
ตอนที่14
วิลันดาไม่รู้จะหลบเลี่ยงไปทางใด เพราะห้องนอนนี้ก็มิได้กว้างขวางมากนัก ที่สำคัญหล่อนไม่รู้จะต้านทานความปรารถนาของเขาและหล่อนเองไปได้สักแค่ไหน ขุนไกรในวันนี้ ต่างกับที่หล่อนเคยรู้จักมาก เขาดูอารมณ์ร้อนแรงขึ้น ไม่เย็นชาเหมือนคราแรกที่พบกัน
หล่อนคิดว่า ตอนนั้นเขาออกจะเป็นตาทึ่มด้วยซ้ำไป แต่ตอนนี้หล่อนคิดผิดถนัด แต่ไหนเลยจะยอมพลาดท่า นี่เขาคงจะต้องหัดตามมารยาของสาวยุคหล่อนให้ทันสักหน่อยเสียแล้ว วิลันดาคิดได้เช่นนั้นหล่อนจึงแกล้งเป็นลมไป
แม่หญิง !
ขุนไกรตกใจมากที่เห็นหล่อนเป็นลมไปอีกครั้ง เขานึกโทษตัวเองหล่อนยังไม่หายไข้ดีด้วยซ้ำไป เขาเองที่หึงจนหน้ามืด คิดจะครอบครองหล่อนซึ่งผิดทั้งศีลธรรมและประเพณี
ขุนไกรช้อนร่างบางขึ้นมาอุ้มนางไปที่เตียง แต่ก่อนที่เขาจะวางร่างอรชรลงบนเตียงหนานุ่ม เขาแอบสังเกตใบหน้านั้นราวกับจะแอบยิ้ม เขาจึงวางนางลงอย่างเบามือ
วิลันดาดีใจที่เขาตกหลุมพรางของหล่อน นึกกระหยิ่มยิ้มย่องอยู่ภายในใจ
“ดีล่ะในเมื่อเจ้าเป็นลม เยี่ยงนี้แล้ว เจ้าคงจักมิรู้สึกตัวดอกหนา”
ขุนไกรแกล้งเอาฝ่ามือหนาของเขาลูบไล้แก้มเนียนใสของหล่อนและค่อย ๆ ลูบลงมาที่คอเรียวระหง พลางนึกในใจว่า เจ้าคงนึกว่าพี่ไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมของแม่หญิงหลงยุคเยี่ยงเจ้ากระนั้นรึ
“เจ้ามิฟื้นใช่รึไม่”
วิลันดานอนหลับตาพริ้มแกล้งไม่ได้ยินเสียงใด ๆ ทั้งสิ้น
“ดีล่ะ ทีนี้พี่จักได้จับเจ้าปล้ำทำเมียเสียเลย”
วิลันดาได้ยินแค่นั้น หล่อนก็ดีดตัวขึ้นจากที่นอนลุกขึ้นมานั่งแทบไม่ทัน
“บ้าที่สุด คนลามก” หล่อนแหวใส่เขา เห็นเขาทำตากรุ้มกริ่มใส่หล่อน
“ไหนว่าเจ้าเป็นลมมิใช่รึ” ขุนไกรยิ้มเจ้าเล่ห์อย่างผู้มีชัย
ปัง..ปัง!
ประตูห้องถูกทุบ ขุนไกรรู้สึกว่าใครหนอ ช่างมาเคาะได้ในเวลาแบบนี้เดี๋ยวเถิดถ้าไม่ใช่เรื่องด่วนจะเอ็ดให้เปิงไป เขาเปิดประตูออกและพบว่า
“ท่านแม่” ขุนไกรผงะไปนิด ลูกที่ดีที่ไหนกันจะกล้าไปดุแม่
“ก็แม่ เจ้านึกว่าผู้ใดกันรึ”
จากนั้นคุณท้าวเฟื่องก็หันมาสนใจแม่หญิงซึ่งกำลังลุกขึ้นจากเตียง
“นอนพักเสียก่อนเถิดแม่หญิง”
วิลันดาซาบซึ้งที่คุณท้าวดีกับหล่อนมาตลอด นี่ถ้าแม่หล่อนอยู่ก็คงห่วงใยหล่อนเช่นนี้เหมือนกัน
“เจ้าค่ะ” วิลันดารับคำอย่างว่าง่าย
“พ่อขุน เจ้ามากวนน้องรึไม่”
เพราะท่านสังเกตว่าขุนไกรไม่ยอมออกมาจากห้อง กลัวลูกชายจะห้ามใจตนไม่ไหวแล้วจะทำอะไรไม่ดีไม่งาม
“เอ่อ ลูก” เขาอึกอักไม่รู้จะตอบอย่างไร
“เดี๋ยวนี้ เจ้าดูพิกลขึ้นทุกวัน ออกไปจากห้องน้องได้แล้ว นางฟื้นแล้วใครเห็นเข้ามันมิงาม นางจักเสื่อมเสียเอาได้” คุณท้าวบ่นลูกชายหัวแก้วหัวแหวน
“ขอรับ”
ขุนไกรจำเป็นต้องทำตามแม่ผู้ให้กำเนิดอย่างขัดใจ นี่แม่ของเขาคงจะหวงบุตรสาวคนใหม่มาก
วิลันดาลอบถอนใจ นี่ถ้าคุณท้าวมาไม่ทันมีหวังหล่อนได้เสียความสาวให้ชายที่แก่กว่าราว 200 กว่าปีเป็นแน่ คิดเช่นนั้นหล่อนก็ยิ้ม นึกขำความคิดของตนอยู่เหมือนกัน
“เจ้ายิ้มอันใดรึเจ้า”
คุณท้าวมองแม่หญิงแล้วก็ให้นึก นี่ก็พิลึกอีกคนสองคนนี้ดูท่าจะพอกัน
หลังจากคุณท้าวอยู่เยี่ยมไข้แม่หญิงสักพัก จึงขอตัวออกไปเพื่อที่จะได้ให้แม่หญิงวิลันดาได้พักผ่อนและมีเรื่องจะไปคุยกับพ่อลูกชายตัวดี
++++++++++++++++++
ที่เรือนเจ้าพระยาสีหเดโช หลังร่วมรับประทานอาหารกันแล้ว จมื่นราชภักดีจึงมีเรื่องที่จะมาปรึกษาเจ้าพระยาผู้พ่อและคุณท้าวศรีประจัน
“พ่อเพ็งมีอันใดจักปรึกษาพ่อรึลูก” เจ้าพระยาสิงหเดโชเอ่ยถามบุตรชายซึ่งเป็นที่รักยิ่ง
“นั่นซิ พ่อเพ็งลูกมีเรื่องมิสบายอันใดรึ” คุณท้าวศรีประจันถามอย่างห่วงใยในตัวบุตรชาย
“มิมีเรื่องอันใดร้อนใจดอกขอรับ ท่านพ่อท่านแม่ แต่…”
“แต่อะไรรึ” ท่านเจ้าพระยาถามอย่างสงสัย เห็นลูกชายดูเขินอายชอบกลมิเคยเป็นเยี่ยงนี้มาก่อน
“แต่เป็นเรื่องดีหนาขอรับ”
“เรื่องอันใดว่ามาซิ”
“ลูกอยากให้ท่านพ่อกับท่านแม่ ไปขอหมั้นหมายผู้หญิงคนหนึ่งให้ลูกขอรับ”
ทั้งท่านเจ้าพระยาและคุณท้าวศรีประจัน ต่างหันมามองหน้ากัน ส่วนแม่ดาวเรืองยิ่งแล้วใหญ่ หล่อนยกมือทาบอกอย่างตกใจ
“ใครรึพี่เพ็ง น้องมิเคยรู้ว่าพี่เพ็งมีคนรักแล้ว”
“ข้าก็ยังมิแน่ใจว่า นางจักรักข้าอย่างที่ข้ารักนางบ้างรึไม่”
“อุว่ะ ลูกข้า” ท่านเจ้าพระยาหัวเราะชอบใจ
“เจ้ายังมิได้บอกรักนาง แล้วจะให้พ่อไปขอหมั้นเจ้านี่ทำไมใจร้อนเยี่ยงนี้มิเคยเห็นเจ้าเป็นเยี่ยงนี้มาก่อน”
“ข้ารักนางจริงหนาขอรับท่านพ่อ ท่านแม่”
“ใครหนอจักมาเป็นพี่สะใภ้ข้า แต่ถ้ามาจากตระกูลยากจนข้ามิรับเป็นดองด้วยหนา” แม่ดาวเรืองทำหน้าเชิดใส่
“ข้ารับรองว่านางคู่ควรเป็นสะใภ้ของท่านพ่อท่านแม่อย่างแน่นอนขอรับ”
“นางเป็นลูกเต้าเหล่าใครกันรึ” คุณท้าวศรีประจันถามอย่างสนใจ
“นางเป็นหลานสาวของคุณท้าวเฟื่อง ตอนนี้มาพักยังเรือนเจ้าพระยามิตรไมตรีขอรับ”
“จริงรึนี่ พ่อเพ็ง นางเป็นญาติของเกลอรักข้ากระนั้นรึ”
“จริงขอรับท่านพ่อ”
“ก็ดีมิน้อย พ่อขุนไกรแต่งกับแม่ดาวเรือง ส่วนพ่อเพ็งก็แต่งกับหลานคุณท้าวเฟื่อง” คุณท้าวศรีประจันหัวเราะอย่างชอบใจ
“เยี่ยงนี้ พี่ก็รีบหมั้นรีบแต่งกับนางเสียเลย ข้าจักได้ออกเรือนกับเขาบ้าง” แม่ดาวเรืองอยากจะให้พี่ชายรีบแต่งงาน เพราะตามประเพณีแล้วพี่ชายควรจะออกเรือนก่อน น้องสาวจึงออกเรือนตามทีหลัง
“แม่ดาวเรืองพูดเยี่ยงนั้นได้รึ เจ้าเป็นหญิงฟังดูมิงามเลย”
คุณท้าวศรีประจันเอ็ดบุตรสาว ถึงแม้หล่อนจะดูเป็นคนเรียบร้อยด้วยลักษณะท่าทาง แต่ที่จริงแล้วคนทั้งเรือน รวมถึงผู้เป็นแม่ย่อมรู้ดีว่าแม่หญิงดาวเรือง ควรได้รับการฝึกเรื่องมารยาท อบรมบ่มนิสัยอีกมาก
“ว่าแต่นางมีชื่อว่ากระไรรึ ไยข้ามิรู้จักนางมาก่อน”
พระยาสิงหเดโชไม่เคยเห็นเกลอรักจะเล่าเรื่องหลานสาวคุณท้าวเฟื่องให้ฟังสักครั้ง
“นางชื่อวิลันดาขอรับ”
พ่อเพ็งพูดชื่อนาง พลางความคิดของเขาก็มีหน้านวลงามของแม่หญิงวิลันดาลอยออกมาเขาอยากจะไปพบนางเหลือเกินพรุ่งนี้เขาจักต้องหาเรื่องไปเยี่ยมนางให้ได้
“ชื่อนางฟังพิลึก ใครนะช่างตั้งชื่อเหมือนพวกฝรั่งมังฆ้องนัก ข้ามิเห็นชาวเราใครมีชื่อเยี่ยงแม่หญิงผู้นี้เลย” เจ้าพระยาสีหเดโชถามอย่างสงสัย
“ข้าว่าชื่อของนางเพราะดีหนาท่านพ่อ”
“ยามรักเข้าตา เรื่องอันใดก็เห็นดีไปเสียหมดนั่นแหละพี่ข้า”
แม่หญิงดาวเรืองเหน็บแนมพี่ชาย นึกหมั่นไส้แม่หญิงวิลันดาอยู่ไม่น้อย แต่อีกใจก็รู้สึกโล่งใจที่พี่ชายชอบนาง เพราะมีบางอย่างที่หล่อนไม่ชอบนัก เหมือนพี่ขุนไกรของหล่อนก็จะเป็นห่วงเป็นใยน้องสาวคนนี้จนออกนอกหน้า
“เอาเถอะ ในเมื่อเจ้ารักชอบพอนาง พ่อก็จะมิขัดขวาง ไปตกลงกับนางเสียก่อน แล้วพ่อจักไปขอหมั้นนางให้แก่เจ้า”
“ขอรับท่านพ่อ”
จมื่นราชภักดีรู้สึกดีใจเป็นที่สุด แต่อีกใจก็ยังกังวลเขายังหาทางบอกรักนางมิได้เลย ไปที่เรือนนางก็เหมือนจะมีก้างขวางคอชิ้นใหญ่ พ่อขุนไกรว่าที่น้องเขยนั่นเอง ไม่รู้ทำไมเขาจะต้องคอยหวงน้องสาวถึงขนาดนั้นด้วย
++++++++++++++++++
บุพเพข้ามภพ (ตอนที่ 14)
ตอนที่14
วิลันดาไม่รู้จะหลบเลี่ยงไปทางใด เพราะห้องนอนนี้ก็มิได้กว้างขวางมากนัก ที่สำคัญหล่อนไม่รู้จะต้านทานความปรารถนาของเขาและหล่อนเองไปได้สักแค่ไหน ขุนไกรในวันนี้ ต่างกับที่หล่อนเคยรู้จักมาก เขาดูอารมณ์ร้อนแรงขึ้น ไม่เย็นชาเหมือนคราแรกที่พบกัน
หล่อนคิดว่า ตอนนั้นเขาออกจะเป็นตาทึ่มด้วยซ้ำไป แต่ตอนนี้หล่อนคิดผิดถนัด แต่ไหนเลยจะยอมพลาดท่า นี่เขาคงจะต้องหัดตามมารยาของสาวยุคหล่อนให้ทันสักหน่อยเสียแล้ว วิลันดาคิดได้เช่นนั้นหล่อนจึงแกล้งเป็นลมไป
แม่หญิง !
ขุนไกรตกใจมากที่เห็นหล่อนเป็นลมไปอีกครั้ง เขานึกโทษตัวเองหล่อนยังไม่หายไข้ดีด้วยซ้ำไป เขาเองที่หึงจนหน้ามืด คิดจะครอบครองหล่อนซึ่งผิดทั้งศีลธรรมและประเพณี
ขุนไกรช้อนร่างบางขึ้นมาอุ้มนางไปที่เตียง แต่ก่อนที่เขาจะวางร่างอรชรลงบนเตียงหนานุ่ม เขาแอบสังเกตใบหน้านั้นราวกับจะแอบยิ้ม เขาจึงวางนางลงอย่างเบามือ
วิลันดาดีใจที่เขาตกหลุมพรางของหล่อน นึกกระหยิ่มยิ้มย่องอยู่ภายในใจ
“ดีล่ะในเมื่อเจ้าเป็นลม เยี่ยงนี้แล้ว เจ้าคงจักมิรู้สึกตัวดอกหนา”
ขุนไกรแกล้งเอาฝ่ามือหนาของเขาลูบไล้แก้มเนียนใสของหล่อนและค่อย ๆ ลูบลงมาที่คอเรียวระหง พลางนึกในใจว่า เจ้าคงนึกว่าพี่ไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมของแม่หญิงหลงยุคเยี่ยงเจ้ากระนั้นรึ
“เจ้ามิฟื้นใช่รึไม่”
วิลันดานอนหลับตาพริ้มแกล้งไม่ได้ยินเสียงใด ๆ ทั้งสิ้น
“ดีล่ะ ทีนี้พี่จักได้จับเจ้าปล้ำทำเมียเสียเลย”
วิลันดาได้ยินแค่นั้น หล่อนก็ดีดตัวขึ้นจากที่นอนลุกขึ้นมานั่งแทบไม่ทัน
“บ้าที่สุด คนลามก” หล่อนแหวใส่เขา เห็นเขาทำตากรุ้มกริ่มใส่หล่อน
“ไหนว่าเจ้าเป็นลมมิใช่รึ” ขุนไกรยิ้มเจ้าเล่ห์อย่างผู้มีชัย
ปัง..ปัง!
ประตูห้องถูกทุบ ขุนไกรรู้สึกว่าใครหนอ ช่างมาเคาะได้ในเวลาแบบนี้เดี๋ยวเถิดถ้าไม่ใช่เรื่องด่วนจะเอ็ดให้เปิงไป เขาเปิดประตูออกและพบว่า
“ท่านแม่” ขุนไกรผงะไปนิด ลูกที่ดีที่ไหนกันจะกล้าไปดุแม่
“ก็แม่ เจ้านึกว่าผู้ใดกันรึ”
จากนั้นคุณท้าวเฟื่องก็หันมาสนใจแม่หญิงซึ่งกำลังลุกขึ้นจากเตียง
“นอนพักเสียก่อนเถิดแม่หญิง”
วิลันดาซาบซึ้งที่คุณท้าวดีกับหล่อนมาตลอด นี่ถ้าแม่หล่อนอยู่ก็คงห่วงใยหล่อนเช่นนี้เหมือนกัน
“เจ้าค่ะ” วิลันดารับคำอย่างว่าง่าย
“พ่อขุน เจ้ามากวนน้องรึไม่”
เพราะท่านสังเกตว่าขุนไกรไม่ยอมออกมาจากห้อง กลัวลูกชายจะห้ามใจตนไม่ไหวแล้วจะทำอะไรไม่ดีไม่งาม
“เอ่อ ลูก” เขาอึกอักไม่รู้จะตอบอย่างไร
“เดี๋ยวนี้ เจ้าดูพิกลขึ้นทุกวัน ออกไปจากห้องน้องได้แล้ว นางฟื้นแล้วใครเห็นเข้ามันมิงาม นางจักเสื่อมเสียเอาได้” คุณท้าวบ่นลูกชายหัวแก้วหัวแหวน
“ขอรับ”
ขุนไกรจำเป็นต้องทำตามแม่ผู้ให้กำเนิดอย่างขัดใจ นี่แม่ของเขาคงจะหวงบุตรสาวคนใหม่มาก
วิลันดาลอบถอนใจ นี่ถ้าคุณท้าวมาไม่ทันมีหวังหล่อนได้เสียความสาวให้ชายที่แก่กว่าราว 200 กว่าปีเป็นแน่ คิดเช่นนั้นหล่อนก็ยิ้ม นึกขำความคิดของตนอยู่เหมือนกัน
“เจ้ายิ้มอันใดรึเจ้า”
คุณท้าวมองแม่หญิงแล้วก็ให้นึก นี่ก็พิลึกอีกคนสองคนนี้ดูท่าจะพอกัน
หลังจากคุณท้าวอยู่เยี่ยมไข้แม่หญิงสักพัก จึงขอตัวออกไปเพื่อที่จะได้ให้แม่หญิงวิลันดาได้พักผ่อนและมีเรื่องจะไปคุยกับพ่อลูกชายตัวดี
++++++++++++++++++
ที่เรือนเจ้าพระยาสีหเดโช หลังร่วมรับประทานอาหารกันแล้ว จมื่นราชภักดีจึงมีเรื่องที่จะมาปรึกษาเจ้าพระยาผู้พ่อและคุณท้าวศรีประจัน
“พ่อเพ็งมีอันใดจักปรึกษาพ่อรึลูก” เจ้าพระยาสิงหเดโชเอ่ยถามบุตรชายซึ่งเป็นที่รักยิ่ง
“นั่นซิ พ่อเพ็งลูกมีเรื่องมิสบายอันใดรึ” คุณท้าวศรีประจันถามอย่างห่วงใยในตัวบุตรชาย
“มิมีเรื่องอันใดร้อนใจดอกขอรับ ท่านพ่อท่านแม่ แต่…”
“แต่อะไรรึ” ท่านเจ้าพระยาถามอย่างสงสัย เห็นลูกชายดูเขินอายชอบกลมิเคยเป็นเยี่ยงนี้มาก่อน
“แต่เป็นเรื่องดีหนาขอรับ”
“เรื่องอันใดว่ามาซิ”
“ลูกอยากให้ท่านพ่อกับท่านแม่ ไปขอหมั้นหมายผู้หญิงคนหนึ่งให้ลูกขอรับ”
ทั้งท่านเจ้าพระยาและคุณท้าวศรีประจัน ต่างหันมามองหน้ากัน ส่วนแม่ดาวเรืองยิ่งแล้วใหญ่ หล่อนยกมือทาบอกอย่างตกใจ
“ใครรึพี่เพ็ง น้องมิเคยรู้ว่าพี่เพ็งมีคนรักแล้ว”
“ข้าก็ยังมิแน่ใจว่า นางจักรักข้าอย่างที่ข้ารักนางบ้างรึไม่”
“อุว่ะ ลูกข้า” ท่านเจ้าพระยาหัวเราะชอบใจ
“เจ้ายังมิได้บอกรักนาง แล้วจะให้พ่อไปขอหมั้นเจ้านี่ทำไมใจร้อนเยี่ยงนี้มิเคยเห็นเจ้าเป็นเยี่ยงนี้มาก่อน”
“ข้ารักนางจริงหนาขอรับท่านพ่อ ท่านแม่”
“ใครหนอจักมาเป็นพี่สะใภ้ข้า แต่ถ้ามาจากตระกูลยากจนข้ามิรับเป็นดองด้วยหนา” แม่ดาวเรืองทำหน้าเชิดใส่
“ข้ารับรองว่านางคู่ควรเป็นสะใภ้ของท่านพ่อท่านแม่อย่างแน่นอนขอรับ”
“นางเป็นลูกเต้าเหล่าใครกันรึ” คุณท้าวศรีประจันถามอย่างสนใจ
“นางเป็นหลานสาวของคุณท้าวเฟื่อง ตอนนี้มาพักยังเรือนเจ้าพระยามิตรไมตรีขอรับ”
“จริงรึนี่ พ่อเพ็ง นางเป็นญาติของเกลอรักข้ากระนั้นรึ”
“จริงขอรับท่านพ่อ”
“ก็ดีมิน้อย พ่อขุนไกรแต่งกับแม่ดาวเรือง ส่วนพ่อเพ็งก็แต่งกับหลานคุณท้าวเฟื่อง” คุณท้าวศรีประจันหัวเราะอย่างชอบใจ
“เยี่ยงนี้ พี่ก็รีบหมั้นรีบแต่งกับนางเสียเลย ข้าจักได้ออกเรือนกับเขาบ้าง” แม่ดาวเรืองอยากจะให้พี่ชายรีบแต่งงาน เพราะตามประเพณีแล้วพี่ชายควรจะออกเรือนก่อน น้องสาวจึงออกเรือนตามทีหลัง
“แม่ดาวเรืองพูดเยี่ยงนั้นได้รึ เจ้าเป็นหญิงฟังดูมิงามเลย”
คุณท้าวศรีประจันเอ็ดบุตรสาว ถึงแม้หล่อนจะดูเป็นคนเรียบร้อยด้วยลักษณะท่าทาง แต่ที่จริงแล้วคนทั้งเรือน รวมถึงผู้เป็นแม่ย่อมรู้ดีว่าแม่หญิงดาวเรือง ควรได้รับการฝึกเรื่องมารยาท อบรมบ่มนิสัยอีกมาก
“ว่าแต่นางมีชื่อว่ากระไรรึ ไยข้ามิรู้จักนางมาก่อน”
พระยาสิงหเดโชไม่เคยเห็นเกลอรักจะเล่าเรื่องหลานสาวคุณท้าวเฟื่องให้ฟังสักครั้ง
“นางชื่อวิลันดาขอรับ”
พ่อเพ็งพูดชื่อนาง พลางความคิดของเขาก็มีหน้านวลงามของแม่หญิงวิลันดาลอยออกมาเขาอยากจะไปพบนางเหลือเกินพรุ่งนี้เขาจักต้องหาเรื่องไปเยี่ยมนางให้ได้
“ชื่อนางฟังพิลึก ใครนะช่างตั้งชื่อเหมือนพวกฝรั่งมังฆ้องนัก ข้ามิเห็นชาวเราใครมีชื่อเยี่ยงแม่หญิงผู้นี้เลย” เจ้าพระยาสีหเดโชถามอย่างสงสัย
“ข้าว่าชื่อของนางเพราะดีหนาท่านพ่อ”
“ยามรักเข้าตา เรื่องอันใดก็เห็นดีไปเสียหมดนั่นแหละพี่ข้า”
แม่หญิงดาวเรืองเหน็บแนมพี่ชาย นึกหมั่นไส้แม่หญิงวิลันดาอยู่ไม่น้อย แต่อีกใจก็รู้สึกโล่งใจที่พี่ชายชอบนาง เพราะมีบางอย่างที่หล่อนไม่ชอบนัก เหมือนพี่ขุนไกรของหล่อนก็จะเป็นห่วงเป็นใยน้องสาวคนนี้จนออกนอกหน้า
“เอาเถอะ ในเมื่อเจ้ารักชอบพอนาง พ่อก็จะมิขัดขวาง ไปตกลงกับนางเสียก่อน แล้วพ่อจักไปขอหมั้นนางให้แก่เจ้า”
“ขอรับท่านพ่อ”
จมื่นราชภักดีรู้สึกดีใจเป็นที่สุด แต่อีกใจก็ยังกังวลเขายังหาทางบอกรักนางมิได้เลย ไปที่เรือนนางก็เหมือนจะมีก้างขวางคอชิ้นใหญ่ พ่อขุนไกรว่าที่น้องเขยนั่นเอง ไม่รู้ทำไมเขาจะต้องคอยหวงน้องสาวถึงขนาดนั้นด้วย
++++++++++++++++++