สวัสดีครับ ก่อนอื่นเลย นี้เป็นเรื่องราวของ ชีวิตผมจริงๆครับ สาเหตุที่เขียนกระทู้นี้คือ ก็มาจาก
1 ตลอดระยะเวลา 3-4 ปีมานี้ มีคนบอกให้เขียนลงอยู่ pantip อยู่เรื่อยๆ
2 ผมอยากลองเสนอมุมมอง ทั้งด้านเรื่องการลดน้ำหนัก วิธีการ ทัศนคติ สภาพจิตใจ แล้วก็หลายๆมุมมองอื่นๆในชีวิตที่ผมเจอมา ทั้งขณะที่ลดน้ำหนัก และหลังจากนั้นครับ
เดิมทีผมไม่ได้เล่น pantip เท่าไหร่ ส่วนใหญ่จะเป็นตามไปอ่านตามกระทู้ต่างๆเฉยๆ ก็จะพยายามเขียนให้น่าอ่านที่สุดนะครับ
หวังว่าจะเป็นแรงบรรดาลใจให้หลายๆคนได้ครับ (ถ้ามีคำพูดไหนหยาบโลนไปบ้าง ต้องขออภัยล่วงหน้าก่อนนะครับ )
ปล. ทุกภาพในกระทู้นี้ ได้มีการขออณุญาติเพื่อนๆที่ติดมาในภาพเรียบร้อยแล้วครับ เนื่องจากผมเป็นคนไม่ค่อยเก็บรูปตัวเองเดี่ยวๆไว้ เลยหารูปได้ยากมากครับ
เริ่มกันเลยครับ ^_^
ผมเป็นเด็กที่อ้วนมาตลอดชีวิตครับ ตั้งแต่เล็กจนโต ไม่เคยผอมเลย... จนในที่สุด ช่วงที่น้ำหนักสูงสุดในชีวิต คือ 108 kg ตอน ม 5 ครับ( อายุ 16) ตอนนั้นเป็นตอนที่อ้วนที่สุดในชีวิตครับ
... และนี่คือสภาพตอนนั้นครับ
จุดเริ่มต้น
- ส่วนนี้เป็นส่วนที่ผมมองว่าอาจสำคัญที่สุดสำหลับคนที่คิดอยากจะลดน้ำหนักครับ นั้นคือ "ทัศนคติ แห่งการเปลี่ยนแปลง" นั้นเอง เพราะมันจะเป็นแรงกระตุ้นของคุณไปตลอดกาล นั้นคือ มันจำเป็นที่จะต้องเป็น "ความคิด" ที่ "แรงกล้า " มากๆ
...ในส่วนของผมนั้นไม่มีอะไรมากครับ ผม
"เกลียดตัวเอง" ทุกครั้งที่มองกระจก ผมเกลียด
"ไอ้ยักษ์" ในกระจกนั่น !!
(ถ้า คุณลดน้ำหนัก เพียงเพราะ คนอื่นบอกให้ลด หรือลดเพียงเพราะ หมอสั่ง ..หากมันไม่ใช่ความคิดที่เริ่มจาก
" ตัวของคุณเอง " โอกาศที่คุณจะลดสำเร็จอาจเป็นไปได้ยากครับ)
และผมก็เกิดความคิดบ้าๆขึ้นมาครับ ว่า .... " จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าปิดเทอม ม 5 ไป เปิดเทอม ม 6 มา ละกรูผอม!!!!!" ....
___________________________________________________________________________
เอาล่ะครับ
!!! การลดน้ำหนัก แบ่งเป็น 2 รูปแบบใหญ่ๆ
1 ลดช้าๆได้พล้าเล่มงาม
ข้อดี เป็นการลดที่ไม่หักโหม ดีต่อสุขภาพ
ข้อเสีย หากจิตใจไม่เข็มแข็งพอ เมื่อถึงจุดหนึ่ง คุณอาจจะเจอสภาวะกดดัน เช่น "ทำไม
ไม่ลงสักทีว่ะ" " ต้องทนอีกนานแค่ไหนน T_T"
2 ฉับไว ดั่งสายลม
ข้อดี เห็นผลฉับไว เตรียมตัวให้คนอื่น อึ้ง รับประทาน
ข้อเสีย ทรมานแสนสาหัส และอาจเป็นการฝืนสุขภาพมากเกินไป เด็กดีไม่ควรลอกเลียนแบบ 55555
และตัวเลือกของผมก็คือ ...... 2 !!!! แน่นอนอยู่แล้วเนอะ ก็ชื่อกระทู้ ก็บอกอยู่ 55555
....และแล้ว ปฎิบัติการ " ม 6 เตรียมอึ้งเถอะพวกคุณ
ทั้งหลาย " ก็ได้เริ่มต้นขึ้นครับ !
ปฎิบัติการที่ 1 " อดอาหาร"
ระยะเวลา : 2 สัปดาห์ (ก่อนปิดเทอม ม 5 2 สัปดาห์ครับ)
น้ำหนักปัจจุบัน : 108 kg
... ปฏิการนี้ เป็นปฏิการที่หลายท่านคงทราบกันดีว่า แย่ต่อสุขภาพมากๆ ใช่ครับ ด้วยความเป็นคนไม่เคยออกกำลังกาย ก็อยากจะลองดูครับ ว่าจะเป็นอย่างไร
...เช้ากิน ผลไม้ , เที่ยงกิน ผลไม้ , เย็นกิน ผลไม้
อดแบบขาดใจครับ แน่นอน ไปตายเถอะ ทรมานอิ๋บอ๋ายยย
ผลสรุป ลดลงมาเหลือ 103 kg ครับ (ลดไป 5 kg)
ปฎิบัติการที่ 2 "ควบคุม แคลอรี่อาหารที่กิน "
ระยะเวลา : 2 สัปดาห์
น้ำหนักปัจจุบัน : 103 kg
ปฎิบัติการนี้ คือการ ค้นข้อมูลในอากู๋ แคลลอรี่อาหารแต่ละชนิต คำนวณค่า BMR (พลังงานที่ใช้ต่อวันในภาวะร่างกายปกติ)
สูตร BMR
สำหรับผู้ชาย BMR = 66 + (13.7 x น้ำหนักตัวเป็น กก.) + (5 x ส่วนสูงเป็น ซม.) – (6.8 x อายุ)
สำหรับผู้หญิงBMR = 665 + (9.6 x น้ำหนักตัวเป็น กก.) + (1.8 x ส่วนสูงเป็น ซม.) – (4.7 x อายุ)
ในทุกๆวันที่คุณใช้ชีวิต คุณจะต้องจดทุกอย่างที่คุณกินเข้าไป ให้มันต่ำ หรือประมาณเท่าๆกับ BMR เพื่อให้แน่จะว่า
ในหนึ่งวัน เราสูญเสีย พลังงาน มากกว่าที่กินเข้าไป
..... oh godddddd มันเปลี่ยนให้ผมกลายเป็นเจ้าพ่อโภชนาการ ! มองอาหารอะไร รู้ทันที่ว่ากี่กิโลแคล !! ... แต่มัน เครียดมากกกกก T___T ต้องจดทุกอย่าง และมองทุกอย่างเป็นตัวเลข ดังนั้นวิธีนี้จึงอยู่กับผมได้แค่ 2 สัปดาห์เท่านั้นครับ
ผลสรุป ลดลงมาเหลือ 94 kg (โอ้ 9 kg ใน 14 วัน 55555 )
ปฎิบัติการที่ 3 "วิ่งสู้ฟัด"
ระยะเวลา : 1 เดือน น้ำหนักปัจจุบัน : 94 kg
ตลอด 1 เดือน ผมสร้างตารางชีวิตครับ คือ หลังอาหารเช้า 1 ชม. ผมจะวิ่ง 30/45 นาที
หลังอาหารเที่ยง 1 ชม. วิ่งอีก 30 นาที่ (แดดร้อน วิ่งละเหนื่อยง่าย)
ช่วงว่างตอนบ่าย วิ่งอีก 1/1.30 ชม.
หลังอาหารเย็น 1 ชม. วิ่งอีก 1 ชม
จากเวลาอาหารเย็น ถึงเข้านอน จะต้องทิ้งระยะห่างอย่างต่ำ 5-6 ชม. สิ่งสำคัญคือ ผมจะพยายามไม่ช่างน้ำหนักครับ เพื่อไม่ให้มันบั่นทอนกำลังใจ
วิธีนี้ เหมาะสำหรับ คน "มีเวลาว่าง" มากเท่านั้นครับ จริงๆแล้วเป็นวิธีที่ผมชอบมากที่สุด เพราะแต่ละมื้อ ผมกินได้ตามใจปากปราถนา 55555
ได้ผลมากครับ ผมยอมทรมาน เหนื่อยหอบ แลกกับการกินของอร่อยตามต้องการ เป็นวิธีการลดที่ไม่เครียดสำหรับผมครับ555555
*
ทริค ให้วิ่งบนลู่วิ่งนะครับ แล้วเปิดเพลงฟัง หรือ ดูหนังก็ได้ อย่าดูตัวเลขเวลา กำหนดจากสื่อบรรเทิงเอา เช่น จะวิ่งจนหนังเรื่องนี้จบ แล้ววิ่งไปเรื่อยๆ ช้าๆครับ รู้ตัวอีกทีหนังจบ วิ่งมาเป็น ชม แล้ว 55555555 หรือระหว่างวิ่งจะหยุดพักบ้างก็ได้นะครับ
ผลสรุป ลดลงมาเหลือ 78 kg ( 16 kg ใน 1 เดือน!!!)
ผมชอบ ปฏิบัติการที่ 3 มากที่สุดครับ แต่สาเหตุที่เลิกล้ม เพราะ ... อีก 1 เดือน จะเปิดเทอม ม 6 แล้ว... เข้าสู่เทศกาล "เรียนพิเศษ" และ "เตรียม entrance " ครับ จึงไม่ได้มีเวลามากเหลือเฟือพอมาให้วิ่งสู้ฟัดนะครับ
ปฎิบัติการสุดท้าย "ขยับสักนิด ถือเป็นการออกกำลังกาย"
ระยะเวลา : 1 เดือน น้ำหนักปัจจุบัน : 78 kg
ตอนนั้นมีโฆษณา อะไรสักอย่างอยู่อันนึงครับ เป็นโฆษณาที่มีสโลแกนว่า "ขยับสักนิด ถือเป็นการออกกำลังกาย" ก็ง่ายๆครับ เจอ บรรได กับ ลิฟท์ ก็จงเลือก บรรได , หรือ
เวลาดูทีวี ก็ยืนดู (อันนี้เทคนิคพิเศษของผมเองครับ ได้ผลจริง เพราะการยืนมันเสียพลังงานมากกว่านั่ง !! บางทีก็มียืนบิดเอวไปมา ) , นั่งอ่านหนังสือ บางทีก็เขย่าขาเล่น ทำท้า ต่อยหมัด ชกมวยบ้างเป็นการยืดเส้นสายระหว่างอ่านหนังสือ , ถ้า กวดวิชาอยู่ไม่เกิน 2 km ก็เดินไปเรียนเอา ประมาณนี้ครับ
มีควบคุมอาหารนิดหน่อย ตอนเช้า / ตอนเที่ยง "กินไปเถอะ" ส่วนมื้อดึก "กินเบาๆ" หน่อยละกัน ประมาณนั้นครับ แต่ไม่เครียดกับเรื่องอาหารเท่าไหร่ อ่ะ! กินผลไม้ บ้างนะครับ
สำหรับปฎิบัติการนี้นั้น เป็นปฎิบัติการที่ผมไม่ได้สนใจ เรื่องน้ำหนักเลยครับ เพราะต้องสนใจเรื่อง entrance เป็นหลัก ระบบ GAT PAT นี้เหนือยจริงจัง 55555 ( ปล ผมตั้งเป้า สอบเข้า วิศวะ จุฬาครับ)
ผลสรุป ลดลงมาเหลือ 69 kg ครับ ( 9 kg ใน 1 เดือน )
____________________________________________________________________
รวมระยะเวลาทั้งสิ้น 3 เดือน ( 2 เดือนครึ่งตอนปิดเทอม กับ 2 สัปดาห์ตอนก่อนปิดเทอม)
ลดลงมาทั้งหมด !!! 39 kg !!! .....อ่าวววววว
ไหนกระทู้บอก 44 kg
คือหลังจากนั้นประมาณ 1- 2 สัปดาห์ ผมไม่ได้ทำอะไรเลยครับ แต่เหมือนน้ำหนักมันโยโย่ลง เพราะระบบเผาพลาญดีขึ้น รู้ตัวอีกที ก็หนัก 64 kg แล้วครับ 5555 ก็รวมทั้งสิ้นเป็น 44 kg ครับผม
นี่รูปตอนเปิดเทอม ช่วงแรกๆครับ
ก็คงต้องบอกว่า การลดหวบเดียวในเวลาสั้นๆนั้น ผลลัพท์ ก็ดังรูปครับ
1 หน้าดูเหนื่อยตลอดเวลาเลยย
2 ดูเป็นโทรมๆ ผมกร่องมาก
แต่ก็มี
ความประทับใจครับ
1 ตกเป็นประเด็น ซุบซิบกันทั้ง รร 55555
2 วันที่มาเรียนวันแรก ผมนั่งอยู่ที่ประจำ แล้วเพื่อนสนิทคนนึงก็เดินเข้ามา ด่อมๆมองๆ แล้วก็ถามเพื่อนอีกคนว่า " เด็กใหม่เหรอ?" 5555 เรื่องนี้ทำให้ผมมีความสุขมาก
3 โดนถามแทบทุกวัน ว่าลดยังไง ไปทำอะไรมา ??? 5555555
......หลังจากหน้าโทรมไปประมาณ 1 เดือน เศษๆ จู่ๆหน้าก็ค่อยๆดีขึ้นครับ เหมือนร่างกายพึ่งปรับสภาพตามทัน
4 มีคนถามว่า ไปศัลยกรรมมาเหรอ ?? 5555 เพราะตอนผมอ้วน ผมดูไม่มีจมูกเลยครับ แต่จริงๆบ้านผมจมูกโด่งมาก พอผอมมันเลยเห็นชัด ก็ขอออกตัวก่อน ไม่มีการศัลยกรรม หรือเข้าคลินิกใดๆทั้งสิ้นครับ
โอเคครับ เรื่องลดน้ำหนักก็จบแล้ว แต่เรื่องราวของผมยังไม่จบนะครับ เดี๋ยวจะมาต่อให้ถึงสภาพปัจจุบันนะครับ
44 kg 3 เดือน แห่งการเปลี่ยน "ชีวิต" ...
1 ตลอดระยะเวลา 3-4 ปีมานี้ มีคนบอกให้เขียนลงอยู่ pantip อยู่เรื่อยๆ
2 ผมอยากลองเสนอมุมมอง ทั้งด้านเรื่องการลดน้ำหนัก วิธีการ ทัศนคติ สภาพจิตใจ แล้วก็หลายๆมุมมองอื่นๆในชีวิตที่ผมเจอมา ทั้งขณะที่ลดน้ำหนัก และหลังจากนั้นครับ
เดิมทีผมไม่ได้เล่น pantip เท่าไหร่ ส่วนใหญ่จะเป็นตามไปอ่านตามกระทู้ต่างๆเฉยๆ ก็จะพยายามเขียนให้น่าอ่านที่สุดนะครับ
หวังว่าจะเป็นแรงบรรดาลใจให้หลายๆคนได้ครับ (ถ้ามีคำพูดไหนหยาบโลนไปบ้าง ต้องขออภัยล่วงหน้าก่อนนะครับ )
ปล. ทุกภาพในกระทู้นี้ ได้มีการขออณุญาติเพื่อนๆที่ติดมาในภาพเรียบร้อยแล้วครับ เนื่องจากผมเป็นคนไม่ค่อยเก็บรูปตัวเองเดี่ยวๆไว้ เลยหารูปได้ยากมากครับ
เริ่มกันเลยครับ ^_^
ผมเป็นเด็กที่อ้วนมาตลอดชีวิตครับ ตั้งแต่เล็กจนโต ไม่เคยผอมเลย... จนในที่สุด ช่วงที่น้ำหนักสูงสุดในชีวิต คือ 108 kg ตอน ม 5 ครับ( อายุ 16) ตอนนั้นเป็นตอนที่อ้วนที่สุดในชีวิตครับ
... และนี่คือสภาพตอนนั้นครับ
จุดเริ่มต้น
- ส่วนนี้เป็นส่วนที่ผมมองว่าอาจสำคัญที่สุดสำหลับคนที่คิดอยากจะลดน้ำหนักครับ นั้นคือ "ทัศนคติ แห่งการเปลี่ยนแปลง" นั้นเอง เพราะมันจะเป็นแรงกระตุ้นของคุณไปตลอดกาล นั้นคือ มันจำเป็นที่จะต้องเป็น "ความคิด" ที่ "แรงกล้า " มากๆ
...ในส่วนของผมนั้นไม่มีอะไรมากครับ ผม"เกลียดตัวเอง" ทุกครั้งที่มองกระจก ผมเกลียด "ไอ้ยักษ์" ในกระจกนั่น !!
(ถ้า คุณลดน้ำหนัก เพียงเพราะ คนอื่นบอกให้ลด หรือลดเพียงเพราะ หมอสั่ง ..หากมันไม่ใช่ความคิดที่เริ่มจาก " ตัวของคุณเอง " โอกาศที่คุณจะลดสำเร็จอาจเป็นไปได้ยากครับ)
และผมก็เกิดความคิดบ้าๆขึ้นมาครับ ว่า .... " จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าปิดเทอม ม 5 ไป เปิดเทอม ม 6 มา ละกรูผอม!!!!!" ....
___________________________________________________________________________
เอาล่ะครับ !!! การลดน้ำหนัก แบ่งเป็น 2 รูปแบบใหญ่ๆ
1 ลดช้าๆได้พล้าเล่มงาม
ข้อดี เป็นการลดที่ไม่หักโหม ดีต่อสุขภาพ
ข้อเสีย หากจิตใจไม่เข็มแข็งพอ เมื่อถึงจุดหนึ่ง คุณอาจจะเจอสภาวะกดดัน เช่น "ทำไมไม่ลงสักทีว่ะ" " ต้องทนอีกนานแค่ไหนน T_T"
2 ฉับไว ดั่งสายลม
ข้อดี เห็นผลฉับไว เตรียมตัวให้คนอื่น อึ้ง รับประทาน
ข้อเสีย ทรมานแสนสาหัส และอาจเป็นการฝืนสุขภาพมากเกินไป เด็กดีไม่ควรลอกเลียนแบบ 55555
และตัวเลือกของผมก็คือ ...... 2 !!!! แน่นอนอยู่แล้วเนอะ ก็ชื่อกระทู้ ก็บอกอยู่ 55555
....และแล้ว ปฎิบัติการ " ม 6 เตรียมอึ้งเถอะพวกคุณทั้งหลาย " ก็ได้เริ่มต้นขึ้นครับ !
ปฎิบัติการที่ 1 " อดอาหาร"
ระยะเวลา : 2 สัปดาห์ (ก่อนปิดเทอม ม 5 2 สัปดาห์ครับ) น้ำหนักปัจจุบัน : 108 kg
... ปฏิการนี้ เป็นปฏิการที่หลายท่านคงทราบกันดีว่า แย่ต่อสุขภาพมากๆ ใช่ครับ ด้วยความเป็นคนไม่เคยออกกำลังกาย ก็อยากจะลองดูครับ ว่าจะเป็นอย่างไร
...เช้ากิน ผลไม้ , เที่ยงกิน ผลไม้ , เย็นกิน ผลไม้
อดแบบขาดใจครับ แน่นอน ไปตายเถอะ ทรมานอิ๋บอ๋ายยย
ผลสรุป ลดลงมาเหลือ 103 kg ครับ (ลดไป 5 kg)
ปฎิบัติการที่ 2 "ควบคุม แคลอรี่อาหารที่กิน "
ระยะเวลา : 2 สัปดาห์ น้ำหนักปัจจุบัน : 103 kg
ปฎิบัติการนี้ คือการ ค้นข้อมูลในอากู๋ แคลลอรี่อาหารแต่ละชนิต คำนวณค่า BMR (พลังงานที่ใช้ต่อวันในภาวะร่างกายปกติ)
สูตร BMR
สำหรับผู้ชาย BMR = 66 + (13.7 x น้ำหนักตัวเป็น กก.) + (5 x ส่วนสูงเป็น ซม.) – (6.8 x อายุ)
สำหรับผู้หญิงBMR = 665 + (9.6 x น้ำหนักตัวเป็น กก.) + (1.8 x ส่วนสูงเป็น ซม.) – (4.7 x อายุ)
ในทุกๆวันที่คุณใช้ชีวิต คุณจะต้องจดทุกอย่างที่คุณกินเข้าไป ให้มันต่ำ หรือประมาณเท่าๆกับ BMR เพื่อให้แน่จะว่า ในหนึ่งวัน เราสูญเสีย พลังงาน มากกว่าที่กินเข้าไป
..... oh godddddd มันเปลี่ยนให้ผมกลายเป็นเจ้าพ่อโภชนาการ ! มองอาหารอะไร รู้ทันที่ว่ากี่กิโลแคล !! ... แต่มัน เครียดมากกกกก T___T ต้องจดทุกอย่าง และมองทุกอย่างเป็นตัวเลข ดังนั้นวิธีนี้จึงอยู่กับผมได้แค่ 2 สัปดาห์เท่านั้นครับ
ผลสรุป ลดลงมาเหลือ 94 kg (โอ้ 9 kg ใน 14 วัน 55555 )
ปฎิบัติการที่ 3 "วิ่งสู้ฟัด"
ระยะเวลา : 1 เดือน น้ำหนักปัจจุบัน : 94 kg
ตลอด 1 เดือน ผมสร้างตารางชีวิตครับ คือ หลังอาหารเช้า 1 ชม. ผมจะวิ่ง 30/45 นาที
หลังอาหารเที่ยง 1 ชม. วิ่งอีก 30 นาที่ (แดดร้อน วิ่งละเหนื่อยง่าย)
ช่วงว่างตอนบ่าย วิ่งอีก 1/1.30 ชม.
หลังอาหารเย็น 1 ชม. วิ่งอีก 1 ชม
จากเวลาอาหารเย็น ถึงเข้านอน จะต้องทิ้งระยะห่างอย่างต่ำ 5-6 ชม. สิ่งสำคัญคือ ผมจะพยายามไม่ช่างน้ำหนักครับ เพื่อไม่ให้มันบั่นทอนกำลังใจ
วิธีนี้ เหมาะสำหรับ คน "มีเวลาว่าง" มากเท่านั้นครับ จริงๆแล้วเป็นวิธีที่ผมชอบมากที่สุด เพราะแต่ละมื้อ ผมกินได้ตามใจปากปราถนา 55555
ได้ผลมากครับ ผมยอมทรมาน เหนื่อยหอบ แลกกับการกินของอร่อยตามต้องการ เป็นวิธีการลดที่ไม่เครียดสำหรับผมครับ555555
*ทริค ให้วิ่งบนลู่วิ่งนะครับ แล้วเปิดเพลงฟัง หรือ ดูหนังก็ได้ อย่าดูตัวเลขเวลา กำหนดจากสื่อบรรเทิงเอา เช่น จะวิ่งจนหนังเรื่องนี้จบ แล้ววิ่งไปเรื่อยๆ ช้าๆครับ รู้ตัวอีกทีหนังจบ วิ่งมาเป็น ชม แล้ว 55555555 หรือระหว่างวิ่งจะหยุดพักบ้างก็ได้นะครับ
ผลสรุป ลดลงมาเหลือ 78 kg ( 16 kg ใน 1 เดือน!!!)
ผมชอบ ปฏิบัติการที่ 3 มากที่สุดครับ แต่สาเหตุที่เลิกล้ม เพราะ ... อีก 1 เดือน จะเปิดเทอม ม 6 แล้ว... เข้าสู่เทศกาล "เรียนพิเศษ" และ "เตรียม entrance " ครับ จึงไม่ได้มีเวลามากเหลือเฟือพอมาให้วิ่งสู้ฟัดนะครับ
ปฎิบัติการสุดท้าย "ขยับสักนิด ถือเป็นการออกกำลังกาย"
ระยะเวลา : 1 เดือน น้ำหนักปัจจุบัน : 78 kg
ตอนนั้นมีโฆษณา อะไรสักอย่างอยู่อันนึงครับ เป็นโฆษณาที่มีสโลแกนว่า "ขยับสักนิด ถือเป็นการออกกำลังกาย" ก็ง่ายๆครับ เจอ บรรได กับ ลิฟท์ ก็จงเลือก บรรได , หรือเวลาดูทีวี ก็ยืนดู (อันนี้เทคนิคพิเศษของผมเองครับ ได้ผลจริง เพราะการยืนมันเสียพลังงานมากกว่านั่ง !! บางทีก็มียืนบิดเอวไปมา ) , นั่งอ่านหนังสือ บางทีก็เขย่าขาเล่น ทำท้า ต่อยหมัด ชกมวยบ้างเป็นการยืดเส้นสายระหว่างอ่านหนังสือ , ถ้า กวดวิชาอยู่ไม่เกิน 2 km ก็เดินไปเรียนเอา ประมาณนี้ครับ
มีควบคุมอาหารนิดหน่อย ตอนเช้า / ตอนเที่ยง "กินไปเถอะ" ส่วนมื้อดึก "กินเบาๆ" หน่อยละกัน ประมาณนั้นครับ แต่ไม่เครียดกับเรื่องอาหารเท่าไหร่ อ่ะ! กินผลไม้ บ้างนะครับ
สำหรับปฎิบัติการนี้นั้น เป็นปฎิบัติการที่ผมไม่ได้สนใจ เรื่องน้ำหนักเลยครับ เพราะต้องสนใจเรื่อง entrance เป็นหลัก ระบบ GAT PAT นี้เหนือยจริงจัง 55555 ( ปล ผมตั้งเป้า สอบเข้า วิศวะ จุฬาครับ)
ผลสรุป ลดลงมาเหลือ 69 kg ครับ ( 9 kg ใน 1 เดือน )
____________________________________________________________________
รวมระยะเวลาทั้งสิ้น 3 เดือน ( 2 เดือนครึ่งตอนปิดเทอม กับ 2 สัปดาห์ตอนก่อนปิดเทอม)
ลดลงมาทั้งหมด !!! 39 kg !!! .....อ่าวววววว ไหนกระทู้บอก 44 kg
คือหลังจากนั้นประมาณ 1- 2 สัปดาห์ ผมไม่ได้ทำอะไรเลยครับ แต่เหมือนน้ำหนักมันโยโย่ลง เพราะระบบเผาพลาญดีขึ้น รู้ตัวอีกที ก็หนัก 64 kg แล้วครับ 5555 ก็รวมทั้งสิ้นเป็น 44 kg ครับผม
นี่รูปตอนเปิดเทอม ช่วงแรกๆครับ
ก็คงต้องบอกว่า การลดหวบเดียวในเวลาสั้นๆนั้น ผลลัพท์ ก็ดังรูปครับ
1 หน้าดูเหนื่อยตลอดเวลาเลยย
2 ดูเป็นโทรมๆ ผมกร่องมาก
แต่ก็มีความประทับใจครับ
1 ตกเป็นประเด็น ซุบซิบกันทั้ง รร 55555
2 วันที่มาเรียนวันแรก ผมนั่งอยู่ที่ประจำ แล้วเพื่อนสนิทคนนึงก็เดินเข้ามา ด่อมๆมองๆ แล้วก็ถามเพื่อนอีกคนว่า " เด็กใหม่เหรอ?" 5555 เรื่องนี้ทำให้ผมมีความสุขมาก
3 โดนถามแทบทุกวัน ว่าลดยังไง ไปทำอะไรมา ??? 5555555
......หลังจากหน้าโทรมไปประมาณ 1 เดือน เศษๆ จู่ๆหน้าก็ค่อยๆดีขึ้นครับ เหมือนร่างกายพึ่งปรับสภาพตามทัน
4 มีคนถามว่า ไปศัลยกรรมมาเหรอ ?? 5555 เพราะตอนผมอ้วน ผมดูไม่มีจมูกเลยครับ แต่จริงๆบ้านผมจมูกโด่งมาก พอผอมมันเลยเห็นชัด ก็ขอออกตัวก่อน ไม่มีการศัลยกรรม หรือเข้าคลินิกใดๆทั้งสิ้นครับ
โอเคครับ เรื่องลดน้ำหนักก็จบแล้ว แต่เรื่องราวของผมยังไม่จบนะครับ เดี๋ยวจะมาต่อให้ถึงสภาพปัจจุบันนะครับ