็นมั่นคง……..”
ลิฉุยก็ออกความเห็นว่า
“…….ท่านกับเราจำจะรีบตามไป ณ เมืองฮองหลง จับเอาพระเจ้าเหี้ยนเต้ฆ่าเสีย สมบัติทั้งนั้นท่านกับเราปันกันคนละกึ่ง…….”
กุยกีก็เห็นด้วย ทั้งสองจึงยกติดตามฮ่องเต้ไป เมื่อผ่านตำบลใดก็ให้ทหารริบทรัพย์สมบัติของอาณาประชาราษฎร มาเป็นของตนตลอดเส้นทาง เมื่อตามไปทันก็เข้าตีขบวนอพยพของฮ่องเต้ ตังสินก็ทิ้งทรัพย์สมบัติที่ขนมาเสีย พาเอาแต่ฮ่องเต้กับขุนนาง รบฝ่าไปทางทิศเหนือ จนได้นายโจรสามคนอยู่แดนเมืองโฮตั๋งคุมไพร่พลมาเป็นพวก และเจ้าเมืองโห้ลายกับเจ้าเมืองโฮต๋องก็ช่วยส่งเสบียงอาหาร ตังสินจึงพาพระเจ้าเหี้ยนเต้กลับไปอยู่ที่เมืองลกเอี๋ยง และฟื้นฟูบูรณะพระราชวังที่ถูกเผา เมื่อครั้งตั๋งโต๊ะย้ายเมืองหลวง ให้พออาศัยอยู่ได้
เอียวปิวต้นเหตุที่ทำให้ลิฉุยกับกุยกีขัดใจกัน จึงทูลฮ่องเต้ให้มีรับสั่งถึงโจโฉ ซึ่งเป็นใหญ่อยู่ทางภาคตะวันออก ให้ยกกองทัพมาช่วยจัดการบ้านเมือง โจโฉได้รับสั่งก็ดีใจรีบยกกองทัพประมาณสามสิบหมื่น มุ่งตรงมายังเมืองลกเอี๋ยง ให้ทัพหน้าล้อมเมืองลกเอี๋ยงไว้ป้องกันข้าศึก แล้วโจโฉก็เข้าไปเฝ้าพระเจ้าเหี้ยนเต้ กราบทูลว่า
“……..ซึ่งพระองค์ชุบเลี้ยงข้าพเจ้ามาแต่ก่อนนั้น ก็คิดอยู่ว่าจะสนองพระคุณ มิได้ขาด ครั้งนี้ลิฉุยกุยกีทำการหยาบช้าต่อพระองค์นั้น อย่าทรงพระวิตกเลย ข้าพเจ้าจะคิดอ่านฆ่า ลิฉุย กุยกีเสียให้ได้……”
แล้วโจโฉก็ใช้กำลังอันมหาศาลนั้น โจมตีกองทหารของสองขบถจนแตกพ่ายกระจัดกระจายไป ตัวลิฉุยกับกุยกีต้องหนีไปซ่อนตัวอยู่ที่ภูเขาแห่งหนึ่ง
ส่วนลูกน้องของตั๋งโต๊ะทั้งหมด ล้วนแต่ประสบชะตากรรม ต่าง ๆ กันไป ลิซกที่เป็นเพื่อนลิโป้ ได้อาสาลิโป้ออกรบกับลิฉุยกุยกีแต่กลับพ่ายแพ้ ก็ถูกลิโป้ประหารชีวิตเสีย ต่อมาเมื่อ ลิฉุยกุยกีเป็นใหญ่ ม้าเท้งเจ้าเมืองเสเหลียงกับหันซุยเจ้าเมืองเป๊งจิ๋ว ยกทัพมารบแล้วหมดเสบียงต้องเลิกทัพกลับ ลิฉุยใช้ให้หวนเตียวติดตามไปจับหันซุย แต่หวนเตียวกลับปล่อยให้หันซุยรอดไปได้ จึงถูกลิฉุยหลอกมาฆ่าเสีย เหลืออยู่แต่เตียวเจซึ่งกลับใจ ช่วยพาฮ่องเต้ไปอยู่ที่เมืองฮองหลง ก่อนที่โจโฉจะมาถึง ฮ่องเต้จึงแต่งตั้งให้เป็นนายทหารผู้ใหญ่ อยู่ที่เมืองเตียงฮัน
จนเวลาล่วงไปอีกหลายปี โจโฉพาพระเจ้าเหี้ยนเต้ไปอยู่เมืองฮูโต๋ และตนเองได้เป็นมหาอุปราชผู้มีอำนาจเต็มแล้ว จึงมีผู้จับลิฉุยกุยกีได้ และตัดศีรษะมาให้โจโฉ เมื่อพระเจ้า เหี้ยนเต้ทรงทราบความก็ดีพระทัยตรัสว่า
“…..แผ่นดินเราครั้งนี้จะอยู่เย็นเป็นสุข มิได้มีเสี้ยนหนามแล้ว……”