ขอแชร์ประสบการณ์บ้างนะครับ จากเด็กมหาลัยสุดอ้วน160Kg. เอว55นิ้ว คับติ้ว และการเดินทางสู่ชายหนุ่มวัยทำงาน หนัก89kg. เอว34 นิ้ว แบบที่ใครก็สามารถทำได้ แค่มีความตั้งใจ พยามยามและอดทน เมื่อเทียบกับผลที่ได้ในวันนี้คิดว่ามันคุมค่ามากๆ โดยขอแบ่งช่วงเวลาออกเป็น 3 ช่วงนะครับ
ช่วงที่1 เริ่มลดน้ำหนัก (อย่างบ้าคลั่ง) จากเด็กอ้วนที่เพิ่งเรียนจบรอช่วงรับปริญญา ไปเดินเที่ยวห้าง พบของเล่นเปิดใหม่เป็นฟิตเนสในห้าง แถวรัชโยธินครับ จึงรีบเดินตรงไปถามราคา และโดนเซลล์ชักจูงและทำการสมัคร ก่อนสมัครโทรหาแม่ก่อนเพราะต้องรูดบัตรเครดิต เสียงจากปลายทาง "หาเรื่องเสียเงินอีกแล้วหรอลูก จะทำได้รอ เอาจริงหรอ Blah Blah Blah......ลงท้ายด้วย ก็แล้วแต่แล้วกัน พร้อมเสียงถอนหายใจแบบขัดไม่ได้ " (ต้องบอกก่อนว่าเป็นคนช่างลอง ลองมาหมดยาลดน้ำหนัก อาหารเสริมที่เค้าว่าดี แต่ไม่เคยได้ผล อ้วนมาตลอดชีวิตจริง) ดังนั้นจึงตัดสินใจสมัคร ถามว่าตอนนั้นจริงจังไหม....ไม่เลยกะว่าแค่หาอะไรทำเท่านั้น วันแรกของการไปฟิตเนสเสียเวลา และเหงื่อไปกับการเดินขึ้น ลงบันได โดยไม่รู้จะทำอะไรดี ประมาณเกือบ2ชม. เลยตัดสินใจเข้าคลาสเต้น(ฟิตเนสจะมีคลาสออกกำลัง ในรูปแบบต่าง โดยมีครูผู้สอนให้ ฟรี!!!!) เฮ้ยสนุกวะ ไม่ยากไป(นึกภาพลูกกลมๆ กระดุกกระดิกไปมา) เหงื่อเต็มตัว เสื้อเปียกหมดเลย เหมือนพบทางสว่างหละ เลยกะว่าจะมาทุกวันในวันนั้น พบความจริงที่แสนช็อค!!!!! ปกติคนอ้วนจะไม่ชอบชั่งน้ำหนักอยู่แล้วเป็นธรรมดา ดูการอ้วนขึ้นจากกางเกงหรือเสื้อที่ใส่เป็นหลัก วันนั้นจึงลองชั่งน้ำหนักดูแต่ชั่งไม่ได้ มันเกินน้ำหนักที่เครื่องรองรับได้ (เป็นตราชั่งแขนเหล็ก หนักสูด160kg.)นี่อาจจะเป็นอีกประเด็นที่ทำให้เราอยากสู้มากกว่าขึ้น จากนั้น ก็ไปฟิตเนสทุกวันจริงๆ ด้วยความสนุก เพิ่มคลาสแอโรบิค Bodycombat Bodyjam โยคะ เพิ่มจากวันละ 2 คลาส เป็น3 เป็น4 บางวันแทบจะกินนอนที่ฟิตเนสเลย ผ่านไป 1 เดือน ลองชั่งอีกครั้งด้วยความหวังที่ว่าขอแค่ให้เครื่องอ่านน้ำหนักได้เป็นพอ(ตอนเลื่อนแขนตราชั่งลุ้นกว่าเอ็นทรานส์อีก) ปรากฎว่า เครื่องชั่งโชว์ตัวเลขที่ 150 kg คุณพระ เดือนเดียว หายไป 10 kg. หัวใจมันพองโตอะครับ เหมือนแบบถูกหวย 30 ล้าน รู้สึกว่าเดินกลับบ้านหน้าบานเลย แต่ยังไม่บอกแม่นะ แอบดีใจคนเดียว แล้วก็เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆน้ำหนักก็ค่อยๆลง เดือนละ4-5โล โดยมีช่วงที่ยากและคงที่อยู่3 ช่วง คือตอนที่จะลงจาก140เป็น139 จาก120 เป็น119 และจาก 100 เหลือ99 ยากมากบางทีคงทีเป็นเดือนจนเกือบท้อใจ แต่มันเป็นเครื่องมือบอกครับว่าเรายัง ทำไม่มากพอ เช่นถ้าคุณออกกำลังแล้ว แต่น้ำหนักไม่ลง แสดงว่าการกินของคุณยังไม่เหมาะสม หรือถ้าคุมอาหารแล้ว ก็ต้องออกกำลังกายด้วย มันต้องคู่กัน ไม่เคยเห็นใครที่ลดน้ำหนักแบบยั่งยืน โดยการคุมอาหาร หรือออกกำลังกายเพียงอย่างเดียว มันต้องคู่กันถึงจะได้ผล
สำหรับการกินในช่วงแรก ลองหลายแบบครับ แต่ที่ลดลงคือปริมาณข้าว น้ำหวาน ขนมจุกจิก ลดลงอย่างเห็นได้ชัด แต่ไม่อดอาหารนะครับ จำไว้ห้ามอดอาหารเด็ดขาด การอดอาหารทำให้ระบบการเผาผลาญผิดปกติ เมื่อคุณไม่ทาน ร่างกายจะคิดว่าขาด ดังนั้นร่างกายจะทำการกักสารอาหารในรูปของไขมันสะสม ทันที เป็นสาเหตุของการอดอาหารทำให้อ้วนครับ เราควรลดปริมาณและเลือกกินเฉพาะสิ่งที่มีประดยชน์โดยเลือกให้รางวัลบางอาทิตย์ละครั้ง (วันหลุด) คุณกินอะไรก็ได้ที่อยากกินในช่วงแรก สรุปใช้เวลา เกือบๆ2ปี ลดน้ำหนักจาก 160 kg. ประมาณ95kg. เอวจาก55นิ้ว เหลือ38 นิ้ว
ช่วงที่2 การควบคุมน้ำหนัก และรูปร่าง ช่วงนี้สำคัญมากครับเนื่องจากพอเรียนจบ รับปริญญาแล้ว ก็ต้องทำงาน ซึ่งเวลาที่เราเคยไปฟิตเนสได้ทั้งวัน มันต้องหายไปแน่นอนได้แค่ช่วงเย็นหลังเลิกงานเท่านั้น แล้วสิ่งที่กังวลก็เกิดขึ้นครับ คือน้ำหนักที่ทรงตัวและเพิ่มขึ้น จนเกือบเกิน100 กิโลอีกครั้ง แต่โชคดี กลับตัวทันครับ เลยมาหาคำตอบครับว่าเกิดจากอะไร ง่ายๆเลยครับสมดุลระหว่างการควบคุมอาหาร และการออกกำลังกายมันเสียไปนั่นเอง
เอาแบบคิดง่ายๆนะครับ ถ้าให้การควบคุมอาหาร มีค่า=50 การออกกำลังกาย=50 ผลรวมจะเท่ากับ 100 = คือน้ำหนักเท่าเดิมไม่เพิ่มไม่ลด
แต่ถ้าเมื่อไหร่ คุณคุม 2 เรื่องนี้ได้ ต่ำกว่า 100 ส่วนต่างจาก 100 คือความอ้วนที่เพิ่มขึ้น ในทำนองกลับกัน
ถ้าคุณคุม 2 เรื่องนี้ได้ มากกว่า 100 ส่วนต่างจาก 100 คือส่วนที่เอาไปลดไขมันในร่างกาย คุณก็จะผอมลงครับ
ดังนั้นคำตอบของช่วงการรักษาหุ่นคือ คุมอาหารให้มากขึ้น เน้น ผัก ผลไม้ ลดน้ำตาล และแป้งให้น้อยลง
ส่วนการออกกำลังกายก็สัก3-4 วันต่ออาทิตย์ วันละ1-2 ชม. ช่วงนี้มีเริ่มเล่นเวทบ้างแต่ไม่จริงจังครับ จากนั้น น้องชายครับก็เริ่มลดน้ำหนักบ้างครับ
น้ำหนักเริ่มต้นประมาณ 110 kg ครับลดด้วยการเบิร์นอย่างเดียวจนเหลือ 70kg. แล้วจากนั้นน้องเริ่มเล่นเวทครับ เราเลยต้องเล่นด้วย
เข้าสู่ช่วงที่3 การสร้างกล้ามเนื้อ เปลี่ยนหมีเป็นปู ต้องบอกก่อนว่าจริงๆก็พอใจกับน้ำหนักที่ประมาณ 90-95kg. แล้วนะครับ เพียงแต่เจอปัญหาเรื่องหนังส่วนเินเพราะหนังที่ท้องที่ขยายไปถึง 55 นิ้ว มันหดกลับมาเหลือ38 นิ้วแต่มันทำให้มีหนังส่วนเกิน จึงทำให้เกิดช่วงการสร้างกล้ามเนื้อขึ้น คือเล่นเวทจริงจังและไม่เน้นการคาดิโอ ช่วงแรกเล่นงูๆปลาๆ พอให้มีอก มีไหล่บ้าง (คนเล่นเวทช่วงแรกขอแค่อก กับไหล่ก็พอแล้ว) แต่ความจริงพบว่ามันต้องเล่นทุกส่วน อก ไหล่ หลัง แขน ขา ท้อง และต้องจัดตารางเล่น จากเดิมที่เริ่มอยู่ตัว ไปฟิตเนสอาทิตย์2-3วัน จึงต้องเปลี่ยนทันที (ปัจจุบันไปอาทิตย์ละ 6 วัน พัก1 วัน) โดยไปให้บ่อยขึ้นมีวินัยกับตัวเองขึ้นมาก อาหารจากเดิมที่แค่ควบคุม กลายเป็นต้องทำเอง กำหนดชัดเจนทานอะไรเท่าไหร่ การเปลี่ยนแปลงในช่วงนี้ไม่ใช่น้ำหนัก ที่ลดลง แต่เป็นร่างกายที่กระชับ ดูมีกล้ามเนื้อมากขึ้น จากเสื้อตัวเดิมที่ติดพุง การเป็นติดที่ไหล่ หรืออกแทน ใส่เสื้อเชิ้ต หรือโปโล แล้วดูดี ดูสวยขึ้น ถามว่าทานเวย์โปรตีนไหม ตอบเลยไม่ได้ทาน ถ้าคุณไม่ได้เล่นจริงจังเพื่อไปแข่งขัน การกินอาหารประจำวัน แค่เน้นโปรตีนที่มีประโยชน์ เช่น อกไก่ ไข่ขาว เนื้อปลา ในปริมาณตามที่ร่างกายและกล้ามเนื้อต้องการคุณก็สามารถมีกล้ามที่สวยงามได้
อีกคำถามที่เจอบ่อยคือแล้วหนังส่วนเกินหายหมดเลยหรอ? ไม่หมดครับ ต้องค่อยเป็นค่อยไป ซิทอัพเยอะๆ เล่นหน้าท้อง ช่วยให้ค่อยๆกระชับได้
และเชื่อว่าสักวันต้องดีกว่านี้แน่
ถามว่าเป้าหมายต่อไปคืออะไร จะผอมไปถึงขนาดไหน ? ไม่ต้องการผอมครับ เราต้องกำหนดเป้าหมายให้ชัดเจน ผมแค่ต้องการน้ำหนัก80-85kg และมีกล้ามเนื้อที่ชัดเจน ที่สำคัญต้องมี Sixpack และหนังส่วนเกินน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ (ต้องสู้ต่อไป) อาจจะอีก1ปี หรือ10ปี แต่ต้องอย่าหยุดพยายามครับ
สุดท้ายนี้ ขอฝากข้อคิดสำหรับคนที่อยากลดน้ำหนักให้ยั่งยืนมีกฎง่ายๆดังนี้
1. เดือนแรกสำคัญที่สุด ใส่ให้เต็มที่ขยันให้สุดๆ เพราะถ้ายิ่งน้ำหนักเดือนแรกลงเยอะมากเท่าไหร่ กำลังใจจะยิ่งเยอะเท่านั้น
2. ห้ามเสียดาย เหลือคือทิ้ง กินของเหลือคืออ้วน เก็บเท่ากับต้องกิน
3. ออกกำลังกาย กับการควบคุมอาหารต้องทำคู่กัน อย่างสมดุล หยุดโลกสวยไม่มียาเทวดาตัวไหนดีกว่า 2 อย่างนี้
4. หยุดแต่งตัวอำพราง โดยเฉพาะสีดำ จำไว้ อ้วนคืออ้วน ยิ่งตอกย้ำตัวเองยิ่งดี จะได้รู้สักทีว่าต้องลดแล้ว
5. อย่าติดเพื่อน ฝึกไปฟิตเนสคนเดียว ให้ชิน ไม่รู้ให้ถามคนแถวนั้น หรือเข้าคลาสที่มีครูแล้วถามครูเอา
6. อย่าอดอาหาร แต่ให้ลดทุกมื้อ ให้กระเพาะหดตัว จำไว้การอดข้าวมื้อใดมื้อหนึ่ง กระเพาะอาหารเท่าเดิม ระบบการเผาผลาญเสีย เพิ่มไขมันสะสม
7. ผลไม้เป็นศัตรูร้าย จำไว้ ผลไม้เกือบทุกชนิดมีน้ำตาลสูตร ช่วงที่ต้องการคุมให้กินผักใบเขียวเอา หิวให้กินผัก เพราะนอกจากไม่อ้วน ยังได้ Fiber ด้วย
8. พยายามงดของทอด ของหวาน และขนมให้ได้ โดยถ้าอยากจริงๆให้กินเท่าที่หายอยาก (อาทิตย์ละครั้งพอ) จำไว้เข้าเท่าไหร่ต้องออกกำลังเท่านั้น
9. ฝึกชั่งตราชั่งทุกวัน ให้เป็นนิสัย จำไว้ตราชั่งเหมือนเพื่อนสนิท ไม่เคยโกหก ถ้าเรากินมากมันจะเตือนเรา ถ้าเราคุมได้ดีมันจะให้กำลังใจเรา
10. อย่าเอาการกินของเราไปเทียบกับใคร เพราะระบบการเผาผลาญของแต่ละคนไม่เท่ากัน และรู้จักแบ่งปันซื้ออะไรมากินเท่าที่อยากพอที่เหลือแจกจ่าย
สุดท้ายนี้หวังว่าประสบการณืที่เอาแชร์จะมีประโยชน์บ้าง ใครที่อ่านมาถึงตรงนี้ ถ้าคิดจะลดน้ำหนัก ขอให้ทำตามคำแนะนำ คิดว่าไม่ยากเลย เพราะพิสูจน์มาแล้วครับ ใครมีเรื่องสงสัยเพิ่มเติมถามได้ครับ ยินดีตอบทุกคำถาม หรือแอดไปที่
Facebook :
https://m.facebook.com/nop.tossaplues
หรือ IG :
http://instagram.com/bear_nop ครับ
เป็นกำลังใจให้คนที่กำลังลดน้ำหนักเพื่อเปลี่ยนแปลงตัวเองทุกคนนะครับ จำไว้คุณไม่ได้อยู่คนเดียวบนโลก ยังมีคนอีกหลายล้านคนลดไปพร้อมๆกับคุณ
แชร์ประสบการณ์ลดความอ้วน จาก160Kg. เหลือ89Kg. (พร้อมกล้ามเนื้อ) คุณเองก็ทำได้ ง่ายจัง
ขอแชร์ประสบการณ์บ้างนะครับ จากเด็กมหาลัยสุดอ้วน160Kg. เอว55นิ้ว คับติ้ว และการเดินทางสู่ชายหนุ่มวัยทำงาน หนัก89kg. เอว34 นิ้ว แบบที่ใครก็สามารถทำได้ แค่มีความตั้งใจ พยามยามและอดทน เมื่อเทียบกับผลที่ได้ในวันนี้คิดว่ามันคุมค่ามากๆ โดยขอแบ่งช่วงเวลาออกเป็น 3 ช่วงนะครับ
ช่วงที่1 เริ่มลดน้ำหนัก (อย่างบ้าคลั่ง) จากเด็กอ้วนที่เพิ่งเรียนจบรอช่วงรับปริญญา ไปเดินเที่ยวห้าง พบของเล่นเปิดใหม่เป็นฟิตเนสในห้าง แถวรัชโยธินครับ จึงรีบเดินตรงไปถามราคา และโดนเซลล์ชักจูงและทำการสมัคร ก่อนสมัครโทรหาแม่ก่อนเพราะต้องรูดบัตรเครดิต เสียงจากปลายทาง "หาเรื่องเสียเงินอีกแล้วหรอลูก จะทำได้รอ เอาจริงหรอ Blah Blah Blah......ลงท้ายด้วย ก็แล้วแต่แล้วกัน พร้อมเสียงถอนหายใจแบบขัดไม่ได้ " (ต้องบอกก่อนว่าเป็นคนช่างลอง ลองมาหมดยาลดน้ำหนัก อาหารเสริมที่เค้าว่าดี แต่ไม่เคยได้ผล อ้วนมาตลอดชีวิตจริง) ดังนั้นจึงตัดสินใจสมัคร ถามว่าตอนนั้นจริงจังไหม....ไม่เลยกะว่าแค่หาอะไรทำเท่านั้น วันแรกของการไปฟิตเนสเสียเวลา และเหงื่อไปกับการเดินขึ้น ลงบันได โดยไม่รู้จะทำอะไรดี ประมาณเกือบ2ชม. เลยตัดสินใจเข้าคลาสเต้น(ฟิตเนสจะมีคลาสออกกำลัง ในรูปแบบต่าง โดยมีครูผู้สอนให้ ฟรี!!!!) เฮ้ยสนุกวะ ไม่ยากไป(นึกภาพลูกกลมๆ กระดุกกระดิกไปมา) เหงื่อเต็มตัว เสื้อเปียกหมดเลย เหมือนพบทางสว่างหละ เลยกะว่าจะมาทุกวันในวันนั้น พบความจริงที่แสนช็อค!!!!! ปกติคนอ้วนจะไม่ชอบชั่งน้ำหนักอยู่แล้วเป็นธรรมดา ดูการอ้วนขึ้นจากกางเกงหรือเสื้อที่ใส่เป็นหลัก วันนั้นจึงลองชั่งน้ำหนักดูแต่ชั่งไม่ได้ มันเกินน้ำหนักที่เครื่องรองรับได้ (เป็นตราชั่งแขนเหล็ก หนักสูด160kg.)นี่อาจจะเป็นอีกประเด็นที่ทำให้เราอยากสู้มากกว่าขึ้น จากนั้น ก็ไปฟิตเนสทุกวันจริงๆ ด้วยความสนุก เพิ่มคลาสแอโรบิค Bodycombat Bodyjam โยคะ เพิ่มจากวันละ 2 คลาส เป็น3 เป็น4 บางวันแทบจะกินนอนที่ฟิตเนสเลย ผ่านไป 1 เดือน ลองชั่งอีกครั้งด้วยความหวังที่ว่าขอแค่ให้เครื่องอ่านน้ำหนักได้เป็นพอ(ตอนเลื่อนแขนตราชั่งลุ้นกว่าเอ็นทรานส์อีก) ปรากฎว่า เครื่องชั่งโชว์ตัวเลขที่ 150 kg คุณพระ เดือนเดียว หายไป 10 kg. หัวใจมันพองโตอะครับ เหมือนแบบถูกหวย 30 ล้าน รู้สึกว่าเดินกลับบ้านหน้าบานเลย แต่ยังไม่บอกแม่นะ แอบดีใจคนเดียว แล้วก็เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆน้ำหนักก็ค่อยๆลง เดือนละ4-5โล โดยมีช่วงที่ยากและคงที่อยู่3 ช่วง คือตอนที่จะลงจาก140เป็น139 จาก120 เป็น119 และจาก 100 เหลือ99 ยากมากบางทีคงทีเป็นเดือนจนเกือบท้อใจ แต่มันเป็นเครื่องมือบอกครับว่าเรายัง ทำไม่มากพอ เช่นถ้าคุณออกกำลังแล้ว แต่น้ำหนักไม่ลง แสดงว่าการกินของคุณยังไม่เหมาะสม หรือถ้าคุมอาหารแล้ว ก็ต้องออกกำลังกายด้วย มันต้องคู่กัน ไม่เคยเห็นใครที่ลดน้ำหนักแบบยั่งยืน โดยการคุมอาหาร หรือออกกำลังกายเพียงอย่างเดียว มันต้องคู่กันถึงจะได้ผล
สำหรับการกินในช่วงแรก ลองหลายแบบครับ แต่ที่ลดลงคือปริมาณข้าว น้ำหวาน ขนมจุกจิก ลดลงอย่างเห็นได้ชัด แต่ไม่อดอาหารนะครับ จำไว้ห้ามอดอาหารเด็ดขาด การอดอาหารทำให้ระบบการเผาผลาญผิดปกติ เมื่อคุณไม่ทาน ร่างกายจะคิดว่าขาด ดังนั้นร่างกายจะทำการกักสารอาหารในรูปของไขมันสะสม ทันที เป็นสาเหตุของการอดอาหารทำให้อ้วนครับ เราควรลดปริมาณและเลือกกินเฉพาะสิ่งที่มีประดยชน์โดยเลือกให้รางวัลบางอาทิตย์ละครั้ง (วันหลุด) คุณกินอะไรก็ได้ที่อยากกินในช่วงแรก สรุปใช้เวลา เกือบๆ2ปี ลดน้ำหนักจาก 160 kg. ประมาณ95kg. เอวจาก55นิ้ว เหลือ38 นิ้ว
ช่วงที่2 การควบคุมน้ำหนัก และรูปร่าง ช่วงนี้สำคัญมากครับเนื่องจากพอเรียนจบ รับปริญญาแล้ว ก็ต้องทำงาน ซึ่งเวลาที่เราเคยไปฟิตเนสได้ทั้งวัน มันต้องหายไปแน่นอนได้แค่ช่วงเย็นหลังเลิกงานเท่านั้น แล้วสิ่งที่กังวลก็เกิดขึ้นครับ คือน้ำหนักที่ทรงตัวและเพิ่มขึ้น จนเกือบเกิน100 กิโลอีกครั้ง แต่โชคดี กลับตัวทันครับ เลยมาหาคำตอบครับว่าเกิดจากอะไร ง่ายๆเลยครับสมดุลระหว่างการควบคุมอาหาร และการออกกำลังกายมันเสียไปนั่นเอง
เอาแบบคิดง่ายๆนะครับ ถ้าให้การควบคุมอาหาร มีค่า=50 การออกกำลังกาย=50 ผลรวมจะเท่ากับ 100 = คือน้ำหนักเท่าเดิมไม่เพิ่มไม่ลด
แต่ถ้าเมื่อไหร่ คุณคุม 2 เรื่องนี้ได้ ต่ำกว่า 100 ส่วนต่างจาก 100 คือความอ้วนที่เพิ่มขึ้น ในทำนองกลับกัน
ถ้าคุณคุม 2 เรื่องนี้ได้ มากกว่า 100 ส่วนต่างจาก 100 คือส่วนที่เอาไปลดไขมันในร่างกาย คุณก็จะผอมลงครับ
ดังนั้นคำตอบของช่วงการรักษาหุ่นคือ คุมอาหารให้มากขึ้น เน้น ผัก ผลไม้ ลดน้ำตาล และแป้งให้น้อยลง
ส่วนการออกกำลังกายก็สัก3-4 วันต่ออาทิตย์ วันละ1-2 ชม. ช่วงนี้มีเริ่มเล่นเวทบ้างแต่ไม่จริงจังครับ จากนั้น น้องชายครับก็เริ่มลดน้ำหนักบ้างครับ
น้ำหนักเริ่มต้นประมาณ 110 kg ครับลดด้วยการเบิร์นอย่างเดียวจนเหลือ 70kg. แล้วจากนั้นน้องเริ่มเล่นเวทครับ เราเลยต้องเล่นด้วย
เข้าสู่ช่วงที่3 การสร้างกล้ามเนื้อ เปลี่ยนหมีเป็นปู ต้องบอกก่อนว่าจริงๆก็พอใจกับน้ำหนักที่ประมาณ 90-95kg. แล้วนะครับ เพียงแต่เจอปัญหาเรื่องหนังส่วนเินเพราะหนังที่ท้องที่ขยายไปถึง 55 นิ้ว มันหดกลับมาเหลือ38 นิ้วแต่มันทำให้มีหนังส่วนเกิน จึงทำให้เกิดช่วงการสร้างกล้ามเนื้อขึ้น คือเล่นเวทจริงจังและไม่เน้นการคาดิโอ ช่วงแรกเล่นงูๆปลาๆ พอให้มีอก มีไหล่บ้าง (คนเล่นเวทช่วงแรกขอแค่อก กับไหล่ก็พอแล้ว) แต่ความจริงพบว่ามันต้องเล่นทุกส่วน อก ไหล่ หลัง แขน ขา ท้อง และต้องจัดตารางเล่น จากเดิมที่เริ่มอยู่ตัว ไปฟิตเนสอาทิตย์2-3วัน จึงต้องเปลี่ยนทันที (ปัจจุบันไปอาทิตย์ละ 6 วัน พัก1 วัน) โดยไปให้บ่อยขึ้นมีวินัยกับตัวเองขึ้นมาก อาหารจากเดิมที่แค่ควบคุม กลายเป็นต้องทำเอง กำหนดชัดเจนทานอะไรเท่าไหร่ การเปลี่ยนแปลงในช่วงนี้ไม่ใช่น้ำหนัก ที่ลดลง แต่เป็นร่างกายที่กระชับ ดูมีกล้ามเนื้อมากขึ้น จากเสื้อตัวเดิมที่ติดพุง การเป็นติดที่ไหล่ หรืออกแทน ใส่เสื้อเชิ้ต หรือโปโล แล้วดูดี ดูสวยขึ้น ถามว่าทานเวย์โปรตีนไหม ตอบเลยไม่ได้ทาน ถ้าคุณไม่ได้เล่นจริงจังเพื่อไปแข่งขัน การกินอาหารประจำวัน แค่เน้นโปรตีนที่มีประโยชน์ เช่น อกไก่ ไข่ขาว เนื้อปลา ในปริมาณตามที่ร่างกายและกล้ามเนื้อต้องการคุณก็สามารถมีกล้ามที่สวยงามได้
อีกคำถามที่เจอบ่อยคือแล้วหนังส่วนเกินหายหมดเลยหรอ? ไม่หมดครับ ต้องค่อยเป็นค่อยไป ซิทอัพเยอะๆ เล่นหน้าท้อง ช่วยให้ค่อยๆกระชับได้
และเชื่อว่าสักวันต้องดีกว่านี้แน่
ถามว่าเป้าหมายต่อไปคืออะไร จะผอมไปถึงขนาดไหน ? ไม่ต้องการผอมครับ เราต้องกำหนดเป้าหมายให้ชัดเจน ผมแค่ต้องการน้ำหนัก80-85kg และมีกล้ามเนื้อที่ชัดเจน ที่สำคัญต้องมี Sixpack และหนังส่วนเกินน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ (ต้องสู้ต่อไป) อาจจะอีก1ปี หรือ10ปี แต่ต้องอย่าหยุดพยายามครับ
สุดท้ายนี้ ขอฝากข้อคิดสำหรับคนที่อยากลดน้ำหนักให้ยั่งยืนมีกฎง่ายๆดังนี้
1. เดือนแรกสำคัญที่สุด ใส่ให้เต็มที่ขยันให้สุดๆ เพราะถ้ายิ่งน้ำหนักเดือนแรกลงเยอะมากเท่าไหร่ กำลังใจจะยิ่งเยอะเท่านั้น
2. ห้ามเสียดาย เหลือคือทิ้ง กินของเหลือคืออ้วน เก็บเท่ากับต้องกิน
3. ออกกำลังกาย กับการควบคุมอาหารต้องทำคู่กัน อย่างสมดุล หยุดโลกสวยไม่มียาเทวดาตัวไหนดีกว่า 2 อย่างนี้
4. หยุดแต่งตัวอำพราง โดยเฉพาะสีดำ จำไว้ อ้วนคืออ้วน ยิ่งตอกย้ำตัวเองยิ่งดี จะได้รู้สักทีว่าต้องลดแล้ว
5. อย่าติดเพื่อน ฝึกไปฟิตเนสคนเดียว ให้ชิน ไม่รู้ให้ถามคนแถวนั้น หรือเข้าคลาสที่มีครูแล้วถามครูเอา
6. อย่าอดอาหาร แต่ให้ลดทุกมื้อ ให้กระเพาะหดตัว จำไว้การอดข้าวมื้อใดมื้อหนึ่ง กระเพาะอาหารเท่าเดิม ระบบการเผาผลาญเสีย เพิ่มไขมันสะสม
7. ผลไม้เป็นศัตรูร้าย จำไว้ ผลไม้เกือบทุกชนิดมีน้ำตาลสูตร ช่วงที่ต้องการคุมให้กินผักใบเขียวเอา หิวให้กินผัก เพราะนอกจากไม่อ้วน ยังได้ Fiber ด้วย
8. พยายามงดของทอด ของหวาน และขนมให้ได้ โดยถ้าอยากจริงๆให้กินเท่าที่หายอยาก (อาทิตย์ละครั้งพอ) จำไว้เข้าเท่าไหร่ต้องออกกำลังเท่านั้น
9. ฝึกชั่งตราชั่งทุกวัน ให้เป็นนิสัย จำไว้ตราชั่งเหมือนเพื่อนสนิท ไม่เคยโกหก ถ้าเรากินมากมันจะเตือนเรา ถ้าเราคุมได้ดีมันจะให้กำลังใจเรา
10. อย่าเอาการกินของเราไปเทียบกับใคร เพราะระบบการเผาผลาญของแต่ละคนไม่เท่ากัน และรู้จักแบ่งปันซื้ออะไรมากินเท่าที่อยากพอที่เหลือแจกจ่าย
สุดท้ายนี้หวังว่าประสบการณืที่เอาแชร์จะมีประโยชน์บ้าง ใครที่อ่านมาถึงตรงนี้ ถ้าคิดจะลดน้ำหนัก ขอให้ทำตามคำแนะนำ คิดว่าไม่ยากเลย เพราะพิสูจน์มาแล้วครับ ใครมีเรื่องสงสัยเพิ่มเติมถามได้ครับ ยินดีตอบทุกคำถาม หรือแอดไปที่
Facebook : https://m.facebook.com/nop.tossaplues
หรือ IG : http://instagram.com/bear_nop ครับ
เป็นกำลังใจให้คนที่กำลังลดน้ำหนักเพื่อเปลี่ยนแปลงตัวเองทุกคนนะครับ จำไว้คุณไม่ได้อยู่คนเดียวบนโลก ยังมีคนอีกหลายล้านคนลดไปพร้อมๆกับคุณ