อลินอาการดีขึ้น---ทั้งทางร่างกาย ที่มีหมอพยาบาลดูแลอย่างใกล้ชิด และทั้งจิตใจ ที่หล่อนเองคิดเพ้อฝันอะไรไปไกล และแน่วแน่เสียด้วยว่ามันต้องเป็นจริง สิ่งนั้นคือ ‘ความสุข’ ที่หล่อนมั่นใจแล้วว่า มันอาจจะเป็นสิ่งที่หล่อนตามหามาทั้งชีวิต เอาเถิด...เรื่องที่แล้ว ก็ให้แล้วกันไป เรื่องของถิรวัฒน์ ถือเสียว่าเป็นบทเรียนราคาแพงที่ไม่อาจตีมูลค่าได้ ใช่ว่าหล่อนไม่รักถิรวัฒน์ แต่หลายสิ่งที่คนตายบั่นทอนความรักของหญิงสาวลงเรื่อยๆ มันเลยทำให้การตายของเขา เปรียบเสมือนมีดที่จ้วงเข้ากลางใจจังๆ เพียงชั่ววินาทีหนึ่ง พอแผลเริ่มสมาน ตกสะเก็ด ก็กลายเป็นแค่รอยแผลเป็นจางๆ เท่านั้น
‘หากความรักมันลึกซึ้ง ยากเกินเลือน บาดแผลอาจจะแทบไม่สมาน แนบเนื้อสนิท แต่ถ้าความรักมันหลุดลุ่ย...ไม่เป็นชิ้นดีมาก่อนหน้านั้นแล้ว ถึงแม้บาดแผลจะสมานกันได้เป็นเนื้อเดียวกัน ความทรงจำที่ปรากฏ อาจจะแค่รอยแผลเป็นที่จางแล้ว จางเล่า จนเกือบมองไม่เห็นด้วยซ้ำ!’
แพทย์เจ้าของไข้ของอลินอนุญาติให้หญิงสาวกลับบ้านได้แล้ว วันนี้ทั้งคู่จึงฉุกละหุกกับการเก็บของใส่กระเป๋า ทั้งศศินาเอง ที่เล่นยึดโรงพยาบาลเป็นที่พัก และอลิน ที่ออดๆ แอดๆ ทั้งกายและใจ มั่วซั่วกันไปหมด หญิงสาวนึกถึงบ้านบนดอยบรรยากาศดี ที่ถ้าหากไปในอารมณ์---สลัด---อะไร...อะไร...ออกจากแข้งขาหมดแล้วเช่นนี้ ที่นั่นมันก็สวรรค์ชัดๆ แต่หล่อนมองโลกสวยไป เสียงโทรศัพท์เคลื่อนที่ดังแทรกขึ้นมา
ศศินาหยิบโทรศัพท์เคลื่อนที่ของตนขึ้นมากดรับสาย
“ฮัลโหล...” ก่อนจะเหลียวหลังไปมองอลิน ที่กำลังง่วนกับการเก็บเสื้อผ้า ไม่ได้สนใจว่าใครจะโทร. มา หากเรื่องอะไรต่อมิอะไรที่ทางปลายสายกำลังพร่ำพรรณนานั่นสิ หัวคิ้วของหญิงสาวชนเข้าหากันเกือบจะหล่อหลอมเป็นเส้นเดียวกัน ตาสีสนิมคู่สวยก็มีแวววาวโรจน์เนืองๆ จนถึงประโยคท้ายสุดที่ทางนั้นฝากฝัง---แววตาของหล่อนตาลปัตรเป็นว่างเปล่า และเศร้าหมองในที่สุด
“ฝากดูแลลินด้วยนะ...นา...เค้าไม่เหลือใครแล้ว”
“เหลือสิ...น่านนั่นไง” หล่อนสวนจากใจจริง หาใช่ประชดด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจไม่ หากคนที่อยู่ในแวววง ‘คนจริง’ อย่างน่านนทีหนะหรือ จะมานั่งละเอียดอ่อนต่อภาวะอารมณ์ของผู้หญิง คำตอบที่ได้รับคืนมามันจึงจืดชืด ไร้ความหวัง และจับความรู้สึกใดๆ ไม่ได้
“ใช่...เค้าเหลือแต่พวกเรา ซึ่งตอนนี้พวกเราก็คงเหลือแต่น่าน นา แค่นั้น...”
เอาสิ...จนขั้นนี้แล้วเขาก็ไม่เคยทิ้งขว้างอลินเลย ไม่ว่าอลินจะทำร้ายเขาให้เจ็บช้ำแค่ไหน นี่มันคงเป็นความยิ่งใหญ่ของความรักสินะ!
ศศินาคิดเลยเถิดไปกันใหญ่ จนลืมไปเช่นกันว่า ‘ความรัก’ ตัวเดิมนั่นแหละ ที่ทำให้จิตใจของหล่อนปรุงแต่งเรื่องราวอะไร...ต่อมิอะไร...ที่คิดไปเองทั้งนั้นได้อย่างน่าอัศจรรย์ อานุภาพของความรักมันน่ากลัวตรงนี้
โอนเงินมาให้จำนวนหนึ่งหรอ...สงสัยเค้ากลัวว่ายายลินไม่ได้กินดี อยู่สบาย แต่ก็ไม่เป็นไร ในเมื่อคนที่เขารักอยู่กับเรา และเราก็รักเขาข้างเดียวอยู่แบบนี้มานานแล้ว มันไม่ควรหวังที่จะได้เคียงคู่ตั้งนานแล้ว เขาช่วยชีวิตเราไว้ก็แค่เพื่อน ตอนนี้ก็ควรตอบแทนโดยการดูแลคนที่เขารัก ‘ใช้หนี้บุญคุณ’ หญิงสาวคิดในใจเช่นนั้น หากน้ำตาสิ...ที่มันหยดแหมะลงมาบนหลังมือ ก่อนที่ศศินาจะป้ายทิ้งหลายๆ รอบ เพราะมันดันไหลออกมาไม่หยุด
“พี่นา...พี่เป็นอะไร...ร้องไห้ทำไม” อลินตรงเข้ามาถามถึงความผิดปกติ
“อะ...อ๋อ...พี่เสียใจหนะ...เราจะกลับไปที่บ้านบนดอยไม่ได้อีกแล้วนะ เราต้องหาบ้านเช่าใหม่ ในเมืองนี่แหละ น่านเค้าเป็นห่วงเธอมาก เค้าให้ลูกน้องโอนเงินมาให้ เพื่อที่จะได้เอาไว้ดูแลเธอ” จิตปรุงแต่งของศศินาทำงานหนัก หล่อนลืมคิดถึงประโยคที่น่านนทีกล่าวไว้ว่า “นาเอาเงินก้อนนี้ไว้ติดตัวนะ หาที่พักใหม่ เอาไว้จับจ่ายใช้สอย” น่านนทีว่าแบบนั้นจริงๆ แต่มาตายแค่ประโยคเดียว ที่ชายหนุ่มฝากฝังอลินไว้กับอีกฝ่าย ทำให้หญิงสาวคิดเป็นบ้าเป็นหลัง จุดประสงค์แท้จริงของเขาคือต้องการให้หล่อนช่วยดูแลอลิน แค่นั้น...
ศศินาก็แค่ผู้หญิงเดินดินคนหนึ่งนี่นะ เรื่องราวทั้งหมดที่ทำให้หล่อนได้ผูกพันกับน่านนทีแนบแน่น ความลำพองใจในระหว่างที่ดูแลกัน จะไม่มีบ้างเลยหรือ? แต่วันนี้ความหวังที่มันริบหรี่เป็นทุนเดิม ได้ดับวูบลงเหมือนเปลวเทียนที่โดนพายุโถมเข้าใส่ แม้แต่ควันไฟก็ไม่หลงเหลือให้โชยชาย หล่อนตัดสินใจด้วยความคิดไปเองเอาเสียตอนนั้น ว่าหล่อนจะไม่หวัง และจะพยายามเลิกคิด ถ้าเรื่องทุกอย่างคลี่คลายลงแล้ว หล่อนจะตีตัวออกห่างจากน่านนที ไปอยู่ที่ไหนก็ได้ที่ไกลๆ สักพัก...เพียงลำพัง ปล่อยให้น่านนทีกับอลินได้ควงคู่ ตามที่น่านนทีปรารถนามานานแรมปี
น่านคงจะมีความสุขมาก...
คิดแค่นี้ น้ำตามันก็ไหลพรวดๆ ลงมาอีกแล้ว คราวนี้คนที่ทำเก่ง จะดูแลคนนั้นคนนี้ กลับทิ้งตัวนั่งบนโซฟาราวกับเรี่ยวแรงโดนดูดจากแรงโน้มถ่วง แล้วก็เอามือปิดหน้าร้องไห้อยู่แบบนั้น เอาสิ...ร้องออกมาไม่ต้องอาย ไม่มีใครรู้ความจริงอยู่แล้ว ว่าไอ้ที่เธอร้องหนะ...มันเรื่องอะไรกันแน่ ร้องออกมาให้หมด...ร้องเลย...ร้องให้มันเป็นครั้งสุดท้าย!
อลินได้แต่ยืนมองห่างๆ ไม่กล้าปริปากถามความใดต่อให้มากเรื่อง หล่อนคิดว่าอาจมีเรื่องคอขาดบาดตายเกิดขึ้นอีกแน่ๆ แต่ว่า...
“พี่น่านไม่เป็นอะไรใช่มั๊ยคะ พี่นา...แล้ว...แล้วพี่เค้าจะปลอดภัยมั๊ย” อลินร้อนรน ลึกลงไปหล่อนกลัวน่านนทีเป็นอะไรไปอีกคนหนะสิ
“น่านปลอดภัยดี ส่วนต่อไปจะปลอดภัยหรือไม่ ยังไง พี่ก็ไม่รู้ อย่าเพิ่งถามอะไรมาก รีบๆ เก็บของกันเถอะ จะได้ไปหาบ้านเช่ากัน ถ้าหาบ้านเช่ายาก ก็อยู่ห้องพักตามเกสต์เฮาส์ก็ได้” ศศินาฝืนลุกขึ้นมาได้ และไปเก็บสัมภาระต่อด้วยหัวใจเปล่าดาย
การหาบ้านเช่าในตัวเมืองเชียงใหม่นั้นหายากใช่ย่อย เพราะหล่อนไม่ใช่คนในพื้นที่ ทางออกที่ง่ายที่สุดคือการหาเช่าห้องตามคอนโด ซึ่งอยู่ได้สำหรับสองคนอยู่แล้ว ยิ่งหญิงสาวได้เข้ามาคลุกคลีกับอลินจริงๆ จังๆ ยามหล่อนไม่มีปัญหาอะไร ยิ่งทำให้หล่อนทราบว่าอลินหวังเริ่มต้นใหม่กับน่านนทีแรงกล้ามาก มันเลยทำให้ศศินาทั้งผิดหวัง และเป็นห่วงน่านนทีในตัว เนื่องจากว่าเขามองคนผิดไป ที่จริงแล้วอลินก็ไม่ได้ประเคนความรักไว้บนหัวอย่างที่น่านนทีเข้าใจเลย ดูเอาเถิด...ถิรวัฒน์ด่วนจากไปไม่ทันข้ามเดือน หล่อนก็เร่าๆ วางอนาคตใหม่เป็นฉากๆ
มันก็จริงอยู่...กับความบัดซบที่ถิรวัฒน์มอบให้หล่อน ตลอดชั่วชีวิตความเป็นคนของเขา แต่ความดีมันก็น่าจะมีบ้างไม่ใช่หรือ และ...หรือ...จะดีหรือไม่ดี ความรัก...มันจะบันดาลให้ ‘รัก’ ไม่ว่าเขาจะเป็นยังไง เหมือนอย่างน่านนทีที่รักหล่อน รัก...จนกระทั่งบัดนี้ก็ยังรัก แล้วนี่อลินเหมือนฝังลมหายใจของถิรวัฒน์ไป ไม่กล่าวถึงเลย ทั้งๆ ที่ตอนเขามีชีวิตอยู่ หล่อนก็จะเป็นจะตายกับผู้ชายคนนี้ไม่รู้ตั้งกี่รอบต่อกี่รอบ จะเลิกก็ไม่เลิก จนใครๆ เขาเข้าใจตรงกันหมด ว่าอลินนี่ ‘ความรักบังตา โงหัวไม่ขึ้น’ แล้วพอมาตอนนี้สิ...ศศินายิ่งคิด ยิ่งไม่เข้าใจตัวตนที่แท้จริงของผู้หญิงตรงหน้า ซึ่งตอนนี้หล่อนเริ่มจะรำคาญเสียงเจื้อยแจ้ว ที่พร่ำเพ้อรำพันถึงอนาคตไม่เว้นแต่ละวัน
ราเอล
ราตรีอับแสง (ตอนที่ 20)
‘หากความรักมันลึกซึ้ง ยากเกินเลือน บาดแผลอาจจะแทบไม่สมาน แนบเนื้อสนิท แต่ถ้าความรักมันหลุดลุ่ย...ไม่เป็นชิ้นดีมาก่อนหน้านั้นแล้ว ถึงแม้บาดแผลจะสมานกันได้เป็นเนื้อเดียวกัน ความทรงจำที่ปรากฏ อาจจะแค่รอยแผลเป็นที่จางแล้ว จางเล่า จนเกือบมองไม่เห็นด้วยซ้ำ!’
แพทย์เจ้าของไข้ของอลินอนุญาติให้หญิงสาวกลับบ้านได้แล้ว วันนี้ทั้งคู่จึงฉุกละหุกกับการเก็บของใส่กระเป๋า ทั้งศศินาเอง ที่เล่นยึดโรงพยาบาลเป็นที่พัก และอลิน ที่ออดๆ แอดๆ ทั้งกายและใจ มั่วซั่วกันไปหมด หญิงสาวนึกถึงบ้านบนดอยบรรยากาศดี ที่ถ้าหากไปในอารมณ์---สลัด---อะไร...อะไร...ออกจากแข้งขาหมดแล้วเช่นนี้ ที่นั่นมันก็สวรรค์ชัดๆ แต่หล่อนมองโลกสวยไป เสียงโทรศัพท์เคลื่อนที่ดังแทรกขึ้นมา
ศศินาหยิบโทรศัพท์เคลื่อนที่ของตนขึ้นมากดรับสาย
“ฮัลโหล...” ก่อนจะเหลียวหลังไปมองอลิน ที่กำลังง่วนกับการเก็บเสื้อผ้า ไม่ได้สนใจว่าใครจะโทร. มา หากเรื่องอะไรต่อมิอะไรที่ทางปลายสายกำลังพร่ำพรรณนานั่นสิ หัวคิ้วของหญิงสาวชนเข้าหากันเกือบจะหล่อหลอมเป็นเส้นเดียวกัน ตาสีสนิมคู่สวยก็มีแวววาวโรจน์เนืองๆ จนถึงประโยคท้ายสุดที่ทางนั้นฝากฝัง---แววตาของหล่อนตาลปัตรเป็นว่างเปล่า และเศร้าหมองในที่สุด
“ฝากดูแลลินด้วยนะ...นา...เค้าไม่เหลือใครแล้ว”
“เหลือสิ...น่านนั่นไง” หล่อนสวนจากใจจริง หาใช่ประชดด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจไม่ หากคนที่อยู่ในแวววง ‘คนจริง’ อย่างน่านนทีหนะหรือ จะมานั่งละเอียดอ่อนต่อภาวะอารมณ์ของผู้หญิง คำตอบที่ได้รับคืนมามันจึงจืดชืด ไร้ความหวัง และจับความรู้สึกใดๆ ไม่ได้
“ใช่...เค้าเหลือแต่พวกเรา ซึ่งตอนนี้พวกเราก็คงเหลือแต่น่าน นา แค่นั้น...”
เอาสิ...จนขั้นนี้แล้วเขาก็ไม่เคยทิ้งขว้างอลินเลย ไม่ว่าอลินจะทำร้ายเขาให้เจ็บช้ำแค่ไหน นี่มันคงเป็นความยิ่งใหญ่ของความรักสินะ!
ศศินาคิดเลยเถิดไปกันใหญ่ จนลืมไปเช่นกันว่า ‘ความรัก’ ตัวเดิมนั่นแหละ ที่ทำให้จิตใจของหล่อนปรุงแต่งเรื่องราวอะไร...ต่อมิอะไร...ที่คิดไปเองทั้งนั้นได้อย่างน่าอัศจรรย์ อานุภาพของความรักมันน่ากลัวตรงนี้
โอนเงินมาให้จำนวนหนึ่งหรอ...สงสัยเค้ากลัวว่ายายลินไม่ได้กินดี อยู่สบาย แต่ก็ไม่เป็นไร ในเมื่อคนที่เขารักอยู่กับเรา และเราก็รักเขาข้างเดียวอยู่แบบนี้มานานแล้ว มันไม่ควรหวังที่จะได้เคียงคู่ตั้งนานแล้ว เขาช่วยชีวิตเราไว้ก็แค่เพื่อน ตอนนี้ก็ควรตอบแทนโดยการดูแลคนที่เขารัก ‘ใช้หนี้บุญคุณ’ หญิงสาวคิดในใจเช่นนั้น หากน้ำตาสิ...ที่มันหยดแหมะลงมาบนหลังมือ ก่อนที่ศศินาจะป้ายทิ้งหลายๆ รอบ เพราะมันดันไหลออกมาไม่หยุด
“พี่นา...พี่เป็นอะไร...ร้องไห้ทำไม” อลินตรงเข้ามาถามถึงความผิดปกติ
“อะ...อ๋อ...พี่เสียใจหนะ...เราจะกลับไปที่บ้านบนดอยไม่ได้อีกแล้วนะ เราต้องหาบ้านเช่าใหม่ ในเมืองนี่แหละ น่านเค้าเป็นห่วงเธอมาก เค้าให้ลูกน้องโอนเงินมาให้ เพื่อที่จะได้เอาไว้ดูแลเธอ” จิตปรุงแต่งของศศินาทำงานหนัก หล่อนลืมคิดถึงประโยคที่น่านนทีกล่าวไว้ว่า “นาเอาเงินก้อนนี้ไว้ติดตัวนะ หาที่พักใหม่ เอาไว้จับจ่ายใช้สอย” น่านนทีว่าแบบนั้นจริงๆ แต่มาตายแค่ประโยคเดียว ที่ชายหนุ่มฝากฝังอลินไว้กับอีกฝ่าย ทำให้หญิงสาวคิดเป็นบ้าเป็นหลัง จุดประสงค์แท้จริงของเขาคือต้องการให้หล่อนช่วยดูแลอลิน แค่นั้น...
ศศินาก็แค่ผู้หญิงเดินดินคนหนึ่งนี่นะ เรื่องราวทั้งหมดที่ทำให้หล่อนได้ผูกพันกับน่านนทีแนบแน่น ความลำพองใจในระหว่างที่ดูแลกัน จะไม่มีบ้างเลยหรือ? แต่วันนี้ความหวังที่มันริบหรี่เป็นทุนเดิม ได้ดับวูบลงเหมือนเปลวเทียนที่โดนพายุโถมเข้าใส่ แม้แต่ควันไฟก็ไม่หลงเหลือให้โชยชาย หล่อนตัดสินใจด้วยความคิดไปเองเอาเสียตอนนั้น ว่าหล่อนจะไม่หวัง และจะพยายามเลิกคิด ถ้าเรื่องทุกอย่างคลี่คลายลงแล้ว หล่อนจะตีตัวออกห่างจากน่านนที ไปอยู่ที่ไหนก็ได้ที่ไกลๆ สักพัก...เพียงลำพัง ปล่อยให้น่านนทีกับอลินได้ควงคู่ ตามที่น่านนทีปรารถนามานานแรมปี
น่านคงจะมีความสุขมาก...
คิดแค่นี้ น้ำตามันก็ไหลพรวดๆ ลงมาอีกแล้ว คราวนี้คนที่ทำเก่ง จะดูแลคนนั้นคนนี้ กลับทิ้งตัวนั่งบนโซฟาราวกับเรี่ยวแรงโดนดูดจากแรงโน้มถ่วง แล้วก็เอามือปิดหน้าร้องไห้อยู่แบบนั้น เอาสิ...ร้องออกมาไม่ต้องอาย ไม่มีใครรู้ความจริงอยู่แล้ว ว่าไอ้ที่เธอร้องหนะ...มันเรื่องอะไรกันแน่ ร้องออกมาให้หมด...ร้องเลย...ร้องให้มันเป็นครั้งสุดท้าย!
อลินได้แต่ยืนมองห่างๆ ไม่กล้าปริปากถามความใดต่อให้มากเรื่อง หล่อนคิดว่าอาจมีเรื่องคอขาดบาดตายเกิดขึ้นอีกแน่ๆ แต่ว่า...
“พี่น่านไม่เป็นอะไรใช่มั๊ยคะ พี่นา...แล้ว...แล้วพี่เค้าจะปลอดภัยมั๊ย” อลินร้อนรน ลึกลงไปหล่อนกลัวน่านนทีเป็นอะไรไปอีกคนหนะสิ
“น่านปลอดภัยดี ส่วนต่อไปจะปลอดภัยหรือไม่ ยังไง พี่ก็ไม่รู้ อย่าเพิ่งถามอะไรมาก รีบๆ เก็บของกันเถอะ จะได้ไปหาบ้านเช่ากัน ถ้าหาบ้านเช่ายาก ก็อยู่ห้องพักตามเกสต์เฮาส์ก็ได้” ศศินาฝืนลุกขึ้นมาได้ และไปเก็บสัมภาระต่อด้วยหัวใจเปล่าดาย
การหาบ้านเช่าในตัวเมืองเชียงใหม่นั้นหายากใช่ย่อย เพราะหล่อนไม่ใช่คนในพื้นที่ ทางออกที่ง่ายที่สุดคือการหาเช่าห้องตามคอนโด ซึ่งอยู่ได้สำหรับสองคนอยู่แล้ว ยิ่งหญิงสาวได้เข้ามาคลุกคลีกับอลินจริงๆ จังๆ ยามหล่อนไม่มีปัญหาอะไร ยิ่งทำให้หล่อนทราบว่าอลินหวังเริ่มต้นใหม่กับน่านนทีแรงกล้ามาก มันเลยทำให้ศศินาทั้งผิดหวัง และเป็นห่วงน่านนทีในตัว เนื่องจากว่าเขามองคนผิดไป ที่จริงแล้วอลินก็ไม่ได้ประเคนความรักไว้บนหัวอย่างที่น่านนทีเข้าใจเลย ดูเอาเถิด...ถิรวัฒน์ด่วนจากไปไม่ทันข้ามเดือน หล่อนก็เร่าๆ วางอนาคตใหม่เป็นฉากๆ
มันก็จริงอยู่...กับความบัดซบที่ถิรวัฒน์มอบให้หล่อน ตลอดชั่วชีวิตความเป็นคนของเขา แต่ความดีมันก็น่าจะมีบ้างไม่ใช่หรือ และ...หรือ...จะดีหรือไม่ดี ความรัก...มันจะบันดาลให้ ‘รัก’ ไม่ว่าเขาจะเป็นยังไง เหมือนอย่างน่านนทีที่รักหล่อน รัก...จนกระทั่งบัดนี้ก็ยังรัก แล้วนี่อลินเหมือนฝังลมหายใจของถิรวัฒน์ไป ไม่กล่าวถึงเลย ทั้งๆ ที่ตอนเขามีชีวิตอยู่ หล่อนก็จะเป็นจะตายกับผู้ชายคนนี้ไม่รู้ตั้งกี่รอบต่อกี่รอบ จะเลิกก็ไม่เลิก จนใครๆ เขาเข้าใจตรงกันหมด ว่าอลินนี่ ‘ความรักบังตา โงหัวไม่ขึ้น’ แล้วพอมาตอนนี้สิ...ศศินายิ่งคิด ยิ่งไม่เข้าใจตัวตนที่แท้จริงของผู้หญิงตรงหน้า ซึ่งตอนนี้หล่อนเริ่มจะรำคาญเสียงเจื้อยแจ้ว ที่พร่ำเพ้อรำพันถึงอนาคตไม่เว้นแต่ละวัน