รักละไม ไอทะเล บทที่ 2 มุกมณี

กระทู้สนทนา
รักละไม ไอทะเล บทที่ 1 ช่างภาพมือสมัครเล่น
http://ppantip.com/topic/30944304

บทที่ 2 มุกมณี

    รถยนต์สีแดงเพลิงเร่งความเร็วเมื่อคนขับเห็นสัญญาณไฟจราจรเปลี่ยนจากเขียวมาเป็นเหลือง ท้ายรถผ่านพ้นสี่แยกเมื่อไฟเปลี่ยนสีพอดี ถึงจะไม่ใช่เป็นการฝ่าสัญญาณไฟแดงแต่การได้ทำอะไรอย่างเฉียดฉิวท้าทายแบบนี้สร้างความภาคภูมิใจต่อคนขับเป็นอย่างมาก

    เย็นตาโฟส่งเสียงร้องดังลั่นอย่างถูกใจที่สามารถหลุดรอดจากสี่แยกมหากาฬมาได้โดยไม่ติดไฟแดง รถคันงามเลี้ยวเข้าซอยขนาดเล็กซึ่งเป็นทางลัดสู่ถนนสายเลียบแม่น้ำเจ้าพระยา จุดหมายของช่างแต่งหน้าหนุ่มผู้นี้คือโรงแรมห้าดาวอันเป็นสถานที่จัดงานแสดงแฟชั่นโชว์ของร้านเสื้อชื่อดัง แน่นอนว่ามุกมณีได้รับการติดต่อไปให้ร่วมงานในครั้งนี้ด้วย

    กำหนดงานคือเวลา 14.30 น. แต่เพราะคืนที่ผ่านมามุกมณีต้องไปถ่ายแบบโฆษณาให้กับเครื่องสำอางยี่ห้อหนึ่ง กว่าจะเรียบร้อยเวลาก็ผ่านไปจนถึงสองนาฬิกาของวันใหม่ เย็นตาโฟจึงแน่ใจว่าตอนนี้เธอคงยังไม่ตื่น

    สายตาชำเลืองดูนาฬิกาหน้ารถ เขาถอนใจออกมาเมื่อเห็นว่ามันเลยเวลาเที่ยงมาเล็กน้อย หากรอให้นางแบบสาวตื่นและเดินทางออกจากคอนโดเองคงไม่ทันเวลางาน ครั้นจะโทร.ไปปลุกก็กลัวมุกมณีโกรธ เขาจึงตัดสินใจปล่อยให้เธอนอนพักอย่างสบาย เมื่อได้เวลาจึงขับรถไปรับหญิงสาวด้วยตัวเอง

    เนื่องจากสถานที่จัดงานกับที่พักของหญิงสาวอยู่บนถนนสายเดียวกัน เย็นตาโฟจึงเลี้ยวรถเข้าซอยย่อยที่ตัดเข้าสู่คอนโดของมุกมณี ชายหนุ่มกดปุ่มลดระดับเสียงเพลงก่อนหยิบสมาร์ตโฟนมากดหมายเลขมือถือของนางแบบสาว รออยู่ชั่วอึดใจก็ได้ยินเสียงอู้อี้เหมือนคนเพิ่งตื่นนอนรับสาย

    “ยังไม่ตื่นอีกเหรอจ๊ะหนูมุก” เขาถามและหัวเราะชอบอกชอบใจเมื่อได้ยินอีกฝ่ายตอบเชิงประชด “พี่รู้ว่าเมื่อคืนมุกทำงานดึก แต่วันนี้เรามีงานแฟชั่นโชว์บ่ายสองจำได้หรือเปล่า”

    ชายหนุ่มนิ่งฟังปลายสายบ่นพึมพำราวกับหมีกินผึ้งและรีบพูดทันทีเมื่อหญิงสาวหยุด

    “ไม่ได้ แฟชั่นวันนี้เป็นงานของห้องเสื้อระดับโลก จะเหลือแต่ซากยังไงมุกก็ต้องลากสังขารไปให้ได้ ไม่ต้องห่วง พี่รู้ว่ามุกขี้เกียจขับรถ ลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัวอีกสิบนาทีพี่เข้าไปรับ”

    เสียงมุกมณีรับคำก่อนวางสาย เย็นตาโฟจึงวางโทรศัพท์และหันไปให้ความสนใจกับการขับรถตามเดิม ช่วงเที่ยงของวันธรรมดาแบบนี้การจราจรไม่คล่องตัวนัก แม้จะอยู่ห่างจากคอนโดของมุกมณีไม่ถึงสองกิโล แต่กว่าจะฝ่าฟันรถยนต์ที่คับคั่งและหลุดจากไฟแดงไปได้ ก็กินเวลาไปไม่ใช่น้อย

    ระหว่างติดสัญญาณไฟ เย็นตาโฟนั่งคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ลงท้ายก็วกกลับมาที่เรื่องของเขากับมุกมณี จะเป็นเพราะโชคดีหรือเหตุบังเอิญก็สุดจะเดาที่เขาได้เป็นช่างแต่งหน้าประจำตัวของนางแบบสาวชื่อดังคนนี้

    ช่างแต่งหน้า

    เย็นตาโฟระบายลมหายใจยาวๆพลางย้อนนึกถึงอดีตครั้งเมื่อยังเป็นเด็ก ครอบครัวของเขาอยู่ต่างจังหวัด มีพี่สาวอยู่สี่คน ตัวเขาเป็นลูกชายเพียงคนเดียวแต่คำพูดคำจากลับออกแนวกระตุ้งกระติ้งผิดวิสัยเด็กในวยเดียวกัน จะบอกว่ามันอาจจะเป็นเพราะที่บ้านมีแต่ผู้หญิงก็ไม่ถูกนัก เพราะทุกอย่างมาจากความรู้สึกของเขา ไม่ว่าจะเป็นความรักสวยรักงาม ชอบการแต่งตัว เรียกได้ว่ามันเป็นแบบนี้มาตั้งแต่เขาเริ่มจำความได้

อาการเริ่มแรกก็แค่แอบหยิบลิปสติกของแม่ทาปากเล่น ตอนนั้นทุกคนเห็นเป็นเรื่องขำขันแต่พอเย็นตาโฟหยิบเสื้อผ้าพี่สาวและแต่งหน้าเขียนคิ้ว ก็ถูกพ่อจับเฆี่ยนจนหลังลาย นับแต่นั้นเขาจึงไม่กล้าแสดงอะไรออกมาอีกเลยจนกระทั่งเข้าสู่ชั้นมัธยม ถึงจะมีรูปร่างค่อนไปทางท้วมแต่ความที่มีหน้าตาหล่อเหลา ทำให้สาวๆมาชอบมากพอดู แต่เย็นตาโฟไม่สนใจใครเลยสักนิด ไม่ชอบแม้กระทั่งนิตรสารปลุกใจเสือป่าที่เพื่อนผู้ชายชอบจับกลุ่มดูกันในห้องน้ำ ตรงกันข้ามเขาจะใจเต้น หน้าร้อนผ่าวเวลาเจอหัวหน้าทีมฟุตบอลสุดหล่อประจำโรงเรียน และพูดอะไรไม่ออกทันทีที่ได้อยู่ใกล้ ถึงอย่างนั้นเย็นตาโฟก็ยังไม่กล้าแสดงอะไรออกมาเพราะรู้ดีว่ามันเป็นเรื่องผิดปรกติ และเป็นสิ่งน่าอาย

เย็นตาโฟสับสนกับตัวเองอยู่นานจนเห็นการ์ตูนและนิยายแนวยาโออิหรือชายรักชายที่เพื่อนนักเรียนหญิงขอบอ่าน ตอนนั้นเองที่ชายหนุ่มเริ่มรู้จักกับคำว่าเพศที่สามและเส้นทางสายสีม่วง และแน่ใจว่าเขาไม่ใช่กระเทย เพราะถึงจะชอบเพศเดียวกัน รักความสะอาดและการแต่งตัว แต่ชายหนุ่มก็ไม่เคยนึกอยากจะเป็นผู้หญิง

ถึงจะรู้ว่าตัวเองเป็นอะไร เย็นตาโฟก็ยังไม่กล้าแสดงออกกระทั่งเรียนจบมหาวิทยาลัยและเริ่มหางานทำ แต่ก็อยู่ที่ไหนได้ไม่นานเพราะพอคนในบริษัทรู้ว่าเขาเป็นเกย์ก็จะตั้งข้อรังเกียจและหาเรื่องแกล้งจนเขาทนไม่ไหว ต้องลาออกในที่สุด เมื่อทำงานที่ไหนไม่ได้ เย็นตาโฟจึงหันไปเรียนด้านการแต่งหน้า และรับงานไปทั่วตั้งแต่นางรำวงงานวัดไปจนถึงประกวดเทพีประจำจังหวัด ระหว่างนั้นก็ไปสมัครเข้าทำงานกับบริษัทโมเดลลิ่งรวมไปถึงกองถ่ายทำภาพยนต์ แต่ก็พลาดทั้งหมดเพราะเขาไม่มีเส้นมีสายเหมือนคนอื่น     

การพลาดงานหลายครั้งไม่ได้ทำให้เย็นตาโฟท้อ ตรงกันข้ามเขากลับมีความมุมานะมากยิ่งขึ้น เริ่มแรกชายหนุ่มปรับปรุงบุคลิกของตัวเองให้เด่นและแรง เปลี่ยนชื่อใหม่จากพิภพ เป็นเย็นตาโฟ ด้วยเหตุผลว่ามันเป็นก๋วยเตี๋ยวที่มีสีจัดจ้านซ้ำเครื่องปรุงยังหลากหลายเหมือนสีสันของอายชาโดว์กับลิปสติก เสื้อผ้าเครื่องแต่งตัวทุกชิ้นถ้าไม่ขาวสะอาดทั้งชุด ก็จะเป็นสีสันสดใส โดดเด่นสะดุดตา จนบางครั้งมุกมณียังเหน็บเขาว่า เหมือนนกแก้วมาคอร์

ความพยายามของเขาทำให้มีงานเข้ามาบ้าง แต่ยังไม่มากพอจะเป็นอาชีพ กระทั่งเย็นตาโฟเข้าร่วมการประกวดนางแบบหน้าใหม่และได้จับคู่กับมุกมณี ฝีมือการแต่งหน้าที่เหนือชั้นกับคำแนะนำเรื่องเสื้อผ้าของเขา ทำให้หญิงสาวซึ่งหน้าตาสวยอยู่แล้วมีความโดดเด่นมากยิ่งขึ้นประกอบกับท่วงท่าการเดินที่แสนสง่างามกับการไหวพริบที่ดีเลิศ ทำให้เธอชนะใจกรรมการทุกคน และก้าวเข้าสู่วงการนางแบบนับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา

แน่นอนว่ามุกมณีมอบหน้าที่ให้เย็นตาโฟเป็นช่างแต่งหน้า และเป็นเสมือนผู้จัดการส่วนตัวของเธอด้วยกลายๆ ทั้งสองสนิทสนมกันมาก ไปไหนมาไหนด้วยกันแทบจะเกือบทุกที่ มุกมณีให้ความไว้วางใจและเคารพรักเขาเหมือนพี่ชายในขณะเดียวกันเย็นตาโฟก็รักและยินดีทำทุกอย่างเพื่อปกป้องเธอ

ถึงบางครั้งจะโดนนางแบบสาวจิกใช้ราวนางทาสก็ตาม

เย็นตาโฟยิ้มให้กับความคิดสุดท้าย ถึงมุกมณีจะเป็นคนเอาแต่ใจ แต่ถ้ารู้นิสัยและเข้าใจเธอดีแล้ว ก็ไม่ใช่เรื่องยากในการพูดคุยหรือติดต่อเธอไปร่วมงาน

นางแบบสาวผู้นี้มีกฏเหล็กอยู่สามข้อคือ หนึ่ง ไม่สวมเสื้อผ้าหวือหวาล่อตาล่อใจโดยเฉพาะชุดว่ายน้ำ สองไม่รับงานโฆษณาสินค้าจำพวกเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด และข้อสามซึ่งสำคัญที่สุด เธอยินดีเดินทางไปถ่ายแบบทุกสถานที่ ยกเว้นชายทะเลหรือแหล่งน้ำขนาดใหญ่อย่างทะเลสาปหรือแม่น้ำลำคลอง เพราะตอนเป็นเด็กเธอเคยถูกคลื่นพัดออกจากชายหาด โชคดีที่มีคนช่วยได้ทัน

นั่นเป็นเหตุผลที่ทำไมเธอถึงอาละวาดพังราวแขวนเสื้อในงานแฟนชั่นโชว์ เพราะก่อนทำสัญญา ทั้งเขาและเธอย้ำแล้วย้ำอีกว่าต้องไม่มีชุดว่ายน้ำ แต่พอเอาเข้าจริงเจ้าของงานกลับแอบปนชุดที่ว่านี้เข้าไปด้วย เหมือนเป็นการบังคับกลายๆ ซึ่งเป็นความคิดที่ผิดมหันต์ เพราะไม่เพียงโยนชุดทั้งหมดลงพื้นแล้ว มุกมณียังเดินเชิดออกจากงานกลางคัน ทิ้งให้นางแบบที่เหลือหัวปั่นกับการจัดลำดับคิวแฟชั่นใหม่ทั้งหมด และไม่สนด้วยว่าวันรุ่งขึ้นนักข่าวจะพาดหัวหน้าหนึ่งว่าอะไร

เกย์หนุ่มหัวเราะคิกคักอย่างสนุกสนานเมื่อนึกถึงหน้าของผู้จัดการงานที่ซีดจนเหลือไม่ถึงสองนิ้ว เพราะหัวใจของงานครั้งนั้นไม่ใช่ดารานักแสดงที่มากันอย่างคับคั่ง แต่เป็นมุกมณี นางแบบเพียงหนึ่งเดียวที่สามารถดึงทุกสายตาผู้ร่วมงานทุกคน

รถยนต์สีร้อนแรงชะลอความเร็วลงเลี้ยวเข้าไปในลานจอดรถของคอนโดหรู เย็นตาโฟหยิบกระเป๋าอุปกรณ์แต่งหน้าและยัดสมาร์ตโฟนใส่กางเกงก่อนเดินตรงไปยังลิฟต์ ห้องพักของมุกมณีอยู่บนชั้นที่ 25 ซึ่งเป็นห้องสวิทราคาแพงที่สุด เมื่อไปถึงเขาเคาะประตูด้วยจังหวะที่เป็นรหัสซึ่งรู้กันเพียงสองคน พอเห็นหน้าหญิงสาว เย็นตาโฟถึงกับเอามือทาบอกและร้องอุทานด้วยความตกใจ

“ตายแล้วมุก ทำไมหน้าเธอถึงได้มันแผลบเหมือนไปจุ่มในหม้อน้ำมันหมูมาแบบนี้”

“มาถึงก็โวยวายเลยนะ” มุกมณีตอบพลางเดินไปหยิบกระดาษมาซับอย่างบรรจง “มุกพอกครีมน่ะ”

“ครีมอะไร ทำไมถึงเยิ้มขนาดนี้”

มุกมณีชี้ไปที่กระปุกซึ่งวางอยู่บนโต๊ะ เย็นตาโฟหยิบขึ้นมาดูและเบ้ปากเมื่อพบว่ามันเป็นครีมยี่ห้อดังราคาแพงจากต่างประเทศ

“ครีมดีมันต้องซึมเข้าผิวสิ” เขาบ่น หญิงสาวเลยเดินไปชี้ให้เขาอ่านรายละเอียด

“มันเป็นครีมอบไอน้ำค่ะพี่โฟ”

พูดจบเธอก็เดินหายเข้าห้องน้ำ ระหว่างนั้นเย็นตาโฟจึงเดินไปเปิดตู้เย็นเพื่อหาอะไรมารองท้องเพราะตั้งแต่เช้านอกจากกาแฟแล้วเขายังไม่ได้กินอะไรเลย แต่พอเห็นสิ่งที่อยู่ในตู้ ชายหนุ่มก็อุทานออกมาด้วยความแปลกใจ

“โอ้โห นี่มันตู้เย็นนางแบบหรือซุปเปอร์มาเก็ตห้าง ทำไมของกินมันถึงได้เยอะแยะแบบนี้”

เขามองชั้นเก็บของสดซึ่งมีทุกอย่างตั้งแต่หมู ไก่ ปลา กุ้ง โดยเฉพาะสองอย่างหลังมีมากที่สุด ส่วนช่องเก็บผักก็ถูกอัดแน่นไปด้วยผักเกือบทุกประเภท ตรงกลางก็เต็มไปด้วยเครื่องดื่มจำพวกน้ำผลไม้และนมสด ไม่นับรวมของหวานอย่างเช่นช็อคโกแลตรสต่างๆที่กินพื้นที่ไปหนึ่งชั้นเต็มๆ มุกมณีซึ่งเดินออกมาจากห้องน้ำเช็ดหน้าพลางตอบ

“เวลากลับมาตอนกลางคืนมุกหิวนี่นา บางวันไม่มีงาน ขี้เกียจออกไปไหนก็นั่งทำอะไรกินเล่น”

“เธอเป็นนางแบบ กินไม่บันยะบันยังแบบนี้มีหวังอ้วนตาย” เย็นตาโฟติง หญิงสาวยักไหล่

“ไม่มีทางหรอก มุกออกกำลังกายเป็นประจำ กินแค่ไหนก็ไม่อ้วน” เธอเดินไปหยิบขนมปังแถว แฮมกับชีสแผ่นมาวางเหมือนรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังหาอะไร “ทำเผื่อมุกด้วย”   

    สั่งเสร็จก็เดินเข้าห้องเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า เย็นตาโฟจึงลงมือทำแซนวิชอย่างคล่องแคล่วโดยไม่ลืมต้มกาแฟด้วย เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย มุกมณีก็แต่งตัวเสร็จพอดี เธอมองแซนวิชที่ถูกหั่นไว้พอดีคำแล้วยิ้มอย่างถูกใจ

    “แบบนี้ต้องให้พี่โฟมารับบ่อยๆ”

    “ไม่ไหวหรอก บ้านมุกกับบ้านพี่อยู่ห่างกันจะตาย” เย็นตาโฟพูดพลางรินกาแฟส่งให้หญิงสาว “อย่ามัวแต่พูด รีบกินจะได้รีบไป งานนี้ห้ามสายเด็ดขาด ยายช่อแก้วยิ่งอยากแย่งตำแหน่งเทพีประจำงานอยู่ด้วย”

    ช่อแก้วที่เขาพูดถึงเป็นนางแบบในสังกัดเดียวกัน แต่มักหาเรื่องกลั่นแกล้งหรือแขวะเธอด้วยความอิจฉาอยู่ตลอดเวลา

    “เทพีหน้าหงิกละไม่ว่า” มุกมณีเหน็บอย่างไม่ใส่ใจนักพลางหยิบแซนวิชใส่ปากเคี้ยว เย็นตาโฟมองเธอแล้วส่ายหน้าอย่างเอือมระอา

    “อย่าประมาท ความสวยเป็นสิ่งไม่คงทน เผลอหน่อยเดียวผิวก็เหี่ยวเหนียงยานเป็นคอนกกระทุงกันหมด”

    มุกมณีหัวเราะลั่นด้วยความขบขัน

    “วันนี้พี่โฟมาแปลก อยู่ๆก็แสดงธรรมให้ฟัง จะไปบวชชีหรือไงกันคะ”

    เย็นตาโฟค้อนปะหลับปะเหลือก

    “เราอุตส่าห์เตือนด้วยความหวังดียังจะมาทำเป็นเล่นอีก ทีหลังไม่พูดอะไรให้ฟังแล้ว”

    นางแบบสาวนั่งอมยิ้มไม่ตอบอะไรเพราะรู้ดีว่าอีกฝ่ายไม่ได้โกรธจริงจังนัก เธอเอื้อมไปหยิบสมุดบันทึกตารางงานมาเปิดดูและย่นจมูกอย่างเบื่อหน่ายเมื่อพบว่าวันนี้เธอต้องไปเดินแบบถึงสองงาน และอีกงานก็เป็นการเดินการกุศลที่บรรดาคุณหญิงคุณนายจัดขึ้นเพื่อมูลนิธิอะไรบางอย่างที่เธอไม่สนใจจำ

    “ต้องเดินแบบชุดไทยด้วย” มุกมณีบ่นอุบ เย็นตาโฟซึ่งกำลังละเลียดแซนวิชอย่างเอร็ดอร่อยจึงอธิบาย

    “งานนี้เป็นชุดไทยประยุกต์ ได้ยินมาว่าคนออกแบบเป็นลูกคุณหญิงที่จบดีไซเนอร์มาจากเมืองนอก เครื่องทรงคงอลังการงานสร้างน่าดู”

    นางแบบสาวผงกศีรษะแต่ไม่พุดอะไร เธอดูงานล่วงหน้าอีกสองวันเพื่อจะได้เตรียมตัวถูกจากนั้นจึงวางสมุดและยกแก้วน้ำขึ้นมาดื่ม

    “ไปกันหรือยังพี่โฟ”

    “แหม พออิ่มก็จะไปทันทีเลยนะ” เย็นตาโฟบ่นพร้อมกับคว้าแซนวิชชิ้นสุดท้ายเข้าปาก แต่พอจะหยิบถ้วยไปล้าง มุกมณีก็ห้าม

    “ทิ้งไว้อย่างนั้นแหละ เดี๋ยวมุกจัดการเอง”

    พูดจบก็เดินนำออกจากห้อง เย็นตาโฟจึงรีบคว้าประเป๋าเครื่องสำอางก้าวตาม จากนั้นทั้งคู่จึงออกเดินทางไปยังสถานที่จัดงานภายในโรงแรมระดับห้าดาวซึ่งอยู่ใจกลางเมือง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่