พวกเรามักได้ยินคำกล่าวอ้างหนึ่ง ที่เราได้อ่าน หรือได้ฟังเสมอ จากพวกแอนตี้เทพเจ้า ก็คือ
“ถ้าพระศิวะ พระนารายณ์ พระคเณศ พระอุมาฯลฯ เหล่านี้มีจริง แล้วทำไมจึงไม่มีการกล่าวถึงในพระพุทธศาสนาเลย
ในเมื่อเทพอื่นๆ ในศาสนาพราหมณ์อย่างพระอินทร์ พระพรหม ยังมีการพูดถึงอยู่บ่อยๆ หรือแม้แต่เทพที่พราหมณ์ฮินดูไม่นับถือ ก็มีหลายองค์ เช่น พระปัญจสิขร เป็นต้น”
และพอกล่าวอย่างนี้แล้ว บางพวกก็แถมท้ายว่า การตรัสรู้ของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น หมายความว่ารู้สิ้นทุกอย่าง
ดังนั้น ถ้าเทพเหล่านี้มีจริง พระองค์ก็น่าจะนำมายกตัวอย่าง ในการสั่งสอนพระธรรมบ้าง
ซึ่งพอได้พูดแบบนี้แล้ว คนที่พูดก็ทำท่าราวกับเป็นผู้รู้แจ้งไปเลยละครับ
แต่ถ้าไปพูดแบบนี้ กับคนที่เขาค้นคว้าศึกษาในทางเทววิทยากันอย่างจริงๆ จังๆ แล้ว คนพูดมีสิทธิ์หน้าแตกมากกว่าเท่
๑) สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงรู้สิ้นทุกอย่าง แต่ไม่ได้หมายความว่า จะต้องตรัสทุกอย่างที่ทรงรู้นะครับ
พระองค์ตรัสสอนเฉพาะสิ่งที่เป็นประโยชน์ในการพ้นทุกข์ ตามแนวทางของพระองค์เท่านั้นนะครับ
๒) และการพ้นทุกข์ตามแนวทางของพระพุทธองค์ ไม่ใช่การกราบไหว้บูชาเทพ
แม้ไม่ใช่สิ่งที่ทรงห้าม แต่ก็ไม่ทรงสนับสนุน
เพราะไม่ใช่ที่พึ่ง ที่จะพาให้ใครพ้นทุกข์ได้อย่างถาวร
๓) การที่ศาสนาพุทธมีการกล่าวถึงเทพในศาสนาพราหมณ์-ฮินดู คือ พระพรหม พระอินทร์ พระวิศวกรรม (ทางไทยเรียกขานนามผิดว่า “วิษณุกรรม”)
ก็เพราะพราหมณ์ที่บูชาเทพเหล่านั้น เข้ามานับถือ และเป็นกำลังส่วนหนึ่งในการเผยแผ่พระพุทธศาสนา
๔) การที่ศาสนาพุทธกล่าวถึงเทพที่มีลักษณะเป็นกลางๆ ไม่สังกัดศาสนาใด เช่น พระศรีวสุนธราหรือพระแม่ธรณี
ก็เพราะสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงอ้างเป็นพยาน ในการตรัสรู้
๕) การที่ศาสนาพุทธกล่าวถึงเทวดาเป็นอันมาก ที่ไม่มีในศาสนาพราหมณ์ เช่น พระปัญจสิขร หรือนางฟ้าที่เกิดจากหญิงชาวมนุษย์ ซึ่งได้ทำบุญในพุทธศาสนา
ก็แสดงให้เห็นว่า แม้ศาสนาพราหมณ์ก็มิได้กล่าวถึงเทพ-เทวดา “ครบทุกองค์” ที่มีอยู่ในสากลจักรวาลเช่นกัน
ในเมื่อแม้แต่ศาสนาที่บูชาเทพ ยังกล่าวถึงเทพให้ครบทุกองค์ไม่ได้
ศาสนาพุทธ ซึ่งไม่ให้ความสำคัญกับการบูชาเทพ จะกล่าวถึงเทพสำคัญไม่ครบทุกองค์ ก็ไม่แปลกหรอกครับ
๖) ในสมัยพุทธกาล เทพสำคัญในศาสนาฮินดูส่วนใหญ่ เช่น พระนารายณ์ พระศิวะ พระคเณศ พระแม่อุมา พระแม่ทุรคา ฯลฯ ยังคงเป็นเพียงเทพพื้นเมือง ที่ได้รับการนับถือเป็นลัทธิใหญ่บ้าง เล็กบ้าง แยกย่อยทั่วไป
และยังอยู่ในขั้นที่กำลังสั่งสมบารมี ที่จะเป็นเทพชั้นสูง หรือมหาเทพ
ซึ่งก็ต้องรอเวลาอีกอย่างน้อย ๗๐๐-๘๐๐ ปีหลังพุทธกาลล่วงไปแล้วนั่นแหละครับ จึงได้เลื่อนทิพยฐานะขึ้นอย่างสมบูรณ์ ดังที่ทรงเป็นกันในทุกวันนี้
๗) เทพบางองค์ที่คนฮินดูยุคนี้นับถือกันมาก ในสมัยพุทธกาลยังมิได้เป็นเทพด้วยซ้ำไปนะครับ ยังคงนับถือในฐานะวีรบุรุษเท่านั้น
เช่น พระราม พระกฤษณะ
ซึ่งคนที่ศึกษาทางโบราณคดี จะเห็นหลักฐานอันเป็นรูปธรรม ที่รองรับความจริงข้อนี้โดยตลอด
๘) ในเมื่อเทพเหล่านี้ ยังคงเป็นสรณะของลัทธิเล็กๆ หนึ่งในหลายร้อยหลายพันลัทธิ ที่มีอยู่ในอินเดียขณะนั้น
แล้วก็ต่างคนต่างอยู่ ไม่เข้ามามีบทบาทอะไรกับการเผยแผ่พระธรรมคำสั่งสอน ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หรือมีการปะทะสังสรรค์อะไรกับพุทธสาวกที่มีบทบาทสำคัญ
แล้วศาสนาพุทธจะกล่าวถึงเทพเหล่านี้ไปทำไมล่ะครับ?
ดังนั้น ใครก็ตามที่ยังคงยืนยันว่า เทพในศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ไม่มีจริง เพราะศาสนาพุทธไม่พูดถึงนั้น
ผมถือว่าเชยมาก เป็นการพูดโดยไม่มีข้อมูล และไม่ศึกษาครับ
________________________________________
🕉️ มีเทพเจ้าฮินดูในศาสนาพุทธไหม คำตอบคือ
"มีครับ" ดังนี้
๑)
พระปฤถวีเทวี ในศาสนาพราหมณ์เดิม เป็นเทวีชั้นรองในศาสนาฮินดู ทรงเป็นองค์เดียวกับ
“พระศรีวสุนธรา” ในศาสนาพุทธเถรวาทไทย,
“พระวสุธาราโพธิสัตว์” ในศาสนาพุทธนิกายมหายาน-วัชรยาน
๒)
พระอินทร์ ในฮินดู ซึ่งกลายเป็นเทพชั้นรองในศาสนาฮินดู แต่ในช่วงศาสนาพระเวทและศาสนาพราหมณ์ถือเป็นเทพเจ้าองค์หลักเลยทีเดียว ในคติพุทธเถรวาทคือ
“ท้าวสักกะเทวราช”
๓)
พระพรหม ในคติพราหมณ์-ฮินดู ในคติพุทธ เทวลักษณะและพระนามแห่งพระพรหม ถูกนำไปใช้เปรียบเทียบเป็นบุคลาธิษฐานของเทพชั้นสูง ในชั้นที่เกิดจากผู้ได้ฌานในระดับต่างๆ และเมื่อตายก็ยังไม่เสื่อมจากฌานนั้น ก็จะไปเสวยทิพยฐานะเป็นพรหม ซึ่งมีอยู่มากมายในศาสนาพุทธนิกายเถรวาท, ในขณะที่ “พระพรหม” องค์จริงในศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ไม่มีบทบาทอะไรในศาสนาพุทธ, พระพรหมคติพุทธเถรวาทไทยที่เรารู้จักกันดีคือ
“ท้าวมหาพรหม” หรือ
“ท้าวสหัมบดีพรหม”
๔)
พระแม่สรัสวดี ในคติฮินดู ทรงเป็น
“พระธูยะธาดี” ในศาสนาพุทธเถรวาทมอญ-พม่า-ไทยใหญ่,
“พระสุนทรีวาณี” ในศาสนาพุทธเถรวาทไทย,
“พระอารยสรัสวดีโพธิสัตว์” ในศาสนาพุทธมหายาน-วัชรยาน
๕)
พระคเณศ หรือ
พระพิฆเนศ ในคติฮินดู ในคติพุทธ ทรงมีพระนามว่า
“พระสิทธิธาดา” ผู้ประทานความสำเร็จทางปัญญาในศาสนาพุทธฝ่ายมหายาน มีบทบูชาเฉพาะ เรียกว่า “คณปติหฤทัย”
๖)
พระศิวะ ในคติฮินดู ถูกนับถือเป็นเทพธรรมบาลองค์หนึ่งในศาสนาพุทธวัชรยานทิเบต
๗)
พระแม่อุมาเทวี หรือ
พระแม่ปารวตี ในคติฮินดู ถูกนับถือเป็นเทพธรรมบาลองค์หนึ่งในศาสนาพุทธวัชรยานทิเบต
๘)
พระแม่ลักษมี ในคติฮินดู ในคติพุทธ ทรงมีพระนามว่า
“ศรี (Shri)” เป็นเทพธิดาแห่งสิริมงคลและทรงเป็นหนึ่งในคณะ ๒๐ เทพธรรมธาดา ผู้พิทักษ์พระศาสนาในคติพุทธมหายาน นอกจากนี้ยังปรากฏพระเทวรูปร่วมกับพระธรรมจักร ในศาสนาพุทธตามคติทวารวดีในประเทศไทย
๙, ๑๐)
พระสกันท์ และ
พระราม ในคติฮินดู ได้รับการนับถือเป็นหนึ่งในเทวราชทั้ง ๔ ผู้รักษาศาสนาพุทธแห่งเกาะลังกา คือพระกัตรคาม (พระสกันท์) พระรามเทพ (พระราม) พระสุมนเทพ และพระลักขณเทพ ไทยรับคติบูชาพระองค์กับพระรามเทพพร้อมกับศาสนาพุทธเถรวาทฝ่ายลังกาวงศ์ และบูชารวมกันในนามว่า
“จตุคามรามเทพ”
๑๑)
พระแม่กาลี ในคติฮินดู ในคติพุทธ ทรงได้รับการนับถือในศาสนาพุทธนิกายวัชรยานแบบเนปาล ในฐานะเทพธรรมบาลองค์หนึ่งในพระนามว่า
“ตาเลจู (Taleju)” และเป็นเทพสูงสุดของลัทธิกุมารี (Kumari) ในเนปาล
๑๒)
พระแม่คงคา ในคติฮินดู ชาวไทยรับคติการบูชาพระองค์จากอินเดียและรวมเข้าไว้ในทำเนียบเทวดาในพุทธศาสนา, แต่พระแม่คงคาไม่มีบทบาทอะไรในศาสนาพุทธ
๑๓)
พระมณีเมกไล ในศาสนาฮินดูฝ่ายอินเดียใต้และลังกา เป็นเทวีชั้นรอง ได้รับการนับถือในแถบอินเดียใต้และลังกาในหมู่ชาวบ้านชาวเมืองที่บูชาพระนางกันอยู่ในทุกวันนี้, ในศาสนาพุทธเถรวาทไทย ทรงมีพระนามที่เรารู้จักกันดีในพระนามว่า
“พระมณีเมขลา” เทวีแห่งฝนและน้ำ พายุฝน เทวีผู้รักษาพระสมุทร
๑๔)
พระกุเวร ในคติฮินดู ในคติพุทธมหายานอินเดียคือ
พระไวศรวัณ (वैश्रवण Vaiśravaṇa),
พระโพธิสัตว์ชัมภล (Jambhala) ในศาสนาพุทธวัชรยานทิเบต,
ท้าวเวสสุวัณ ในศาสนาพุทธเถรวาทไทย,
อุตรเทพตัวเหวินเทียนหวัง หรือ
ตอบุ๋งเทียงอ๊วง (多闻天王) ในศาสนาพุทธมหายานจีน
๑๕)
พระมนัสเทวี ในคติฮินดู ทรงเป็น
“พระชางคุลีโพธิสัตว์” ในศาสนาพุทธมหายาน-วัชรยาน
๑๖)
พระอุษาเทวี ในคัมภีร์พระเวทของศาสนาพราหมณ์ ในคติพุทธมหายาน-วัชรยาน คือ
“พระมาริจีโพธิสัตว์”
๑๗)
เทวีตารา ในคติฮินดู เป็นหนึ่งในคณะเทวี "มหาวิทยา" มีความเป็นไปได้ว่าทรงเป็นองค์เดียวกันกับ
“พระโพธิสัตว์ตารา” ในศาสนาพุทธนิกายมหายานและวัชรยาน ได้รับการนับถือบูชาสูงสุดในทิเบต
๑๘)
พระวิศวกรรม ในคติฮินดู ทรงเป็นเทพเจ้าที่ได้รับการนับถือในศาสนาพุทธเถรวาทไทยของเรา แต่ทางไทยเรียกพระนามท่านผิดว่า “วิษณุกรรม” ทำให้เกิดความสับสนกับพระวิษณุ ในคติฮินดู ซึ่งเป็นคนละองค์กันครับ
จากที่กล่าวมา มีอยู่เพียง พระพรหม (ยืมนามพระพรหมไปใช้เรียกเทวดาชั้นสูงของศาสนาพุทธเถรวาท), พระอินทร์, พระวิศวกรรม, พระศรีวสุนธรา, พระมณีเมขลา.
ในขณะที่เทพเจ้าองค์ที่เหลือมีบทบาทอยู่บ้างในศาสนาพุทธนิกายต่าง ๆ
🎙️ หวังว่าจะได้รับความพึงพอใจ, ความรู้ความเข้าใจบ้างนะครับ !
ที่สำคัญผมอยากพูดคุยแบบสนุกสนาน, เกี่ยวกับเทพเจ้า มากกว่าจะมายกคัมภีร์ข่มใส่กัน นี่ถือเป็นการร้องขอความร่วมมือครับ
เล่าเรื่องเกี่ยวกับเทพเจ้าฝ่ายฮินดู : “เทพเจ้าที่มีบทบาทในศาสนาพุทธ”
“ถ้าพระศิวะ พระนารายณ์ พระคเณศ พระอุมาฯลฯ เหล่านี้มีจริง แล้วทำไมจึงไม่มีการกล่าวถึงในพระพุทธศาสนาเลย
ในเมื่อเทพอื่นๆ ในศาสนาพราหมณ์อย่างพระอินทร์ พระพรหม ยังมีการพูดถึงอยู่บ่อยๆ หรือแม้แต่เทพที่พราหมณ์ฮินดูไม่นับถือ ก็มีหลายองค์ เช่น พระปัญจสิขร เป็นต้น”
และพอกล่าวอย่างนี้แล้ว บางพวกก็แถมท้ายว่า การตรัสรู้ของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น หมายความว่ารู้สิ้นทุกอย่าง
ดังนั้น ถ้าเทพเหล่านี้มีจริง พระองค์ก็น่าจะนำมายกตัวอย่าง ในการสั่งสอนพระธรรมบ้าง
ซึ่งพอได้พูดแบบนี้แล้ว คนที่พูดก็ทำท่าราวกับเป็นผู้รู้แจ้งไปเลยละครับ
แต่ถ้าไปพูดแบบนี้ กับคนที่เขาค้นคว้าศึกษาในทางเทววิทยากันอย่างจริงๆ จังๆ แล้ว คนพูดมีสิทธิ์หน้าแตกมากกว่าเท่
๑) สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงรู้สิ้นทุกอย่าง แต่ไม่ได้หมายความว่า จะต้องตรัสทุกอย่างที่ทรงรู้นะครับ
พระองค์ตรัสสอนเฉพาะสิ่งที่เป็นประโยชน์ในการพ้นทุกข์ ตามแนวทางของพระองค์เท่านั้นนะครับ
๒) และการพ้นทุกข์ตามแนวทางของพระพุทธองค์ ไม่ใช่การกราบไหว้บูชาเทพ
แม้ไม่ใช่สิ่งที่ทรงห้าม แต่ก็ไม่ทรงสนับสนุน
เพราะไม่ใช่ที่พึ่ง ที่จะพาให้ใครพ้นทุกข์ได้อย่างถาวร
๓) การที่ศาสนาพุทธมีการกล่าวถึงเทพในศาสนาพราหมณ์-ฮินดู คือ พระพรหม พระอินทร์ พระวิศวกรรม (ทางไทยเรียกขานนามผิดว่า “วิษณุกรรม”)
ก็เพราะพราหมณ์ที่บูชาเทพเหล่านั้น เข้ามานับถือ และเป็นกำลังส่วนหนึ่งในการเผยแผ่พระพุทธศาสนา
๔) การที่ศาสนาพุทธกล่าวถึงเทพที่มีลักษณะเป็นกลางๆ ไม่สังกัดศาสนาใด เช่น พระศรีวสุนธราหรือพระแม่ธรณี
ก็เพราะสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงอ้างเป็นพยาน ในการตรัสรู้
๕) การที่ศาสนาพุทธกล่าวถึงเทวดาเป็นอันมาก ที่ไม่มีในศาสนาพราหมณ์ เช่น พระปัญจสิขร หรือนางฟ้าที่เกิดจากหญิงชาวมนุษย์ ซึ่งได้ทำบุญในพุทธศาสนา
ก็แสดงให้เห็นว่า แม้ศาสนาพราหมณ์ก็มิได้กล่าวถึงเทพ-เทวดา “ครบทุกองค์” ที่มีอยู่ในสากลจักรวาลเช่นกัน
ในเมื่อแม้แต่ศาสนาที่บูชาเทพ ยังกล่าวถึงเทพให้ครบทุกองค์ไม่ได้
ศาสนาพุทธ ซึ่งไม่ให้ความสำคัญกับการบูชาเทพ จะกล่าวถึงเทพสำคัญไม่ครบทุกองค์ ก็ไม่แปลกหรอกครับ
๖) ในสมัยพุทธกาล เทพสำคัญในศาสนาฮินดูส่วนใหญ่ เช่น พระนารายณ์ พระศิวะ พระคเณศ พระแม่อุมา พระแม่ทุรคา ฯลฯ ยังคงเป็นเพียงเทพพื้นเมือง ที่ได้รับการนับถือเป็นลัทธิใหญ่บ้าง เล็กบ้าง แยกย่อยทั่วไป
และยังอยู่ในขั้นที่กำลังสั่งสมบารมี ที่จะเป็นเทพชั้นสูง หรือมหาเทพ
ซึ่งก็ต้องรอเวลาอีกอย่างน้อย ๗๐๐-๘๐๐ ปีหลังพุทธกาลล่วงไปแล้วนั่นแหละครับ จึงได้เลื่อนทิพยฐานะขึ้นอย่างสมบูรณ์ ดังที่ทรงเป็นกันในทุกวันนี้
๗) เทพบางองค์ที่คนฮินดูยุคนี้นับถือกันมาก ในสมัยพุทธกาลยังมิได้เป็นเทพด้วยซ้ำไปนะครับ ยังคงนับถือในฐานะวีรบุรุษเท่านั้น
เช่น พระราม พระกฤษณะ
ซึ่งคนที่ศึกษาทางโบราณคดี จะเห็นหลักฐานอันเป็นรูปธรรม ที่รองรับความจริงข้อนี้โดยตลอด
๘) ในเมื่อเทพเหล่านี้ ยังคงเป็นสรณะของลัทธิเล็กๆ หนึ่งในหลายร้อยหลายพันลัทธิ ที่มีอยู่ในอินเดียขณะนั้น
แล้วก็ต่างคนต่างอยู่ ไม่เข้ามามีบทบาทอะไรกับการเผยแผ่พระธรรมคำสั่งสอน ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หรือมีการปะทะสังสรรค์อะไรกับพุทธสาวกที่มีบทบาทสำคัญ
แล้วศาสนาพุทธจะกล่าวถึงเทพเหล่านี้ไปทำไมล่ะครับ?
ดังนั้น ใครก็ตามที่ยังคงยืนยันว่า เทพในศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ไม่มีจริง เพราะศาสนาพุทธไม่พูดถึงนั้น
ผมถือว่าเชยมาก เป็นการพูดโดยไม่มีข้อมูล และไม่ศึกษาครับ
________________________________________
🕉️ มีเทพเจ้าฮินดูในศาสนาพุทธไหม คำตอบคือ "มีครับ" ดังนี้
๑) พระปฤถวีเทวี ในศาสนาพราหมณ์เดิม เป็นเทวีชั้นรองในศาสนาฮินดู ทรงเป็นองค์เดียวกับ “พระศรีวสุนธรา” ในศาสนาพุทธเถรวาทไทย, “พระวสุธาราโพธิสัตว์” ในศาสนาพุทธนิกายมหายาน-วัชรยาน
๒) พระอินทร์ ในฮินดู ซึ่งกลายเป็นเทพชั้นรองในศาสนาฮินดู แต่ในช่วงศาสนาพระเวทและศาสนาพราหมณ์ถือเป็นเทพเจ้าองค์หลักเลยทีเดียว ในคติพุทธเถรวาทคือ “ท้าวสักกะเทวราช”
๓) พระพรหม ในคติพราหมณ์-ฮินดู ในคติพุทธ เทวลักษณะและพระนามแห่งพระพรหม ถูกนำไปใช้เปรียบเทียบเป็นบุคลาธิษฐานของเทพชั้นสูง ในชั้นที่เกิดจากผู้ได้ฌานในระดับต่างๆ และเมื่อตายก็ยังไม่เสื่อมจากฌานนั้น ก็จะไปเสวยทิพยฐานะเป็นพรหม ซึ่งมีอยู่มากมายในศาสนาพุทธนิกายเถรวาท, ในขณะที่ “พระพรหม” องค์จริงในศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ไม่มีบทบาทอะไรในศาสนาพุทธ, พระพรหมคติพุทธเถรวาทไทยที่เรารู้จักกันดีคือ “ท้าวมหาพรหม” หรือ “ท้าวสหัมบดีพรหม”
๔) พระแม่สรัสวดี ในคติฮินดู ทรงเป็น “พระธูยะธาดี” ในศาสนาพุทธเถรวาทมอญ-พม่า-ไทยใหญ่, “พระสุนทรีวาณี” ในศาสนาพุทธเถรวาทไทย, “พระอารยสรัสวดีโพธิสัตว์” ในศาสนาพุทธมหายาน-วัชรยาน
๕) พระคเณศ หรือ พระพิฆเนศ ในคติฮินดู ในคติพุทธ ทรงมีพระนามว่า “พระสิทธิธาดา” ผู้ประทานความสำเร็จทางปัญญาในศาสนาพุทธฝ่ายมหายาน มีบทบูชาเฉพาะ เรียกว่า “คณปติหฤทัย”
๖) พระศิวะ ในคติฮินดู ถูกนับถือเป็นเทพธรรมบาลองค์หนึ่งในศาสนาพุทธวัชรยานทิเบต
๗) พระแม่อุมาเทวี หรือ พระแม่ปารวตี ในคติฮินดู ถูกนับถือเป็นเทพธรรมบาลองค์หนึ่งในศาสนาพุทธวัชรยานทิเบต
๘) พระแม่ลักษมี ในคติฮินดู ในคติพุทธ ทรงมีพระนามว่า “ศรี (Shri)” เป็นเทพธิดาแห่งสิริมงคลและทรงเป็นหนึ่งในคณะ ๒๐ เทพธรรมธาดา ผู้พิทักษ์พระศาสนาในคติพุทธมหายาน นอกจากนี้ยังปรากฏพระเทวรูปร่วมกับพระธรรมจักร ในศาสนาพุทธตามคติทวารวดีในประเทศไทย
๙, ๑๐) พระสกันท์ และ พระราม ในคติฮินดู ได้รับการนับถือเป็นหนึ่งในเทวราชทั้ง ๔ ผู้รักษาศาสนาพุทธแห่งเกาะลังกา คือพระกัตรคาม (พระสกันท์) พระรามเทพ (พระราม) พระสุมนเทพ และพระลักขณเทพ ไทยรับคติบูชาพระองค์กับพระรามเทพพร้อมกับศาสนาพุทธเถรวาทฝ่ายลังกาวงศ์ และบูชารวมกันในนามว่า “จตุคามรามเทพ”
๑๑) พระแม่กาลี ในคติฮินดู ในคติพุทธ ทรงได้รับการนับถือในศาสนาพุทธนิกายวัชรยานแบบเนปาล ในฐานะเทพธรรมบาลองค์หนึ่งในพระนามว่า “ตาเลจู (Taleju)” และเป็นเทพสูงสุดของลัทธิกุมารี (Kumari) ในเนปาล
๑๒) พระแม่คงคา ในคติฮินดู ชาวไทยรับคติการบูชาพระองค์จากอินเดียและรวมเข้าไว้ในทำเนียบเทวดาในพุทธศาสนา, แต่พระแม่คงคาไม่มีบทบาทอะไรในศาสนาพุทธ
๑๓) พระมณีเมกไล ในศาสนาฮินดูฝ่ายอินเดียใต้และลังกา เป็นเทวีชั้นรอง ได้รับการนับถือในแถบอินเดียใต้และลังกาในหมู่ชาวบ้านชาวเมืองที่บูชาพระนางกันอยู่ในทุกวันนี้, ในศาสนาพุทธเถรวาทไทย ทรงมีพระนามที่เรารู้จักกันดีในพระนามว่า “พระมณีเมขลา” เทวีแห่งฝนและน้ำ พายุฝน เทวีผู้รักษาพระสมุทร
๑๔) พระกุเวร ในคติฮินดู ในคติพุทธมหายานอินเดียคือ พระไวศรวัณ (वैश्रवण Vaiśravaṇa), พระโพธิสัตว์ชัมภล (Jambhala) ในศาสนาพุทธวัชรยานทิเบต, ท้าวเวสสุวัณ ในศาสนาพุทธเถรวาทไทย, อุตรเทพตัวเหวินเทียนหวัง หรือ ตอบุ๋งเทียงอ๊วง (多闻天王) ในศาสนาพุทธมหายานจีน
๑๕) พระมนัสเทวี ในคติฮินดู ทรงเป็น “พระชางคุลีโพธิสัตว์” ในศาสนาพุทธมหายาน-วัชรยาน
๑๖) พระอุษาเทวี ในคัมภีร์พระเวทของศาสนาพราหมณ์ ในคติพุทธมหายาน-วัชรยาน คือ “พระมาริจีโพธิสัตว์”
๑๗) เทวีตารา ในคติฮินดู เป็นหนึ่งในคณะเทวี "มหาวิทยา" มีความเป็นไปได้ว่าทรงเป็นองค์เดียวกันกับ “พระโพธิสัตว์ตารา” ในศาสนาพุทธนิกายมหายานและวัชรยาน ได้รับการนับถือบูชาสูงสุดในทิเบต
๑๘) พระวิศวกรรม ในคติฮินดู ทรงเป็นเทพเจ้าที่ได้รับการนับถือในศาสนาพุทธเถรวาทไทยของเรา แต่ทางไทยเรียกพระนามท่านผิดว่า “วิษณุกรรม” ทำให้เกิดความสับสนกับพระวิษณุ ในคติฮินดู ซึ่งเป็นคนละองค์กันครับ
จากที่กล่าวมา มีอยู่เพียง พระพรหม (ยืมนามพระพรหมไปใช้เรียกเทวดาชั้นสูงของศาสนาพุทธเถรวาท), พระอินทร์, พระวิศวกรรม, พระศรีวสุนธรา, พระมณีเมขลา.
ในขณะที่เทพเจ้าองค์ที่เหลือมีบทบาทอยู่บ้างในศาสนาพุทธนิกายต่าง ๆ
🎙️ หวังว่าจะได้รับความพึงพอใจ, ความรู้ความเข้าใจบ้างนะครับ !
ที่สำคัญผมอยากพูดคุยแบบสนุกสนาน, เกี่ยวกับเทพเจ้า มากกว่าจะมายกคัมภีร์ข่มใส่กัน นี่ถือเป็นการร้องขอความร่วมมือครับ