วัสสการพราหมณ์ที่ไปเกิดเป็นลิง เป็นคนเดียวกับ วัสสการพราหมณ์ที่ไปยุแหย่ให้แคว้นวัชชีแตกหรือเปล่าครับ

วัสสการพราหมณ์ที่ไปเกิดเป็นลิง เป็นคนเดียวกับ วัสสการพราหมณ์ที่ไปยุแหย่ให้แคว้นวัชชีแตกหรือเปล่าครับ

ตามเรื่องด้านล่าง

สมัยที่สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงประกาศศาสนาในพระนครราชคฤห์ มีพราหมณ์เฒ่าเจ้าปัญญาคนหนึ่ง เป็นนักปราชญ์ราชบัณฑิต มีลูกศิษย์มากมาย
วันหนึ่ง พราหมณ์เห็นพระมหากัจจายมหาเถระกำลังลงมาจากเขาคิชกูฏ
ผู้ซึ่งเป็นมิจฉาทิฐิ ไม่เชื่อว่า บาปมี บุญมี นรกมี สวรรค์มี พรหมโลกมี บุญคุณของบิดามารดามี คุณพระอรหันต์มี มรรค ผล นิพพานมี จึงกล่าวคำหยาบประมาทหมิ่นเล่นด้วยเห็นเป็นสนุกว่า
“บรรพชิตรูปนี้เหมือนวานร”
สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระผู้ทรงสัพพัญญุตญาณ ครั้งทรงทราบเหตุการณ์เช่นนั้น จึงทรงมีพุทธฎีกาตรัสว่า
“วัสสการพราหมณ์ผู้ชรา กล่าววาจาประมาทหมิ่นพระมหากัจจายะองค์อรหันต์ผู้ทรงพระเมตตา ครั้นแตกกายทำลายเบญจขันธ์แล้ว จักบังเกิดเป็นวานรมีหางเหมือนโค อยู่ในเวฬุวันป่าไม้ไผ่ใหญ่ในประเทศนี้”
พราหมณ์เฒ่าพอได้ข่าวว่าพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงมีพุทธฎีกาพยากรณ์อนาคตของตนเช่นนั้น ก็ให้มีอันลังเลสงสัย ใจหนึ่งคิดไม่อยากจะเชื่อ เพราะมีอหังการถือว่าตัวนั้นเป็นผู้ใหญ่มีความรู้มากมาย แต่อีกใจหนึ่งให้นึกพรั่นประหวั่นจิต เพราะมาคิดเข้าใจแน่แท้แก่ตนว่า
“พระสมณโคดมผู้นี้มีวาจาไม่เป็นสอง ลองได้ตรัสอะไรออกมา สิ่งนั้นก็เป็นจริง จักได้ผิดแต่สักครั้งไม่เคยมี”
เมื่อมาคิดได้ดังนี้ พราหมณ์เฒ่าผู้มีความสุขุมรอบคอบเป็นนิสัย ก็สั่งให้ปลูกต้นไม้มีผลต่างๆ ไว้ในเวฬุวันป่าไผ่เป็นอันมาก แล้วจัดแจงแต่งตั้งบุรุษคนใช้ของตนให้พิทักษ์รักษาป่าไม้นั้นเป็นอันดี ด้วยความคิดว่า
“ผิว์อาตมาตายแล้วมาเกิดเป็นลิงในป่านี้ จริงดังพระสมณโคดมว่า ก็จักได้อาศัยพฤกษา บรรดาต้นไม้มีผลที่ปลูกไว้นี้ได้เคี้ยวกินเป็นอาหาร”
ต่อมาไม่นานตะแกก็ถึงกาลกิริยา ด้วยโมหะจิต ตรงมาถือกำเนิดในครรภ์วานร มีหาง เหมือนนางโค เจริญเติบโตอยู่ในเวฬุวันป่าไม้ใหญ่ เหมือนดังพุทธฎีกา
ถ้ามีผู้รู้ประวัติความเป็นมา ร้องเรียกชื่อวานรนั้นว่า
“วัสสการ ๆ” วานรนั้นก็เข้ามายืนอยู่ใกล้ๆ โดยไม่ได้เกรงกลัวว่าจะถูกใครทำร้ายเอาเหมือนกับจะรู้ภาษาคน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่