ตามธรรมดานั้น จิตของมนุษย์เราทุกคนที่เพิ่งเกิดขึ้นมาจะมีความบริสุทธิ์ (ประภัสสร) มาก่อน แต่เพราะไม่ได้รับการอบรมสั่งสอนให้เกิดความเข้าใจว่า "แท้จริงมันไม่ได้มีตนเอง (หรือตัวเรา) อยู่จริง" และได้รับแต่การอบรมสั่งสอนจากคนรอบข้างว่ามีตนเองอยู่เสมอ จึงทำให้จิตเกิดมีอวิชชา (ความรู้ว่ามีตนเอง) ขึ้นมาสั่งสมเอาไว้ในจิตใต้สำนึกจนเติบใหญ่
ดังนั้นเมื่อใดที่จิตตื่น (หรือเกิด) ขึ้น อวิชชา (ความรู้ว่ามีตนเอง) ก็จะเกิดขึ้นมาครอบงำจิตเอาไว้ทันที แล้วมันก็จะทำให้จิตปรุงแต่ง (สังขาร)ไปตามความรู้ว่ามีตนเอง จนทำให้การรับรู้ (วิญญาณ) ที่บริสุทธิ์ (คือไม่มีตัวตนมารับรู้) อยู่แล้วตามธรรมชาติเกิดเป็นวิญญาณที่ไม่บริสุทธิ์ (คือมีตัวตนรับรู้เกิดขึ้นมา) ขึ้นมาทันที แล้วตัวตนที่เกิดขึ้นมานี้ก็จะทำให้ขันธ์ ๕ (หรือนามรูป) ที่บริสุทธิอยุ่แล้วตามธรรมชาติพลอยเกิดขึ้นมาด้วยทันที ซึ่งในขันธ์ ๕ นี้ก็จะเกิดระบบประสาท (อายตนะภายใน ๖) สำหรับเอาไว้รับรู้สิ่งต่างๆ (อายตนะภายนอก ๖) ของโลกเอาไว้ด้วย และเมื่อจิตได้สัมผัส (ผัสสะ) กับสิ่งต่างๆของโลก ก็จะเกิดความรู้สึก (เวทนา คือสุขหรือทุกข์) ขึ้นมา พร้อมทั้งเกิดความพอใจหรือไม่พอใจ (ตัณหา) ขึ้นมาด้วยทันที แล้วจิตนี้ก็จะเกิดความยึดถือ (อุปาทาน) ว่ามีตนเอง (หรือมีตัวเรา) ที่มีตัณหาขึ้นมาด้วยทันที เมื่ออุปาทานเข้มข้นขึ้น (ภพ) สูงสุด ก็จะมีตัวเราเกิด (ชาติ) ขึ้นมาอย่างเต็มที่ในจิตนี้ด้วยทันที เมื่อเกิดมีตัวเราขึ้นมาในจิต ก็จะทำให้จิตที่มีอวิชชาครอบงำนี้เกิดความรู้สึกทรมาน (ความทุกข์ไม่อย่างซ่อนเร้นก็อย่างเปิดเผย) ขึ้นมาด้วยทันที ซึ่งนี่ก็คือปฏิจจสมุปบาทสายเกิดทุกข์
แต่เมื่อใดที่จิตมีวิชชา (หรือมีดวงตาเห็นธรรม) อยู่แล้ว และมีสติดึงเอาวิชชา (หรือปัญญา) ออกมา พร้อมทั้งมีสมาธิอยู่ด้วย อวิชชาก็จะไม่เกิด(หรือที่กำลังเกิดอยู่ก็จะระงับดับหายไปแม้เพียงชั่วคราวก็ได้) เมื่อไม่มีอวิชชา จิตก็จะไม่ปรุงแต่งให้เกิดความรู้สึกว่ามีตัวเราขึ้นมา และแม้จะได้รับรู้สิ่งต่างๆภายนอกจนเกิดความรู้สึกต่างๆขึ้นมา จิตนี้ก็จะไม่ปรุงแต่งให้เกิดความพอใจหรือไม่พอใจขึ้นมา และไม่ปรุงแต่งความยึดถือว่ามีตัวเราขึ้นมา แล้วความรู้สึกทรมาน (หรือความทุกข์ของจิต) ก็จะไม่เกิดขึ้น (หรือที่กำลังเกิดอยู่ก็จะดับหายไป) ซึ่งนี่ก็คือปฏิจจสมุปบาทสายดับทุกข์
(สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้จาก
http://www.whatami.net/)
ปฎิจจสมุปบาทโดยสรุป
ดังนั้นเมื่อใดที่จิตตื่น (หรือเกิด) ขึ้น อวิชชา (ความรู้ว่ามีตนเอง) ก็จะเกิดขึ้นมาครอบงำจิตเอาไว้ทันที แล้วมันก็จะทำให้จิตปรุงแต่ง (สังขาร)ไปตามความรู้ว่ามีตนเอง จนทำให้การรับรู้ (วิญญาณ) ที่บริสุทธิ์ (คือไม่มีตัวตนมารับรู้) อยู่แล้วตามธรรมชาติเกิดเป็นวิญญาณที่ไม่บริสุทธิ์ (คือมีตัวตนรับรู้เกิดขึ้นมา) ขึ้นมาทันที แล้วตัวตนที่เกิดขึ้นมานี้ก็จะทำให้ขันธ์ ๕ (หรือนามรูป) ที่บริสุทธิอยุ่แล้วตามธรรมชาติพลอยเกิดขึ้นมาด้วยทันที ซึ่งในขันธ์ ๕ นี้ก็จะเกิดระบบประสาท (อายตนะภายใน ๖) สำหรับเอาไว้รับรู้สิ่งต่างๆ (อายตนะภายนอก ๖) ของโลกเอาไว้ด้วย และเมื่อจิตได้สัมผัส (ผัสสะ) กับสิ่งต่างๆของโลก ก็จะเกิดความรู้สึก (เวทนา คือสุขหรือทุกข์) ขึ้นมา พร้อมทั้งเกิดความพอใจหรือไม่พอใจ (ตัณหา) ขึ้นมาด้วยทันที แล้วจิตนี้ก็จะเกิดความยึดถือ (อุปาทาน) ว่ามีตนเอง (หรือมีตัวเรา) ที่มีตัณหาขึ้นมาด้วยทันที เมื่ออุปาทานเข้มข้นขึ้น (ภพ) สูงสุด ก็จะมีตัวเราเกิด (ชาติ) ขึ้นมาอย่างเต็มที่ในจิตนี้ด้วยทันที เมื่อเกิดมีตัวเราขึ้นมาในจิต ก็จะทำให้จิตที่มีอวิชชาครอบงำนี้เกิดความรู้สึกทรมาน (ความทุกข์ไม่อย่างซ่อนเร้นก็อย่างเปิดเผย) ขึ้นมาด้วยทันที ซึ่งนี่ก็คือปฏิจจสมุปบาทสายเกิดทุกข์
แต่เมื่อใดที่จิตมีวิชชา (หรือมีดวงตาเห็นธรรม) อยู่แล้ว และมีสติดึงเอาวิชชา (หรือปัญญา) ออกมา พร้อมทั้งมีสมาธิอยู่ด้วย อวิชชาก็จะไม่เกิด(หรือที่กำลังเกิดอยู่ก็จะระงับดับหายไปแม้เพียงชั่วคราวก็ได้) เมื่อไม่มีอวิชชา จิตก็จะไม่ปรุงแต่งให้เกิดความรู้สึกว่ามีตัวเราขึ้นมา และแม้จะได้รับรู้สิ่งต่างๆภายนอกจนเกิดความรู้สึกต่างๆขึ้นมา จิตนี้ก็จะไม่ปรุงแต่งให้เกิดความพอใจหรือไม่พอใจขึ้นมา และไม่ปรุงแต่งความยึดถือว่ามีตัวเราขึ้นมา แล้วความรู้สึกทรมาน (หรือความทุกข์ของจิต) ก็จะไม่เกิดขึ้น (หรือที่กำลังเกิดอยู่ก็จะดับหายไป) ซึ่งนี่ก็คือปฏิจจสมุปบาทสายดับทุกข์
(สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้จาก http://www.whatami.net/)