ร้านนี้ถือว่าเป็นร้านที่ใหม่มากเพราะเพิ่งเปิดเมื่อต้นปี 2014 ตอนที่เบนไปกิน ร้านยังเปิดได้ไม่ถึงเดือน แต่ว่าร้านดูพร้อมมาก บริการดีไร้ที่ติ เจ้าของคือเชฟเก่าจากร้าน Opus กับภรรยาที่มาช่วยเป็นตัวหลักในการจัดการทุกอย่างของร้าน ร้านอยู่ซอยนาราธิวาส 17 แยก 5  มันช่างไกลบ้านเหลือเกิน (กว่าจะไปถึงเลยหลงนิดหน่อย) แล้วก็เปิดแต่ตอนเย็นตั้งแต่หกโมงเย็นเป็นต้นไป ร้านคือเป็นอาหารอิตาเลี่ยน แบบ Luxury นั้นแปลได้อย่างเดียวคือราคาค่อยข้างสูง

ร้านเองจริงๆก็หาไม่อยากมาก ที่จอดรถนั้นจอดในซอยข้างถนน เบนไปถึง 6:30 หาที่จอดสบาย แต่ตอนออกจากร้านรถก็จอดแน่นเต็มเหมือนกันค่ะ พูดถึงตัวร้าน บรรยากาศดี style modern โรแมนติกแบบไฟสลัวๆหน่อย



แล้วเค้าก็จะมี chef table ซึ่งจะอยู่หน้าครัวเปิด วันที่เบนไปก็มีคนจองมากินทั้งโต๊ะ chef table และโต๊ะอื่นๆเกือบเต็มร้าน แต่ว่าลูกค้าเป็นฝรั่งหมดเลย ไม่มีคนไทยเลย (ไปกินวันเสาร์ที่ 1-Feb-2014) ถือได้ว่าเป็นร้าน hot ร้านใหม่ของปีนี้ก็ว่าได้




มาถึงเค้าก็จะมี welcome drink ให้ ซึ่งปกติก็คงจะเป็น sparkling wine แต่ว่าวันรุ่งขึ้นเป็นวัน NO VOTE เค้าห้ามเสิร์ฟเครื่องดื่ม alcohol ก็เลยได้เป็นน้ำผลไม้แทน รวมถึงบริการขนมปังแบบร้านอาหารอิตาเลี่ยนทั่วไป ที่ได้มาคือ Focaccia หน้าเห็ด ซึ่งอร่อยใช้ได้เลยทีเดียว รสชาติจัดจ้านและหอมเห็ด



อีกอย่างที่ได้มาฟรี คือ Prosciuto ในโฟม Parmesan  ซึ่งเบนว่ารสชาติจัดจ้านดี ค่อนข้างเค็ม(ชอบของฟรี) ส่วนเพื่อนเบนบอกว่าไม่ค่อยชอบเท่าไหร เพราะว่าเค็มเกินไป



ของฟรีอีกอย่างที่ชอบมากคือ Olives ของที่นี้ เห็นเขียวๆแบบนี้ขอบอกว่ามันและของรสหวาน ไม่เค็มมาก ชอบแบบนี้ที่สุด ตอนอยู่อิตาลีซื้อกินตลอด แต่พอกลับมาเมืองไทยหากินยากมาก



หลังจากของฟรีจบแล้วก็มาถึงว่าสั่งอะไรกัน คนที่มาที่นี้ส่วนใหญ่จะสั่ง Degustation menu ซึ่งจะเปลี่ยนทุกวัน ใน set จะมีทั้งหมด 7 courses ในราคา 1,790 ++ บาท ส่วน A la carte นั้นโดยเฉลี่ยแล้วจะตกอยู่ที่ประมาณจานละ 500 บาท ซึ่งก็ถือว่าราคาค่อยข้างสูงเมื่อเทียบกับร้านอื่นๆ

เพื่อที่จะได้ลองหลายๆอย่าง เบนเลยสั่งเป็น Digustation Menu ซึ่งจานแรกนั้น คือ

Sea bass Carpaccio smoked with wood and served with zucchini credit and rocket



smoked with wood นี่ไม่ใช้ปลา smoke นะคะ แต่ว่าเป็นการเอาควันเก็บไว้ในขวด เปิดขวดมาควันลอยเต็ม ชอบความคิดสร้างสรรค์ในส่วนนี้ กินข้าวแบบนี้สนุกดี พอกินปลากับผักก็ยังได้กลิ่นควันอยู่ เป็น sensation ทางด้าน sense ของกลิ่นตอนกินไปอีกขั้น ส่วนตัวปลาเองนั้นไม่ค่อยมีรสชาติเท่าไหร รวมกับ Rocket และ Zucchini แล้วก็ไปกันได้ดี เป็นอาหารรสชาติอ่อนๆจานหนึ่ง



2. Burrata served with Balsamic caviar (ใครอยากทราบว่า Burrata คืออะไรสามารถตามอ่านได้ที่นี้ค่ะ http://fovefood.wordpress.com/2013/01/24/burrata-ชีสอ้วนจากสวรรค์-2/ )

ตัวเบนเองนั้นชอบกิน Burrata เปล่าๆ ซึ่งชีสตัวนี้ของที่นี้คุณภาพดีมาก กินเปล่าๆก็อร่อย แต่เค้ามี Balsamic นำมาทำเป็นเม็ดเหมือนไข่ปลา Caviar ซึ่งก็เป็นรสชาติแบบ balsamic เลยคือหวานเปรี้ยว เบนชอบกินเปล่าๆ แต่เพื่อนเบนชอบ combination ของจานนี้มาก ซึ่งเบนคิดว่าหลานคนก็คงชอบเช่นเดียวกัน



3. Mushroom soup served with bruschetta foie gras

ตัวซุปเห็ดอร่อย ตัวตับห่านก็อร่อย แต่ถามว่าสองอย่างเมือกินคู่กันมันส่งเสริมกันรึเปล่า ก็คงต้องตอบว่าเฉยๆ กินแยกกันอาจจะอร่อยกว่า (ใครอยากรู้เรื่องตับห่านเพิ่มเติม click ที่ link นี้ได้เลยค่ะ http://fovefood.wordpress.com/2013/01/22/foie-gras-ตับอ้วน/



4. Raviolo stuffed with ricotta, spinach and egg, served with parmesan, butter sauce and fresh black truffle.

อย่าให้ black truffle หลอกคุณ เพราะ black truffle นั้นแทบจะไม่มีกลิ่นและรสชาติ ถือสะว่าเป็นแค่ของตกแต่ง ส่วน Raviolo นั้นก็ถือ Ravioli นั้นแหละคะ แต่มีชิ้นเดียวเลยเรียกว่า Raviolo จานนี้ต้องบอกว่าเลี้ยนมาก ไอ้ที่เห็นเหลืองๆคือเนยล้วนๆ ความเค็มอันน้อยนิดของพาเมซานไม่สามารถช่วยทำให้หายเลี้ยนได้เลย ส่วนไข่แดงที่อยู่ข้างในยังช่วยเสริมความเลี้ยนอีกเท่าตัว



5. Snow fish served with lime reduction

ตัวปลาเองนั้น cook ออกมาได้ดีมาก ปลาก็เป็นของดีกลิ่นหอม ไม่มีคาว รสชาติก็ดี แต่ว่าซอสนั้นรสชาติแรงมาก และถ้ากินคู่กัน ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นหรือรสเปรี้ยวปาดลิ้น over power ดับชีวิตของปลาทันที



6. Lamb cooked sous vide with red grapes reduction

อาหารคาวจานสุดท้ายก่อนที่จะต่อด้วยขนมเป็นแกะแบบ slow cook ด้วยวิธีการ sous vide (วิธีการแบบฝรั่งเศส โดยใส่อาหารลงไปในถุงพลาสติกและเอาไปต้มในน้ำอุ่นโดยมีเครื่องทำอุณหภูมิพิเศษ เป็นเวลานาน) แกะทำออกมาได้สุกกำลังดี เรียกว่า perfect สำหรับเบน บวกกับองุ่นและซอสไวน์แดง เข้ากันได้อย่างดี ผ่านๆๆ



7. Sensi Tiramisu

หน้าตาไม่ใช้ แต่ส่วนประกอบทุกอย่างใส่ ตอนแรกมาเสิร์ฟเป็น chocolate ลูกกลมๆ หลังจากนั้นคุณภรรยาเจ้าของร้านก็มาราดกาแฟร้อนบนเจ้าลูกบอลนี้ให้ด้วยตัวเอง chocolate ละลายและแตกออกมาเห็นไส้ข้างในอย่างที่เห็น ตัว chocolate นั้นใช้ของอย่างดี ช่วยประกอบที่เหลือนั้นก็คือ tiramisu เลย แต่เป็น tiramisu ที่หนักไปทาง chocolate สะเยอะ อร่อยค่ะ



สรุปของมื้อนี้คือ

เบนคิดว่าร้านนี้ไม่ได้เป็นร้านอิตาเลี่ยนจ๋าขนาดนั้น อาหารรสชาติจะค่อนข้างเบาๆ รู้สึกถึงไออาหารฝรั่งเศสผสมผสานหน่อยๆ (คุณภรรยาเป็น French สามีเป็น Italian ไม่น่าแปลกใจ) วัตถุดิบที่เลือกใช้เป็นของที่ดีและคุณภาพสูงทั้งสิ้น มีความตั้งใจในการทำ การบริการและดูแลลูกค้าดีมาก บรรยากาศร้านก็ดีเช่นกัน โดยมีเบนเป็นตัวทำเสียบรรยากาศ ส่องไฟถ่ายรูปอาหาร แต่โดยส่วนตัวแล้วเบนยังเห็นว่า combination ของอาหารหลายตัวยังไม่ค่อยเข้ากันนัก แต่ด้วยการที่ใช้วัตถุดิบคุณภาพดี ทำให้แยกกันกินก็ยังใช้ได้

ราคาที่มากินกันสองคน ไม่ได้สั่งเครื่องดื่มนอกจากน้ำเปล่า ตกที่คนละ 2,200 บาท

ระดับความอิ่มของ Degustation menu : เบนอิ่มพอดีแบบกินได้อีก ผู้หญิงธรรมดาจะอยู่ระดับอิ่มมาก ผู้ชายอาจจะไม่ค่อยอิ่มเท่าไหร เพราะแต่ละจานเล็กมาก