ผลึกวิญญาณมังกร บทที่ 16 ตัวตนที่แท้จริงของเกรย์

กระทู้สนทนา
บทที่ 15 ตราปิศาจ
http://ppantip.com/topic/31536704

บทที่ 16 ตัวตนที่แท้จริงของเกรย์

การต่อสู้ที่จบลงอย่างไม่คาดฝันทำให้ผู้ชมและเหล่าจอมเวทพากันพูดคุยถึงตราปิศาจกับผู้ที่อ้างตัวว่าเป็นบริวารของใครบางคนจนถูกคำสาปให้กลายเป็นหินกันอย่างไม่รู้เบื่อ จนแทบจะลืมการแข่งขันตรงหน้า แม้กรรมการจะประกาศกลุ่มและชื่อของคู่ต่อสู้รอบต่อไปก็ตาม

เกรย์เองก็เช่นเดียวกัน หลังจากยืนจ้องอาเซอร์บัสซึ่งยืนกอดอกก้มหน้านิ่งเหมือนกำลังจมอยู่ในความคิดอยู่ครู่ใหญ่จึงขยับเข้าไปใกล้ๆพร้อมกับกระซิบถาม

“ยังกังวลเรื่องนั้นอยู่อีกหรือ”

จอมเวทหนุ่มมองเขาด้วยหางตาแต่ไม่ได้เอ่ยวาจาใดตอบ เกรย์จึงพูดต่อไปเรื่อยๆเหมือนบ่นกับตัวเองมากกว่าชวนคุย

“จะว่าไปมันก็คิดได้สองแง่ เจ้านั่นรู้จักดรากูลจากเรื่องเล่า เลยเอาชื่อกับตราประจำตัวมาใช้เพื่อให้คนอื่นหวาดกลัว มันกับพวกจะได้ปล้นฆ่าตามใจชอบ หรืออีกแง่หนึ่ง บางราชันย์ปิศาจนั่นอาจฟื้นคืนชีพ เพราะดูเหมือนพวกตำนานโบราณจะบอกเอาไว้ว่า หลังจากพ่ายแพ้เอ็มโบลเด็นไป 300 ปี เขาจะกลับมาอีกครั้งเพื่อแก้แค้นชาวไมธีร่ากับจอมเวทแห่งแสงสว่างทุกคน ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้นจริงก็ไม่เห็นจะต้องกลัว เพราะข้าไม่ใช่จอมเวท และเจ้าก็เป็นพวกสายมืด”

“พูดจบหรือยัง” จอมเวทแห่งไมธีร่าถามเสียงเรียบ เกรย์ทำตาโตเหมือนคนตกใจ

“อ้าว ได้ยินด้วยเหรอ”

“พล่ามอยู่ข้างหูแบบนี้ไม่อยากได้ยินก็ต้องฟัง” น้ำเสียงบ่งบอกถึงความรำคาญเต็มแก่แต่หนุ่มมังกรกลับไม่สนใจเลยสักนิด เพราะเขาส่งรอยยิ้มกว้างพร้อมย้อนคำถามกลับ

“แล้วเจ้าคิดยังไง”

“ข้าไม่คิดอะไรทั้งนั้น” อีกฝ่ายสวนคำตอบทันควัน แต่เกรย์ก็ยังไม่ละความพยายาม

“ไม่จริงมั้ง ก็เห็นอยู่ว่าเจ้ากำลังใช้ความคิดอย่างหนัก ตกลงรู้หรือยังว่าสาเหตุมาจากอะไรและใครเป็นคนลงมือ”

“ข้าคิดเรื่องการแข่งขันต่างหาก” อาเซอร์บัสบอกปัดแต่เกรย์กลับยักไหล่และยกมือขึ้นกอดอก

“ฝีมืออย่างเจ้ายังต้องกังวลเรื่องนี้อยู่อีกหรือ” เขามองหน้าภายใต้ฮู้ดที่ดูเหมือนจะมีเงาดำเพิ่มเข้าไปอีก “เดี๋ยวเราก็ต้องเดินทางไปด้วยกัน บอกหน่อยไม่ได้หรือว่าที่จริงแล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”

“เจ้ายังไม่ชนะสักหน่อย” อาเซอร์บัสพูดด้วยน้ำเสียงชวนยั่วโทสะ เกรย์กลอกดวงตาพร้อมกับทำหน้าเบื่อหน่าย

“อย่าตลกน่ะ เจ้าก็รู้นี่ว่าข้าต้องชนะอยู่แล้ว” เขามองหน้าอีกฝ่ายอย่างคาดคั้น “ว่าไง พอจะบอกได้หรือยัง”

“เรื่องอะไร”

“การแข่งขัน การเดินทาง หุบเขาสีน้ำเงินกับผลึกวิญญาณมังกร ทำไมจู่ๆไมธีร่าจึงยกเลิกงานแข่งขันประจำปีแล้วจัดงานนี้ขึ้นมา แถมยังใช้ทองคำจากหุบเขาสีน้ำเงินเป็นตัวล่ออีกด้วย” เขามองหน้าจอมเวทหนุ่มและหรี่ตาลง “ข้าไม่ใช่คนโง่ อาเซอร์บัส ข้ารู้ว่าเป้าหมายที่แท้จริงของพวกเจ้าก็คือผลึกวิญญาณมังกร แต่ที่ไม่รู้ก็คือกษัตริย์ของเจ้าจะนำของชั่วร้ายแบบนี้ออกมาทำไม ทั้งที่มันอันตรายมาก และที่สำคัญ เวลานี้เมืองไมธีร่ามีอายุครบ 300 ปีตามคำทำนายแล้ว”    

“ข้าเป็นแค่องครักษ์” อาเซอร์บัสตัดบทสั้นๆ เกรย์ถึงกับทำตาเหลือกร้องลั่นด้วยความโมโห

“ให้ตายเถอะ! เจ้านี่มัน” เขากระแทกลมหายใจอย่างแรงก่อนทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ “ไม่อยากบอกก็ตามใจ”

เขาหันไปให้ความสนใจกับการต่อสู้ในสนามประลองเมื่อพูดจบ ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่ซาเบล ผู้ใช้เวทสร้างอาวุธใช้กรงขังที่ทำจากดาบกำราบคู่ต่อสู้ได้พอดี กรรมการจึงขานชื่อเขาเป็นผู้ชนะ เมื่อทั้งสองออกจากสนามแล้วจึงประกาศกลุ่มและชื่อผู้เข้าแข่งรอบต่อไป

“คู่ที่ห้าเป็นการแข่งของกลุ่มอควอเรียส ขอเชิญอัลบอร์ต และเรนนี่เข้าสู่สนาม”

“น้ำกับน้ำเจอกันเองแฮะ” เกรย์พึมพำอย่างสนุกขณะมองจอมเวททั้งสองซึ่งมีรูปร่างเกือบคล้ายกัน คือเป็นชายหนุ่มอายุประมาณ 20-25 ปี มีรูปร่างผอมสูง ผิวค่อนไปทางขาว ผมเหยียดตรงปรกคอสีฟ้า ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นผลจากเวทหรือเกิดจาการย้อม จะต่างกันก็ตรงหน้าตา เพราะเรนนี่มีรูปหน้าที่ดูเกลี้ยงเกลาจนคล้ายผู้หญิง และมีดวงตาสีฟ้าคราม ส่วนอัลบอร์ตแม้โครงหน้าจะเป็นรูปทรงเดียวกันแต่คางที่เหลี่ยมกว่าทำให้เขาดูคมเข้ม ผนวกกับดวงตาสีเขียวมรกตที่มีแววเจ้าเล่ห์ด้วยแล้ว ทำให้จอมเวทผู้นี้ดูน่าเกรงขามกว่าคู่ต่อสู้หลายเท่าตัว

“หวังว่าเขาจะไม่ใช้อะควอเรียสดูมอีกนะ” ราเชนเปรยขึ้นมาและอ้าปากค้างเมื่อเห็นท้องฟ้าเหนือร่างของเรนนี่มีบ่อน้ำวนขนาดใหญ่ปรากฏขึ้น “หมอนี่มันขี้เกียจต่อสู้หรือไงนะ พอเริ่มการแข่งขันก็ใช้เวทแรงขนาดนี้แล้ว” เขาจ้องเรนนี่ที่ถูกดูดหายเข้าไปในน้ำและถอนใจ “แบบนี้ใครจะไปสู้ได้”

“ไม่หรอก” เกรย์ค้านโดยที่ตายังคงจ้องอยู่กับบ่อน้ำวน ราเชนจึงเงยหน้ามองตามและพบว่าน้ำซึ่งเคยหมุนอยู่ตลอดเวลานั้น บัดนี้กลับสงบนิ่งเหมือนทะเลสาบในฤดูร้อนอันเงียบสงบ พริบตามันก็เกิดอาการสั่นสะเทือนจนผิวน้ำเต้นเป็นคลื่นจนกระฉอกออกจากบ่อหยดลงมายังเบื้องล่างมองคล้ายหยาดน้ำฝนที่กำลังโปรยปรายโดยมีร่างของเรนนี่ลอยอยู่ตรงกลาง พอใกล้ถึงพื้น น้ำทุกหยดพากันหยุดนิ่งอยู่กลางอากาศและเชื่อมต่อกันจนกลายเป็นวงแหวนน้ำขนาดใหญ่ซ้อนกันถึงสามวง และเริ่มหมุนรอบตัวเร็วขึ้นจนกลายเป็นใบมีดวงเดือนขนาดยักษ์ จากนั้นมันก็ลดความกว้างของตัวเองทีละน้อยเพื่อบีบรัดคนที่อยู่ตรงกลาง

การตอบโต้อย่างรวดเร็วของเรนนี่มิได้สร้างความตระหนกให้กับอัลบอร์ตแม้แต่น้อย เขาชำเลืองตามองใบมีดน้ำทั้งสามอันอย่างใจเย็นและรอจนมันเข้ามาระยะพอเหมาะจึงร่ายเวทเรียกน้ำพุขึ้นมาจากใต้ดิน ปริมาณกับแรงดันอันมหาศาลของมันช่วยหยุดยั้งการจู่โจมของวงแหวนน้ำเอาไว้ได้ แต่ไม่มีพลังมากพอที่จะทำลายมัน

“ป่วยการเปล่าน่ะอัลบอร์ต เจ้าทำลายใบมีดของข้าไม่ได้หรอก” เรนนี่กล่าวเยาะพร้อมกับดีดนิ้วบังคับเลื่อยวงเดือนน้ำให้หมุนเร็วขึ้น บั่นสายน้ำที่พุ่งพรูขึ้นมาจนแตกกระเซ็น อัลบอร์ตเหลือบตาขึ้นมองเรนนี่

“ใครว่าข้าจะทำลายมัน”

เขาพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ และยืนนิ่งเฉยไม่ขยับ เรนนี่หรี่ตาลงด้วยความฉงนที่คู่ต่อสู้ไม่แสดงทีท่าว่าจะปัดป้องหรือหาทางหนีจากวงแหวนน้ำมรณะ ทันใดนั้นเองเขาต้องเบิกตากว้างเมื่อนึกขึ้นได้ว่า น้ำพุนั่นไม่ได้ทำหน้าที่เพียงม่านกำบังเท่านั้น

“หรือว่า” เขาอุทานด้วยความตระหนกและแปรเปลี่ยนเป็นความหวาดหวั่นเมื่อสัมผัสถึงจิตสังหารอังแรงกล้าที่พุ่งเข้ามาหารอบด้าน พอเงยหน้าขึ้นมอง เรนนี่ถึงกับใจหายวาบเมื่อเห็นน้ำพุที่พุ่งทะยานขึ้นมาด้านบน แปรสภาพเป็นหอกน้ำหลายเล่ม พุ่งเข้ามาหาเขาทุกทิศทาง เรนนี่รีบสร้างพายุฝนขึ้นเพื่อเป่าหอกเหล่านั้นให้เปลี่ยนทิศพร้อมกับเพิ่มความหนาแน่นให้ฝนแต่ละเม็ดมีความแกร่งไม่แพ้ก้อนศิลา ซึ่งสามารถทำลายหอกน้ำได้

“ของแค่นี้” เขาพึมพำด้วยความโล่งอกและยิ้มเมื่อเห็นวงแหวนใบมีดตัดน้ำพุเข้าไปได้กว่าครึ่ง แต่ก็ดีใจได้ไม่นานเพราะจู่ๆเขาก็เกิดอาการเจ็บแปลบไปทั่วทั้งร่าง พอก้มหน้าลงมอง ก็พบว่าร่างกายของเขานั้นกำลังถูกบั่นด้วยมีดน้ำของตัวเอง “เป็นไปได้ยังไง”

เรนนี่หลุดปากอุทานออกมาพร้อมกับหันกลับไปที่อัลบอร์ต และพบว่ายิ่งวงแหวนน้ำของเขาจมลึกเข้าไปในน้ำพุนั่นมากเท่าใด มันก็จะโผล่ออกมาเฉือนร่างเขามากเท่านั้น

“ถูกแล้วเรนนี่ น้ำพุที่เจ้าเห็นไม่ใช่โล่ แต่เป็นอาวุธ มันดูดกลืนมีดน้ำและสะท้อนกลับไปทำร้ายเจ้าเอง”

เรนนี่กัดฟันกรอด “บ้าน่า” เขาคำรามด้วยความโกรธพร้อมกับคลายเวทเพื่อสลายวงแหวนใบมีดน้ำ แต่กลับพบว่าไม่อาจทำลายมันได้    

“น้ำพุนี่ไม่ได้ทำได้แค่ดูดกลืนอาวุธ มันยังซึมซับพลังเวทของเจ้าเข้ามาด้วย” อัลบอร์ต
กล่าวเมื่อเห็นใบหน้าซีดเผือดของอีกฝ่าย “จงตายด้วยใบมีดของตัวเองเถิด”

    วงเดือนน้ำทั้งสามอันจมหายเข้าไปในน้ำพุและปรากฏขึ้นที่เรนนี่หั่นร่างเขาจนขาดเป็นสามท่อน ตกเกลื่อนกับพื้น เมื่อจัดการคู่ต่อสู้เรียบร้อยแล้ว น้ำพุที่ล้อมรอบตัวของอัลบอร์ตก็หายไปพร้อมกับใบมีดน้ำทั้งสามอัน พอคณะกรรมการซึ่งหายจากอาการตระหนกขานชื่อเขาเป็นผู้ชนะแล้ว จอมเวทแห่งน้ำจึงเดินออกจากสนามประลอง

    “สนุกเป็นบ้าเลยเนอะ” เกรย์ซึ่งจ้องการต่อสู้ไม่วางตาเปรยขึ้น แต่พอไม่ได้ยินคนข้างๆตอบเหมือนทุกครั้งก็หันไปมองและเลิกคิ้วเมื่อเห็นเบอร์ทิน่ายืนหน้าซีดปากสั่น ส่วนราเชนที่ยืนอยู่อีกข้างก็ตกอยู่ในลักษณะเดียวกัน “อ้าวเจ้าสองคนไม่ชอบเหรอ”

    เด็กสาวถลึงตาใส่พร้อมกับพูดเสียงห้วน

    “ไม่!”

    “ทำไมละ” เกรย์พูดอย่างผิดหวังพลางทิ้งตัวพนักเก้าอี้และยกมือขึ้นกอดอก “เป็นการต่อสู้ที่น่าลุ้นจะตาย เสียดายอัลบอร์ตจบการต่อสู้เร็วไปหน่อยไม่อย่างนั้นคงมีเรื่องให้ตื่นเต้นกว่านี้อีก”

    “เจ้าเห็นการฆ่ากันเป็นเรื่องตื่นเต้นอย่างนั้นหรือ” เบอร์ทิน่าเท้าสะเอวถามด้วยน้ำเสียงแสดงความไม่พอใจอย่างเต็มที่ เกรย์ยักไหล่

“ใช่” เขาทำเป็นตีสีหน้าประหลาดใจเมื่อเห็นเด็กสาวตัวสั่น “อะไร อย่าบอกนะว่าเจ้า
กลัว”

”ไม่ได้กลัวแต่โกรธ” เบอร์ทิน่าพูดเสียงดัง เกรย์เกาศีรษะเหมือนกำลังงงกับอาการเกรี้ยวกราดของนาง

“เรื่องอะไร อย่าบอกนะว่าเพราะการต่อสู้เมื่อกี้ ไม่เอาน่าเจ้าหญิง การประลองของพวกจอมเวทมันก็ต้องมีเจ็บตัวกันบ้างเป็นธรรมดา ไม่เห็นต้องตกอกตกใจอะไรเลย”

“แต่ที่เห็นน่ะมันเป็นการฆ่ากัน ข้าไม่เข้าใจเลยว่าแค่การแข่งขัน ทำไมต้องลงมือกันรุนแรงถึงขนาดนี้”

รอยยิ้มแสนทะเล้นจางหายไป ขณะที่สีหน้าของเกรย์ขรึมลง

“สำหรับพวกที่ใช้เวทมนตร์ การต่อสู้ไม่ใช่แค่แพ้ชนะ มันหมายถึงศักดิ์ศรีและความมีชื่อเสียง อยากอยู่บนจุดสูงสุดก็ต้องล้มคนอื่นให้ได้เสียก่อน และถ้าอยากจะชนะก็ต้องลงมืออย่างเฉียบขาด ไม่มีการปรานีต่อผู้ใด” เขามองเบอร์ทิน่าซึ่งยังคงจ้องหน้าเขม็งเหมือนไม่ยอมรับในสิ่งที่ได้ยิน

“เชื่อเถอะเจ้าหญิง ที่เห็นในสนามน่ะยังเบากว่าการต่อสู้ที่อยู่ข้างนอกมากนัก ข้าเคยเห็นการฆ่าฟันที่โหดเหี้ยมและด้วยเหตุผลน้อยกว่านี้ พูดไปคงนึกภาพไม่ออกแต่เมื่อเจ้าก้าวขาออกไปยังโลกภายนอกเมื่อใด ก็จะรู้เอง”

เบอร์ทิน่าเม้มปากกำมือแน่น ใจนั้นอยากจะค้านเหลือเกินว่าในเขตปกครองของไมธีร่าไม่มีจอมเวทแบบนั้นแต่พอหวนนึกถึงนักฆ่าที่ลอบเข้ามาหมายสังหารพระบิดารวมถึงตัวนางเองหลายครั้ง เด็กสาวก็พูดไม่ออก กระนั้นนางก็ยังเมินหน้าหนีพร้อมกับกล่าวพอให้อีกฝ่ายได้ยิน

“ข้าไม่เชื่อเจ้าหรอก”

“ก็ตามใจ” เกรย์พูดพลางเหลือบตามองไปทางอาเซอร์บัสแวบหนึ่งเพื่อดูว่าเขาจะแสดงอาการอย่างไรที่เห็นคนในอารักขาได้ฟังเรื่องราวอันน่าสยดสยองจากปากของเขา แต่พอเห็นอีกฝ่ายทำเหมือนไม่รู้ไม่ชี้ หนุ่มมังกรจึงถอนใจออกมาเบาๆก่อนหันหน้ากลับไปทางสนามประลอง พอดีกันกับที่กรรมการก้าวออกมาประกาศ

“ต่อไปเป็นการแข่งของกลุ่มเซอร์เพ้นท์ ระหว่างอาเซอร์บัสกับ” เขาชะงักคำพูดไว้แค่นั้นเมื่อกรรมการอีกคนวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามากระซิบกระซาบซึ่งพอได้ฟังแล้ว กรรมการคนแรกต้องขมวดคิ้ว “จริงหรือ”

พออีกฝ่ายพยักหน้ารับเขาก็สูดลมหายใจเข้าจนเต็มปอดก่อนหันกลับมายังผู้ชมอีกครั้งและกล่าวต่อ

“ทางเราเพิ่งได้รับแจ้งว่า ผู้เข้าแข่งขันอีกคนขอสละสิทธิ์การแข่งขัน ดังนั้นอาเซอร์บัสจึงเป็นผู้ชนะและได้เข้ารอบ”

เสียงฮือฮาดังขึ้นรอบสนามแต่ส่วนใหญ่ไม่แปลกใจนัก เพราะรู้ดีว่าถึงอีกฝ่ายจะขึ้นประลองก็ไม่มีทางชนะจอมเวทอันดับหนึ่งแห่งไมธีร่า พอเสียงวิพากษ์วิจารณ์ซาลง กรรมการผู้นั้นจึงกระแอมออกมาเบาๆก่อนประกาศ

“ดังนั้นรอบต่อไปจึงเป็นการแข่งขันของกลุ่มซิกนัส ขอเชิญลิงคซและอ็อบซีนก้าวเข้ามาในสนาม”
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่