ราตรีอับแสง (ตอนที่ 4)

กระทู้สนทนา
น่านนทีและศศินาแหงนมองต้นเสียง ที่ดังจนเป็นจุดสนใจของคนรอบข้าง มีแต่เฮียย้งที่รีบยกมือปรามลูกน้องอย่างใจเสีย ‘นี่มันอะไรกัน¬’ ในขณะที่น่านนทีดีใจไม่น้อยเมื่อได้พบกับอัญญาโดยบังเอิญ หญิงสาวที่เคยบอกรักเขา ก่อนที่จะจากไปเรียนต่ออเมริกา นี่ก็ผ่านมาหลายปีแล้ว หล่อนยังจำเขาได้

    “กลับมาตั้งแต่เมื่อไร อัญ¬”

    “เดือนกว่าแล้วค่ะ โทรหาพี่น่านตั้งหลายครั้ง แต่ไม่ติด เปลี่ยนเบอร์หรอค่ะ¬”

           “พี่เปลี่ยนเบอร์แล้ว นั่งก่อนสิ จำได้ไหมว่านี่ใคร¬” น่านนทีบุ้ยปากไปทางศศินา อัญญาขมวดคิ้วมองหญิงสาวที่หน้าตาคุ้นๆ ก่อนจะร้องเสียงดัง

    “อ๋อ!...ใช่พี่นารึเปล่าค่ะ¬” คนโดนทายยิ้มให้กับความจำอันดีเยี่ยมของหญิงสาว อัญญานั่งลงข้างๆ ศศินา ลืมสนิทว่าต้องเข้าห้องน้ำ

       “ความจำดีเหมือนเดิมเลยนะเรา” น่านนทีแซวเล่น

    “พี่นาสวยขึ้นเยอะเลย ตอนแรกอัญจำแทบไม่ได้ แล้วนี่ทำไมมากันสองคนค่ะ หรือว่า...” อัญญาหลิ่วตามองทั้งคู่อย่างล้อเลียน ทั้งๆ ที่ใจกลับตุ้มๆ ต่อมๆ กับคำตอบที่จะได้รับ

           “ไม่ใช่อย่างที่คิดหรอกจ๊ะ”

    “แล้วรู้หรอว่าอัญคิดอะไร¬” ชายหนุ่มขัด

           “ก็...” หญิงสาวหาคำพูดใดไม่ออก จึงค้อนน่านนทีด้วยสายตา ในขณะที่อัญญามองคนนู้นที นี้ที

    “อัญจะถามว่าพี่เป็นแฟนกันหรอ¬” อัญญาไม่อ้อมค้อม ตามประสาเด็กนอกที่ตรงไปตรงมา หากกลับทำให้น่านนทีวาบหวามกับคำถามนั้นอย่างบอกไม่ถูก ส่วนศศินาเจ็บจี๊ดตรงกลางใจ

           “คำตอบเดิมจ๊ะ” ศศินาแกล้งยิ้ม กลบเกลื่อนความรู้สึกทั้งปวง ในขณะที่อัญญาโล่งใจในวินาทีนั้น

    “แล้วนี่มากับใคร¬” น่านนทีเปลี่ยนเรื่องคุย

           “มากับคุณพ่อค่ะ คุณพ่อนั่งตรงนู้น พี่น่านไปพบคุณพ่อของอัญหน่อยสิค่ะ อัญชอบเล่าเรื่องพี่น่านให้ท่านฟังตั้งหลายที ท่านเองก็คงอยากขอบคุณพี่น่านเหมือนกัน” หญิงสาวลุกขึ้นไปฉุดแขนน่านนทีพัลวัน ชายหนุ่มสบตากับศศินา

    “ไปเถอะ...เดี๋ยวนารออยู่ตรงนี้” น่านนทีพยักหน้ารับหนึ่งที

    ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน อัญญาก็ยังคงเป็นหญิงสาวจอมจุ้นคนเดิม นี่ก็ไม่ทราบว่าไปเล่าอะไรให้ผู้เป็นบิดาฟังบ้าง น่านนทีอมยิ้ม โคลงศีรษะให้กับหญิงสาวผู้ที่มองอะไรสดใสไปหมด

ชายหนุ่มพบกับอัญญาครั้งแรกที่อเมริกา ตอนนั้นเขาไปเรียนซัมเมอร์ที่นั่น อัญญาโดนฉกกระเป๋าสะพาย ไม่มีเงินติดตัวสักบาท เดินเคว้งคว้างเพียงลำพัง โดยที่ใจก็คิดอยู่นั่น ว่าจะทำยังไงดี จะทำยังไงดี พ่อหล่อนพบชายหนุ่มผมดำ อันเป็นสัญลักษณ์บ่งบอกว่าคนเอเชียเหมือนกัน ถึงแม้จะใช่คนไทยหรือไม่ใช่ก็ช่างเถอะ แต่หล่อนฟุ้งเฟ้อไปตามแบบฉบับโลกสวยของหล่อนว่า คนเอเชียเหมือนกันก็คงต้องช่วยกันแหละน่า จึงเข้าไปทักเป็นภาษาอังกฤษก่อน พออีกฝ่ายบอกว่า I come from Thailand เท่านั้นแหละ หล่อนก็ดีใจจนแทบจะกระโดดกอดเลยมั้ง!
นี่หล่อนโชคดีที่เจอกับน่านนที จึงเสริมโลกสวยงามของหล่อน ให้มีดอกไม้อีกหลากหลายพันธุ์ประดับ เมื่อน่านนทียื่นเงินจำนวนหนึ่งให้ หลังจากที่หล่อนพูดว่า

       “คือว่า...ฉันโดนฉกกระเป๋าค่ะ ไม่มีเครื่องมือสื่อสารติดต่อใครได้เลย เงินไม่มีสักบาท เอ่อ...” เพียงเท่านั้น ก่อนจะเดินจากไป ปล่อยให้อัญญามองตามอย่างงุนงง

    ทั้งคู่ได้พบกันอีกครั้งที่เมืองไทย โดยที่ทราบว่าอัญญาเรียนอยู่ที่เดียวกับตน หญิงสาวขอร้องให้น่านนทีไปทานข้าวด้วย เพื่อต้องการเลี้ยงขอบคุณที่ช่วยเหลือ จึงรู้จักกันมาตั้งแต่บัดนั้น แต่ก็เป็นระยะเวลาไม่นาน อัญญาก็ต้องเดินทางไปเรียนต่อที่อเมริกา แล้วก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย

น่านนทีเดินตามอัญญาไปจนถึงโต๊ะของหล่อน

“นี่คุณพ่อของอัญค่ะ!”

           น่านนทียืนตัวแข็งทื่อ เมื่อได้สบตากับผู้อาวุโสกว่า หากเขาก็ไม่ลืมที่จะค้อมตัวลงคำนับ แต่ไม่ยกมือไหว้

    “สวัสดีครับ” สายตาของคนทั้งคู่ที่สบประสานกัน รวมทั้งรอยยิ้มที่แฝงเลศนัยนั้น นั่นคือคำทักทายชั้นเลิศ ที่แน่นอนว่าไม่มีเจตนาดีเจือปน    

    “นั่งลงก่อนสิ...” เฮียย้งแสร้งทำเป็นไม่รู้จัก ในขณะที่ลึกๆ ร้อนรุ่มราวกับไฟ ‘นี่หรือคือคนที่อัญญาแอบชอบ!’ หลากหลายครั้งที่เจ้าพ่อได้ยินคำว่า ‘พี่น่าน’ จากปากของอัญญา ทว่าไม่ได้เอะใจว่าจะเป็นไอ้เด็กเมื่อวานซืนนั่น อัญญาชื่นชมมันออกนอกหน้า และเคยรับสารภาพว่าแอบปลื้มมากมาย

       “ขอบคุณครับ” น่านนทีนั่งลง ส่วนอัญญายิ้มแก้มปริ รอยยิ้มไม่เดียงสาที่ทำให้น่านนทีต้องเผลอจ้อง พาลคิดว่า ‘นี่หรือคือลูกสาวเจ้าพ่อ!’ ที่ผ่านมา คนแบบอัญญาไม่มีพิษมีภัยเลย แถมซ้ำยังโดนเพื่อนๆ ที่เรียนด้วยกันรังแก โดยที่เจ้าตัวไม่เคยขัดขืน ‘แม่ของอัญบอกว่าต้องปล่อยไปตามเวรตามกรรม เขาเคยทำกับเรายังไง อีกหน่อยเขาก็ได้รับกรรมสนอง’ อัญญาเคยกล่าวไว้ตอนที่โดนเพื่อนแกล้ง แล้วสิ่งเหล่านั้นคือเวรกรรมที่อัญญาต้องรับแทนผู้เป็นบิดาหรือเปล่า¬

    “ชื่ออะไรเรา¬”

           “ผมชื่อน่านครับ”

    เฮียย้งมองไปยังโต๊ะที่มีบริกรชายกำลังทำความสะอาด คือสิ่งที่ฟ้องชัดว่าแผนการในวันนี้ล้มเหลว ‘ไอ้เด็กนี่มันดวงแข็ง!’

       “ต้องขอบคุณมากๆ ที่เคยช่วยลูกสาวผมไว้...”

    “ถ้าไม่มีพี่น่านนะ อัญคงต้องได้ไปรับจ้างล้างจาน หาเงินค่าเครื่องกลับเมืองไทยแน่ๆ” หญิงสาวหัวเราะคิกคัก แสดงออกถึงความไม่รู้อะไรทั้งสิ้น ในขณะที่เฮียย้งอยากจะบีบคอบุตรสาวให้ตายคามือ

       “ไม่เป็นไรหรอกครับ คนไทยเหมือนกัน”  

    “ทำงานอะไรตอนนี้¬”

           “ผมช่วยพ่อทำธุรกิจ” รอยยิ้มสว่างตรงมุมปากของเจ้าพ่อ เนื่องจากทราบดีว่าธุรกิจอะไร

    “ธุรกิจอะไร”

           “พ่อของผมเปิดคาสิโน!” คำตอบที่ทำเอาเฮียย้งต้องเงียบ เนื่องจากไม่เคยคิดมากก่อนว่าไอ้เด็กเมื่อวานซืนนั่นจะ ‘กล้า’ พูดความจริง

    “พี่น่านไม่เห็นเคยบอกอัญเลยว่าพ่อพี่น่านเปิดคาสิโน” อัญญาทำตาใสแป๋ว ในขณะที่น่านนทีอมยิ้มบางๆ

           “อัญไม่เคยถามพี่นี่” น่านนทีตอบตรงๆ

    “แล้ว...คุณพ่อหละครับ ตอนนี้ทำอะไร” ชายหนุ่มยั่วโทสะเฮียย้ง ยังสังเกตเห็นหางตาของฝ่ายตรงข้ามเขม่นยิบๆ ในขณะที่อัญญาไม่รู้เรื่องอะไรเลย

    “พ่อของอัญญาปล่อยเงินกู้ค่ะ ช่วยพวกแม่ค้า แล้วก็พวกที่อยากทำธุรกิจ” เฮียย้งคงบอกลูกสาวเพียงแค่นั้น แต่น่านนทีทราบดีว่าภายใต้เงินที่บอกว่า ‘ช่วยเหลือคนอื่น’ เฮียย้งเปิดสถานบริการค้ามนุษย์ อาบอบนวด บาร์ ผับ ถึงแม้สมัยนี้มันจะกลายเป็นธุรกิจที่ถูกกฎหมายอย่างง่ายดาย ไม่จำเป็นต้องไปหลอกสาวบ้านนอก ไร้การศึกษา มาทำงานเทือกนี้ เพราะเท่าที่เห็นสมัยนี้ คนสมัครใจเข้าสู่แวดวงกามารมณ์เนื้อตัวสั่น เพราะ ‘เงิน’ ตัวเดียว และเงินนั่น...ที่จะแปรเปลี่ยนเป็นวัตถุ เพื่อตอบสนองความขาดของแต่ละคนให้เต็ม

    มันเลยไม่แปลกที่ว่าสมัยนี้ คนจะทำงานทำนองนี้ บางคนทำงานกลางวันเงินไม่พอ บางคนมีโอกาสได้เรียนจนถึงขั้นมหาวิทยาลัย แต่อาจจะมีอะไรไม่พอที่จะล้ำหน้าคนอื่น หรือไม่พอที่จะตอบสนองอีโก้ตัวเอง จึงต้องมาหารายได้พิเศษ ที่ได้เงินทีเป็นกอบเป็นกำ หมดยุคผู้หญิงอย่างว่ารุ่นเดอะ ที่เป็นหญิงสาวบ้านนอกคอกนา ถูกพ่อแม่ขายให้เหล่าแมงดา ไม่เต็มใจทำงานก็โดนตบตี ทนทุกข์ทรมาน ร้องห่มร้องไห้อยู่ในห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆ หรือไม่ก็ เป็นหญิงสาวชาวนาจนๆ มาทำงานอย่างว่าเพราะพ่อแม่ป่วย ไม่มีเงินรักษา ไม่มีอะไรจะกิน ทำไปเพราะความจำเป็น

    หมดยุคมืดของธุรกิจพรรค์นี้แล้ว ยุคนี้มันคงเป็นยุคทองของมัน

    แต่ถึงอย่างไร...ธุรกิจที่โลดแล่นในความมืด ถ้าไม่มีอำนาจมืดควบคุม ก็เห็นทีจะเป็นแค่เรื่องหลอกเด็ก

           เฮียย้งเงียบไป สบตากับ ‘ฝ่ายตรงข้าม’ ที่รู้จักความจริงซึ่งกันและกันดี ความจริงที่อัญญาผู้แสนซื่อไม่มีวันได้รู้เลย

ราเอล
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่