ราตรีอับแสง (ตอนที่ 22)

กระทู้สนทนา
น่านนทีหอบเอาความแค้นทั้งปวง ขึ้นเชียงใหม่ไปหาศศินาเพื่อตั้งหลัก---อีกครั้ง---โดยที่เขายังไม่ทราบเหตุการณ์สลด ซึ่งหนังสือพิมพ์พาดหัวข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้ไม่เว้นแต่ละวัน ทีแรกก็ตั้งหัวข้อข่าวซะสะเทือนใจคนทั้งประเทศ

‘คาสิโนใหญ่ติดอันดับ 1 ใน 10 ของเอเชียโดนไฟไหม้ ‘เฮียย้ง’ เจ้าพ่อธุรกิจกลางคืนยักษ์ใหญ่ ตามเข้าไปช่วยลูกสาว โดนไฟครอกตายทั้งคู่’

    แล้วต่อมาก็จะมีบทความพรรณนาอย่างยกย่อง ของพ่อที่มีต่อลูกเกร่อโลกออนไลน์ และเมื่อ ‘คนตายพูดไม่ได้’ ธุรกิจผิดกฎหมายต่างๆ ของเฮียย้ง ได้ถูกขุดคุ้ยขึ้นมาตั้งประเด็น คราวนี้หลังจากที่ยกย่องก็กลายเป็นประณามแทน

    “พี่น่าน!” อลินวิ่งออกไปรับหน้าก่อนเพื่อน เมื่อหล่อนทราบว่าน่านนทีจะมา แต่ศศินาหลบเข้าไปในครัว ทำเป็นไม่รู้ว่าเขามา และทำเป็นเช็ดจาน ชาม ไปงั้นๆ

    “นาหละ...” อลินหน้าเสียไปทันใด เมื่อสายตาของน่านนทีมองผ่านเหนือหัวไหล่ไปข้างใน หญิงสาวรู้สึกเหมือนโดนขัดใจหน่อยหนึ่ง อาจจะเพราะ ‘เคยตัว’ และ ‘สำคัญตัว’ มาตลอดเรื่องการเป็นที่หนึ่งของน่านนที

    “พี่นาเค้าอยู่ในครัวคะ ตอนแรกเหมือนเค้าไม่สนใจด้วยซ้ำว่าพี่น่านจะมา ถ้าลินไม่ถาม เค้าก็เหมือนจะลืมๆ ไปด้วยซ้ำ” ประโยคที่ได้ฟังทำให้หัวใจเสียววาบไม่ถึง 5 วินาที ความรู้สึกนั้นก็วูบหายเมื่อได้สติ เขาไม่โง่พอที่จะ ‘ฟังคำ’ ของผู้หญิงตรงหน้า คนแบบเขา ถ้าลองทำให้หมดความไว้ใจ อย่าหาว่าเรื่องใหญ่เลย แค่บอกว่าหกล้ม มีแผลมาเป็นหลักฐาน  เขาก็ยังไม่ปักใจเต็มเปอร์เซ็นว่าหกล้มจริงหรือเปล่า อลินหละหลวม---และยังไม่เคยเห็นไพ่อีกด้านของน่านนที บัดนี้เขากำลังพลิกมันขึ้นมาเชื่องช้ายิ่ง ‘ไพ่อีกด้าน’ จะทำให้หล่อนกลายเป็น ‘คนได้’ หรือ ‘คนเสีย’ ก็สุดแล้วแต่ความเป็นไป

    น่านนทีตามเข้าไปในครัว ยืนนิ่งๆ มองหญิงสาวเช็ดถ้วยชามแล้วอมยิ้ม คนอะไรหนอ...เช็ดแล้วเช็ดอีก จานที่เช็ดแล้วกองไว้เป็นตั้ง ก็ยังอุตสาห์เอามาเช็ดใหม่ทีละใบๆ อีกรอบ ศศินาไม่คาดว่าใครจะมา เพราะหัวใจหล่อนหม่นลอย อ้างว้าง จนเสียงทุ้มของชายหนุ่มขัดขึ้นนั่นแหละ

“พอได้แล้วมั้ง เดี๋ยวผิวจานก็เปื่อยยุ่ยหมดหรอก!” จานใบที่อยู่ในมือแทบจะหล่นลงพื้น หญิงสาวหันขวับมองต้นเสียงที่อมยิ้ม ล้อมเลียน สัมผัสได้ถึงความอาทรแปลกๆ ในยามที่ไร้เรื่องราวพ่วงท้ายเป็นขบวนรถไฟ

“อ๋อ...น่าน” หญิงสาวทักชื่อเคอะเขิน น่านนทีสัมผัสได้ทันทีว่ามีอะไรที่แปลกไป สิ่งนั้นเป็นสิ่งดีงาม เขาเดินเข้าไปกะจะบอกความในใจของเขาเอาเสียตอนนั้น แต่ลมอะไรหนอ...ที่พัดเอาความกล้า ของคนที่ใครต่างลงความเห็นว่าชีวิตนี้ไม่มีอะไรต้องกลัว ชายหนุ่มปากหนักอยู่แบบนั้น ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไรดีกับเรื่องพรรค์นี้ จนศศินารุกด้วยเรื่องอื่น

“รู้ข่าวของอัญญารึยัง” ‘ข่าว’ ที่ศศินาโพล่ง เข้ามาช่วยความขลาดในเรื่องความรักได้ทันควัน และพร้อมกัน เขาขมวดคิ้วชนตูม เรื่อง---อะไรอีกเล่า!

    “ข่าวอะไร?” ศศินายื่นหนังสือพิมพ์หลายเล่มให้เขาไปจัดการดูเอง น่านนทีอ่านจนกระทั่งจับใจความได้หมด คราวนี้สิ...มีงานใหม่เข้ามาอีกแล้ว

    “น่านจะไปงานศพของยายอัญกับเฮียย้ง” ก่อนชายหนุ่มจะระบายลมหายใจยาวพรืด

    “นาขอไปด้วยได้มั๊ยน่าน...”

    “ไม่ได้...” ชายหนุ่มสวนทันควัน ก่อนจะว่า

    “สถานการณ์ยังไม่หายดี กลัวจะเป็นอันรายกับนา ถ้าเรื่องราวคลี่คลายหมดทุกอย่างแล้ว น่านมีอะไรจะบอกนา...นะ” ไอ้คำว่า ‘นะ’ ท้ายสุด ราวกับคนรักออดอ้อนหญิงสาว ศศินาหน้าแดงในวินาทีหนึ่ง ก่อนที่จะสลัดความลำพองใจในตัวเองออกไป เมื่ออลินผุดขึ้นมาบนหัว ‘ยังไงน่านก็ต้องเลือกอลินสิ’ เรื่องที่ว่าอาจเกี่ยวข้องกับหล่อนทางใดทางหนึ่งก็ได้ คงไม่ใช่เรื่องที่หล่อนคิดไว้หรอก และทั้งคู่คงนึกไม่ถึงว่าอลินแอบฟังอยู่หลังกำแพง ได้ยินหมดทุกอย่าง สำหรับคนที่เจนจัดเรื่องความรักแบบหล่อน ทำไมหล่อนจะไม่รู้ว่าน่านนทีแอบมีความในลึกๆ กับศศินา ฟังน้ำเสียงสิ! กระนั้นเอง ใจจึงเปี่ยมด้วยความริษยาขึ้นมาเนืองๆ

    “ไม่มีวันที่พี่น่านจะให้พี่นาหมดใจ อย่างน้อยก็แค่เริ่มๆ หนะซี...เทียบกับชั้นไม่ได้หรอก” หญิงสาวเปรยแผ่วเบา ดวงตาเป็นประกายกล้า ทั้งโกรธ ทั้งมุ่งมั่น

น่านนทีได้รับข่าวจากไอ้พัน

    หลังจากที่เขาเจรจาขาดๆ ลุ่ยๆ กับศศินาเรียบร้อย เขาขึ้นไปอ่านหนังสือพิมพ์รับลมที่ระเบียง ทั้งข่าวที่เริ่มเรื่องทั้งหมด และข่าวปลายเรื่องที่ค่อนไปทางขุดคุ้ยธุรกิจผิดกฎหมายของเฮียย้ง ทั้งค้ามนุษย์ข้ามชาติ และสงสัยเรื่องที่ดินบนเขา ‘ป้าฮั๊วะตายแล้ว!’ นี่ต่างหากที่เขาเคียดแค้นคนตายนัก เขาลงมือฆ่าได้แม้กระทั่งยายแก่ๆ ตกเป็นเครื่องมือบังหน้าเขามานมนาน

    “ลูกน้องของนายหลายสิบคนหนีมาอยู่กับผมที่พม่า และทุกคนยังคงจงรักภักดีต่อนายครับ” นั่นเอง...ที่ทำให้น่านนทีต้องประสานมือกุมขมับตัวเอง เขาควรดีใจสิ...แต่ไม่เลย...เขาตั้งใจว่าจะวางมือจากวงการนี้อย่างถาวร

    “ไม่ว่านายจะเริ่มทำอะไรต่อไป พวกเรายินดีอยู่เคียงข้างนายเสมอ” สำหรับคำว่า ‘นกสองหัว’ อย่างไอ้พัน โดนลบสนิทกับประโยคนี้ หากน่านนทีก็ไม่สนิทใจใครง่ายๆ ตามธรรมชาติของเขา ถึงแม้เขาจะสัมผัสได้จากความรู้สึกปลอดภัยของอีกฝ่ายก็ตาม

    “ตอนนี้ไม่มีอะไรแล้ว กลับเมืองไทยมาได้แล้ว เดี๋ยวพี่จะอพยพลินกับนาไปอยู่บ้านนอกเมืองของพี่ ถ้าถึงเมืองไทยแล้ว ถามพวกนั้นดูก็คงรู้ว่าบ้านนอกเมืองของพี่อยู่ที่ไหน...อ้อ!...เก็บหลักฐานเรื่องฝิ่นที่บ้านป้าฮั๊วะให้ดี พี่จะเล่นเรื่องนี้” ถ้าหากป้าฮั๊วะไม่ตาย เขาคงเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ แต่นี่...เขาเห็นว่า ป้าฮั๊วะผู้ที่มีบุญคุณกับเขาเป็นกลายๆ ไม่ควรจบชีวิตอย่างไร้ความยุติธรรมเช่นนี้

    “นายของเราเนื้อหอมจังเลยวะ...เมียหลวง เมียน้อย” พวกลูกน้องวางสายลงก็แซวไปตามอารมณ์ที่คลายร้อนแล้ว หากต่อหน้าคงไม่กล้ากัน ทั้งกลุ่มเพียงแค่ยิ้มอ่อนๆ ก่อนจะเตรียมตัวกันกลับบ้านเกิด

    น่านนที ‘อพยพ’ หญิงสาวทั้งสองไปที่บ้านหลังใหญ่ที่แม่ริม ไม่จำเป็นต้องระแวดระวังอะไร จนถึงขั้นระหกระเหไปเช่าบ้านคนอื่นเพื่อ ‘ตั้งหลัก’ อีกต่อไป เรื่องมันดำมาจนจะจบจุดอวสานแล้ว

    พวกพนักงานที่จ้างเฝ้าบ้านยังอยู่ครบ ทั้งป้าแจ่มคนละแวกนั้น กับลุงมอญผัวป้าแจ่ม ซึ่งก็มีหน้าที่ไม่ต่างจากยามดูแลความเรียบร้อยเท่าไร ทั้งคู่มีสีหน้าตกใจแกมปรีดาไม่หยอก ที่จู่ๆ นายจริงๆ ปรากฏตัวอย่างคาดไม่ถึง แถมบอกว่าจะมาอยู่ที่นี่สักพักด้วย

    “คุณผู้หญิง...” ลุงมอญไม่กล้าต่อท้าย แต่แววตาลึกๆ อย่างล้อเลียนน่านนทีมองออก คนแก่ที่ไม่ได้สนิทชิดเชื้อกับเขาเท่าไร คงคิดว่าทั้งศศินาและอัญญาเป็นหลวงเป็นน้อย เหมือนในละครหลังข่าวที่พวกมาเฟียส่วนใหญ่จะมีเมียหลายคน ไม่มีเหตุผลอันใดให้เขาต้องวางตัวเคร่งขรึม ให้น่าเกรงขามอีกต่อไป เขาจึงหัวเราะออกมาเบาๆ

    “สองคนนี้เป็นเพื่อนร่วมทุกข์ร่วมยากหนะ ส่วนคู่ทุกข์คู่ยากก็อยู่ในนี้แหละ เดาเองก็แล้วกันว่าเป็นใคร” อลินหัวใจพองโตราวกับจะระเบิดให้ได้ ส่วนศศินาใจร่วงตุ๊บลงพื้น หล่อนหรือจะเป็นคู่ทุกข์คู่ยากที่ว่า คราวนี้เองที่หล่อนแอบนึกหมั่นไส้น่านนทีลึกๆ หากก็ยินดีเหลือเกินที่เห็นรอยยิ้มเปี่ยมสุขจากเขา อย่างน้อย...เขาจะได้พบกับความสุขที่เฝ้าคอยมานาน ความยิ่งใหญ่ของความรักคือการเสียสละ เมื่อไรเขาสุข...นั่นคือสุขเหลือล้ำยิ่งกว่า...ในใจเรา

    “ป้าแจ่มครับ จัดห้องของผู้หญิงคนนี้ให้อยู่ใกล้ๆ กับห้องของผม” น่านนทีชี้ไปที่ศศินา “ส่วนอีกคน ให้เธอเลือกตามใจชอบเลยว่าจะอยู่ที่ไหน” เขาชี้ไปทางอลิน คราวนี้เองที่อลินหน้าถอดสี ไม่ใช่แค่หัวใจหล่นตุ๊บลงพื้น แต่มันจมดิ่งลงไปในห้วงเหวที่ไม่รู้ว่าจุดจบคือตรงไหน น่านนทีไม่จำเป็นต้องห่วงความรู้สึกหล่อนอีก ถ้าให้รู้จักเป็นเพื่อน พี่ น้อง ได้...แต่ให้ใส่ใจพิเศษอย่างแต่ก่อนคงไม่---ไม่ใช่เพราะเขาโกรธแค้นที่อลินหักหลังเป็นประเด็นหลัก แต่เขารู้ใจตัวเองแล้วต่างหากว่าแท้จริงแล้วเขารักศศินา

ราเอล
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่