44 kg 3 เดือน แห่งการเปลี่ยน "ชีวิต" ...

สวัสดีครับ ก่อนอื่นเลย นี้เป็นเรื่องราวของ ชีวิตผมจริงๆครับ สาเหตุที่เขียนกระทู้นี้คือ ก็มาจาก
1 ตลอดระยะเวลา 3-4 ปีมานี้ มีคนบอกให้เขียนลงอยู่ pantip อยู่เรื่อยๆ
2 ผมอยากลองเสนอมุมมอง ทั้งด้านเรื่องการลดน้ำหนัก วิธีการ ทัศนคติ สภาพจิตใจ แล้วก็หลายๆมุมมองอื่นๆในชีวิตที่ผมเจอมา ทั้งขณะที่ลดน้ำหนัก และหลังจากนั้นครับ

เดิมทีผมไม่ได้เล่น pantip เท่าไหร่ ส่วนใหญ่จะเป็นตามไปอ่านตามกระทู้ต่างๆเฉยๆ ก็จะพยายามเขียนให้น่าอ่านที่สุดนะครับ
หวังว่าจะเป็นแรงบรรดาลใจให้หลายๆคนได้ครับ  (ถ้ามีคำพูดไหนหยาบโลนไปบ้าง ต้องขออภัยล่วงหน้าก่อนนะครับ )

ปล. ทุกภาพในกระทู้นี้ ได้มีการขออณุญาติเพื่อนๆที่ติดมาในภาพเรียบร้อยแล้วครับ เนื่องจากผมเป็นคนไม่ค่อยเก็บรูปตัวเองเดี่ยวๆไว้ เลยหารูปได้ยากมากครับ

เริ่มกันเลยครับ ^_^

ผมเป็นเด็กที่อ้วนมาตลอดชีวิตครับ ตั้งแต่เล็กจนโต ไม่เคยผอมเลย... จนในที่สุด ช่วงที่น้ำหนักสูงสุดในชีวิต คือ 108 kg ตอน ม 5 ครับ( อายุ 16) ตอนนั้นเป็นตอนที่อ้วนที่สุดในชีวิตครับ  

... และนี่คือสภาพตอนนั้นครับ


จุดเริ่มต้น  
  
      - ส่วนนี้เป็นส่วนที่ผมมองว่าอาจสำคัญที่สุดสำหลับคนที่คิดอยากจะลดน้ำหนักครับ นั้นคือ "ทัศนคติ แห่งการเปลี่ยนแปลง" นั้นเอง เพราะมันจะเป็นแรงกระตุ้นของคุณไปตลอดกาล นั้นคือ มันจำเป็นที่จะต้องเป็น "ความคิด" ที่ "แรงกล้า " มากๆ
      
      ...ในส่วนของผมนั้นไม่มีอะไรมากครับ ผม"เกลียดตัวเอง"  ทุกครั้งที่มองกระจก ผมเกลียด "ไอ้ยักษ์" ในกระจกนั่น !!
         (ถ้า คุณลดน้ำหนัก เพียงเพราะ คนอื่นบอกให้ลด หรือลดเพียงเพราะ หมอสั่ง  ..หากมันไม่ใช่ความคิดที่เริ่มจาก " ตัวของคุณเอง " โอกาศที่คุณจะลดสำเร็จอาจเป็นไปได้ยากครับ)
        และผมก็เกิดความคิดบ้าๆขึ้นมาครับ ว่า     ....     " จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าปิดเทอม ม 5 ไป เปิดเทอม ม 6 มา ละกรูผอม!!!!!"    ....
        

___________________________________________________________________________

เอาล่ะครับ !!!  การลดน้ำหนัก แบ่งเป็น 2 รูปแบบใหญ่ๆ

1  ลดช้าๆได้พล้าเล่มงาม  
     ข้อดี   เป็นการลดที่ไม่หักโหม ดีต่อสุขภาพ
     ข้อเสีย หากจิตใจไม่เข็มแข็งพอ เมื่อถึงจุดหนึ่ง คุณอาจจะเจอสภาวะกดดัน เช่น "ทำไมยิ้มไม่ลงสักทีว่ะ" " ต้องทนอีกนานแค่ไหนน T_T"

2 ฉับไว ดั่งสายลม
    ข้อดี   เห็นผลฉับไว  เตรียมตัวให้คนอื่น อึ้ง รับประทาน
    ข้อเสีย  ทรมานแสนสาหัส  และอาจเป็นการฝืนสุขภาพมากเกินไป เด็กดีไม่ควรลอกเลียนแบบ 55555

และตัวเลือกของผมก็คือ ...... 2 !!!!  แน่นอนอยู่แล้วเนอะ ก็ชื่อกระทู้ ก็บอกอยู่ 55555

....และแล้ว ปฎิบัติการ " ม 6 เตรียมอึ้งเถอะพวกคุณยิ้มทั้งหลาย " ก็ได้เริ่มต้นขึ้นครับ !





ปฎิบัติการที่ 1  " อดอาหาร"  
     ระยะเวลา : 2 สัปดาห์  (ก่อนปิดเทอม ม 5   2 สัปดาห์ครับ)     น้ำหนักปัจจุบัน : 108 kg
     ... ปฏิการนี้ เป็นปฏิการที่หลายท่านคงทราบกันดีว่า แย่ต่อสุขภาพมากๆ  ใช่ครับ ด้วยความเป็นคนไม่เคยออกกำลังกาย ก็อยากจะลองดูครับ ว่าจะเป็นอย่างไร  
     ...เช้ากิน  ผลไม้  ,  เที่ยงกิน  ผลไม้ ,   เย็นกิน   ผลไม้      
         อดแบบขาดใจครับ แน่นอน ไปตายเถอะ ทรมานอิ๋บอ๋ายยย
    
     ผลสรุป ลดลงมาเหลือ 103 kg ครับ (ลดไป 5 kg)





ปฎิบัติการที่ 2  "ควบคุม แคลอรี่อาหารที่กิน "
     ระยะเวลา : 2 สัปดาห์         น้ำหนักปัจจุบัน   :  103 kg
     ปฎิบัติการนี้ คือการ ค้นข้อมูลในอากู๋ แคลลอรี่อาหารแต่ละชนิต   คำนวณค่า BMR (พลังงานที่ใช้ต่อวันในภาวะร่างกายปกติ)
     สูตร BMR
              สำหรับผู้ชาย BMR = 66 + (13.7 x น้ำหนักตัวเป็น กก.) + (5 x ส่วนสูงเป็น ซม.) – (6.8 x อายุ)
              สำหรับผู้หญิงBMR = 665 + (9.6 x น้ำหนักตัวเป็น กก.) + (1.8 x ส่วนสูงเป็น ซม.) – (4.7 x อายุ)
     ในทุกๆวันที่คุณใช้ชีวิต  คุณจะต้องจดทุกอย่างที่คุณกินเข้าไป ให้มันต่ำ หรือประมาณเท่าๆกับ BMR เพื่อให้แน่จะว่า ในหนึ่งวัน เราสูญเสีย พลังงาน มากกว่าที่กินเข้าไป
     ..... oh godddddd  มันเปลี่ยนให้ผมกลายเป็นเจ้าพ่อโภชนาการ !  มองอาหารอะไร รู้ทันที่ว่ากี่กิโลแคล !!  ... แต่มัน เครียดมากกกกก T___T  ต้องจดทุกอย่าง และมองทุกอย่างเป็นตัวเลข  ดังนั้นวิธีนี้จึงอยู่กับผมได้แค่  2 สัปดาห์เท่านั้นครับ

     ผลสรุป ลดลงมาเหลือ 94 kg  (โอ้  9 kg ใน 14 วัน 55555 )






ปฎิบัติการที่ 3  "วิ่งสู้ฟัด"
      ระยะเวลา : 1 เดือน      น้ำหนักปัจจุบัน : 94 kg
     ตลอด 1 เดือน  ผมสร้างตารางชีวิตครับ คือ หลังอาหารเช้า 1 ชม.  ผมจะวิ่ง 30/45 นาที  
      
                                                        หลังอาหารเที่ยง 1 ชม.      วิ่งอีก 30 นาที่ (แดดร้อน วิ่งละเหนื่อยง่าย)

                                                        ช่วงว่างตอนบ่าย                วิ่งอีก 1/1.30 ชม.

                                                        หลังอาหารเย็น 1 ชม.          วิ่งอีก 1 ชม

     จากเวลาอาหารเย็น ถึงเข้านอน จะต้องทิ้งระยะห่างอย่างต่ำ 5-6 ชม. สิ่งสำคัญคือ ผมจะพยายามไม่ช่างน้ำหนักครับ เพื่อไม่ให้มันบั่นทอนกำลังใจ
  
    วิธีนี้ เหมาะสำหรับ คน "มีเวลาว่าง" มากเท่านั้นครับ    จริงๆแล้วเป็นวิธีที่ผมชอบมากที่สุด  เพราะแต่ละมื้อ ผมกินได้ตามใจปากปราถนา 55555
    ได้ผลมากครับ ผมยอมทรมาน เหนื่อยหอบ แลกกับการกินของอร่อยตามต้องการ เป็นวิธีการลดที่ไม่เครียดสำหรับผมครับ555555
  
     *ทริค    ให้วิ่งบนลู่วิ่งนะครับ   แล้วเปิดเพลงฟัง หรือ ดูหนังก็ได้  อย่าดูตัวเลขเวลา  กำหนดจากสื่อบรรเทิงเอา เช่น  จะวิ่งจนหนังเรื่องนี้จบ แล้ววิ่งไปเรื่อยๆ ช้าๆครับ รู้ตัวอีกทีหนังจบ วิ่งมาเป็น ชม แล้ว 55555555   หรือระหว่างวิ่งจะหยุดพักบ้างก็ได้นะครับ ยิ้ม

    ผลสรุป ลดลงมาเหลือ 78 kg  ( 16 kg ใน 1 เดือน!!!)

    ผมชอบ ปฏิบัติการที่ 3 มากที่สุดครับ  แต่สาเหตุที่เลิกล้ม เพราะ ... อีก 1 เดือน จะเปิดเทอม ม 6 แล้ว... เข้าสู่เทศกาล "เรียนพิเศษ" และ "เตรียม entrance " ครับ  จึงไม่ได้มีเวลามากเหลือเฟือพอมาให้วิ่งสู้ฟัดนะครับ








ปฎิบัติการสุดท้าย "ขยับสักนิด ถือเป็นการออกกำลังกาย"
     ระยะเวลา :   1 เดือน        น้ำหนักปัจจุบัน  : 78 kg
     ตอนนั้นมีโฆษณา อะไรสักอย่างอยู่อันนึงครับ เป็นโฆษณาที่มีสโลแกนว่า "ขยับสักนิด ถือเป็นการออกกำลังกาย" ก็ง่ายๆครับ  เจอ บรรได กับ ลิฟท์  ก็จงเลือก บรรได , หรือเวลาดูทีวี ก็ยืนดู  (อันนี้เทคนิคพิเศษของผมเองครับ ได้ผลจริง เพราะการยืนมันเสียพลังงานมากกว่านั่ง !! บางทีก็มียืนบิดเอวไปมา )  , นั่งอ่านหนังสือ บางทีก็เขย่าขาเล่น  ทำท้า ต่อยหมัด ชกมวยบ้างเป็นการยืดเส้นสายระหว่างอ่านหนังสือ   , ถ้า กวดวิชาอยู่ไม่เกิน 2 km ก็เดินไปเรียนเอา  ประมาณนี้ครับ  
    มีควบคุมอาหารนิดหน่อย   ตอนเช้า / ตอนเที่ยง  "กินไปเถอะ"  ส่วนมื้อดึก "กินเบาๆ" หน่อยละกัน  ประมาณนั้นครับ แต่ไม่เครียดกับเรื่องอาหารเท่าไหร่ อ่ะ! กินผลไม้ บ้างนะครับ ประหลาดใจ
    
     สำหรับปฎิบัติการนี้นั้น เป็นปฎิบัติการที่ผมไม่ได้สนใจ เรื่องน้ำหนักเลยครับ  เพราะต้องสนใจเรื่อง entrance เป็นหลัก   ระบบ GAT PAT นี้เหนือยจริงจัง 55555 ( ปล  ผมตั้งเป้า สอบเข้า วิศวะ จุฬาครับ)


    ผลสรุป ลดลงมาเหลือ 69 kg ครับ ( 9 kg ใน 1 เดือน )

____________________________________________________________________
รวมระยะเวลาทั้งสิ้น  3 เดือน ( 2 เดือนครึ่งตอนปิดเทอม กับ 2 สัปดาห์ตอนก่อนปิดเทอม)
ลดลงมาทั้งหมด !!!  39 kg !!!  .....อ่าววววววไม่เอาไม่พูด ไหนกระทู้บอก 44 kg  
คือหลังจากนั้นประมาณ 1- 2 สัปดาห์ ผมไม่ได้ทำอะไรเลยครับ แต่เหมือนน้ำหนักมันโยโย่ลง  เพราะระบบเผาพลาญดีขึ้น  รู้ตัวอีกที ก็หนัก 64 kg  แล้วครับ 5555    ก็รวมทั้งสิ้นเป็น    44 kg ครับผม ประหลาดใจ

นี่รูปตอนเปิดเทอม ช่วงแรกๆครับ


ก็คงต้องบอกว่า การลดหวบเดียวในเวลาสั้นๆนั้น ผลลัพท์ ก็ดังรูปครับ  
  1 หน้าดูเหนื่อยตลอดเวลาเลยย เศร้า
  2 ดูเป็นโทรมๆ ผมกร่องมาก ร้องไห้

แต่ก็มีความประทับใจครับ
  1 ตกเป็นประเด็น ซุบซิบกันทั้ง รร 55555
  2 วันที่มาเรียนวันแรก  ผมนั่งอยู่ที่ประจำ แล้วเพื่อนสนิทคนนึงก็เดินเข้ามา ด่อมๆมองๆ แล้วก็ถามเพื่อนอีกคนว่า " เด็กใหม่เหรอ?" 5555 เรื่องนี้ทำให้ผมมีความสุขมาก
  3 โดนถามแทบทุกวัน ว่าลดยังไง  ไปทำอะไรมา ??? 5555555


......หลังจากหน้าโทรมไปประมาณ 1 เดือน เศษๆ  จู่ๆหน้าก็ค่อยๆดีขึ้นครับ เหมือนร่างกายพึ่งปรับสภาพตามทัน


  4 มีคนถามว่า ไปศัลยกรรมมาเหรอ ?? 5555 เพราะตอนผมอ้วน ผมดูไม่มีจมูกเลยครับ แต่จริงๆบ้านผมจมูกโด่งมาก  พอผอมมันเลยเห็นชัด ก็ขอออกตัวก่อน ไม่มีการศัลยกรรม หรือเข้าคลินิกใดๆทั้งสิ้นครับ

  ประหลาดใจประหลาดใจประหลาดใจประหลาดใจ


โอเคครับ  เรื่องลดน้ำหนักก็จบแล้ว  แต่เรื่องราวของผมยังไม่จบนะครับ  เดี๋ยวจะมาต่อให้ถึงสภาพปัจจุบันนะครับ  
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่