บทที่ 19 อาชาเพลิง
http://ppantip.com/topic/31807747
บทที 20 ปราการเวทบนผืนนา
กลุ่มไฟที่พุ่งเข้าโจมตีเหล่าจอมเวท ถอยกลับไปที่บ่อน้ำอีกครั้งและเริ่มก่อตัวเป็นรูปร่างของสัตว์บางอย่าง ซึ่งพอเปลี่ยนรูปจนเห็นได้ชัดว่าเป็นตัวอะไร อาเซอร์บัสก็เบิกตากว้างพร้อมกับหลุดปากออกมา
“อาชาเพลิง”
พอได้ยินดังนั้น ม้าเพลิงก็ยกขาหน้าทั้งสองขึ้นกระโจนเข้าใส่จอมเวทหนุ่มทันที คิลเลอร์ฟรอสต์สร้างโล่น้ำแข็งอีกครั้ง ส่วนเกรย์รีบเรียกไฟของตัวเองออกมาเพื่อสะกัดแต่อาเซอร์บัสกลับส่งสัญญาณห้ามก่อนยื่นมือออกไปข้างหน้า แทนที่จะพุ่งเข้าชน อาชาเพลิงกลับยั้งฝีเท้าของตัวเองไว้และหยุดยืนตรงหน้าจอมเวทแห่งไมธีร่าโดยเว้นระยะห่างหนึ่งศอก มันทำเสียงฟืดฟาดพร้อมกับส่ายหัวไปมาก่อนก้มลง พอปลายจมูกสัมผัสมือของเขา ร่างของมันก็หายวับไป
“อะไรกันน่ะ” เกรย์ถามด้วยความงุนงงและหยุดคำพูดไว้แค่นั้นเมื่อได้ยินเสียงน้ำดังตูมตามมาจากกลางบ่อ พอทุกคนหันไปมอง ก็เห็นอะไรบางอย่างผลุบโผล่อยู่ในน้ำ ราเชนซึ่งตาไวกว่าเพื่อนร้องออกมาด้วยความตกใจ
“ลูกม้า!”
ทุกคนมองตามจึงเห็นลูกม้าสีน้ำตาลเข้มกำลังตะเกียกตะกายอยู่ริมตลิ่งฝั่งตรงกันข้าม แต่การกระทำของมันเหมือนยิ่งผลักตัวให้ออกห่างจากผืนดิน ไม่ช้าม้าตัวนั้นก็ลอยคออยู่กลางบ่อและทำท่าเหมือนจะจมลงภายในเวลาไม่นาน
“ทำไงดี” เบอร์ทิน่าพูดด้วยใบหน้าตระหนกพลางหันไปทางทหาร “ใครก็ได้ลงไปช่วยมันด้วย”
“ทหารใส่เกราะขืนลงไปก็จมน้ำตายกันพอดี” อาเซอร์บัสพูด เด็กสาวจึงหันมาทางเขา
“งั้นเจ้าก็ใช้เวทช่วยมันสิ”
“ยังไง” จอมเวทหนุ่มถามเสียงเย็น ใบหน้าเฉยชาทำให้เบอร์ทิน่าโกรธจนแทบจับเขาโยนลงน้ำ
“ก็ใช้เวทของเจ้าสิ แบบที่ยกราเชนในงานฉลองก็ได้”
“จะเวทอะไรก็ช่าง ช่วยรีบหน่อยได้ไหม ม้าตัวนั้นกำลังจะจมลงไปแล้ว” ราเชนตะโกนออกมาอย่างร้อนใจและสะดุ้งสุดตัวเมื่อโดนคิลเลอร์ฟรอสต์ผลักไปให้พ้นทาง จากนั้นเขาก็กางมือเหนือพื้นดิน ร่ายเวทสร้างแผ่นน้ำแข็งคล้ายทางเดินยืดยาวออกไป แต่พอถึงขอบบ่อ มันก็สลายตัวกลายเป็นน้ำ คิ้วสีเทาขมวดมุ่นเข้าหาด้วยความแปลกใจและพยายามร่ายเวทอีกสองครั้งแต่ก็เหมือนตอนแรก คือสามารถสร้างทางเดินน้ำแข็งได้แต่พอไปถึงตลิ่ง มันก็ละลายไปในทันทีเหมือนถูกเปลวไฟ เมื่อเห็นเวทน้ำแข็งใช้ไม่ได้ผล อัลบอร์ตจึงร่ายเวทของตนเองบ้างแต่ก็ต้องพบกับความประหลาดใจเพราะเวทของเขาไม่สามารถบังคับน้ำในบ่อได้ พอเห็นดังนั้น ราเชนจึงตัดสินใจกระโดดลงน้ำ ว่ายไปช่วยลูกม้าด้วยตัวเอง
“เจ้าเด็กสิ้นคิด” อาเซอร์บัสบ่นพลางยื่นมือไปข้างหน้า ร่างที่กำลังจะจมของทั้งคนและม้าถูกดันให้ลอยขึ้นมาครึ่งตัว พอเขาโบกมือ ทั้งสองก็เลื่อนเข้าสู่ฝั่ง ท่ามกลางเสียงถอนใจด้วยความโล่งอกจากทหารและเหล่าจอมเวท
“ค่อยยังชั่ว ปลอดภัยแล้วนะเจ้าม้า” ราเชนพูดอยางร่าเริงพลางตบแผงคออาชาน้อยเบาๆเพื่อให้มันสงบในขณะเดียวกันตาก็ชำเลืองมองอาเซอร์บัสอย่างนึกหวั่น เพราะรู้ดีกว่าการตัดสินใจแบบหุนหันพลันแล่นอย่างนั้นต้องโดนดุแน่ แต่ผิดคาด นอกจากจะไม่สนใจแล้ว จอมเวทหนุ่มยังคงมองน้ำในบ่อแน่วนิ่งเหมือนกำลังใช้ความคิด
“แปลก” เสียงเกรย์พูดขึ้น พอเห็นอาเซอร์บัสเหลือบตามองจึงกล่าวต่อ “เหมือนอาชาเพลิงตัวนั้นขอความช่วยเหลือจากเจ้า”
“ก็ทำนองนั้น” จอมเวทแห่งไมธีร่าตอบด้วยเสียงที่เหมือนพูดกับตัวเองมากกว่า หนุ่มมังกรจึงหันไปทางคิลเลอร์ฟรอสต์กับอัลบอร์ต
“ที่น่าสงสัยอีกอย่างก็คือ ทำไมเวทของสองคนนั่นใช้ไม่ได้ผล แต่เจ้ากลับใช้ได้ตามปรกติ”
อาเซอร์บัสไม่ตอบ เพราะมีเสียงกรีดร้องด้วยความตระหนกดังมาจากทุ่งหญ้า เมื่อหันไปมองจึงพบว่าเจ้าของเสียงเป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ และกำลังวิ่งตรงมาหาด้วยท่าทางตกใจ
“แคนน่อน” นางเรียกเสียงหลงพลางใช้แขนน้อยๆทั้งสองข้างแหวกกลุ่มทหารและเหล่าจอมเวทไปจนถึงขอบบ่อ พอเห็นลูกม้านั่งตัวเปียกปอนอยู่กับราเชน เด็กหญิงจึงโผเข้ากอดพร้อมกับพูด “ดีใจจังที่เจ้าปลอดภัย”
ราเชนมองเด็กหญิงตัวเล็กอย่างงุนงง
“ม้าตัวนี้เป็นของเจ้าอย่างนั้นหรือ” เขาถาม อีกฝ่ายผงกศีรษะรับทั้งที่มือทั้งสองข้างยังคงกอดอาชาน้อย
“ใช่”
เด็กหนุ่มเตรียมตำหนิว่าทำไมถึงเผลอเรอปล่อยให้ลูกม้าตกน้ำ แต่พอเห็นอีกฝ่ายยังตกใจและกอดม้าแน่น เขาจึงเปลี่ยนใจ
“มันไม่เป็นอะไรแล้วละ”
คำพูดนั้นทำให้เด็กหญิงรู้สึกตัว นางคลายอ้อมกอดและหันมาจอมเวทที่ยืนรายล้อมก่อนหยุดตรงร่างที่เปียกโชกตั้งแต่หัวจรดเท้าของราเชน
“เจ้าช่วยแคนน่อน” นางพูดด้วยความรู้สึกซาบซึ้งในบุญคุณและค้อมศีรษะลง “ขอบใจมาก”
คำพูดกับกิริยาอันแสนสุภาพทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกกระดากจนต้องรีบยกมือขึ้นลูบท้ายทอยเพื่อแก้เขิน
“ไม่เป็นไร ข้าก็แค่โดดลงไปพยุงไม่ให้มันจมน้ำเท่านั้น คนที่ช่วยจริงๆคือเขาต่างหาก”
พูดจบก็หันไปทางอาเซอร์บัส เด็กหญิงตัวน้อยมองตาและเบิกตากว้างเมื่อเห็นจอมเวทหนุ่มที่ห่อหุ้มร่างกายด้วยชุดสีดำ
“ท่าน!” นางหลุดปากออกมาอย่างคาดไม่ถึง เกรย์ซึ่งยืนกอดอกอยู่ข้างๆเลิกคิ้วข้างหนึ่งพร้อมกับยิ้มมุมปาก
“เจ้าทำให้นางกลัว”
“ข้าไม่ได้กลัว” เด็กหญิงตัวน้อยแย้งทั้งที่ยังคงมองอาเซอร์บัสไม่วางตา “แค่นึกไม่ถึงว่าจะได้พบจอมเวทแห่งความมืดตัวจริง”
จอมเวทแห่งไมธีร่าขมวดคิ้วน้อยๆ
“ทำไมถึงคิดว่าข้าเป็นจอมเวทแห่งความมืด”
“ท่านเหมือนจอมเวทในตำนานที่ท่านพ่อเคยเล่าให้ฟังทุกคืนก่อนนอนไม่มีผิด” เด็กหญิงตอบและก้มศีรษะลงเพื่อแสดงความเคารพ “ข้าชื่อลูซี่ พ่อของข้าคือ ไลอ้อนแห่งวอลล์”
“วอลล์” อาเซอร์บัสทวนพลางมองลูกม้าที่กำลังกระโดดรอบตัวราเชน “ตระกูลวอลล์ที่อาศัยอยู่บนที่ราบชายนิ่งน่ะหรือ”
เสียงเด็กน้อยตอบกลับมาว่าใช่ และพูดต่ออีกยืดยาวแต่จอมเวทหนุ่มไม่ได้ฟังว่านางกล่าวเรื่องใด เขาคว้าม้าเอาไว้ด้วยมือข้างหนึ่งและโน้มตัวลงไปจ้องหน้า “ใช่จริงๆ”
พูดจบก็หันหน้ากลับไปที่บ่อน้ำ คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันอย่างนึกสงสัย
“แต่ทำไมถึง”
เกรย์ซึ่งยืนนิ่งฟังเงียบๆจึงเอ่ยปากถาม
“มีอะไรเหรอ”
อาเซอร์บัสไม่ตอบแต่กลับเลื่อนสายตาไปที่ลูซี่และเอ่ยปากอย่างเคร่งขรึม
“ช่วยพาไปบ้านเจ้าหน่อย”
ราเชนซึ่งกำลังยืนก้มหน้าก้มตาปัดเศษดินกับสาหร่ายออกจากเสื้อชะงักมือในทันที คิ้วข้างหนึ่งเลิกสูงด้วยความแปลกใจ
“นางเพิ่งพูดเมื่อกี้ว่าเชิญพวกเราไปที่บ้าน” รอยยิ้มกวนประสาทแต้มบนมุมปาก “มัวใจลอยอะไรอยู่หรือเจ้าเฉาก๊วย”
อาเซอร์บัสมองคนพูดด้วยหางตาอย่างนึกฉุนพลางขยับไม้เท้าในมือเหมือนอยากเคาะกระโหลกเด็กปากเสียเต็มประดา แต่ความกังวลทำให้เขาเปลี่ยนใจ
“นำทางพวกเราไปได้เลย”
จอมเวทหนุ่มหันไปบอกลูซี่ แต่ฮันท์กลับก้าวไปยืนขวางพร้อมกับแย้ง
“เราไม่ควรเสียเวลาไปกับเรื่องไร้สาระ”
มือที่ใหญ่โตกำแน่นในขณะที่เจ้าตัวร่ายเวทเรียกพลังของหมีเข้ามาสถิตในกำปั้น เมื่อเห็นเงาดำเลื่อนเข้าไปในใบหน้าที่ซ่อนอยู่ภายใต้ผ้าคลุม แต่อาเซอร์บัสกลับกล่าวสั้นๆ
“หลีก”
“ไม่ จนกว่าเจ้าจะหันกลับไปทางเดิม” ฮันท์ตอบและหยุดไปเล็กน้อยเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ “หรืออธิบายเหตุผลว่าทำไม”
“ไปถึงแล้วจะเล่าให้ฟัง” จอมเวทแห่งไมธีร่าตอบ แต่ฮันท์กลับคำรามในลำคออย่างไม่พอใจ
“ข้าอยากฟังตอนนี้”
เขาพูดด้วยน้ำเสียงเชิงบังคับและขยับเข้าไปหาด้วยท่าทางคุกคาม เกรย์รีบถลันไปขวางเอาไว้ทันที
“เย็นไว้ก่อน ฮันท์” เขาพูดพร้อมกับหันไปทางอาเซอร์บัส “ดับไฟนั่นเถอะอาเซอร์บัส เก็บเอาไว้ใช้กับคนพวกนั้นดีกว่า”
เปลวเพลิงสีดำที่ปะทุใต้เท้าของจอมเวทร่างยักษ์ดับวูบลง ส่วนฮันท์พอรู้ตัวว่าเกือบจบชีวิตด้วยไฟสังหารก็หน้าถอดสี ไม่ใช่เพราะความขี้ขลาดตาขาวหรือหวาดกลัว เพียงแต่เขายังไม่อยากตายก่อนบรรลุในสิ่งที่ตั้งใจ หมัดที่กำแน่นเมื่อครู่คลายออกพร้อมเวท พอเห็นทั้งสองฝ่ายยอมละโทสะตามคำขอแล้ว หนุ่มมังกรจึงฉีกยิ้ม
“ขอบคุณ” ไม่พูดเปล่ายังก้มศีรษะลงน้อยๆให้กับฮันท์และอาเซอร์บัส คนแรกรีบค้อมศีรษะลงรับส่วนคนหลังเบือนหน้าหนี
“ที่เจ้าพูดเมื่อครู่ หมายถึงอะไร” ซาเบลถามด้วยความสงสัย เกรย์ตีหน้างง
“เรื่องอะไร”
“ก็ที่ว่าให้เขาเก็บไฟไว้ใช้กับคนพวกนั้น” จอมเวทแห่งศัสตราพูดพร้อมกับหันมองไปรอบๆ “ข้าไม่เห็นมีใครสักคน และพวกนั้นที่เจ้าว่า หมายถึงใคร ไฮพรีสต์อย่างนั้นหรือ”
ประโยคสุดท้ายทำให้มุนดาสะดุ้งและกวาดตามองรอบตัวอย่างหวาดระแวง เกรย์ส่งยิ้มให้กับนางพร้อมกับสั่นศีรษะ
“ไม่ใช่พวกไฮพรีสต์หรอก” เขาหันไปทางอาเซอร์บัส “แล้วเจ้าล่ะ”
ความหมายของหนุ่มมังกรก็คือ สัมผัสถึงพลังเวทได้บ้างหรือเปล่า และพอจะรู้หรือไม่ว่าคนเหล่านั้นเป็นใคร แต่จอมเวทแห่งไมธีร่ากลับส่ายหน้า
“ข้ารู้แค่ว่าตอนนี้พวกเรากำลังถูกเฝ้ามอง” เขากล่าวอย่างเคร่งขรึมและมองฮันท์ “ด้วยเหตุนี้เราจึงต้องไปบ้านของลูซี่”
“ทำไม”
อีกฝ่ายถามสั้นๆ อาเซอร์บัสเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าซึ่งเริ่มมืดลง
“เราต้องหาที่พัก”
เป็นเหตุผลที่ฮันท์ต้องยอมจำนน เพราะตอนนี้เป็นเวลาใกล้ค่ำ ถึงเดินทางต่อก็คงไปได้ไม่ไกล เขามองดวงอาทิตย์ที่ลอยเรี่ยดินก่อนหลีกทางให้จอมเวทหนุ่ม อีกฝ่ายจึงหันไปทางลูซี่และกล่าวอย่างสุภาพ
“เชิญนำพวกเราไปได้เลย”
เด็กหญิงยิ้มร่าด้วยความยินดีและหมุนตัวเดินนำหน้าอย่างกระตือรือล้นโดยมีลูกม้าวิ่งเคียงข้าง จากนั้นอาเซอร์บัสและจอมเวททุกคนจึงก้าวตาม โดยทหารได้แยกกำลังออกเป็นสองกลุ่มเดินขนาบข้างเพื่อคอยระวังภัย ทั้งหมดเดินตามกันอย่างเงียบๆ ไม่มีการพูดคุยซักถามหรือสนทนาอะไรกัน
ผ่านไปครู่ใหญ่ ราเชนเริ่มเบื่อกับความเครียดอันน่าอึดอัด จึงหันไปดึงต้นหญ้าหรือไม่ก็โยนก้อนหินเล่น แต่พอโดนอาเซอร์บัสดุ เขาก็แอบแลบลิ้นใส่และหันไปพูดเล่นกับเกรย์อย่างสนุกสนาน เบอร์ทิน่ามองทั้งคู่อยู่อึดใจจึงขยับเข้าไปใกล้และกระซิบถาม
“ข้าสงสัยมานานแล้ว ทำไมเจ้าจึงเรียกอาเซอร์บัสว่าเฉาก๊วย มันคืออะไรเหรอ”
ราเชนยิ้มกริ่ม
“มันเป็นขนมที่มีหน้าตาคล้ายวุ้นแต่มีสีดำ” เขาหัวเราะคิกคัก “เห็นหมอนั่นทีไรนึกถึงขนมนี่ทุกที”
“อร่อยไหม” เด็กสาวถาม เกรย์ซึ่งเดินอยู่ข้างหลังจึงยื่นหน้าเข้ามาแหย่
“เจ้าหมายถึงอะไร ขนม หรือเขา”
ไม่พูดเปล่ายังส่งสายตาไปยังจอมเวทในชุดดำซึ่งเดินนำอยู่หัวแถว ใบหน้าผ่องมีสีแดงระเรื่อขึ้นมาในทันที เบอร์ทิน่าค้อนขวับ
“ข้าหมายถึงขนม” นางพูดเสียงห้วนแต่ดวงตากลับจับจ้องอยู่บนแผ่นหลังของอาเซอร์บัส จู่ๆ หัวใจของเด็กสาวก็เต้นแรงจนแทบจะหลุดจากอก พวงแก้มทั้งสองร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างหาสาเหตุไม่ได้ นางรีบรับสะบัดหน้าเพื่อไล่ความรู้สึกประหลาดออกไป เกรย์อมยิ้มอย่างนึกรู้
“เจ้าไม่ได้อยากกินขนมแน่ๆ”
เบอร์ทิน่าดึงเหรียญออกมาร่ายเวทอัญเชิญ เกรย์แกล้งทำตีสีหน้าตกใจและยกมือขึ้นป้องแต่พอไม่มีอะไรเกิดขึ้นเขาก็ลดแขนลงพร้อมกับยิ้ม
“นึกว่าจะโดนทุบเหมือนอ็อบซีนเสียแล้ว” คำพูดชะงักค้างไว้แค่นั้นเมื่อได้ยินเสียงแสกสากเหมือนตัวอะไรกำลังแหวกพงหญ้าดังอยู่รอบตัว “อะไรน่ะ”
ไม่ทันขาดคำ ราเชนก็กระโดดหยองแหยงร้องลั่น “แมงป่อง!”
ทุกคนก้มหน้าลงมองและร้องอุทานด้วยความตกใจเมื่อเป็นแมงป่องขนาดสองมือกางสีดำสนิทจำนวนมากบนพื้น ความกลัวทำให้ซาเบลรีบร่ายเวทสร้างมีดเพื่อกำจัดแต่ยั้งมือไว้เพียงเท่านั้นเมื่อเห็นทุกตัวเดินผ่านเขาและจอมเวทคนอื่นไปทางท้ายกลุ่ม ซึ่งก็คือเกรย์
“เดี๋ยวสิ!” หนุ่มมังกรร้องพลางกระโดดหนีจ้าละหวั่น “แค่หยอกเล่นนิดหน่อยเท่านั้น ไม่เห็นต้องเอาจริงกันเลยนี่นา”
“แต่ข้าไม่ชอบการล้อเล่น” เบอร์ทิน่าพูดและมองอีกฝ่ายอย่างเหี้ยมเกรียมก่อนออกคำสั่ง “เอาเลยเด็กๆ ต่อยเจ้าคนปากเสียนั่นให้บวมไปทั้งตัวเลย”
คำขู่ทำให้เกรย์วิ่งเป็นวงกลมพร้อมกับส่งเสียงร้องลั่นทุ่ง และคงเป็นเช่นนั้นอยู่อีกนานถ้าร่างทะมึนสีดำไม่ก้าวเข้ามาพร้อมเปลวเพลิง
ผลึกวิญญาณมังกร บทที่ 20 ปราการเวทบนผืนนา
http://ppantip.com/topic/31807747
บทที 20 ปราการเวทบนผืนนา
กลุ่มไฟที่พุ่งเข้าโจมตีเหล่าจอมเวท ถอยกลับไปที่บ่อน้ำอีกครั้งและเริ่มก่อตัวเป็นรูปร่างของสัตว์บางอย่าง ซึ่งพอเปลี่ยนรูปจนเห็นได้ชัดว่าเป็นตัวอะไร อาเซอร์บัสก็เบิกตากว้างพร้อมกับหลุดปากออกมา
“อาชาเพลิง”
พอได้ยินดังนั้น ม้าเพลิงก็ยกขาหน้าทั้งสองขึ้นกระโจนเข้าใส่จอมเวทหนุ่มทันที คิลเลอร์ฟรอสต์สร้างโล่น้ำแข็งอีกครั้ง ส่วนเกรย์รีบเรียกไฟของตัวเองออกมาเพื่อสะกัดแต่อาเซอร์บัสกลับส่งสัญญาณห้ามก่อนยื่นมือออกไปข้างหน้า แทนที่จะพุ่งเข้าชน อาชาเพลิงกลับยั้งฝีเท้าของตัวเองไว้และหยุดยืนตรงหน้าจอมเวทแห่งไมธีร่าโดยเว้นระยะห่างหนึ่งศอก มันทำเสียงฟืดฟาดพร้อมกับส่ายหัวไปมาก่อนก้มลง พอปลายจมูกสัมผัสมือของเขา ร่างของมันก็หายวับไป
“อะไรกันน่ะ” เกรย์ถามด้วยความงุนงงและหยุดคำพูดไว้แค่นั้นเมื่อได้ยินเสียงน้ำดังตูมตามมาจากกลางบ่อ พอทุกคนหันไปมอง ก็เห็นอะไรบางอย่างผลุบโผล่อยู่ในน้ำ ราเชนซึ่งตาไวกว่าเพื่อนร้องออกมาด้วยความตกใจ
“ลูกม้า!”
ทุกคนมองตามจึงเห็นลูกม้าสีน้ำตาลเข้มกำลังตะเกียกตะกายอยู่ริมตลิ่งฝั่งตรงกันข้าม แต่การกระทำของมันเหมือนยิ่งผลักตัวให้ออกห่างจากผืนดิน ไม่ช้าม้าตัวนั้นก็ลอยคออยู่กลางบ่อและทำท่าเหมือนจะจมลงภายในเวลาไม่นาน
“ทำไงดี” เบอร์ทิน่าพูดด้วยใบหน้าตระหนกพลางหันไปทางทหาร “ใครก็ได้ลงไปช่วยมันด้วย”
“ทหารใส่เกราะขืนลงไปก็จมน้ำตายกันพอดี” อาเซอร์บัสพูด เด็กสาวจึงหันมาทางเขา
“งั้นเจ้าก็ใช้เวทช่วยมันสิ”
“ยังไง” จอมเวทหนุ่มถามเสียงเย็น ใบหน้าเฉยชาทำให้เบอร์ทิน่าโกรธจนแทบจับเขาโยนลงน้ำ
“ก็ใช้เวทของเจ้าสิ แบบที่ยกราเชนในงานฉลองก็ได้”
“จะเวทอะไรก็ช่าง ช่วยรีบหน่อยได้ไหม ม้าตัวนั้นกำลังจะจมลงไปแล้ว” ราเชนตะโกนออกมาอย่างร้อนใจและสะดุ้งสุดตัวเมื่อโดนคิลเลอร์ฟรอสต์ผลักไปให้พ้นทาง จากนั้นเขาก็กางมือเหนือพื้นดิน ร่ายเวทสร้างแผ่นน้ำแข็งคล้ายทางเดินยืดยาวออกไป แต่พอถึงขอบบ่อ มันก็สลายตัวกลายเป็นน้ำ คิ้วสีเทาขมวดมุ่นเข้าหาด้วยความแปลกใจและพยายามร่ายเวทอีกสองครั้งแต่ก็เหมือนตอนแรก คือสามารถสร้างทางเดินน้ำแข็งได้แต่พอไปถึงตลิ่ง มันก็ละลายไปในทันทีเหมือนถูกเปลวไฟ เมื่อเห็นเวทน้ำแข็งใช้ไม่ได้ผล อัลบอร์ตจึงร่ายเวทของตนเองบ้างแต่ก็ต้องพบกับความประหลาดใจเพราะเวทของเขาไม่สามารถบังคับน้ำในบ่อได้ พอเห็นดังนั้น ราเชนจึงตัดสินใจกระโดดลงน้ำ ว่ายไปช่วยลูกม้าด้วยตัวเอง
“เจ้าเด็กสิ้นคิด” อาเซอร์บัสบ่นพลางยื่นมือไปข้างหน้า ร่างที่กำลังจะจมของทั้งคนและม้าถูกดันให้ลอยขึ้นมาครึ่งตัว พอเขาโบกมือ ทั้งสองก็เลื่อนเข้าสู่ฝั่ง ท่ามกลางเสียงถอนใจด้วยความโล่งอกจากทหารและเหล่าจอมเวท
“ค่อยยังชั่ว ปลอดภัยแล้วนะเจ้าม้า” ราเชนพูดอยางร่าเริงพลางตบแผงคออาชาน้อยเบาๆเพื่อให้มันสงบในขณะเดียวกันตาก็ชำเลืองมองอาเซอร์บัสอย่างนึกหวั่น เพราะรู้ดีกว่าการตัดสินใจแบบหุนหันพลันแล่นอย่างนั้นต้องโดนดุแน่ แต่ผิดคาด นอกจากจะไม่สนใจแล้ว จอมเวทหนุ่มยังคงมองน้ำในบ่อแน่วนิ่งเหมือนกำลังใช้ความคิด
“แปลก” เสียงเกรย์พูดขึ้น พอเห็นอาเซอร์บัสเหลือบตามองจึงกล่าวต่อ “เหมือนอาชาเพลิงตัวนั้นขอความช่วยเหลือจากเจ้า”
“ก็ทำนองนั้น” จอมเวทแห่งไมธีร่าตอบด้วยเสียงที่เหมือนพูดกับตัวเองมากกว่า หนุ่มมังกรจึงหันไปทางคิลเลอร์ฟรอสต์กับอัลบอร์ต
“ที่น่าสงสัยอีกอย่างก็คือ ทำไมเวทของสองคนนั่นใช้ไม่ได้ผล แต่เจ้ากลับใช้ได้ตามปรกติ”
อาเซอร์บัสไม่ตอบ เพราะมีเสียงกรีดร้องด้วยความตระหนกดังมาจากทุ่งหญ้า เมื่อหันไปมองจึงพบว่าเจ้าของเสียงเป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ และกำลังวิ่งตรงมาหาด้วยท่าทางตกใจ
“แคนน่อน” นางเรียกเสียงหลงพลางใช้แขนน้อยๆทั้งสองข้างแหวกกลุ่มทหารและเหล่าจอมเวทไปจนถึงขอบบ่อ พอเห็นลูกม้านั่งตัวเปียกปอนอยู่กับราเชน เด็กหญิงจึงโผเข้ากอดพร้อมกับพูด “ดีใจจังที่เจ้าปลอดภัย”
ราเชนมองเด็กหญิงตัวเล็กอย่างงุนงง
“ม้าตัวนี้เป็นของเจ้าอย่างนั้นหรือ” เขาถาม อีกฝ่ายผงกศีรษะรับทั้งที่มือทั้งสองข้างยังคงกอดอาชาน้อย
“ใช่”
เด็กหนุ่มเตรียมตำหนิว่าทำไมถึงเผลอเรอปล่อยให้ลูกม้าตกน้ำ แต่พอเห็นอีกฝ่ายยังตกใจและกอดม้าแน่น เขาจึงเปลี่ยนใจ
“มันไม่เป็นอะไรแล้วละ”
คำพูดนั้นทำให้เด็กหญิงรู้สึกตัว นางคลายอ้อมกอดและหันมาจอมเวทที่ยืนรายล้อมก่อนหยุดตรงร่างที่เปียกโชกตั้งแต่หัวจรดเท้าของราเชน
“เจ้าช่วยแคนน่อน” นางพูดด้วยความรู้สึกซาบซึ้งในบุญคุณและค้อมศีรษะลง “ขอบใจมาก”
คำพูดกับกิริยาอันแสนสุภาพทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกกระดากจนต้องรีบยกมือขึ้นลูบท้ายทอยเพื่อแก้เขิน
“ไม่เป็นไร ข้าก็แค่โดดลงไปพยุงไม่ให้มันจมน้ำเท่านั้น คนที่ช่วยจริงๆคือเขาต่างหาก”
พูดจบก็หันไปทางอาเซอร์บัส เด็กหญิงตัวน้อยมองตาและเบิกตากว้างเมื่อเห็นจอมเวทหนุ่มที่ห่อหุ้มร่างกายด้วยชุดสีดำ
“ท่าน!” นางหลุดปากออกมาอย่างคาดไม่ถึง เกรย์ซึ่งยืนกอดอกอยู่ข้างๆเลิกคิ้วข้างหนึ่งพร้อมกับยิ้มมุมปาก
“เจ้าทำให้นางกลัว”
“ข้าไม่ได้กลัว” เด็กหญิงตัวน้อยแย้งทั้งที่ยังคงมองอาเซอร์บัสไม่วางตา “แค่นึกไม่ถึงว่าจะได้พบจอมเวทแห่งความมืดตัวจริง”
จอมเวทแห่งไมธีร่าขมวดคิ้วน้อยๆ
“ทำไมถึงคิดว่าข้าเป็นจอมเวทแห่งความมืด”
“ท่านเหมือนจอมเวทในตำนานที่ท่านพ่อเคยเล่าให้ฟังทุกคืนก่อนนอนไม่มีผิด” เด็กหญิงตอบและก้มศีรษะลงเพื่อแสดงความเคารพ “ข้าชื่อลูซี่ พ่อของข้าคือ ไลอ้อนแห่งวอลล์”
“วอลล์” อาเซอร์บัสทวนพลางมองลูกม้าที่กำลังกระโดดรอบตัวราเชน “ตระกูลวอลล์ที่อาศัยอยู่บนที่ราบชายนิ่งน่ะหรือ”
เสียงเด็กน้อยตอบกลับมาว่าใช่ และพูดต่ออีกยืดยาวแต่จอมเวทหนุ่มไม่ได้ฟังว่านางกล่าวเรื่องใด เขาคว้าม้าเอาไว้ด้วยมือข้างหนึ่งและโน้มตัวลงไปจ้องหน้า “ใช่จริงๆ”
พูดจบก็หันหน้ากลับไปที่บ่อน้ำ คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันอย่างนึกสงสัย
“แต่ทำไมถึง”
เกรย์ซึ่งยืนนิ่งฟังเงียบๆจึงเอ่ยปากถาม
“มีอะไรเหรอ”
อาเซอร์บัสไม่ตอบแต่กลับเลื่อนสายตาไปที่ลูซี่และเอ่ยปากอย่างเคร่งขรึม
“ช่วยพาไปบ้านเจ้าหน่อย”
ราเชนซึ่งกำลังยืนก้มหน้าก้มตาปัดเศษดินกับสาหร่ายออกจากเสื้อชะงักมือในทันที คิ้วข้างหนึ่งเลิกสูงด้วยความแปลกใจ
“นางเพิ่งพูดเมื่อกี้ว่าเชิญพวกเราไปที่บ้าน” รอยยิ้มกวนประสาทแต้มบนมุมปาก “มัวใจลอยอะไรอยู่หรือเจ้าเฉาก๊วย”
อาเซอร์บัสมองคนพูดด้วยหางตาอย่างนึกฉุนพลางขยับไม้เท้าในมือเหมือนอยากเคาะกระโหลกเด็กปากเสียเต็มประดา แต่ความกังวลทำให้เขาเปลี่ยนใจ
“นำทางพวกเราไปได้เลย”
จอมเวทหนุ่มหันไปบอกลูซี่ แต่ฮันท์กลับก้าวไปยืนขวางพร้อมกับแย้ง
“เราไม่ควรเสียเวลาไปกับเรื่องไร้สาระ”
มือที่ใหญ่โตกำแน่นในขณะที่เจ้าตัวร่ายเวทเรียกพลังของหมีเข้ามาสถิตในกำปั้น เมื่อเห็นเงาดำเลื่อนเข้าไปในใบหน้าที่ซ่อนอยู่ภายใต้ผ้าคลุม แต่อาเซอร์บัสกลับกล่าวสั้นๆ
“หลีก”
“ไม่ จนกว่าเจ้าจะหันกลับไปทางเดิม” ฮันท์ตอบและหยุดไปเล็กน้อยเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ “หรืออธิบายเหตุผลว่าทำไม”
“ไปถึงแล้วจะเล่าให้ฟัง” จอมเวทแห่งไมธีร่าตอบ แต่ฮันท์กลับคำรามในลำคออย่างไม่พอใจ
“ข้าอยากฟังตอนนี้”
เขาพูดด้วยน้ำเสียงเชิงบังคับและขยับเข้าไปหาด้วยท่าทางคุกคาม เกรย์รีบถลันไปขวางเอาไว้ทันที
“เย็นไว้ก่อน ฮันท์” เขาพูดพร้อมกับหันไปทางอาเซอร์บัส “ดับไฟนั่นเถอะอาเซอร์บัส เก็บเอาไว้ใช้กับคนพวกนั้นดีกว่า”
เปลวเพลิงสีดำที่ปะทุใต้เท้าของจอมเวทร่างยักษ์ดับวูบลง ส่วนฮันท์พอรู้ตัวว่าเกือบจบชีวิตด้วยไฟสังหารก็หน้าถอดสี ไม่ใช่เพราะความขี้ขลาดตาขาวหรือหวาดกลัว เพียงแต่เขายังไม่อยากตายก่อนบรรลุในสิ่งที่ตั้งใจ หมัดที่กำแน่นเมื่อครู่คลายออกพร้อมเวท พอเห็นทั้งสองฝ่ายยอมละโทสะตามคำขอแล้ว หนุ่มมังกรจึงฉีกยิ้ม
“ขอบคุณ” ไม่พูดเปล่ายังก้มศีรษะลงน้อยๆให้กับฮันท์และอาเซอร์บัส คนแรกรีบค้อมศีรษะลงรับส่วนคนหลังเบือนหน้าหนี
“ที่เจ้าพูดเมื่อครู่ หมายถึงอะไร” ซาเบลถามด้วยความสงสัย เกรย์ตีหน้างง
“เรื่องอะไร”
“ก็ที่ว่าให้เขาเก็บไฟไว้ใช้กับคนพวกนั้น” จอมเวทแห่งศัสตราพูดพร้อมกับหันมองไปรอบๆ “ข้าไม่เห็นมีใครสักคน และพวกนั้นที่เจ้าว่า หมายถึงใคร ไฮพรีสต์อย่างนั้นหรือ”
ประโยคสุดท้ายทำให้มุนดาสะดุ้งและกวาดตามองรอบตัวอย่างหวาดระแวง เกรย์ส่งยิ้มให้กับนางพร้อมกับสั่นศีรษะ
“ไม่ใช่พวกไฮพรีสต์หรอก” เขาหันไปทางอาเซอร์บัส “แล้วเจ้าล่ะ”
ความหมายของหนุ่มมังกรก็คือ สัมผัสถึงพลังเวทได้บ้างหรือเปล่า และพอจะรู้หรือไม่ว่าคนเหล่านั้นเป็นใคร แต่จอมเวทแห่งไมธีร่ากลับส่ายหน้า
“ข้ารู้แค่ว่าตอนนี้พวกเรากำลังถูกเฝ้ามอง” เขากล่าวอย่างเคร่งขรึมและมองฮันท์ “ด้วยเหตุนี้เราจึงต้องไปบ้านของลูซี่”
“ทำไม”
อีกฝ่ายถามสั้นๆ อาเซอร์บัสเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าซึ่งเริ่มมืดลง
“เราต้องหาที่พัก”
เป็นเหตุผลที่ฮันท์ต้องยอมจำนน เพราะตอนนี้เป็นเวลาใกล้ค่ำ ถึงเดินทางต่อก็คงไปได้ไม่ไกล เขามองดวงอาทิตย์ที่ลอยเรี่ยดินก่อนหลีกทางให้จอมเวทหนุ่ม อีกฝ่ายจึงหันไปทางลูซี่และกล่าวอย่างสุภาพ
“เชิญนำพวกเราไปได้เลย”
เด็กหญิงยิ้มร่าด้วยความยินดีและหมุนตัวเดินนำหน้าอย่างกระตือรือล้นโดยมีลูกม้าวิ่งเคียงข้าง จากนั้นอาเซอร์บัสและจอมเวททุกคนจึงก้าวตาม โดยทหารได้แยกกำลังออกเป็นสองกลุ่มเดินขนาบข้างเพื่อคอยระวังภัย ทั้งหมดเดินตามกันอย่างเงียบๆ ไม่มีการพูดคุยซักถามหรือสนทนาอะไรกัน
ผ่านไปครู่ใหญ่ ราเชนเริ่มเบื่อกับความเครียดอันน่าอึดอัด จึงหันไปดึงต้นหญ้าหรือไม่ก็โยนก้อนหินเล่น แต่พอโดนอาเซอร์บัสดุ เขาก็แอบแลบลิ้นใส่และหันไปพูดเล่นกับเกรย์อย่างสนุกสนาน เบอร์ทิน่ามองทั้งคู่อยู่อึดใจจึงขยับเข้าไปใกล้และกระซิบถาม
“ข้าสงสัยมานานแล้ว ทำไมเจ้าจึงเรียกอาเซอร์บัสว่าเฉาก๊วย มันคืออะไรเหรอ”
ราเชนยิ้มกริ่ม
“มันเป็นขนมที่มีหน้าตาคล้ายวุ้นแต่มีสีดำ” เขาหัวเราะคิกคัก “เห็นหมอนั่นทีไรนึกถึงขนมนี่ทุกที”
“อร่อยไหม” เด็กสาวถาม เกรย์ซึ่งเดินอยู่ข้างหลังจึงยื่นหน้าเข้ามาแหย่
“เจ้าหมายถึงอะไร ขนม หรือเขา”
ไม่พูดเปล่ายังส่งสายตาไปยังจอมเวทในชุดดำซึ่งเดินนำอยู่หัวแถว ใบหน้าผ่องมีสีแดงระเรื่อขึ้นมาในทันที เบอร์ทิน่าค้อนขวับ
“ข้าหมายถึงขนม” นางพูดเสียงห้วนแต่ดวงตากลับจับจ้องอยู่บนแผ่นหลังของอาเซอร์บัส จู่ๆ หัวใจของเด็กสาวก็เต้นแรงจนแทบจะหลุดจากอก พวงแก้มทั้งสองร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างหาสาเหตุไม่ได้ นางรีบรับสะบัดหน้าเพื่อไล่ความรู้สึกประหลาดออกไป เกรย์อมยิ้มอย่างนึกรู้
“เจ้าไม่ได้อยากกินขนมแน่ๆ”
เบอร์ทิน่าดึงเหรียญออกมาร่ายเวทอัญเชิญ เกรย์แกล้งทำตีสีหน้าตกใจและยกมือขึ้นป้องแต่พอไม่มีอะไรเกิดขึ้นเขาก็ลดแขนลงพร้อมกับยิ้ม
“นึกว่าจะโดนทุบเหมือนอ็อบซีนเสียแล้ว” คำพูดชะงักค้างไว้แค่นั้นเมื่อได้ยินเสียงแสกสากเหมือนตัวอะไรกำลังแหวกพงหญ้าดังอยู่รอบตัว “อะไรน่ะ”
ไม่ทันขาดคำ ราเชนก็กระโดดหยองแหยงร้องลั่น “แมงป่อง!”
ทุกคนก้มหน้าลงมองและร้องอุทานด้วยความตกใจเมื่อเป็นแมงป่องขนาดสองมือกางสีดำสนิทจำนวนมากบนพื้น ความกลัวทำให้ซาเบลรีบร่ายเวทสร้างมีดเพื่อกำจัดแต่ยั้งมือไว้เพียงเท่านั้นเมื่อเห็นทุกตัวเดินผ่านเขาและจอมเวทคนอื่นไปทางท้ายกลุ่ม ซึ่งก็คือเกรย์
“เดี๋ยวสิ!” หนุ่มมังกรร้องพลางกระโดดหนีจ้าละหวั่น “แค่หยอกเล่นนิดหน่อยเท่านั้น ไม่เห็นต้องเอาจริงกันเลยนี่นา”
“แต่ข้าไม่ชอบการล้อเล่น” เบอร์ทิน่าพูดและมองอีกฝ่ายอย่างเหี้ยมเกรียมก่อนออกคำสั่ง “เอาเลยเด็กๆ ต่อยเจ้าคนปากเสียนั่นให้บวมไปทั้งตัวเลย”
คำขู่ทำให้เกรย์วิ่งเป็นวงกลมพร้อมกับส่งเสียงร้องลั่นทุ่ง และคงเป็นเช่นนั้นอยู่อีกนานถ้าร่างทะมึนสีดำไม่ก้าวเข้ามาพร้อมเปลวเพลิง