นี่แค่ไตรมาสแรก เวียดนาม GDP เติบโต 5.03% ส่งออกเพิ่มขึ้น 14%
https://brandinside.asia/vietnam-q1-economic-growth-5-03-percent/
เศรษฐกิจเวียดนามขยายตัวอยู่ที่ 5.03% เป็นอัตราการขยายตัวของมูลค่าที่แท้จริงในช่วงไตรมาสแรกของปี 2022 เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนหน้า
อย่างไรก็ดี อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของเวียดนามในช่วงไตรมาสแรกนั้นก็ถือว่ายังเติบโตได้ช้าหากเทียบกับช่วงก่อนหน้า ผลจากโควิดระบาดทำให้เวียดนามมีจีดีพีหดตัวลงถึง 6.02% ในช่วงไตรมาสสามของปี 2021 เศรษฐกิจหดตัวต่ำสุดนับตั้งแต่ทศวรรษ 2000
ไตรมาสแรกของปี 2022 เวียดนามกลับมาส่งออกได้เพิ่มขึ้นประมาณ 8.85 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 2.99 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% จากช่วงดียวกันของปีก่อนหน้า สหรัฐอเมริกากลายเป็นตลาดส่งออกรายใหญ่ที่สุด มูลค่าการส่งออกราว 2.52 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 8.5 แสนล้านบาท สหรัฐฯ เริ่มขาดดุลการค้าเวียดนามมากขึ้นแต่ธุรกิจยักษ์ใหญ่ทั่วโลกต่างก็พยายามปรับฐานการผลิตไปยังประเทศต่างๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากขึ้น แทนที่จะอยู่กับจีนเหมือนที่เคยเป็นมา
ยอดขายค้าปลีกและบริการของเวียดนามก็เติบโตเพิ่มขึ้น 4.4% ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2022 เทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อนหน้า มีการฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญจากเดิมช่วงสิงหาคม ปี 2021 หดตัวถึง 33.7% ท่ามกลางมาตรการที่เป็นข้อจำกัดจากโควิด ซึ่งเวียดนามก็เพิ่งจะเปิดให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าประเทศ คาดว่าจะช่วยฟื้นเศรษฐกิจได้บ้าง
ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้วัตถุดิบราคาแพงขึ้นมาจากสาเหตุรัสเซียบุกยูเครน เวียดนามมีการค้าโดยตรงกับรัสเซียและยูเครนไม่มากนัก มากกว่า 1% และ 0.1% ตามลำดับ ช่วงที่เกิดสงครามจึงกระทบต่อศักยภาพโดยรวมของเวียดนามเพียงเล็กน้อย แต่การที่วัตถุดิบในโลกมีราคาแพงขึ้นส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมภาคการผลิตของเวียดนามอย่างมีนัยสำคัญและสามารถทำให้เศรษฐกิจเติบโตเพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งเวียดนามเองก็พึ่งพาการค้าต่างประเทศสูงมาก ปัจจัยลบที่มีต่อเศรษฐกิจของเวียดนามคือน้ำมันราคาแพงต่อเนื่อง จะส่งผลกระทบต่อธุรกิจและผู้คนในประเทศรวมทั้งคนที่เดินทางโดยรถจักรยานยนต์
ก่อนโควิดระบาด GDP เวียดนามเติบโต 7% ต่อปี เดือนธันวาคมที่ผ่านมา ทาง ADB ตั้งเป้า ปี 2022 เวียดนามจะมี GDP เติบโตที่ 6.5% ในปี 2022
ที่มา –
Nikkei Asia
ชาวนาอ่วม! กรมการค้าภายใน ไฟเขียวผู้ค้าปุ๋ย ขึ้นราคาได้ตามต้นทุน
https://ch3plus.com/news/economy/ruangden/284729
ชาวนาอ่วม กรมการค้าภายใน ไฟเขียว ผู้ค้าปุ๋ยยื่นขอปรับราคาได้ตามต้นทุนที่แท้จริง ป้องกันปุ๋ยขาดตลาด
นายวัฒนศักดิ์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยภายหลัง หารือร่วมกับ 3 สมาคมผู้ผลิต ผู้จำหน่าย และนำเข้าปุ๋ยเคมี เพื่อหาแนวทางเตรียมความพร้อม สำหรับฤดูกาลเพาะปลูกรอบใหม่ที่จะถึงนี้ ซึ่งคาดว่าจะมีความต้องการใช้ปุ๋ยถึง 2.4 ล้านตัน
โดยภาคเอกชน ยืนยันว่า ปุ๋ยมีเพียงพอต่อการผลิตใน 2-3 เดือนนี้ และจะสั่งนำเข้าเพิ่ม เพื่อเตรียมไว้ให้เพียงพอ อย่างไรก็ตาม ผู้ผลิต ระบุว่า การนำเข้าปุ๋ยขณะนี้มีอุปสรรคจากสงครามรัสเซีย – ยูเครน ทำให้ต้องหาปุ๋ยจากแหล่งใหม่ทดแทน ส่งผลให้ต้นทุนสูงขึ้นมาก หลายประเทศมีการสำรองปุ๋ยไว้ในประเทศ เพื่อความมั่นคงทางอาหาร ขณะที่ประเทศอินเดียเตรียมเปิดประมูลซื้อปุ๋ย ยิ่งเป็นปัจจัยกดดันราคาปุ๋ยในตลาดโลกให้สูงขึ้น
ดังนั้น กรมการค้าภายใน จะพิจารณาให้ขึ้นราคาปุ๋ยได้ เพื่อให้สะท้อนต้นทุนและป้องกันปุ๋ยขาดแคลน โดยผู้ประกอบการสามารถยื่นขอปรับราคามาได้ โดยกรมการค้าภายใน จะพิจารณาจาก 3 ปัจจัย คือ เกษตรกรไม่แบกรับภาระเกินไป ผู้ประกอบการอยู่ได้ และต้นทุนที่เกิดขึ้นไม่กระทบต่อประชาชน
ด้าน นายเทพวิทย์ เตียวสุรัตน์กุล อุปนายกสมาคมการค้าปุ๋ยและธุรกิจการเกษตรไทย กล่าวว่า สถานการณ์ราคาปุ๋ยปรับตัวสูงขึ้นมาก โดยปุ๋ยยูเรีย ราคาเพิ่มถึง 200% การไฟเขียวให้ปรับราคาตามต้นทุน ทำให้เอกชนมีความมั่นใจในการนำเข้ามากขึ้น และเชื่อว่าปุ๋ยจะไม่ขาดตลาด
รับชมผ่านยูทูบ :
https://youtu.be/jKDcmxqe2S0
“ชลน่าน”หวังโครงการผู้นำฝ่ายค้านสะท้อนมุมมองคนรุ่นใหม่
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_314149/
“ชลน่าน” คาดหวังโครงการผู้นำฝ่ายค้านสะท้อนทุกมุมมองของเยาวชนคนรุ่นใหม่ ย้ำจะรวบรวมทุกปัญหาไปสู่การแก้ไขตามกระบวนการฝ่ายค้านในสภาต่อไป
นายแพทย์
ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทยในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรพบประชาชนประจำปี 2565 “ผู้นำฝ่ายค้านพบกลุ่มชาติพันธ์ เยาวชน และประชาชน” ณ โรงแรมสเตย์ วิท นิมมานเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีส.ส.ของพรรค ร่วมรับฟังปัญหาด้วย
โดยนพ.
ชลน่าน กล่าวว่า “โครงการผู้นำฝ่ายค้านพบเยาวชนจังหวัดเชียงใหม่นับเป็นเวทีที่สองของโครงการผู้นำฝ่ายค้านพบประชาชน ต่อจากการรับฟังปัญหาของกลุ่มชาติพันธ์ ซึ่งโครงการครั้งนี้มุ่งหวังต้องการเห็นความคิดของเยาวชนในฐานะที่ต้องเติบโตไปเป็นผู้ที่จะรับผิดชอบบ้านเมืองต่อไปในอนาคต ซึ่งคาดหวังว่าเวทีในครั้งนี้จะสะท้อนในทุกมุมมองของเยาวชนคนรุ่นใหม่ หากเป็นปัญหาที่เยาวชนได้ประสบอยู่ จะได้รวบรวมปัญหาทั้งหมดเพื่อนำไปสู่การแก้ไขตามกระบวนการของฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรต่อไป
ซึ่งถือเป็นเรื่องใหม่ไม่เคยเกิดขึ้นในประวัติศาสตร์การเมืองไทย โดยต้องยอมรับว่าการมีส่วนร่วมของเยาวชนในขณะนี้มีขึ้นโดยไม่ได้ผ่านการจัดตั้ง แต่มีผลพวงมาจาก ส.ส.รุ่นใหม่ที่เป็นต้นแบบ เวทีนี้จึงเป็นการถ่ายทอดประสบการณ์และแรงบันดาลใจในการทำงานการเมืองของ ส.ส.รุ่นใหม่ให้กับกลุ่มเยาวชน
ด้านน.ส.
ธีรารัตน์ สำเร็จวาณิชย์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เยาวชนสำคัญมากๆ เพราะน้องๆเหล่านี้จะเติบโตขึ้นไปเป็นบุคลากรสำคัญของประเทศ วันนี้จึงอยากมารับฟังปัญหาของทุกคน เราจะเป็นตัวแทนที่จะเข้าไปแก้ปัญหาเหล่านั้น อนาคตของประเทศไทยรวมถึงอนาคตของคนรุ่นใหม่จะต้องดีขึ้นอย่างแน่นอน
ขณะที่ นางสาว
จิราพร สินธุไพร ส.ส.พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เยาวชนทุกคนมีความปรารถนาดีที่ต้องการเห็นประเทศชาติได้รับการพัฒนา การตั้งเวทีในครั้งนี้จึงเป็นการรับเสียงปัญหาเยาวชนในฐานะของฝ่ายค้าน เพื่อนำไปผลักดันต่อในสภา
JJNY : 4in1 QแรกเวียดนามGDP5.03%│อ่วม!ไฟเขียวปุ๋ยขึ้นราคา│“ชลน่าน”หวังโครงการสะท้อนมุมมองคนรุ่นใหม่│นักวิทย์จับตานิวเวฟ
https://brandinside.asia/vietnam-q1-economic-growth-5-03-percent/
เศรษฐกิจเวียดนามขยายตัวอยู่ที่ 5.03% เป็นอัตราการขยายตัวของมูลค่าที่แท้จริงในช่วงไตรมาสแรกของปี 2022 เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนหน้า
อย่างไรก็ดี อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของเวียดนามในช่วงไตรมาสแรกนั้นก็ถือว่ายังเติบโตได้ช้าหากเทียบกับช่วงก่อนหน้า ผลจากโควิดระบาดทำให้เวียดนามมีจีดีพีหดตัวลงถึง 6.02% ในช่วงไตรมาสสามของปี 2021 เศรษฐกิจหดตัวต่ำสุดนับตั้งแต่ทศวรรษ 2000
ไตรมาสแรกของปี 2022 เวียดนามกลับมาส่งออกได้เพิ่มขึ้นประมาณ 8.85 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 2.99 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% จากช่วงดียวกันของปีก่อนหน้า สหรัฐอเมริกากลายเป็นตลาดส่งออกรายใหญ่ที่สุด มูลค่าการส่งออกราว 2.52 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 8.5 แสนล้านบาท สหรัฐฯ เริ่มขาดดุลการค้าเวียดนามมากขึ้นแต่ธุรกิจยักษ์ใหญ่ทั่วโลกต่างก็พยายามปรับฐานการผลิตไปยังประเทศต่างๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากขึ้น แทนที่จะอยู่กับจีนเหมือนที่เคยเป็นมา
ยอดขายค้าปลีกและบริการของเวียดนามก็เติบโตเพิ่มขึ้น 4.4% ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2022 เทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อนหน้า มีการฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญจากเดิมช่วงสิงหาคม ปี 2021 หดตัวถึง 33.7% ท่ามกลางมาตรการที่เป็นข้อจำกัดจากโควิด ซึ่งเวียดนามก็เพิ่งจะเปิดให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าประเทศ คาดว่าจะช่วยฟื้นเศรษฐกิจได้บ้าง
ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้วัตถุดิบราคาแพงขึ้นมาจากสาเหตุรัสเซียบุกยูเครน เวียดนามมีการค้าโดยตรงกับรัสเซียและยูเครนไม่มากนัก มากกว่า 1% และ 0.1% ตามลำดับ ช่วงที่เกิดสงครามจึงกระทบต่อศักยภาพโดยรวมของเวียดนามเพียงเล็กน้อย แต่การที่วัตถุดิบในโลกมีราคาแพงขึ้นส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมภาคการผลิตของเวียดนามอย่างมีนัยสำคัญและสามารถทำให้เศรษฐกิจเติบโตเพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งเวียดนามเองก็พึ่งพาการค้าต่างประเทศสูงมาก ปัจจัยลบที่มีต่อเศรษฐกิจของเวียดนามคือน้ำมันราคาแพงต่อเนื่อง จะส่งผลกระทบต่อธุรกิจและผู้คนในประเทศรวมทั้งคนที่เดินทางโดยรถจักรยานยนต์
ก่อนโควิดระบาด GDP เวียดนามเติบโต 7% ต่อปี เดือนธันวาคมที่ผ่านมา ทาง ADB ตั้งเป้า ปี 2022 เวียดนามจะมี GDP เติบโตที่ 6.5% ในปี 2022
ที่มา – Nikkei Asia
ชาวนาอ่วม! กรมการค้าภายใน ไฟเขียวผู้ค้าปุ๋ย ขึ้นราคาได้ตามต้นทุน
https://ch3plus.com/news/economy/ruangden/284729
ชาวนาอ่วม กรมการค้าภายใน ไฟเขียว ผู้ค้าปุ๋ยยื่นขอปรับราคาได้ตามต้นทุนที่แท้จริง ป้องกันปุ๋ยขาดตลาด
นายวัฒนศักดิ์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยภายหลัง หารือร่วมกับ 3 สมาคมผู้ผลิต ผู้จำหน่าย และนำเข้าปุ๋ยเคมี เพื่อหาแนวทางเตรียมความพร้อม สำหรับฤดูกาลเพาะปลูกรอบใหม่ที่จะถึงนี้ ซึ่งคาดว่าจะมีความต้องการใช้ปุ๋ยถึง 2.4 ล้านตัน
โดยภาคเอกชน ยืนยันว่า ปุ๋ยมีเพียงพอต่อการผลิตใน 2-3 เดือนนี้ และจะสั่งนำเข้าเพิ่ม เพื่อเตรียมไว้ให้เพียงพอ อย่างไรก็ตาม ผู้ผลิต ระบุว่า การนำเข้าปุ๋ยขณะนี้มีอุปสรรคจากสงครามรัสเซีย – ยูเครน ทำให้ต้องหาปุ๋ยจากแหล่งใหม่ทดแทน ส่งผลให้ต้นทุนสูงขึ้นมาก หลายประเทศมีการสำรองปุ๋ยไว้ในประเทศ เพื่อความมั่นคงทางอาหาร ขณะที่ประเทศอินเดียเตรียมเปิดประมูลซื้อปุ๋ย ยิ่งเป็นปัจจัยกดดันราคาปุ๋ยในตลาดโลกให้สูงขึ้น
ดังนั้น กรมการค้าภายใน จะพิจารณาให้ขึ้นราคาปุ๋ยได้ เพื่อให้สะท้อนต้นทุนและป้องกันปุ๋ยขาดแคลน โดยผู้ประกอบการสามารถยื่นขอปรับราคามาได้ โดยกรมการค้าภายใน จะพิจารณาจาก 3 ปัจจัย คือ เกษตรกรไม่แบกรับภาระเกินไป ผู้ประกอบการอยู่ได้ และต้นทุนที่เกิดขึ้นไม่กระทบต่อประชาชน
ด้าน นายเทพวิทย์ เตียวสุรัตน์กุล อุปนายกสมาคมการค้าปุ๋ยและธุรกิจการเกษตรไทย กล่าวว่า สถานการณ์ราคาปุ๋ยปรับตัวสูงขึ้นมาก โดยปุ๋ยยูเรีย ราคาเพิ่มถึง 200% การไฟเขียวให้ปรับราคาตามต้นทุน ทำให้เอกชนมีความมั่นใจในการนำเข้ามากขึ้น และเชื่อว่าปุ๋ยจะไม่ขาดตลาด
รับชมผ่านยูทูบ : https://youtu.be/jKDcmxqe2S0
“ชลน่าน”หวังโครงการผู้นำฝ่ายค้านสะท้อนมุมมองคนรุ่นใหม่
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_314149/
“ชลน่าน” คาดหวังโครงการผู้นำฝ่ายค้านสะท้อนทุกมุมมองของเยาวชนคนรุ่นใหม่ ย้ำจะรวบรวมทุกปัญหาไปสู่การแก้ไขตามกระบวนการฝ่ายค้านในสภาต่อไป
นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทยในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรพบประชาชนประจำปี 2565 “ผู้นำฝ่ายค้านพบกลุ่มชาติพันธ์ เยาวชน และประชาชน” ณ โรงแรมสเตย์ วิท นิมมานเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีส.ส.ของพรรค ร่วมรับฟังปัญหาด้วย
โดยนพ.ชลน่าน กล่าวว่า “โครงการผู้นำฝ่ายค้านพบเยาวชนจังหวัดเชียงใหม่นับเป็นเวทีที่สองของโครงการผู้นำฝ่ายค้านพบประชาชน ต่อจากการรับฟังปัญหาของกลุ่มชาติพันธ์ ซึ่งโครงการครั้งนี้มุ่งหวังต้องการเห็นความคิดของเยาวชนในฐานะที่ต้องเติบโตไปเป็นผู้ที่จะรับผิดชอบบ้านเมืองต่อไปในอนาคต ซึ่งคาดหวังว่าเวทีในครั้งนี้จะสะท้อนในทุกมุมมองของเยาวชนคนรุ่นใหม่ หากเป็นปัญหาที่เยาวชนได้ประสบอยู่ จะได้รวบรวมปัญหาทั้งหมดเพื่อนำไปสู่การแก้ไขตามกระบวนการของฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรต่อไป
ซึ่งถือเป็นเรื่องใหม่ไม่เคยเกิดขึ้นในประวัติศาสตร์การเมืองไทย โดยต้องยอมรับว่าการมีส่วนร่วมของเยาวชนในขณะนี้มีขึ้นโดยไม่ได้ผ่านการจัดตั้ง แต่มีผลพวงมาจาก ส.ส.รุ่นใหม่ที่เป็นต้นแบบ เวทีนี้จึงเป็นการถ่ายทอดประสบการณ์และแรงบันดาลใจในการทำงานการเมืองของ ส.ส.รุ่นใหม่ให้กับกลุ่มเยาวชน
ด้านน.ส.ธีรารัตน์ สำเร็จวาณิชย์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เยาวชนสำคัญมากๆ เพราะน้องๆเหล่านี้จะเติบโตขึ้นไปเป็นบุคลากรสำคัญของประเทศ วันนี้จึงอยากมารับฟังปัญหาของทุกคน เราจะเป็นตัวแทนที่จะเข้าไปแก้ปัญหาเหล่านั้น อนาคตของประเทศไทยรวมถึงอนาคตของคนรุ่นใหม่จะต้องดีขึ้นอย่างแน่นอน
ขณะที่ นางสาว จิราพร สินธุไพร ส.ส.พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เยาวชนทุกคนมีความปรารถนาดีที่ต้องการเห็นประเทศชาติได้รับการพัฒนา การตั้งเวทีในครั้งนี้จึงเป็นการรับเสียงปัญหาเยาวชนในฐานะของฝ่ายค้าน เพื่อนำไปผลักดันต่อในสภา