ชานชาลา ผู้โดยสารแต่ละคนกำลังง่วนอยู่กับการจัดแจงผ้าห่มคลุมตัวยามหลับสนิท ปิดบังอากาศหนาวเหน็บจากเครื่องปรับอากาศ ที่ยิ่งดึกยิ่งเย็นเฉียบ ราวกับอยู่ในตู้แช่แข็ง เพราะกว่าจะถึงจุดหมายก็กินระยะทางไปหลายร้อยกิโลเมตร เสียงบัสโฮสเตสสาวแว่วเข้าหูอลินไม่ขาด
“น้ำคะ...ขนมคะ” เพื่อนร่วมทางของหล่อนเป็นชายวัยกลางคม ผิวสีเข้ม นัยน์ตาคมกล้าของเขามองไปยังบัสโฮสเตสสาว
อลินยังคงเหม่อมองออกนอกกระจกใสบานยาว ไม่ใยดีต่อเสียงใดๆ ที่กระทบเข้าโสตประสาท จนโดนติงจากบัสโฮสเตส
“น้ำกับขนมคะคุณผู้หญิง” ทำให้หล่อนต้องค่อยเบือนสายตาจากนอกหน้าต่างอย่างเหนื่อยล้า มาสบสายตากับบัสโฮสเตส
“ขอบคุณคะ...” หล่อนรับถุงพลาสติก ซึ่งข้างในมีกล่องบรรจุขนม และน้ำเปล่าอีกหนึ่งขวดมาไว้ในมือ ก่อนที่จะแกะดูว่าข้างในเป็นอะไร
ข้างในเป็นขนมปังกลิ่นทรมานอาการแพ้ท้องอย่างรุนแรง รู้สึกท้องไส้มันปั่นป่วนเอาเสียทีนั้น พาลให้กระอักกระอ่วนจนอดไม่ได้ที่จะเอามือปิดปาก
“คุณ...คุณครับ เป็นอะไรรึเปล่า?” คนที่อยู่ข้างๆ ห่วงใย อลินช้อนสายตาขึ้นสบกล้าๆ กลัวๆ
“ปละ...เปล่าคะ” ก่อนที่จะปิดฝากล่องขนม แล้วควานหายาดมขึ้นมาจ่อที่รูจมูก กลบกลิ่นที่คนอื่นอาจจะรู้สึกธรรมดา แต่สำหรับหล่อนมันชวนอาเจียนยิ่งนัก
“คุณลงที่ไหนครับ”
“อาเขต...เชียงใหม่คะ”
“ลงที่เดียวกันเลย” คนข้างๆ พยายามผูกมิตร ซึ่งหล่อนก็ยิ้มให้ ไม่ใช่แค่ตามมารยาท แต่ออกจากใจจริง เพราะเวลาเพียงไม่ถึง 10 ชั่วโมง หล่อนจะได้เจอคนที่หล่อนอยากพบที่สุดแล้ว ถึงหล่อนจะกลัวในความไม่เหมือนเดิมของน่านนที แต่หล่อนวางใจได้ว่าเขาจะไม่ฆ่าหล่อนแน่นอน และถึงแม้จะฆ่า หล่อนก็ยอม ‘ไถ่บาป’ ทุกประการที่ทำให้เรื่องมันบานปลายขนาดนี้
“ใครมารับคุณคะ?” หญิงสาวเองก็ยอมเป็นมิตรด้วย
“น้องสาวครับ”
“ฉัน...พี่ชายมารับคะ”
“คุณไปเที่ยว หรือบ้านเกิดอยู่ที่นี่?”
“เอ่อ...” นายพันมองหน้าคู่สนทนารอคำตอบ ซึ่งอลินก็ไม่รู้จะปดอย่างไรในวินาทีที่มืดแปดด้านเช่นนี้
“ฉัน...จะไปอยู่ที่นั่นคะ” ก่อนที่จะระบายลมหายใจยาวเหยียด ในขณะที่นายพันขมวดคิ้วเพียงฟ้าแลบ ‘คำตอบง่ายๆ แบบนี้ แต่คิดนานจัง ผู้หญิงคนนี้แปลกๆ’
“คะ...คุณหละคะ?”
“ผมมาเยี่ยมแม่กับน้องสาวครับ”
“อ๋อ...” อลินพยักหน้าหงึกๆ เข้าหูซ้ายทะลุหูขวามากกว่า
“เดี๋ยวฉันขอหลับก่อนนะคะ รู้สึกเวียนหัวชอบกล” หญิงสาวไม่ปด แต่อาการแพ้ท้องเริ่มถามหาอีกแล้ว
“เอายาแก้เมามั๊ยครับ…ผมมี” นายพันขยับตัว ล้วงแผงยาจากกระเป๋ากางเกง
“ขอบคุณคะ” หญิงสาวกินยาทันที จะได้หลับๆ ไปซะ และเพียงไม่นาน สายตาที่ล่องลอยไร้จุดหมายออกนอกหน้าต่างก็ปิดสนิท และรถก็เคลื่อนตัวมาไกลพอควรแล้ว บรรยากาศบนรถเงียบ มืด พนักงานปิดโทรทัศน์เรียบร้อย ทุกคนเข้าสู่ภาวะแห่งการหลับใหลเกือบหมด ยังแต่เพื่อนร่วมทางของอลินเท่านั้น ที่ยังลืมตาโพลง และเขาคงจะนอนไม่หลับเช่นนี้ จนถึงจุดหมายปลายทางเลยก็ได้ ‘นายพันพี่ชายของพิณ!’
ภายในบ้านบนดอย สงครามขนาดย่อมระหว่างศศินาและน่านนทีกำลังบังเกิดขึ้น
“น่านคิดดีแล้วหรอที่จะเอายายลินนั่นมาอยู่ด้วย ยายนั่นมันหนอนบ่อนไส้ชัดๆ!”
“น่านคิดดีแล้ว...ก็เพราะแบบนี้ไง ถึงอยากล้วงความลับจาก...ผู้หญิงคนนั้น” สรรพนามที่ใช้เรียก บ่งชัดว่าเขาไม่วางใจอลินเหมือนอย่างแต่ก่อนแล้ว
“ความลับบ้าบออะไร ยายนี่มันเป็นพวกของเฮียย้ง ที่ระหกระเหกันมาถึงขนาดนี้ก็ไม่ใช่เพราะมันหรอกหรอ ที่น่านยอมเพราะน่านรักผู้หญิงคนนั้นมากกว่า!”
“น่านไม่ได้รัก!” น่านนทีโพล่งเสียงดัง จนศศินาผงะ ไม่เคยเห็นเขาในอากัปกิริยาเช่นนี้มาก่อน
“ขอโทษนา...ขอโทษ” ก่อนที่เจ้าตัวจะปลีกตัวออกไปหน้าตาเฉย พร้อมกับระหว่างคิ้วที่หยักย่น ปล่อยให้คนข้างหลังมองตามอย่างงุนงง
น่านนทีก้มลงกวักน้ำเย็นๆ จากลำธารหลังบ้านขึ้นมาลูบหน้า ‘นี่เราเป็นอะไร?’ พร้อมกับรู้สึกผิดไม่น้อยที่ตวาดใส่ศศินาเช่นนั้น ทำไมบัดนี้เขาจึงแคร์ศศินาเกือบทุกเรื่อง แม้แต่กลัวว่าหล่อนจะคิดว่าเขานั้นรักอลิน ทำไม? คำตอบนั้นยากยิ่งกว่าว่าจะพาเรื่องทั้งหมดให้จบบริบูรณ์ได้อย่างไรเสียอีก หรือว่าเขาไม่ได้รักอลินอย่างที่พ่อเคยบอก
“พ่อ!” เขาสบถคำนี้ออกมา
“แกแน่ใจหรอ ว่านี่คือความรัก?” เสียงนั้นสะท้อนก้องดัง และนั่นเองทำให้ชายหนุ่มยิ่งกุมขมับ
“ทำไมเราต้องแคร์นาขนาดนี้?” เขาสบถเป็นคำถาม
“เพราะนายรักผู้หญิงคนนี้!” เสียงใสดังขึ้นข้างหลัง น่านนทีหันขวับ---สบสายตาที่พุ่งตรงมายังตน
“พิณ!”
“ใช่...พิณเอง ยอมรับเสียทีเถอะ ว่านายไม่ได้รักผู้หญิงที่ชื่อลิน”
“แต่...”
“สิ่งที่ผ่านมา นายเพียงแค่บูชาหัวใจของผู้หญิงคนนั้นเท่านั้น นายเลยคิดว่านั่นคือความรัก แต่ที่จริง นายรักผู้หญิงที่ชื่อนามานานแล้ว โดยไม่รู้ตัวด้วย นายเลิกหลอกตัวเองเสียทีเถอะ แล้วนายจะมีความสุข!” คนที่เข้ามาเปิดเผยความจริงพูดจบแล้วก็เดินหนี ปล่อยคนที่มีฐานะเป็น ‘นาย’ ใช้มือนวดขมับมองตามไปจนลับตา ในขณะที่อัญญาซึ่งซุ่มอยู่หลังพุ่มไม้ตาตกลงพื้นดินอย่างน้อยอกน้อยใจ ถึงไม่มีอลิน แต่น่านนทีก็ไม่เคยมีหล่อนในสายตา แต่ไม่เป็นไร หล่อนยังคงรักเขา และเขาไม่ควรที่จะตายด้วยน้ำมือบิดาของตนเอง
“คุณหนู...”
“ชู่ว...” อัญญาเอามือจ่อมาก เมื่อได้ยินเสียงกระซิบจากหญิงสาวในชุดอะบะยะห์เหมือนกัน
“มาทำอไรตรงนี้คะ?”
“ไปจากที่นี่ก่อน จะเล่าให้ฟัง” แล้วทั้งสองก็ค่อยๆ ย่องออกจากพุ่มไม้นั่น
อัญญาซบหน้าลงไปบนหมอนหนุน น้ำตาร่วงพรู ทำให้คนที่แก่วัยกว่าอดขมวดคิ้วไม่ได้
“คุณหนูคะ...เป็นอะไร?”
“หนูไม่เคยอยู่ในสายตาของพี่น่านเลย...”
“โถ...คุณหนู ป้าก็นึกว่าอะไร” ป้านวลเคลื่อนตัวขึ้นมานั่งบนเตียง ลูบหัวอัญญาที่นอนฟุบหน้ากับหมอน ไม่รู้จะปลอบด้วยภาษาอะไรเช่นกัน
น่านนทีกับพิณลงจากบ้านบนดอยมาด้วยกัน ด้วยจุดประสงค์ที่ว่า ต่างฝ่ายก็ต่างจะไปรับคนที่เดินทางมาจากกรุงเทพ
“พิณ...น่าแปลกที่เฮียย้งยกพื้นที่มหาศาลให้ยายแก่ๆ คนหนึ่ง”
“มันต้องมีอะไรสักอย่างแฝงสินะ” ทางข้างหน้าที่ทั้งคู่ต่างเพ่งมองเต็มไปด้วยไอหมอก มีเพียงแสงไฟสว่างจากกระบะโฟวิล
“บางครั้งผมเห็นผู้ชายสองสามคน มองจากที่ไกลๆ เค้าทำอะไรกันก็ไม่รู้ รู้สึกเหมือนจะมีกระท่อมอยู่ตรงนั้นด้วย“พิณว่ามันน่าจะเป็นเรื่องใหญ่แน่ๆ แต่แปลกตรงที่มาเกี่ยวข้องกับป้าฮั๊วะได้ยังไง”
“มองแววตาป้าฮั๊วะทีไร ก็รู้สึกว่าแกบริสุทธิ์ ไม่รู้เรื่องอะไรทั้งสิ้น”
“พิณก็คิดว่างั้นเหมือนกันแหละ เดี๋ยวค่อยเล่าให้พี่พันฟังเรื่องนี้ดีกว่า เผื่อพี่พันมีข้อมูลอะไรเพิ่ม”
“แล้วไหนจะเรื่องของอัญอีก” จนบัดนี้ อัญญาพาซื่อก็ยังคงไม่รู้ ว่าน่านนทีทราบแล้วว่าตนเป็นใคร น่านนทีจึงหยั่งเชิงหญิงสาวโดยการทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ และรอคอยการเปิดเผยตัวตน
“คุณอัญญาไม่มีพิษ ไม่มีภัยใดๆ คะ เท่าๆ ที่พิณสังเกตดู”
“อัญหนะหรอ จะมีพิษภัยอะไรกับใครเขา ในทางกลับกัน เราต้องช่วยไว้ด้วยซ้ำ แต่ไม่เข้าใจว่าหนีอะไรมา น่าจะหนีพ่อตัวเองมา”
“น่าจะประมาณนั้นคะ ส่วนสาเหตุการหนี พิณก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน รู้แต่ว่าเสี่ยอานนท์สั่งให้ติดตามผู้หญิงคนนี้เท่านั้น”
ราเอล
ราตรีอับแสง (ตอนที่ 15,16)
“น้ำคะ...ขนมคะ” เพื่อนร่วมทางของหล่อนเป็นชายวัยกลางคม ผิวสีเข้ม นัยน์ตาคมกล้าของเขามองไปยังบัสโฮสเตสสาว
อลินยังคงเหม่อมองออกนอกกระจกใสบานยาว ไม่ใยดีต่อเสียงใดๆ ที่กระทบเข้าโสตประสาท จนโดนติงจากบัสโฮสเตส
“น้ำกับขนมคะคุณผู้หญิง” ทำให้หล่อนต้องค่อยเบือนสายตาจากนอกหน้าต่างอย่างเหนื่อยล้า มาสบสายตากับบัสโฮสเตส
“ขอบคุณคะ...” หล่อนรับถุงพลาสติก ซึ่งข้างในมีกล่องบรรจุขนม และน้ำเปล่าอีกหนึ่งขวดมาไว้ในมือ ก่อนที่จะแกะดูว่าข้างในเป็นอะไร
ข้างในเป็นขนมปังกลิ่นทรมานอาการแพ้ท้องอย่างรุนแรง รู้สึกท้องไส้มันปั่นป่วนเอาเสียทีนั้น พาลให้กระอักกระอ่วนจนอดไม่ได้ที่จะเอามือปิดปาก
“คุณ...คุณครับ เป็นอะไรรึเปล่า?” คนที่อยู่ข้างๆ ห่วงใย อลินช้อนสายตาขึ้นสบกล้าๆ กลัวๆ
“ปละ...เปล่าคะ” ก่อนที่จะปิดฝากล่องขนม แล้วควานหายาดมขึ้นมาจ่อที่รูจมูก กลบกลิ่นที่คนอื่นอาจจะรู้สึกธรรมดา แต่สำหรับหล่อนมันชวนอาเจียนยิ่งนัก
“คุณลงที่ไหนครับ”
“อาเขต...เชียงใหม่คะ”
“ลงที่เดียวกันเลย” คนข้างๆ พยายามผูกมิตร ซึ่งหล่อนก็ยิ้มให้ ไม่ใช่แค่ตามมารยาท แต่ออกจากใจจริง เพราะเวลาเพียงไม่ถึง 10 ชั่วโมง หล่อนจะได้เจอคนที่หล่อนอยากพบที่สุดแล้ว ถึงหล่อนจะกลัวในความไม่เหมือนเดิมของน่านนที แต่หล่อนวางใจได้ว่าเขาจะไม่ฆ่าหล่อนแน่นอน และถึงแม้จะฆ่า หล่อนก็ยอม ‘ไถ่บาป’ ทุกประการที่ทำให้เรื่องมันบานปลายขนาดนี้
“ใครมารับคุณคะ?” หญิงสาวเองก็ยอมเป็นมิตรด้วย
“น้องสาวครับ”
“ฉัน...พี่ชายมารับคะ”
“คุณไปเที่ยว หรือบ้านเกิดอยู่ที่นี่?”
“เอ่อ...” นายพันมองหน้าคู่สนทนารอคำตอบ ซึ่งอลินก็ไม่รู้จะปดอย่างไรในวินาทีที่มืดแปดด้านเช่นนี้
“ฉัน...จะไปอยู่ที่นั่นคะ” ก่อนที่จะระบายลมหายใจยาวเหยียด ในขณะที่นายพันขมวดคิ้วเพียงฟ้าแลบ ‘คำตอบง่ายๆ แบบนี้ แต่คิดนานจัง ผู้หญิงคนนี้แปลกๆ’
“คะ...คุณหละคะ?”
“ผมมาเยี่ยมแม่กับน้องสาวครับ”
“อ๋อ...” อลินพยักหน้าหงึกๆ เข้าหูซ้ายทะลุหูขวามากกว่า
“เดี๋ยวฉันขอหลับก่อนนะคะ รู้สึกเวียนหัวชอบกล” หญิงสาวไม่ปด แต่อาการแพ้ท้องเริ่มถามหาอีกแล้ว
“เอายาแก้เมามั๊ยครับ…ผมมี” นายพันขยับตัว ล้วงแผงยาจากกระเป๋ากางเกง
“ขอบคุณคะ” หญิงสาวกินยาทันที จะได้หลับๆ ไปซะ และเพียงไม่นาน สายตาที่ล่องลอยไร้จุดหมายออกนอกหน้าต่างก็ปิดสนิท และรถก็เคลื่อนตัวมาไกลพอควรแล้ว บรรยากาศบนรถเงียบ มืด พนักงานปิดโทรทัศน์เรียบร้อย ทุกคนเข้าสู่ภาวะแห่งการหลับใหลเกือบหมด ยังแต่เพื่อนร่วมทางของอลินเท่านั้น ที่ยังลืมตาโพลง และเขาคงจะนอนไม่หลับเช่นนี้ จนถึงจุดหมายปลายทางเลยก็ได้ ‘นายพันพี่ชายของพิณ!’
ภายในบ้านบนดอย สงครามขนาดย่อมระหว่างศศินาและน่านนทีกำลังบังเกิดขึ้น
“น่านคิดดีแล้วหรอที่จะเอายายลินนั่นมาอยู่ด้วย ยายนั่นมันหนอนบ่อนไส้ชัดๆ!”
“น่านคิดดีแล้ว...ก็เพราะแบบนี้ไง ถึงอยากล้วงความลับจาก...ผู้หญิงคนนั้น” สรรพนามที่ใช้เรียก บ่งชัดว่าเขาไม่วางใจอลินเหมือนอย่างแต่ก่อนแล้ว
“ความลับบ้าบออะไร ยายนี่มันเป็นพวกของเฮียย้ง ที่ระหกระเหกันมาถึงขนาดนี้ก็ไม่ใช่เพราะมันหรอกหรอ ที่น่านยอมเพราะน่านรักผู้หญิงคนนั้นมากกว่า!”
“น่านไม่ได้รัก!” น่านนทีโพล่งเสียงดัง จนศศินาผงะ ไม่เคยเห็นเขาในอากัปกิริยาเช่นนี้มาก่อน
“ขอโทษนา...ขอโทษ” ก่อนที่เจ้าตัวจะปลีกตัวออกไปหน้าตาเฉย พร้อมกับระหว่างคิ้วที่หยักย่น ปล่อยให้คนข้างหลังมองตามอย่างงุนงง
น่านนทีก้มลงกวักน้ำเย็นๆ จากลำธารหลังบ้านขึ้นมาลูบหน้า ‘นี่เราเป็นอะไร?’ พร้อมกับรู้สึกผิดไม่น้อยที่ตวาดใส่ศศินาเช่นนั้น ทำไมบัดนี้เขาจึงแคร์ศศินาเกือบทุกเรื่อง แม้แต่กลัวว่าหล่อนจะคิดว่าเขานั้นรักอลิน ทำไม? คำตอบนั้นยากยิ่งกว่าว่าจะพาเรื่องทั้งหมดให้จบบริบูรณ์ได้อย่างไรเสียอีก หรือว่าเขาไม่ได้รักอลินอย่างที่พ่อเคยบอก
“พ่อ!” เขาสบถคำนี้ออกมา
“แกแน่ใจหรอ ว่านี่คือความรัก?” เสียงนั้นสะท้อนก้องดัง และนั่นเองทำให้ชายหนุ่มยิ่งกุมขมับ
“ทำไมเราต้องแคร์นาขนาดนี้?” เขาสบถเป็นคำถาม
“เพราะนายรักผู้หญิงคนนี้!” เสียงใสดังขึ้นข้างหลัง น่านนทีหันขวับ---สบสายตาที่พุ่งตรงมายังตน
“พิณ!”
“ใช่...พิณเอง ยอมรับเสียทีเถอะ ว่านายไม่ได้รักผู้หญิงที่ชื่อลิน”
“แต่...”
“สิ่งที่ผ่านมา นายเพียงแค่บูชาหัวใจของผู้หญิงคนนั้นเท่านั้น นายเลยคิดว่านั่นคือความรัก แต่ที่จริง นายรักผู้หญิงที่ชื่อนามานานแล้ว โดยไม่รู้ตัวด้วย นายเลิกหลอกตัวเองเสียทีเถอะ แล้วนายจะมีความสุข!” คนที่เข้ามาเปิดเผยความจริงพูดจบแล้วก็เดินหนี ปล่อยคนที่มีฐานะเป็น ‘นาย’ ใช้มือนวดขมับมองตามไปจนลับตา ในขณะที่อัญญาซึ่งซุ่มอยู่หลังพุ่มไม้ตาตกลงพื้นดินอย่างน้อยอกน้อยใจ ถึงไม่มีอลิน แต่น่านนทีก็ไม่เคยมีหล่อนในสายตา แต่ไม่เป็นไร หล่อนยังคงรักเขา และเขาไม่ควรที่จะตายด้วยน้ำมือบิดาของตนเอง
“คุณหนู...”
“ชู่ว...” อัญญาเอามือจ่อมาก เมื่อได้ยินเสียงกระซิบจากหญิงสาวในชุดอะบะยะห์เหมือนกัน
“มาทำอไรตรงนี้คะ?”
“ไปจากที่นี่ก่อน จะเล่าให้ฟัง” แล้วทั้งสองก็ค่อยๆ ย่องออกจากพุ่มไม้นั่น
อัญญาซบหน้าลงไปบนหมอนหนุน น้ำตาร่วงพรู ทำให้คนที่แก่วัยกว่าอดขมวดคิ้วไม่ได้
“คุณหนูคะ...เป็นอะไร?”
“หนูไม่เคยอยู่ในสายตาของพี่น่านเลย...”
“โถ...คุณหนู ป้าก็นึกว่าอะไร” ป้านวลเคลื่อนตัวขึ้นมานั่งบนเตียง ลูบหัวอัญญาที่นอนฟุบหน้ากับหมอน ไม่รู้จะปลอบด้วยภาษาอะไรเช่นกัน
น่านนทีกับพิณลงจากบ้านบนดอยมาด้วยกัน ด้วยจุดประสงค์ที่ว่า ต่างฝ่ายก็ต่างจะไปรับคนที่เดินทางมาจากกรุงเทพ
“พิณ...น่าแปลกที่เฮียย้งยกพื้นที่มหาศาลให้ยายแก่ๆ คนหนึ่ง”
“มันต้องมีอะไรสักอย่างแฝงสินะ” ทางข้างหน้าที่ทั้งคู่ต่างเพ่งมองเต็มไปด้วยไอหมอก มีเพียงแสงไฟสว่างจากกระบะโฟวิล
“บางครั้งผมเห็นผู้ชายสองสามคน มองจากที่ไกลๆ เค้าทำอะไรกันก็ไม่รู้ รู้สึกเหมือนจะมีกระท่อมอยู่ตรงนั้นด้วย“พิณว่ามันน่าจะเป็นเรื่องใหญ่แน่ๆ แต่แปลกตรงที่มาเกี่ยวข้องกับป้าฮั๊วะได้ยังไง”
“มองแววตาป้าฮั๊วะทีไร ก็รู้สึกว่าแกบริสุทธิ์ ไม่รู้เรื่องอะไรทั้งสิ้น”
“พิณก็คิดว่างั้นเหมือนกันแหละ เดี๋ยวค่อยเล่าให้พี่พันฟังเรื่องนี้ดีกว่า เผื่อพี่พันมีข้อมูลอะไรเพิ่ม”
“แล้วไหนจะเรื่องของอัญอีก” จนบัดนี้ อัญญาพาซื่อก็ยังคงไม่รู้ ว่าน่านนทีทราบแล้วว่าตนเป็นใคร น่านนทีจึงหยั่งเชิงหญิงสาวโดยการทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ และรอคอยการเปิดเผยตัวตน
“คุณอัญญาไม่มีพิษ ไม่มีภัยใดๆ คะ เท่าๆ ที่พิณสังเกตดู”
“อัญหนะหรอ จะมีพิษภัยอะไรกับใครเขา ในทางกลับกัน เราต้องช่วยไว้ด้วยซ้ำ แต่ไม่เข้าใจว่าหนีอะไรมา น่าจะหนีพ่อตัวเองมา”
“น่าจะประมาณนั้นคะ ส่วนสาเหตุการหนี พิณก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน รู้แต่ว่าเสี่ยอานนท์สั่งให้ติดตามผู้หญิงคนนี้เท่านั้น”