บทที่ 10 เสียงคำรามของราชสีห์
http://ppantip.com/topic/31439392
บทที่ 11 ความน่ากลัวของเวทศัสตรา
“การประลองคู่แรกของรอบที่สอง ขอเชิญตัวแทนจากกลุ่มลีโอ เอ็กโซซิสต์ เซเบอร์และตัวแทนจากกลุ่มฟีนิกซ์ ดราก้อน เกรย์ ก้าวเข้ามาในสนาม”
เสียงกรรมการประกาศก้อง เกรย์ซึ่งกำลังนั่งเอนตัวอย่างสบายทำหน้าเบื่อเล็กน้อยก่อนเหยียดแขนขาเพื่อไล่ความปวดเมื่อยจากท่านั่งและขยับเตรียมยืน จังหวะนั้นเองจู่ๆบุรุษในเครื่องแบบสีเทาหม่นก็เฉียดเข้ามาพร้อมกับเปรยพอให้เขาได้ยิน
“ปิศาจต้องถูกกำจัด”
พูดจบก็ก้าวเข้าไปในสนามประลอง เกรย์เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยเหมือนแปลกใจมากกว่าตระหนก ส่วนเบอร์ทิน่ากลับราเชนมองเขาอย่างงุนงง
“ทำไมเขาถึงพูดแบบนั้น” เด็กสาวถาม หนุ่มพลังมังกรยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย
“ไม่รู้สิ” ตอบเหมือนไม่ใส่ใจแต่กลับลุกขึ้นหมุนหัวไหล่ไปมา “แต่มาขู่กันแบบนี้คงต้องออกกำลังกันหน่อย” เขาโบกมือให้เบอร์ทิน่าและหันไปโปรยยิ้มให้บรรดาสาวๆก่อนเดินเข้าไปในสนามประลอง พอถึงกึ่งกลางของสนามเกรย์จึงหยุดและชูมือทั้งสองข้างขึ้น เรียกเสียงกรี๊ดจากบรรดากองเชียร์อย่างเซ็งแซ่
“น่าอนาถยิ่งนัก ที่หลงมัวเมาไปกับภาพมายา” เสียงต่ำทุ้มของเอ็กโซซิสต์ เซเบอร์พูด หนุ่มมังกรหันไปมองหน้า
“หมายความว่ายังไง”
“คนเหล่านั้นคลั่งไคล้ภาพลวงตาของเจ้า”
คิ้วสีเข้มของเกรย์เลิกสูงขณะเจ้าตัวยกมือขึ้นกอดอกและยืนในท่าที่กวนอารมณ์
“พวกเขาคลั่งไคล้ในความหล่อของข้าต่างหาก” พูดพลางยิ้มมุมปากเหมือนเจตนายั่วโทสะของคู่ต่อสู้ เซเบอร์จึงชักดาบออกจากฝักตวัดไปจ่อไว้ตรงหน้า
“ปากดีได้ก็แค่ตอนนี้เท่านั้น”
ใบหน้าของเกรย์ยังคงมีรอยยิ้มขี้เล่นประทับอยู่ แต่ดวงตาทั้งคู่กลับฉายความดุดันน่าเกรงขามออกมา
“งั้นก็ลงมือได้เลย”
พลังเวทรูปกากบาทแผ่ออกมาจากร่างของเซเบอร์ พุ่งเข้าโจมตีเกรย์ในพริบตา ชายหนุ่มยกแขนขึ้นตั้งรับพร้อมกับปัดมันออก แต่ยังไม่ทันได้ตีโต้ จอมเวทผู้มีพลังของเอ็กโซซิสต์ก็วาดดาบเป็นวงกลมพร้อมร่ายเวทสร้างกำแพงเพลิงกระหน่ำเข้าใส่อย่างต่อเนื่อง เผาร่างของเกรย์และพื้นดินโดยรอบจนแดงฉานไปด้วยเปลวไฟ
“พลังอะไรกันนี่” ราเชนอุทานด้วยความตระหนก และสะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงทุ้มดังมาจากด้านหลัง
“โฮลี่ไฟร์” อาเซอร์บัสมองสนามประลองที่กำลังจมอยู่ในกองเพลิง ผู้ชมโดยรอบต่างร้องลั่นและถอยออกห่างไอร้อนที่พวยพุ่งออกมาอย่างหวาดกลัว
“มันคืออะไร แล้วเกรย์จะเป็นอะไรหรือเปล่า” เบอร์ทิน่าถามด้วยความเป็นห่วง จอมเวทหนุ่มมองนางด้วยหางตาแวบหนึ่งก่อนตอบ
“มันเป็นไฟศักดิ์สิทธิ์ของกลุ่มผู้ใช้เวทเอ็กโซซิสต์โดยเฉพาะ มีอำนาจในการทำลายล้างสูง สามารถเผาอมนุษย์และปิศาจให้ไหม้เป็นจุณไม่เหลือแม้เถ้า ส่วนคำถามที่ว่า เขาจะเป็นอะไรหรือเปล่านั้น” อาเซอร์บัสหยุดคำพูดพลางหันหน้ากลับไปที่สนาม ซึ่งในเวลานี้เปลวไฟของเอ็กโซซิสต์กำลังม้วนตัววนรอบตำแหน่งที่เกรย์ยืนอยู่ มันสั่นกระเพื่อมไปมาเหมือนคลื่นบนผิวน้ำก่อนเปลี่ยนรูปร่างเป็นสัตว์บางอย่างที่กำลังกางปีกออกและชูคอขึ้นเหมือนจะเปล่งเสียงร้องคำราม
“ไฟฆ่ามังกรไม่ได้หรอก”
จอมเวทหนุ่มจบประโยคพลางมองเกรย์ยืนเล่นกับไฟรูปมังกรที่เขาสร้างขึ้น และยิ้มอย่างสนุกเมื่อเห็นจอมเวทเอ็กโซซิสต์ยืนตัวสั่นด้วยความโกรธ
“ไม่เอาน่า ก็แค่ไฟของเจ้ามันสู้ข้าไม่ได้เท่านั้น ยอมแพ้แล้วลงจากเวทีไปดีกว่า”
เซเบอร์กำดาบแน่น ใบหน้าขึ้งโกรธแปรเปลี่ยนเป็นยิ้ม “ใครบอกว่าข้าแพ้” เขาพูดพลางยืดตัวขึ้นและชี้ไปที่พื้นใต้เท้าของหนุ่มมังกร พอก้มลงมองจึงพบว่าตัวเองกำลังยืนอยู่บนกากบาทขนาดใหญ่ภายในวงมนตรา
“ตั้งแต่เมื่อไหร่” เกรย์อุทานอย่างแปลกใจและนิ่วหน้าเมื่อเห็นกากบาทเริ่มแยกออกจากกัน เซเบอร์จ้องเขาด้วยดวงตาอำมหิต
“ข้าสร้างมันตอนที่เจ้าพยายามใช้พลังสยบโฮลี่ไฟร์” เขายิ้มเหี้ยม “สู้กับปิศาจอย่างเจ้า มันต้องสำรองแผนอื่นเอาไว้ด้วย”
จอมเวทเอ็กโซซิสต์จรดด้ามดาบไว้ตรงหน้าผาก ส่วนมืออีกข้างขยับซ้ายขวาเพื่อวาดเครื่องหมายศักดิ์สิทธิ์
“โฮลี่ครอสส์ !”
รอยแยกใต้เท้าของเกรย์ปริแยกจากกัน ฉีกทั้งพื้นดิน อากาศตลอดจนผู้ที่ยืนอยู่ด้านบนออกเป็นสี่ชิ้น และถูกทำลายซ้ำด้วยเปลวเพลิง การจู่โจมอันเสนเหี้ยมโหดของเซเบอร์สร้างความประหวั่นพรั่นพรึงต่อผู้ชมรอบสนามโดยเฉพาะผู้หญิง พวกนางต่างส่งเสียงกรีดร้องด้วยความตระหนกเมื่อเห็นขวัญใจของตัวเองถูกฆ่าไปต่อหน้าต่อตา หลายคนเป็นลมล้มพับ ส่วนบางคนร้องเรียกเกรย์พร้อมกับเปล่งเสียงร่ำไห้คร่ำครวญ จอมเวทเอ็กโซซิสต์มองอาการเหล่านั้นอย่างดูแคลน
“แค่ปิศาจตัวหนึ่งตายไปเท่านั้น” พูดพลางเก็บดาบกลับเข้าฝักและเตรียมเดินออกจากสนามแต่ต้องหยุดชะงักเมื่อมีเสียงพรึ่บ ดังมาจากทางด้านหลัง พอหันไปดูเซเบอร์ก็ต้องเบิกตากว้าง เมื่อเห็นเกรย์กำลังยืนสงบนิ่งท่ามกลางกองเพลิง
“เป็นไปไม่ได้” เขาอุทานพลางกระชากดาบออกมาตั้งท่ารับ “แกรอดมาได้ยังไง”
หนุ่มมังกรขยับไปข้างหน้าหนึ่งก้าว เปลวเพลิงวิ่งไปบนพื้นสนามล้อมกรอบเอ็กโซซิสต์เอาไว้เหมือนขนดอสรพิษโอบรอบเหยื่อ
“ไม่ใช่รอด เวทของเจ้าทำอะไรข้าไม่ได้ต่างหาก” เกรย์พูดขณะบิดข้อมือทั้งสอง เรียกไฟสีน้ำเงินออกมาก่อนกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “เจ้าฉีกไฟไม่ได้หรอก”
เป็นครั้งแรกที่นักล่าปิศาจอย่างเอ็กโซซิสต์ถูกความหวาดกลัวถาโถมเข้าเกาะกุมทั้งร่างกายและจิตใจ สร้างความหวั่นไหวกินลึกลงไปถึงดวงวิญญาณ ยิ่งได้เห็นดวงตาของผู้ที่เขาตราหน้าว่าเป็นปิศาจกำลังเปลี่ยนเป็นสีแดงดุจเปลวเพลิงด้วยแล้ว ความประหวั่นพรั่นพรึงวิ่งไปทั่วทั้งร่าง กายสั่นสะท้านจนไม่อาจควบคุมได้ เหงื่อกาฬไหลทะลักท่วมตัวจนเปียกชุ่ม ดาบที่ชี้ตรงไปข้างหน้าสั่นระริก
“ปิศาจ”
“ข้าเป็นมังกร” เกรย์พูดสั้นๆก่อนเรียกไฟขึ้นมาในมือดีดใส่คู่ต่อสู้เผาร่างของเขาจนมอดไหม้ ชั่วพริบตาเดียวเท่านั้นเปลวเพลิงก็ดับลง เขามองเซเบอร์ซึ่งตอนนี้กลายเป็นกองขี้เถ้าอย่างเศร้าใจ “ทั้งที่ไม่อยากทำ แต่พวกเจ้าก็ยังบังคับ”
เขาก้าวข้ามกองธุลีสีเทา พร้อมกับกล่าวทิ้งท้าย “ลาก่อนเอ็กโซซิสต์”
เกรย์เดินออกจากสนามผ่านกลุ่มผู้ชมตรงไปยังจุดที่พวกราเชนยืนอยู่โดยไม่สนใจโปรยยิ้มให้เหมือนเช่นเคย พอถึงเขาก็ทิ้งตัวลงนั่งโดยยกขาขึ้นพาดเก้าอี้ตัวหน้าพร้อมกับไขว้แขนไว้ตรงท้ายทอย เบอร์ทิน่ามองด้วยความเป็นห่วงเพราะคิดว่าเขาอาจได้รับบาดเจ็บจนพูดอะไรไม่ออก แต่ก็ไม่กล้าเอ่ยถามอะไร อาเซอร์บัสชำเลืองมองด้วยหางตาก่อนพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบปราศจากอารมณ์
“มันเป็นการต่อสู้ อย่าเก็บมาใส่ใจ”
ราเชนทำตาโตเพราะนึกไม่ถึงว่าคนอย่างอาเซอร์บัสจะรู้จักพูดจาปลอบใจคนอื่น ถึงมันจะเป็นประโยคที่กระด้างจนไม่น่าฟังก็ตาม พอเลื่อนสายตาไปที่เกรย์เขาก็ยิ่งงงหนักขึ้นเมื่อเห็นรอยยิ้มมุมปาก
“ก็ไม่ได้สนใจอะไรหรอก รู้สึกแย่นิดหน่อยเท่านั้น”
“เรื่องอะไรเหรอ” คราวนี้เบอร์ทิน่าเป็นคนถาม หนุ่มมังกรยืดตัวขึ้นเล็กน้อยพร้อมกับถอนใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย
“ที่โดนทักว่าเป็นปิศาจ” พูดพลางชำเลืองมองเด็กสาวที่ทำหน้างง ชายหนุ่มจึงขยับตัวให้อยู่ในท่านั่งพร้อมกับยื่นหน้าเข้าไปหา “ข้าเป็นมังกรต่างหาก”
เด็กสาวกะพริบตาปริบๆ
“แล้วมันต่างกันตรงไหน”
“ต่างกันเยอะเลย” เกรย์พูดเสียงดังและกางแขนทั้งสองข้างออก “มังกรเป็นสิ่งมีชีวิตที่สูงส่ง ตัวก็ใหญ่ปีกก็กว้าง ใช้ไฟได้อย่างอิสระซ้ำยังมีพลังมากกว่า” เขาเชิดหน้า กอดอกยืดตัวตรง “แถมหน้าตาดีกว่าด้วย”
“ข้าขอค้านประโยคสุดท้าย” เสียงอาเซอร์บัสพึมพำ เกรย์หันไปมองและยิ้มอย่างเกเร
“อะไรกัน จะบอกว่าเจ้าหน้าตาดีกว่าข้างั้นเหรอ”
จอมเวทหนุ่มไม่ตอบ แถมทำหน้าเหมือนไม่สนใจคำถามของอีกฝ่ายเลยสักนิด เกรย์ทำท่าจะกวนประสาทเขาต่อแต่เบอร์ทิน่ากลับชิงถามขึ้นมาก่อน
“แล้วทำไมผู้ชายคนนั้นถึงบอกว่าเจ้าเป็นปิศาจ”
คราวนี้ชายหนุ่มมองนางด้วยความแปลกใจ
“ไม่รู้จักเอ็กโซซิสต์เหรอ” พอเห็นเด็กสาวส่ายหน้า เขาก็งงมากขึ้น “ที่เจ้าไม่รู้จักเวทบางอย่าง ข้าก็พอจะเข้าใจเพราะอายุยังน้อย แต่ไม่รู้จักพวกเอ็กโซซิสต์นี่นับว่าแปลกมาก” เกรย์ยื่นหน้าลงไปจนเกือบชิด “เจ้ามาจากไหนกันแน่แม่แมวน้อย”
“คือ” เบอร์ทิน่าอึกอักเพราะหาคำตอบไม่ถูก ราเชนจึงรีบเข้ามาแก้สถานการณ์
“นางมาจากหมู่บ้านที่อยู่ทางใต้ ไกลจากที่นี่มาก”
“ไกลแค่ไหนพวกเอ็กโซซิสต์ก็ไปถึง” เกรย์แย้ง ราเชนส่ายหน้า
“พวกนั้นไม่มีทางไปถึงหรอก เพราะหมู่บ้านนี้ซ่อนตัวอยู่ในหุบเขาลึกตัดขาดจากโลกภายนอก น้อยคนนักที่รู้จักแถมยังเข้าออกได้แค่ทางเดียวเท่านั้น”
หนุ่มมังกรหรี่ตาเหมือนไม่เชื่อคำพูดของอีกฝ่ายเท่าใดนัก เขาทำท่าเหมือนจะซักไซ้ไล่เรียงให้ละเอียดแต่กลับเปลี่ยนใจกลับไปนั่งเหยียดแข้งเหยียดขาตามเดิม
“พวกเอ็กโซซิสต์เป็นนักล่าปิศาจของศาสนจักร มีหน้าที่กวาดล้างทุกสิ่ง ที่ไม่ใช่มนุษย์ หรือมนุษย์ที่ตกอยู่ในความชั่วร้าย พวกเขามีพลังศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้า ซึ่งสามารถร่ายเวทสร้างพลังบริสุทธิ์อย่างโฮลี่ไฟร์ หรือโฮลี่ครอสส์ได้ ความจริงแล้วคนพวกนี้มักใส่ชุดขาว เป็นจอมเวทที่อยู่ในกลุ่มฮีลเลอร์ คอยดูแลช่วยเหลือมนุษย์ แต่พอแตกแขนงออกไปทำหน้าที่ของนักล่า จึงจัดตั้งกลุ่มใหม่ขึ้นมา เรียกว่าดาร์คฮีลเลอร์ ซึ่งสวมใส่เครื่องแบบสีตุ่นๆอย่างที่เจ้าเห็นนั่นแหละ”
เบอร์ทิน่านั่งฟังเกรย์อธิบายอย่างตั้งใจ และป้อนคำถามทันทีเมื่ออีกฝ่ายเล่าจบ
“ถ้าเขาเป็นนักล่า แล้วมาเข้าร่วมการแข่งขันทำไม”
“คงถูกส่งให้มาเก็บพวกจอมเวทที่ใช้พลังของสัตว์ หรือมีอำนาจเหนือคนธรรมดาจนมากเกินไป อย่างหมอนั่น” เขาบุ้ยใบ้ไปทางอาเซอร์บัส “หรืออย่างมนุษย์หมาป่าที่ถูกจัดการในรอบที่แล้ว ส่วนข้า มันเป็นความเข้าใจผิด เพราะถึงร่างกายจะเป็นหนึ่งเดียวและใช้พลังของมังกรได้ แต่ข้าก็ยังเป็นมนุษย์”
เด็กสาวมีสีหน้าวิตกกังวลในทันที
“ยังมีพวกแบบนี้อยู่อีกหรือเปล่า”
“เยอะ” เกรย์ตอบและเลิกคิ้วขึ้นเมื่อเห็นเบอร์ทิน่ามองด้วยความเป็นห่วง “ทำไมหรือ”
“แบบนี้ท่านก็ต้องถูกตามล่าไม่มีที่สิ้นสุดนะสิ”
“ไม่ต้องห่วง พลังของข้าก็ไม่มีวันสิ้นสุดเช่นเดียวกัน” เขาพูดอย่างสบายอารมณ์และระบายลมหายในออกมาเมื่อเห็นเด็กสาวยังทำหน้ากังวลไม่เลิก “ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกแม่แมวน้อย พวกกเอ็กโซซิสต์น่ะไม่เหมือนพวกไฮพรีสต์ พวกเขามีกำลังคนน้อยกว่า และจะกระจายไปตามจุดที่ถูกกำหนดเอาไว้เท่านั้น ต่อให้มีคนตายไป อีกนานกว่าเขาจะส่งคนใหม่มาแทน”
เด็กสาวนิ่งไปอีกครั้งและมีท่าทางลังเลขณะเหลือบมองอาเซอร์บัส “เจ้าบอกว่าเขาก็เป็นเป้าหมาย แต่อยู่ด้วยกันมาตั้งนาน ไม่เคยเห็นพวกเอ็กโซซิสต์เข้ามาในเมืองสักคน”
“มันจะมีได้ยังไง ก็เจ้านั่นออกไปเก็บตั้งแต่ยังไม่เข้าเขตเมืองเลยด้วยซ้ำ”
“ทำไมข้าถึงไม่เคยรู้” เบอร์ทิน่าอุทานอย่างลืมตัว เกรย์หรี่ตาลงและอมยิ้มเหมือนถูกใจที่จับผิดนางได้
“ไม่เห็นแปลก เจ้าอยู่ในหมู่บ้านกลางหุบเขาห่างจากที่นี่มาก ส่วนอาเซอร์บัสเป็นจอมเวทอารักขาประจำตัวของเจ้าหญิงเบอร์ทิน่าแห่งไมธีร่า เขาทำอะไร ยังไง ที่ไหน เจ้าไม่มีทางรู้ได้หรอก” เขาหยุดและทำท่าคิด “แต่เมื่อกี้เจ้าบอกว่าอยู่ด้วยกันมานาน แสดงว่าเจ้ากับเขาสนิทกันมากและคงเคยอยู่หมู่บ้านเดียวกันมาก่อน แปลกดีนะ เพราะเท่าที่ข้ารู้ เขาอยู่ที่นี่มาหกปีแล้ว”
เบอร์ทิน่าปิดปากและถอยออกห่างทันที ราเชนเห็นท่าไม่ดีจึงรีบพูดเรื่องอื่นเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ
“กรรมการประกาศกลุ่มประลองคู่ต่อไปแล้ว อะควอเรียส กับครักซ์เหมือนเดิม” เขานิ่งฟังและพูดต่อ “แต่ไม่ใช่คนที่ชื่อคิลเลอร์ฟรอสต์แฮะ”
ผลึกวิญญาณมังกร บทที่ 11 ความน่ากลัวของเวทศัสตรา
http://ppantip.com/topic/31439392
บทที่ 11 ความน่ากลัวของเวทศัสตรา
“การประลองคู่แรกของรอบที่สอง ขอเชิญตัวแทนจากกลุ่มลีโอ เอ็กโซซิสต์ เซเบอร์และตัวแทนจากกลุ่มฟีนิกซ์ ดราก้อน เกรย์ ก้าวเข้ามาในสนาม”
เสียงกรรมการประกาศก้อง เกรย์ซึ่งกำลังนั่งเอนตัวอย่างสบายทำหน้าเบื่อเล็กน้อยก่อนเหยียดแขนขาเพื่อไล่ความปวดเมื่อยจากท่านั่งและขยับเตรียมยืน จังหวะนั้นเองจู่ๆบุรุษในเครื่องแบบสีเทาหม่นก็เฉียดเข้ามาพร้อมกับเปรยพอให้เขาได้ยิน
“ปิศาจต้องถูกกำจัด”
พูดจบก็ก้าวเข้าไปในสนามประลอง เกรย์เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยเหมือนแปลกใจมากกว่าตระหนก ส่วนเบอร์ทิน่ากลับราเชนมองเขาอย่างงุนงง
“ทำไมเขาถึงพูดแบบนั้น” เด็กสาวถาม หนุ่มพลังมังกรยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย
“ไม่รู้สิ” ตอบเหมือนไม่ใส่ใจแต่กลับลุกขึ้นหมุนหัวไหล่ไปมา “แต่มาขู่กันแบบนี้คงต้องออกกำลังกันหน่อย” เขาโบกมือให้เบอร์ทิน่าและหันไปโปรยยิ้มให้บรรดาสาวๆก่อนเดินเข้าไปในสนามประลอง พอถึงกึ่งกลางของสนามเกรย์จึงหยุดและชูมือทั้งสองข้างขึ้น เรียกเสียงกรี๊ดจากบรรดากองเชียร์อย่างเซ็งแซ่
“น่าอนาถยิ่งนัก ที่หลงมัวเมาไปกับภาพมายา” เสียงต่ำทุ้มของเอ็กโซซิสต์ เซเบอร์พูด หนุ่มมังกรหันไปมองหน้า
“หมายความว่ายังไง”
“คนเหล่านั้นคลั่งไคล้ภาพลวงตาของเจ้า”
คิ้วสีเข้มของเกรย์เลิกสูงขณะเจ้าตัวยกมือขึ้นกอดอกและยืนในท่าที่กวนอารมณ์
“พวกเขาคลั่งไคล้ในความหล่อของข้าต่างหาก” พูดพลางยิ้มมุมปากเหมือนเจตนายั่วโทสะของคู่ต่อสู้ เซเบอร์จึงชักดาบออกจากฝักตวัดไปจ่อไว้ตรงหน้า
“ปากดีได้ก็แค่ตอนนี้เท่านั้น”
ใบหน้าของเกรย์ยังคงมีรอยยิ้มขี้เล่นประทับอยู่ แต่ดวงตาทั้งคู่กลับฉายความดุดันน่าเกรงขามออกมา
“งั้นก็ลงมือได้เลย”
พลังเวทรูปกากบาทแผ่ออกมาจากร่างของเซเบอร์ พุ่งเข้าโจมตีเกรย์ในพริบตา ชายหนุ่มยกแขนขึ้นตั้งรับพร้อมกับปัดมันออก แต่ยังไม่ทันได้ตีโต้ จอมเวทผู้มีพลังของเอ็กโซซิสต์ก็วาดดาบเป็นวงกลมพร้อมร่ายเวทสร้างกำแพงเพลิงกระหน่ำเข้าใส่อย่างต่อเนื่อง เผาร่างของเกรย์และพื้นดินโดยรอบจนแดงฉานไปด้วยเปลวไฟ
“พลังอะไรกันนี่” ราเชนอุทานด้วยความตระหนก และสะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงทุ้มดังมาจากด้านหลัง
“โฮลี่ไฟร์” อาเซอร์บัสมองสนามประลองที่กำลังจมอยู่ในกองเพลิง ผู้ชมโดยรอบต่างร้องลั่นและถอยออกห่างไอร้อนที่พวยพุ่งออกมาอย่างหวาดกลัว
“มันคืออะไร แล้วเกรย์จะเป็นอะไรหรือเปล่า” เบอร์ทิน่าถามด้วยความเป็นห่วง จอมเวทหนุ่มมองนางด้วยหางตาแวบหนึ่งก่อนตอบ
“มันเป็นไฟศักดิ์สิทธิ์ของกลุ่มผู้ใช้เวทเอ็กโซซิสต์โดยเฉพาะ มีอำนาจในการทำลายล้างสูง สามารถเผาอมนุษย์และปิศาจให้ไหม้เป็นจุณไม่เหลือแม้เถ้า ส่วนคำถามที่ว่า เขาจะเป็นอะไรหรือเปล่านั้น” อาเซอร์บัสหยุดคำพูดพลางหันหน้ากลับไปที่สนาม ซึ่งในเวลานี้เปลวไฟของเอ็กโซซิสต์กำลังม้วนตัววนรอบตำแหน่งที่เกรย์ยืนอยู่ มันสั่นกระเพื่อมไปมาเหมือนคลื่นบนผิวน้ำก่อนเปลี่ยนรูปร่างเป็นสัตว์บางอย่างที่กำลังกางปีกออกและชูคอขึ้นเหมือนจะเปล่งเสียงร้องคำราม
“ไฟฆ่ามังกรไม่ได้หรอก”
จอมเวทหนุ่มจบประโยคพลางมองเกรย์ยืนเล่นกับไฟรูปมังกรที่เขาสร้างขึ้น และยิ้มอย่างสนุกเมื่อเห็นจอมเวทเอ็กโซซิสต์ยืนตัวสั่นด้วยความโกรธ
“ไม่เอาน่า ก็แค่ไฟของเจ้ามันสู้ข้าไม่ได้เท่านั้น ยอมแพ้แล้วลงจากเวทีไปดีกว่า”
เซเบอร์กำดาบแน่น ใบหน้าขึ้งโกรธแปรเปลี่ยนเป็นยิ้ม “ใครบอกว่าข้าแพ้” เขาพูดพลางยืดตัวขึ้นและชี้ไปที่พื้นใต้เท้าของหนุ่มมังกร พอก้มลงมองจึงพบว่าตัวเองกำลังยืนอยู่บนกากบาทขนาดใหญ่ภายในวงมนตรา
“ตั้งแต่เมื่อไหร่” เกรย์อุทานอย่างแปลกใจและนิ่วหน้าเมื่อเห็นกากบาทเริ่มแยกออกจากกัน เซเบอร์จ้องเขาด้วยดวงตาอำมหิต
“ข้าสร้างมันตอนที่เจ้าพยายามใช้พลังสยบโฮลี่ไฟร์” เขายิ้มเหี้ยม “สู้กับปิศาจอย่างเจ้า มันต้องสำรองแผนอื่นเอาไว้ด้วย”
จอมเวทเอ็กโซซิสต์จรดด้ามดาบไว้ตรงหน้าผาก ส่วนมืออีกข้างขยับซ้ายขวาเพื่อวาดเครื่องหมายศักดิ์สิทธิ์
“โฮลี่ครอสส์ !”
รอยแยกใต้เท้าของเกรย์ปริแยกจากกัน ฉีกทั้งพื้นดิน อากาศตลอดจนผู้ที่ยืนอยู่ด้านบนออกเป็นสี่ชิ้น และถูกทำลายซ้ำด้วยเปลวเพลิง การจู่โจมอันเสนเหี้ยมโหดของเซเบอร์สร้างความประหวั่นพรั่นพรึงต่อผู้ชมรอบสนามโดยเฉพาะผู้หญิง พวกนางต่างส่งเสียงกรีดร้องด้วยความตระหนกเมื่อเห็นขวัญใจของตัวเองถูกฆ่าไปต่อหน้าต่อตา หลายคนเป็นลมล้มพับ ส่วนบางคนร้องเรียกเกรย์พร้อมกับเปล่งเสียงร่ำไห้คร่ำครวญ จอมเวทเอ็กโซซิสต์มองอาการเหล่านั้นอย่างดูแคลน
“แค่ปิศาจตัวหนึ่งตายไปเท่านั้น” พูดพลางเก็บดาบกลับเข้าฝักและเตรียมเดินออกจากสนามแต่ต้องหยุดชะงักเมื่อมีเสียงพรึ่บ ดังมาจากทางด้านหลัง พอหันไปดูเซเบอร์ก็ต้องเบิกตากว้าง เมื่อเห็นเกรย์กำลังยืนสงบนิ่งท่ามกลางกองเพลิง
“เป็นไปไม่ได้” เขาอุทานพลางกระชากดาบออกมาตั้งท่ารับ “แกรอดมาได้ยังไง”
หนุ่มมังกรขยับไปข้างหน้าหนึ่งก้าว เปลวเพลิงวิ่งไปบนพื้นสนามล้อมกรอบเอ็กโซซิสต์เอาไว้เหมือนขนดอสรพิษโอบรอบเหยื่อ
“ไม่ใช่รอด เวทของเจ้าทำอะไรข้าไม่ได้ต่างหาก” เกรย์พูดขณะบิดข้อมือทั้งสอง เรียกไฟสีน้ำเงินออกมาก่อนกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “เจ้าฉีกไฟไม่ได้หรอก”
เป็นครั้งแรกที่นักล่าปิศาจอย่างเอ็กโซซิสต์ถูกความหวาดกลัวถาโถมเข้าเกาะกุมทั้งร่างกายและจิตใจ สร้างความหวั่นไหวกินลึกลงไปถึงดวงวิญญาณ ยิ่งได้เห็นดวงตาของผู้ที่เขาตราหน้าว่าเป็นปิศาจกำลังเปลี่ยนเป็นสีแดงดุจเปลวเพลิงด้วยแล้ว ความประหวั่นพรั่นพรึงวิ่งไปทั่วทั้งร่าง กายสั่นสะท้านจนไม่อาจควบคุมได้ เหงื่อกาฬไหลทะลักท่วมตัวจนเปียกชุ่ม ดาบที่ชี้ตรงไปข้างหน้าสั่นระริก
“ปิศาจ”
“ข้าเป็นมังกร” เกรย์พูดสั้นๆก่อนเรียกไฟขึ้นมาในมือดีดใส่คู่ต่อสู้เผาร่างของเขาจนมอดไหม้ ชั่วพริบตาเดียวเท่านั้นเปลวเพลิงก็ดับลง เขามองเซเบอร์ซึ่งตอนนี้กลายเป็นกองขี้เถ้าอย่างเศร้าใจ “ทั้งที่ไม่อยากทำ แต่พวกเจ้าก็ยังบังคับ”
เขาก้าวข้ามกองธุลีสีเทา พร้อมกับกล่าวทิ้งท้าย “ลาก่อนเอ็กโซซิสต์”
เกรย์เดินออกจากสนามผ่านกลุ่มผู้ชมตรงไปยังจุดที่พวกราเชนยืนอยู่โดยไม่สนใจโปรยยิ้มให้เหมือนเช่นเคย พอถึงเขาก็ทิ้งตัวลงนั่งโดยยกขาขึ้นพาดเก้าอี้ตัวหน้าพร้อมกับไขว้แขนไว้ตรงท้ายทอย เบอร์ทิน่ามองด้วยความเป็นห่วงเพราะคิดว่าเขาอาจได้รับบาดเจ็บจนพูดอะไรไม่ออก แต่ก็ไม่กล้าเอ่ยถามอะไร อาเซอร์บัสชำเลืองมองด้วยหางตาก่อนพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบปราศจากอารมณ์
“มันเป็นการต่อสู้ อย่าเก็บมาใส่ใจ”
ราเชนทำตาโตเพราะนึกไม่ถึงว่าคนอย่างอาเซอร์บัสจะรู้จักพูดจาปลอบใจคนอื่น ถึงมันจะเป็นประโยคที่กระด้างจนไม่น่าฟังก็ตาม พอเลื่อนสายตาไปที่เกรย์เขาก็ยิ่งงงหนักขึ้นเมื่อเห็นรอยยิ้มมุมปาก
“ก็ไม่ได้สนใจอะไรหรอก รู้สึกแย่นิดหน่อยเท่านั้น”
“เรื่องอะไรเหรอ” คราวนี้เบอร์ทิน่าเป็นคนถาม หนุ่มมังกรยืดตัวขึ้นเล็กน้อยพร้อมกับถอนใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย
“ที่โดนทักว่าเป็นปิศาจ” พูดพลางชำเลืองมองเด็กสาวที่ทำหน้างง ชายหนุ่มจึงขยับตัวให้อยู่ในท่านั่งพร้อมกับยื่นหน้าเข้าไปหา “ข้าเป็นมังกรต่างหาก”
เด็กสาวกะพริบตาปริบๆ
“แล้วมันต่างกันตรงไหน”
“ต่างกันเยอะเลย” เกรย์พูดเสียงดังและกางแขนทั้งสองข้างออก “มังกรเป็นสิ่งมีชีวิตที่สูงส่ง ตัวก็ใหญ่ปีกก็กว้าง ใช้ไฟได้อย่างอิสระซ้ำยังมีพลังมากกว่า” เขาเชิดหน้า กอดอกยืดตัวตรง “แถมหน้าตาดีกว่าด้วย”
“ข้าขอค้านประโยคสุดท้าย” เสียงอาเซอร์บัสพึมพำ เกรย์หันไปมองและยิ้มอย่างเกเร
“อะไรกัน จะบอกว่าเจ้าหน้าตาดีกว่าข้างั้นเหรอ”
จอมเวทหนุ่มไม่ตอบ แถมทำหน้าเหมือนไม่สนใจคำถามของอีกฝ่ายเลยสักนิด เกรย์ทำท่าจะกวนประสาทเขาต่อแต่เบอร์ทิน่ากลับชิงถามขึ้นมาก่อน
“แล้วทำไมผู้ชายคนนั้นถึงบอกว่าเจ้าเป็นปิศาจ”
คราวนี้ชายหนุ่มมองนางด้วยความแปลกใจ
“ไม่รู้จักเอ็กโซซิสต์เหรอ” พอเห็นเด็กสาวส่ายหน้า เขาก็งงมากขึ้น “ที่เจ้าไม่รู้จักเวทบางอย่าง ข้าก็พอจะเข้าใจเพราะอายุยังน้อย แต่ไม่รู้จักพวกเอ็กโซซิสต์นี่นับว่าแปลกมาก” เกรย์ยื่นหน้าลงไปจนเกือบชิด “เจ้ามาจากไหนกันแน่แม่แมวน้อย”
“คือ” เบอร์ทิน่าอึกอักเพราะหาคำตอบไม่ถูก ราเชนจึงรีบเข้ามาแก้สถานการณ์
“นางมาจากหมู่บ้านที่อยู่ทางใต้ ไกลจากที่นี่มาก”
“ไกลแค่ไหนพวกเอ็กโซซิสต์ก็ไปถึง” เกรย์แย้ง ราเชนส่ายหน้า
“พวกนั้นไม่มีทางไปถึงหรอก เพราะหมู่บ้านนี้ซ่อนตัวอยู่ในหุบเขาลึกตัดขาดจากโลกภายนอก น้อยคนนักที่รู้จักแถมยังเข้าออกได้แค่ทางเดียวเท่านั้น”
หนุ่มมังกรหรี่ตาเหมือนไม่เชื่อคำพูดของอีกฝ่ายเท่าใดนัก เขาทำท่าเหมือนจะซักไซ้ไล่เรียงให้ละเอียดแต่กลับเปลี่ยนใจกลับไปนั่งเหยียดแข้งเหยียดขาตามเดิม
“พวกเอ็กโซซิสต์เป็นนักล่าปิศาจของศาสนจักร มีหน้าที่กวาดล้างทุกสิ่ง ที่ไม่ใช่มนุษย์ หรือมนุษย์ที่ตกอยู่ในความชั่วร้าย พวกเขามีพลังศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้า ซึ่งสามารถร่ายเวทสร้างพลังบริสุทธิ์อย่างโฮลี่ไฟร์ หรือโฮลี่ครอสส์ได้ ความจริงแล้วคนพวกนี้มักใส่ชุดขาว เป็นจอมเวทที่อยู่ในกลุ่มฮีลเลอร์ คอยดูแลช่วยเหลือมนุษย์ แต่พอแตกแขนงออกไปทำหน้าที่ของนักล่า จึงจัดตั้งกลุ่มใหม่ขึ้นมา เรียกว่าดาร์คฮีลเลอร์ ซึ่งสวมใส่เครื่องแบบสีตุ่นๆอย่างที่เจ้าเห็นนั่นแหละ”
เบอร์ทิน่านั่งฟังเกรย์อธิบายอย่างตั้งใจ และป้อนคำถามทันทีเมื่ออีกฝ่ายเล่าจบ
“ถ้าเขาเป็นนักล่า แล้วมาเข้าร่วมการแข่งขันทำไม”
“คงถูกส่งให้มาเก็บพวกจอมเวทที่ใช้พลังของสัตว์ หรือมีอำนาจเหนือคนธรรมดาจนมากเกินไป อย่างหมอนั่น” เขาบุ้ยใบ้ไปทางอาเซอร์บัส “หรืออย่างมนุษย์หมาป่าที่ถูกจัดการในรอบที่แล้ว ส่วนข้า มันเป็นความเข้าใจผิด เพราะถึงร่างกายจะเป็นหนึ่งเดียวและใช้พลังของมังกรได้ แต่ข้าก็ยังเป็นมนุษย์”
เด็กสาวมีสีหน้าวิตกกังวลในทันที
“ยังมีพวกแบบนี้อยู่อีกหรือเปล่า”
“เยอะ” เกรย์ตอบและเลิกคิ้วขึ้นเมื่อเห็นเบอร์ทิน่ามองด้วยความเป็นห่วง “ทำไมหรือ”
“แบบนี้ท่านก็ต้องถูกตามล่าไม่มีที่สิ้นสุดนะสิ”
“ไม่ต้องห่วง พลังของข้าก็ไม่มีวันสิ้นสุดเช่นเดียวกัน” เขาพูดอย่างสบายอารมณ์และระบายลมหายในออกมาเมื่อเห็นเด็กสาวยังทำหน้ากังวลไม่เลิก “ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกแม่แมวน้อย พวกกเอ็กโซซิสต์น่ะไม่เหมือนพวกไฮพรีสต์ พวกเขามีกำลังคนน้อยกว่า และจะกระจายไปตามจุดที่ถูกกำหนดเอาไว้เท่านั้น ต่อให้มีคนตายไป อีกนานกว่าเขาจะส่งคนใหม่มาแทน”
เด็กสาวนิ่งไปอีกครั้งและมีท่าทางลังเลขณะเหลือบมองอาเซอร์บัส “เจ้าบอกว่าเขาก็เป็นเป้าหมาย แต่อยู่ด้วยกันมาตั้งนาน ไม่เคยเห็นพวกเอ็กโซซิสต์เข้ามาในเมืองสักคน”
“มันจะมีได้ยังไง ก็เจ้านั่นออกไปเก็บตั้งแต่ยังไม่เข้าเขตเมืองเลยด้วยซ้ำ”
“ทำไมข้าถึงไม่เคยรู้” เบอร์ทิน่าอุทานอย่างลืมตัว เกรย์หรี่ตาลงและอมยิ้มเหมือนถูกใจที่จับผิดนางได้
“ไม่เห็นแปลก เจ้าอยู่ในหมู่บ้านกลางหุบเขาห่างจากที่นี่มาก ส่วนอาเซอร์บัสเป็นจอมเวทอารักขาประจำตัวของเจ้าหญิงเบอร์ทิน่าแห่งไมธีร่า เขาทำอะไร ยังไง ที่ไหน เจ้าไม่มีทางรู้ได้หรอก” เขาหยุดและทำท่าคิด “แต่เมื่อกี้เจ้าบอกว่าอยู่ด้วยกันมานาน แสดงว่าเจ้ากับเขาสนิทกันมากและคงเคยอยู่หมู่บ้านเดียวกันมาก่อน แปลกดีนะ เพราะเท่าที่ข้ารู้ เขาอยู่ที่นี่มาหกปีแล้ว”
เบอร์ทิน่าปิดปากและถอยออกห่างทันที ราเชนเห็นท่าไม่ดีจึงรีบพูดเรื่องอื่นเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ
“กรรมการประกาศกลุ่มประลองคู่ต่อไปแล้ว อะควอเรียส กับครักซ์เหมือนเดิม” เขานิ่งฟังและพูดต่อ “แต่ไม่ใช่คนที่ชื่อคิลเลอร์ฟรอสต์แฮะ”