สามก๊กฉบับฮูหยิน ๑.มารดาผู้อาภัพ

กระทู้สนทนา
สามก๊กฉบับฮูหยิน

ชุดที่ ๑ มารดาผู้อาภัพ

“ เล่าเซี่ยงชุน “


เมื่อ พระเจ้าเลนเต้ ได้สืบราชสมบัติราชวงศ์ฮั่น ต่อจาก พระเจ้าฮั่นเต้ ตั้งแต่ พ.ศ.๗๑๑ นั้นก็เพราะพระเจ้าฮั่นเต้หาราชบุตรมิได้ เลนเต้เป็นแต่ราชบุตรเลี้ยงมารดาชื่อ นางตังไทฮอ และมีมเหสีชื่อ นางโฮเฮา กับสนมเอกชื่อ นางอองบีหยิน

พระเจ้าเลนเต้ปกครองบ้านเมืองมาได้ยี่สิบเอ็ดปี ด้วยความเละเทะ มิได้ตั้งอยู่ในโบราณราชประเพณี ประพฤติตนตามอำเภอน้ำใจของตนเอง คบหาเชื่อถือแต่คนอันเป็นอสัตย์ รักใคร่ไว้ใจขันทีให้เป็นผู้ใหญ่เหนือขุนนางทั้งปวง บ้านเมืองจึงเกิดจลาจลวุ่นวาย อาณาประชาราษฎรได้ความเดือดร้อนไปทั่ว

ถึง พ.ศ.๗๓๓ พระเจ้าเลนเต้ประชวรหนัก และสวรรคตลงโดยยังมิได้ตั้งพระราชบุตรองค์ใดให้สืบราชสมบัติแทน นางโฮเฮานั้นมีบุตรอายุประมาณสิบสี่ปี ชื่อ หองจูเปียน นางออง บีหยินมีบุตรอายุเก้าปีชื่อ หองจูเหียบ แต่เมื่อหลายปีมาแล้ว ถูกนางโฮเฮาอิจฉาริษยา พาลหาเรื่องใส่ความจนถึงกับต้องโทษประหารไป นางตังไทฮอก็มีเมตตาแก่หองจูเหียบที่เป็นกำพร้าแต่ ยังเล็กจึงรับตัวไปเลี้ยงดูไว้ และขอร้องกับพระเจ้าเลนเต้ว่า ขอให้หองจูเหียบได้เสวยราชย์เถิด พระเจ้าเลนเต้เกรงใจก็รับคำมารดาไว้

ฝ่ายนางโฮเฮานั้น มีพี่ชายชื่อ โฮจิ๋น เป็นที่ปรึกษาราชการแผ่นดินอยู่ เมื่อพระเจ้าเลนเต้สวรรคต ก็สั่งให้ อ้วนเสี้ยวนายทหารคนสนิทคุมทหารเข้าไปในวัง เพื่อจับขันทีสอพลอทั้งหลายฆ่าเสียให้หมด ส่วนตนเองก็เชิญเสด็จหองจูเปียนออกมา ตั้งให้เป็นฮ่องเต้ พวกขุนนางทั้งหลายทั้งปวงก็ไม่มีใครคัดค้าน ต่างก็กราบถวายบังคมทั่วกัน

แต่อ้วนเสี้ยวเข้าไปทำการในวังไม่สำเร็จ เตียวเหยียง หัวหน้าขันทีพาพรรคพวกอีกเก้าคน หนีไปหานางโฮเฮาเพื่อขอความคุ้มครอง นางโฮเฮาก็บอกให้โฮจิ๋นไว้ชีวิตขันทีทั้งสิบคนนั้น โฮจิ๋นเกรงใจน้องสาวก็รับคำ นางโฮเฮาซึ่งเป็นพระมารดาของฮ่องเต้องค์ใหม่ จึงแต่งตั้งให้โฮจิ๋น พี่ชายเป็นเสนาบดีผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์เสียเลย

วันหนึ่งนางตังไทฮอจึงเรียกเตียวเหยียงกับพวกมาปรึกษาว่า นางได้อุปถัมภ์ นาง โฮเฮาจนได้เป็นมเหสีพระเจ้าเลนเต้ บัดนี้หาบุญพระเจ้าเลนเต้ไม่ หองจูเปียนได้ว่าราชการเมือง นางโฮเฮาก็กำเริบ ตั้งขุนนางผู้ใหญ่ผู้น้อยมิได้ปรึกษา ตนมีความอัปยศนัก

เตียวเหยียงเห็นโอกาสที่จะได้เป็นใหญ่ดังเดิม ก็เข้าข้างนางตังไทฮอ บอกอุบายให้ นางตังไทฮอออกไปยังพระแกล หลังที่ประทับว่าราชการ ต่อหน้าขุนนางทั้งปวงที่รอเฝ้าอยู่ แล้วตั้งให้หองจูเหียบเป็นเจ้าต่างกรมที่ ตันลิ๋วอ๋อง กับให้ ตั๋งต๋ง น้องชายของนาง เป็นผู้สำเร็จราชการฝ่ายทหาร และตั้งให้เตียวเหยียงกับพรรคพวกเป็นขุนนางผู้ใหญ่

นางโฮเฮารู้ข่าว ก็เชิญนางตังไทฮอมากินโต๊ะที่ข้างใน แล้วเตือนว่า นางตังไทฮอ และตนเองเป็นสตรี จะออกว่าราชการเมืองนั้นไม่ควร ด้วยผิดธรรมเนียม บ้านเมืองจะเกิดวุ่นวาย และเป็นอันตรายแก่ตนเองทั้งคู่ได้ นางตังไทฮอก็โกรธจึงตอบว่า นางโฮเฮานั้นมิได้มีสัตย์กอบด้วยความหึงสาพยาบาท พาลเอาความผิดนางอองบีหยินให้เอาไปฆ่าเสีย บัดนี้ลูกได้เป็นใหญ่ มิได้ยำเกรงตน มาว่ากล่าวดังนี้หาฟังไม่

นางโฮเฮาก็ว่าเมื่อเห็นผิดช่วยเตือนสติให้ กลับมาโกรธอีกเล่า นางตังไทฮอจึงว่า เมื่อก่อนนางโฮเฮาก็เป็นผู้น้อยหาผู้ใดนับถือไม่ ต่อมาได้เป็นมเหสีพระเจ้าเลนเต้ผู้บุตร ก็เคยอ่อนน้อมแก่ตน มาบัดนี้ลูกชายได้ว่าราชการเมือง จะมาตั้งตัวว่ารู้ขนบธรรมเนียมแผ่นดิน หาควรไม่

เมื่อทั้งสองฝ่ายไม่ยอมแพ้แก่กันเรื่องก็ทำท่าจะใหญ่โตขึ้น เตียวเหยียงเห็นดังนั้น จึงเข้ามาห้ามปรามเสียทั้งสองข้าง นางตังไทฮอก็กลับไปยังตำหนักของตน

พอเวลาค่ำนางโฮเฮาก็เรียกโฮจิ๋นเข้ามาหา เล่าเรื่องนางตังไทฮอให้พี่ชายฟัง โฮจิ๋นจึงกลับไปปรึกษาขุนนางผู้ใหญ่ ต่างก็เห็นว่านางตังไทฮอนั้นมิได้เป็นมเหสีของพระเจ้าฮั่นเต้ ที่มาอยู่ในพระราชวังนี้ได้ก็เพราะ พระเจ้าเลนเต้ผู้บุตรได้ราชสมบัติ ในขณะนี้พระเจ้าเลนเต้ก็หาบุญไม่แล้ว สมควรจะกลับออกไปอยู่ที่บ้านของตน

เช้าวันรุ่งขึ้น โฮจิ๋นกับขุนนางผู้ใหญ่ จึงพากันไปหานางตังไทฮอ ขอเชิญเสด็จให้ออกไปอยู่ที่ตำหนักกลางสระน้ำนอกเมือง แล้วโฮจิ๋นก็ให้ทหารไปล้อมบ้านตั๋งต๋ง จะเอาตัวมาควบคุมไว้ แต่ตั๋งต๋งเห็นว่าคงไม่รอด จึงหนีไปเชือดคอตายเสียที่ในสวนดอกไม้หลังบ้าน เตียวเหยียงเห็นนางตังไทฮอหมดอำนาจลง ก็พากันกลับไปอาศัยใบบุญ นางบูยงกุ๋น มารดาของโฮจิ๋น นางจึงฝากให้นางโฮเฮารับอุปการะขันทีทั้งสิบคนไว้อีก

ต่อมาอีกสองเดือนโฮจิ๋นก็ให้คนสนิทลอบไปฆ่านางตังไทฮอ ที่ตำหนักซึ่งพักอยู่นั้น ขุนนางทั้งปวงก็ไปคำนับศพตามประเพณี แต่โฮจิ๋นไม่ได้ไป พวกขันทีทั้งสิบก็กระพือข่าวว่า โฮจิ๋นนั้นเองที่เป็นตัวการฆ่านางตังไทฮอ

อ้วนเสี้ยวลูกน้องคู่ใจของโฮจิ๋น ก็เตือนให้กำจัดขันทีทั้งสิบคนนี้เสีย ขืนปล่อยทิ้งไว้จะกำเริบใหญ่ โฮจิ๋นจึงเข้าไปหานางโฮเฮาบอกให้เลิกเลี้ยงขันทีเหล่านี้เสีย ถ้าเอาไว้สืบไปจะมีอันตราย แต่นางโฮเฮาไม่เชื่อ กลับแย้งว่า ขันทีสิบคนได้ทำราชการมาแต่ครั้งพระเจ้าเลนเต้ จะได้มีความผิดสิ่งใดหามิได้ จะมาฆ่าเขาเสียนั้นไม่ควร

โฮจิ๋นก็ไม่สามารถโต้แย้งกับน้องสาวซึ่งกำลังเป็นใหญ่ได้ จึงกลับมาหารือกับ อ้วนเสี้ยวอีกครั้ง ตกลงที่จะมีใบบอกไปถึงหัวเมืองต่าง ๆ ให้ยกทหารมากำจัดขันทีตัวร้ายทั้งสิบคนเสีย แม้จะมีขุนนางคัดค้านมากมาย ว่าจะเป็นการชักศึกเข้าบ้าน โฮจิ๋นก็ไม่ยอมฟัง

จนกระทั่ง ตั๋งโต๊ะ เจ้าเมืองซีหลง ยกกองทัพยี่สิบหมื่นเข้ามาถึงเมืองลกเอี๋ยงซึ่งเป็นราชธานี ภายในเมืองก็เกิดเป็นจลาจลขึ้น เพราะขันทีทั้งสิบคนฮึดสู้ ลวงเอาโฮจิ๋นเข้าไปฆ่าเสียในพระราชวัง อ้วนเสี้ยวกับ โจโฉ นายทหารเอกของโฮจิ๋น จึงนำทหารบุกเข้าไปในพระราชขวัง ไล่เข่นฆ่าขันทีกังฉินตายไปเป็นอันมาก เหลืออีกสี่คนทั้งเตียวเหยียง คุมฮ่องเต้ผู้เยาว์ทั้งสองหนีออกจากวังได้ แต่ก็ไปไม่ได้ไกล ถูกตามฆ่าตายหมด เหลือแต่เตียวเหยียงหนีไปจนมุมอยู่ที่ริมฝั่งแม่น้ำ เมื่อเห็นจวนตัวจึงโดดน้ำตายไป

ฝ่ายตั๋งโต๊ะตั้งกองทัพอยู่นอกเมือง ก็ออกไปรับตัวหองจูเปียน กับหองจูเหียบซึ่งหนีพวกขันทีไปซุ่มซ่อนอยู่ในป่า พากลับมาได้โดยปลอดภัย แล้วก็เลยเข้าไปยึดอำนาจการปกครองบ้านเมืองเสีย โดยไม่มีใครต้านทาน เพราะมีกำลังพลมากกว่า ต่อมาก็คิดจะถอดหองจูเปียนออกจากราชสมบัติ ยกให้หองจูเหียบเป็นฮ่องเต้แทน ใครคัดค้านหรือขัดขวางก็กำจัดเสียจนหมดสิ้น รวมทั้งอ้วนเสี้ยวและโจโฉ ก็ต้องหนีเตลิดออกไปด้วย

วันหนึ่งขณะที่หองจูเปียน เสด็จออกพระที่นั่งแกเต๊กเตี้ยน ซึ่งมีขุนนางน้อยใหญ่เฝ้าอยู่ตามตำแหน่ง ตั๋งโต๊ะก็ชักกระบี่ออกประกาศว่า หองจูเปียนสติปัญญาน้อย ไม่ควรจะอยู่ในราชสมบัติ หองจูเหียบนั้น กล้าหาญสติปัญญาก็หลักแหลม ควรจะว่าราชการเมืองได้ จึงจะตั้งให้เป็นเจ้าแผ่นดินแทน

ขุนนางทั้งหลายก็ไม่มีใครกล้าขัดขวาง ตั๋งโต๊ะจึงสั่งให้ขันที อุ้มเอาตัวหองจูเปียน ลงจากที่ประทับ ถอดตราประจำพระองค์ฮ่องเต้ออกจากพระศอ แล้วให้นั่งอยู่ในตำแหน่งลูกหลวง กับให้เอาตัวนางโฮเฮามาถอดเครื่องประดับ สำหรับมารดาฮ่องเต้ออกเสียสิ้น ทั้งสองแม่ลูกก็กอดคอกันร้องไห้อยู่ ขุนนางทั้งปวงเห็นก็กลั้นน้ำตาไว้มิได้

แล้วตั๋งโต๊ะก็เชิญหองจูเหียบ จากที่ตันลิ๋วอ๋อง ขึ้นประทับบัลลังก์ฮ่องเต้ ขนานนามว่า พระเจ้าเหี้ยนเต้ ขุนนางก็พากันกราบถวายบังคมสิ้นทุกคน ตั๋งโต๊ะจึงให้นำตัวหองจูเปียนและนางโฮเฮามารดา ไปขังไว้ที่ตำหนักเดิมแล้วลั่นกุญแจเสีย ห้ามมิให้ผู้ใดเข้าไปติดต่อได้ จากนั้น ตั๋งโต๊ะก็ตั้งตนเองเป็นที่เซียงก๊ก หรือเจ้าพระยามหาอุปราช ว่าราชการแทนฮ่องเต้ผู้เยาว์ต่อไป

ฝ่ายหองจูเปียนกับมารดาและนางสนมอีกคนหนึ่ง ก็ได้รับความทรมานทุกข์โศกและอดอยากยากแค้น อยู่ในที่คุมขังนั้น วันหนึ่งก็มีนกนางแอ่นสองตัวผัวเมีย บินมาอาศัยอยู่ด้วย หองจูเปียนจึงผูกโคลงปิดไว้ที่ฝาตำหนัก มีใจความว่า

พระราชฐานของพระเจ้าเลนเต้ผู้เป็นพระราชบิดา ยกให้เป็นสิทธิ์แก่เรา บัดนี้เรากับมารดาได้ทุกข์ทรมานขังอยู่เหมือนนกทั้งคู่นี้ ถ้าผู้ใดสัตย์ซื่อต่อบิดาเรา ช่วยแก้แค้นในอกเราได้ คุณนั้นหาที่อุปมามิได้เลย

คนสนิทของตั๋งโต๊ะที่มาเฝ้าอยู่ ก็เอาเนื้อความในโคลงไปแจ้งตั๋งโต๊ะให้ทราบ ตั๋งโต๊ะจึงให้ ลิยู ที่ปรึกษา คุมพวกตำรวจวังสิบคน เข้าไปหาหองจูเปียน เอาจอกสุราใส่ยาพิษยื่นให้เสวย นางโฮเฮาขัดขืนห้ามบุตรไว้ ลิยูก็เอากระบี่กับโซ่มาวางไว้อีก ให้เลือกว่าจะใช้อย่างไหน

นางสนมก็คุกเข่าลงคำนับลิยู ขอกินสุราผสมยาพิษนั้นแทน ขอแต่ชีวิตนางโฮเฮา กับหองจูเปียนไว้เถิด ลิยูก็ไม่ยอมกลับยื่นจอกสุราให้นางโฮเฮาก่อน นางก็รำพันว่า เป็นเพราะโฮจิ๋น ผู้พี่ไม่มีความคิด พาเอาพวกโจรเข้ามาในพระราชฐาน อันตรายจึงมาถึงตนกับบุตรในครั้งนี้

ลิยูก็เตือนสองแม่ลูกว่า จะเลือกเอาอย่างใดก็รีบเอาเสียโดยเร็ว ไม่มีเวลาแล้ว หองจูเปียนก็กอดเท้ามารดาแล้วร้องไห้อาลัยอาวรณ์ต่อกัน ลิยูก็รำคาญเร่งว่าจะสั่งความอะไรกัน ก็สั่งเร็ว ๆ ไม่มีผู้ใดจะช่วยชีวิตได้แล้ว

นางโฮเฮาไม่มีทางที่จะขัดขืน จึงแช่งตั๋งโต๊ะว่าเป็นนายโจรขบถต่อแผ่นดิน ซึ่งได้ทำร้ายแก่ตนกับหองจูเปียนผู้บุตรในวันนี้ ถึงมาตรว่าตนเองกับลูกจะตาย เทพดาแลมนุษย์ทั้งปวงก็หาได้สรรเสริญไม่ ทั้งลิยูซึ่งเป็นพวกขบถก็หาเจริญไม่ ถึงตนเองจะสู้มิได้ นานไปก็จะมีผู้ฆ่าเสียเป็นมั่นคง

ลิยูก็โกรธเป็นอันมาก จึงเข้าลากนางโฮเฮากับนางสนมคนละมือ ออกมาที่ชานนอก แล้วให้ตำรวจหลวงเอาโซ่มัดคอทั้งคู่จนขาดใจตาย แล้วก็กลับเข้าไปจับตัวหองจูเปียนไว้ เอาสุราผสมยาพิษกรอกปาก จนขาดใจตายตามไป แล้วจึงเอาศพทั้งสามไปฝังไว้นอกเมือง

ชีวิตของนางโฮเฮา มารดาของหองจูเปียน ก็ถึงกาลสิ้นสุดลง เช่นเดียวกับ นางอองบีหยิน มารดาของหองจูเหียบ และนางตังไทฮอมารดาของพระเจ้าเลนเต้ ไม่ผิดไปจากกันเลย.

#############

นิตยสารต่วยตูน
กรกฎาคม ๒๕๔๕ ปักษ์แรก

วางเมื่อ ๒๐ ม.ค.๕๖ เวลา ๐๙.๒๕
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่