การบูชาในพระพุทธศาสนา อามิสบูชาและปฏิบัติบูชา  ธรรมทาน

🌺 การบูชาในพระพุทธศาสนา
อามิสบูชาและปฏิบัติบูชา 
ธรรมทาน #คำสอนหลวงพ่อ

    การบูชาในพระพุทธศาสนามี ๒ อย่าง ตามที่พระพุทธเจ้าตรัส 🔹️#อามิสบูชา🔹️ คือของที่ใช้ติดเครื่องกัณฑ์เทศน์บ้าง ถวายพระบ้าง เอาภัตตาหารมาถวายแก่พระสงฆ์บ้าง

   การที่บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลายโดยถ้วนหน้า มีความเคารพในพระไตรสรณคมน์
มีพระพุทธเจ้าเป็นต้น ตั้งใจสมาทานศีล และปฏิบัติศีล ตั้งใจถวายทานด้วยจิตที่มีความเมตตาปรานี และตั้งใจรับรสพุทธพจน์เทศนาขององค์สมเด็จพระชินศรี ที่บรรดาพระสงฆ์มาแสดงธรรม ตั้งใจเจริญสมถะภาวนาวิปัสสนาภาวนา หรือเจริญพระกรรมฐาน อย่างนี้ทั้งหมดหมดเป็น 🔹️ #ปฏิบัติบูชา 🔹️

แล้วก็การบูชาทั้ง ๒ ประการนี้

    องค์สมเด็จพระพิชิตมารบรมศาสดาตรัสกับพระอานนท์ในวันนิพพาน เพราะในวันที่
พระพุทธเจ้าจะทรงนิพพาน คือ วันที่ ๑๔ ค่ำ เดือน ๖ รุ่งขึ้นเช้าเป็นวันขึ้น ๑๕ ค่ำ ใกล้สว่าง

   วันนั้นพระพุทธเจ้าทรงนิพพาน องค์สมเด็จพระพิชิตมารบรมศาสดา ทรงเสด็จไปที่เมือง 
กุสินารามหานคร สมเด็จพระชินวรประทับนอนอยู่ระหว่าง นางรั้งทั้งคู่ ตรงที่นั้นเป็นวิหาร
ไม่ใช่ประทับอยู่ที่โคนต้นเฉย ๆ เมืองนั้นเขาจัดที่รับพระพุทธเจ้า และสงฆ์อยู่ที่ดงรัง

    ทีนี้พอพระพุทธเจ้าเสด็จประทับอยู่ที่นั้นแล้วปรากฏว่า บรรดาเทวดาก็ดี นางฟ้าก็ดี พรหมก็ดี ทราบว่าองค์สมเด็จพระชินศรีบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าจะนิพพานในวันนั้น จึงได้พากันไปโปรยดอกไม้ของสวรรค์ที่เรียกกันว่า #ดอกชบา ดอกชบานี้โตเท่ากลดของพระธุดงค์ เวลานี้ ใหญ่เท่าๆกับ พระสัปทน ที่เขาแห่นาค บริเวณในเมืองกุสินารา ระหว่างนางรังทั้งคู่

    ที่องค์สมเด็จพระบรมครูเสด็จประทับอยู่ที่นั่น
ปรากฏว่าเทวดากับพรหมก็โปรยปรายลงมา ทำให้คนที่จะเดินไปมาในบริเวนนั้น ต้องลุยดอกไม้ไปแค่เข่าบ้าง เลยหัวเข่าบ้างเต็มไปหมด หลีกไม่พ้น

    พระอานนท์เห็นเป็นอัศจรย์ จึงเข้าไปทูลองค์สมเด็จพระภควันต์บรมศาสดาว่า

" ภันเต ภควา ข้าแต่องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าผู้เจริญพระพุทธเจ้าค่ะ " 

วันนี้มีความมหัศจรรย์เป็นที่สุด เพราะว่าบรรดามนุษย์ไม่เคยเห็นดอกไม้สวรรค์ แต่วันนี้
บุคคลที่อยู่ในที่นี่พากันรู้จักดอกไม้สวรรค์ คือดอกชบา ที่เทวดาก็ดี นางฟ้าก็ดี โปรยปรายมาบูชาพระรัตนตรัย มีพระองค์เป็นต้น คนทุกคนหรือพระก็ตามที่จะเดินเข้าไปหากัน ต้องเดินลุยไปเสมอเข่าบ้าง เลยเข่าบ้าง "

    สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าจึงได้มีพระพุทธฎีกาตรัสว่า อานันทะ ดูก่อนอานนท์

🌺 " #อามิสบูชาเป็นของดีตถาคตสรรเสริญ 
คือ #การถวายข้าว #ถวายน้ำ #ถวายธูปเทียน
#ถวายปัจจัยเป็นของดี  

เพระว่า #อามิสบูชานี้จะเป็นปัจจัยให้บุคลทั้งหลาย ถ้าตายจากความเป็นคน #จะได้เกิดเป็นเทวดาบนชั้นกามาวจรสวรค์ "

   สมเด็จพระทรงธรรม์จึงได้ตรัสว่า
🔸️" ทานัง สัคคะโสปานัง "🔸️
ขึ้นชื่อว่าทาน นี่เป็นบันไดให้ไปเกิดบนสวรรค์อันดับแรก แต่ว่าถ้าหมดบุญบารมีจากสวรรค์ลงมาเกิดเป็นคน คนประเภทนี้จะไม่พบกับความยากจนในชีวิต ชีวิตของคนทุกคน จะเต็มไปด้วยความสุขในทรัพย์สิน มีรูปร่างหน้าตาสะสวย มีอารมณ์ใจสบาย
   และองค์สมเด็จพระจอมไตรก็ตรัสกับพระอานนท์ว่า อานันทะ ดูก่อนอานนท์
อามิสบูชาเป็นของดีแต่ว่าอานิสงส์ของ 
🔶️#อามิสบูชา ไม่เท่ากับ #ปฏิบัติบูชา 🔶️

เพราะ การปฏิบัติบูรา นี่บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลายโดยถ้วนหน้า อานิสงส์ที่จะพึงได้คือ 

๑. มีจิตเมตตาปรานี
๒. มีความกรุณา มีความสงสาร
๓. มีความสันโดษ
๔. มีความอดทน

   อย่างนี้องค์สมเด็จพระทศพลบรมศาสดา
ตรัสว่า เป็นปัจจัยให้ศีล ๕ บริสุทธิ์ หรือว่าศีล ๕ ที่สมาทานแล้วก็บริสุทธิ์ คนที่ปฏิบัติในศีลบริสุทธิ์ มีอานิสงส์จะพึงได้ก็คือ

🌺 สีเลนะ สุคะติง ยันติ
  ศีลเป็นปัจจัยให้เกิดความสุขในสมัยที่มีชีวิตอยู่
ตายแล้วศีลเป็นปัจจัยให้ทุกคนไปเกิดบนสวรรค์

🌺 สีเลนะ โภคสัมปะทา
  บุคคลใดปฏิบัติในศีลได้ครบถ้วนในสมัยที่มีชีวิตอยู่ ก็ไม่ขัดข้องในทรัพย์ในการจับจ่าย มีทรัพย์สินคล่องตัว เมื่อตายไปแล้วก็ไปเกิดบนสวรรค์ จะมีทิพยสมบัติมาก พ้นจากสวรรค์ลงมาเกิดเป็นคนจะมีความเยือกเย็น จะมีความเป็นสุขในการใช้สมบัติ

🌺 สีเลนะ นิพพุติง ยันติ
  บุคคลใดที่มีศีลบริสุทธิ์ จะมีจิตสงบไม่มีความเดือดร้อน และศีลเป็นปัจจัยให้บุคคลเข้าถึงพระนิพพาน 

ที่องค์สมเด็จพระพิชิตมารตรัสว่า อานิสงส์ของการปฏิบัติบูชาเฉพาะในศีลจะเป็นปัจจัยให้บรรดาท่านพุทธบริษัทเข้าถึงพระนิพพาน

=====================
📚 จาก หนังสือ คำสอนหลวงพ่อวัดท่าซุง เล่ม ๒ หน้า ๙ - ๑๑
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่