สวนกระแส อาหารแพงๆ รวมถึงเอาใจสาวๆ ชอบทานเผ็ดกันหน่อย ^________^
วันนี้ จขกท.เลยชวนชาวพันทิปมาทำอาหารที่สามารถเก็บเข้าตู้เย็น กินได้เป็นอาทิตย์เลยจ้า
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อแล้ว อิอิอิ เมนูวันนี้คือ
"หมูผัดน้ำพริกตาแดงแมงดา"
***แนะนำ ทานคู่กับผักสด หรือไข่เจียว หรือไข่ดาว หรือปลาทูทอด เพิ่มความอร่อย***
****** ส่วนผสม ******
- น้ำพริกเผาตาแดงแมงดา(ใครที่ไม่ทานแมงดา จะเลือกเป็นสูตรธรรมดาก็ได้น่ะคะ)
- หมูบด หรือ หมูสับ
- กระเทียม 2 กลีบ
- ผักชี 2 ต้น(ใช้ทั้งรากและใบ)
- น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมันหอย 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำปลา 1 ช้อนชา
- น้ำตาล 1 ช้อนชา
- น้ำซุป 2 ช้อนโต๊ะ (ใช้น้ำเปล่าก็ได้นะคะ)
มาดูที่ส่วนผสมแรกกันเลย พระเอกของเราวันนี้คือ "น้ำพริกตาแดงแมงดา"
(ใครที่ไม่ทานแมงดา จะเลือกเป็นน้ำพริกตาแดงสูตรธรรมดาก็ได้น่ะคะ)
หาซื้อได้ตามห้างสรรพสินค้าทั่วไป
ส่วนนางเอกของเราวันนี้คือ หมูบดสดๆ (ย้ำ ต้องหมูสดน่ะคะ ***เคล็ดลับอาหารเก็บได้นาน ^_^)
หั่นผักชี 2 ต้น
โดยแบ่งเป็น 3 ส่วน คือ ราก ลำต้น ใบ ***เคล็ดลับ ส่วนรากต้องตบๆให้แตกก่อนค่อยสับละเอียด เพิ่มความหอม***
แล้วเราจะจับพระเอก กับนางเอกมาฟีชเจอริ่งกัน เฮ้ย!! ไม่ใช่แหละ อิอิ
เอาล่ะ ขั้นตอนแรก
ใส่น้ำมันลงในกระทะ พอกระทะเริ่มร้อน ก็ใส่กระเทียบตบประมาณ 1-2 กลีบ โดยไม่ต้องแกะเปลือกทิ้ง(***เคล็ดลับเพิ่มความหอม***)
ผัดจนกระเทียมเริ่มเหลืองๆ ส่งกลิ่นหอม
ขั้นตอนถัดไป เบาไฟลงเหลือระดับต่ำสุด !!!
แล้วจัดการเท พระเอกของเรา (น้ำพริกตาแดงแมงดา) ลงไป
ปรุงรสชาดเล็กน้อย
โดย
- น้ำมันหอย 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำปลา 1 ช้อนชา
- น้ำตาล 1 ช้อนชา
จากนั้นก็คลุกเคล้าให้เข้ากัน อย่าลืมใช้ไฟอ่อนๆนะคะ !! ไฟแรงเด๋วไหม้น่ะตัวเทอ
เมื่อผัดน้ำพริกจนหอมฉุย ลอยไปยังข้างห้อง
จากนั้นเราก็จับนางเอก(หมูบดสดๆ)ลงไปฟีชเจอริ่งกับพระเอกในทันใด
จากนั้นก็เพิ่มไฟแรงขึ้นเล็กน้อย เติมน้ำซุป 2 ช้อนโต๊ะ (หรือใช้น้ำเปล่าก็ได้นะคะ) คลุกเคล้าให้เข้ากัน ผัดๆจนหมูสุก
จากนั้นตามด้วย ราก และลำต้นของผักชี ที่เราหั่นเตรียมไว้แล้ว หอมแล้วล่ะสิ หิวๆ
ฟีชเจอริ่งอีกสักรอบ
คลุกเคล้าให้เข้ากันนี่แหละค่า เป็นอันเสร็จพิธี ปิดเตาได้เลย
ตักใส่ชาม พร้อมเสริฟ โรยหน้าด้วยใบผักชีที่เหลืออยู่
***ทานคู่กับไข่ตัมยางมะตูม ขอบอกว่าฟินมาก อิอิอิ ***
ปล.ขอบคุณรูปไข่ต้มภาพจาก internet
ลองทำดูค่ะ หากทานไม่หมด แบ่งทานได้หลายมื้อเลยคะ แบ่งใส่ตู้เย็นไว้ จะกินก็ค่อยเอามาอุ่น
ขอบคุณที่ติดตามชมนะคะ
KooRakNakChim
มือใหม่หัดเข้าครัว ตอนที่ 2 : หมูผัดน้ำพริกตาแดงแมงดา [ครัวง่ายๆ สไตล์เด็กหอ]
วันนี้ จขกท.เลยชวนชาวพันทิปมาทำอาหารที่สามารถเก็บเข้าตู้เย็น กินได้เป็นอาทิตย์เลยจ้า
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อแล้ว อิอิอิ เมนูวันนี้คือ "หมูผัดน้ำพริกตาแดงแมงดา"
***แนะนำ ทานคู่กับผักสด หรือไข่เจียว หรือไข่ดาว หรือปลาทูทอด เพิ่มความอร่อย***
****** ส่วนผสม ******
- น้ำพริกเผาตาแดงแมงดา(ใครที่ไม่ทานแมงดา จะเลือกเป็นสูตรธรรมดาก็ได้น่ะคะ)
- หมูบด หรือ หมูสับ
- กระเทียม 2 กลีบ
- ผักชี 2 ต้น(ใช้ทั้งรากและใบ)
- น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมันหอย 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำปลา 1 ช้อนชา
- น้ำตาล 1 ช้อนชา
- น้ำซุป 2 ช้อนโต๊ะ (ใช้น้ำเปล่าก็ได้นะคะ)
มาดูที่ส่วนผสมแรกกันเลย พระเอกของเราวันนี้คือ "น้ำพริกตาแดงแมงดา"
(ใครที่ไม่ทานแมงดา จะเลือกเป็นน้ำพริกตาแดงสูตรธรรมดาก็ได้น่ะคะ)
หาซื้อได้ตามห้างสรรพสินค้าทั่วไป
ส่วนนางเอกของเราวันนี้คือ หมูบดสดๆ (ย้ำ ต้องหมูสดน่ะคะ ***เคล็ดลับอาหารเก็บได้นาน ^_^)
หั่นผักชี 2 ต้น
โดยแบ่งเป็น 3 ส่วน คือ ราก ลำต้น ใบ ***เคล็ดลับ ส่วนรากต้องตบๆให้แตกก่อนค่อยสับละเอียด เพิ่มความหอม***
แล้วเราจะจับพระเอก กับนางเอกมาฟีชเจอริ่งกัน เฮ้ย!! ไม่ใช่แหละ อิอิ
เอาล่ะ ขั้นตอนแรก
ใส่น้ำมันลงในกระทะ พอกระทะเริ่มร้อน ก็ใส่กระเทียบตบประมาณ 1-2 กลีบ โดยไม่ต้องแกะเปลือกทิ้ง(***เคล็ดลับเพิ่มความหอม***)
ผัดจนกระเทียมเริ่มเหลืองๆ ส่งกลิ่นหอม
ขั้นตอนถัดไป เบาไฟลงเหลือระดับต่ำสุด !!!
แล้วจัดการเท พระเอกของเรา (น้ำพริกตาแดงแมงดา) ลงไป
ปรุงรสชาดเล็กน้อย
โดย
- น้ำมันหอย 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำปลา 1 ช้อนชา
- น้ำตาล 1 ช้อนชา
จากนั้นก็คลุกเคล้าให้เข้ากัน อย่าลืมใช้ไฟอ่อนๆนะคะ !! ไฟแรงเด๋วไหม้น่ะตัวเทอ
เมื่อผัดน้ำพริกจนหอมฉุย ลอยไปยังข้างห้อง จากนั้นเราก็จับนางเอก(หมูบดสดๆ)ลงไปฟีชเจอริ่งกับพระเอกในทันใด
จากนั้นก็เพิ่มไฟแรงขึ้นเล็กน้อย เติมน้ำซุป 2 ช้อนโต๊ะ (หรือใช้น้ำเปล่าก็ได้นะคะ) คลุกเคล้าให้เข้ากัน ผัดๆจนหมูสุก
จากนั้นตามด้วย ราก และลำต้นของผักชี ที่เราหั่นเตรียมไว้แล้ว หอมแล้วล่ะสิ หิวๆ
ฟีชเจอริ่งอีกสักรอบ คลุกเคล้าให้เข้ากันนี่แหละค่า เป็นอันเสร็จพิธี ปิดเตาได้เลย
ตักใส่ชาม พร้อมเสริฟ โรยหน้าด้วยใบผักชีที่เหลืออยู่
***ทานคู่กับไข่ตัมยางมะตูม ขอบอกว่าฟินมาก อิอิอิ ***
ปล.ขอบคุณรูปไข่ต้มภาพจาก internet
ลองทำดูค่ะ หากทานไม่หมด แบ่งทานได้หลายมื้อเลยคะ แบ่งใส่ตู้เย็นไว้ จะกินก็ค่อยเอามาอุ่น
ขอบคุณที่ติดตามชมนะคะ
KooRakNakChim