ย้อนอ่านบทก่อนหน้า
บทที่ 10
หน้าม่าน
( Curtains )
สาริสาเดินออกมาจากห้องแต่งตัวด้วยชุดสีฟ้าสดใสที่ใส่ได้เข้ารูปโดยไม่ต้องพึ่งเข็มกลัดแต่อย่างใด โบว์ขนาดใหญ่ที่ทำจากผ้าไหมสีเงินผูกคาดอยู่รอบเอวทำให้เธอยิ่งดูน่ารักสมวัย และชายกระโปรงที่ลากยาวคล้ายกับหางปลาได้จำแลงกายให้นักร้องสาวดูคล้ายกับเงือกน้อยในเทพนิยายของฝรั่ง ซึ่งขณะเดียวกันรสรินทร์กลับปรากฏกายออกมาด้วยชุดราตรีแบบเกาะอกสีม่วงเข้มพอดีตัว เผยให้เห็นโนมเนื้อที่เต่งตึงเกือบจะทะลักขอบชุดออกมา หนำซ้ำซิปที่ด้านหลังก็รูดขึ้นได้อย่างสบาย และชายกระโปรงที่ยาวก็ดูไม่รุ่มร่ามเลยเมื่ออยู่ที่เรียวขาของเธอ
“ เพอร์เฟ็ค!! ” มิรินทร์ปรบมือชื่นชมให้กับความลงตัวในเรื่องชุดของดาราสาวทั้งสองคน เมื่อได้ยินดังนั้น ทีมงานคนอื่นๆ ต่างก็ปรบมือตามเจ้าของห้องเสื้ออย่างเซ็งแซ่ไปทั่วด้านหลังเวที
สิ่งนี้ทำให้รสรินทร์รู้สึกพอใจขึ้นมาบ้างที่ชุดใหม่ของเธอดูงามสง่าไม่แพ้กับชุดเก่าที่เคยใส่ก่อนหน้า จนกระทั่ง...
“ เอาล่ะค่ะ!! นายแบบและนางแบบทุกคนเตรียมพร้อม...เข้าแถวเรียงตามคิวที่ได้ซ้อมกันไว้ ” ดีไซเนอร์สาวเริ่มสั่งการอีกครั้ง
“ เข้าซ้าย ออกขวานะคะทุกคน...อย่าลืม!! ” เธอกำชับเกี่ยวกับการเดินเข้าและออกจากเวที
อดีตนางแบบสาวประเภทสองเดินสำรวจแถวของนายแบบและนางแบบอีกครั้ง จนกระทั่งมาสะดุดที่นักร้องสาวดาวรุ่ง
“ ซีรีจ๊ะ!! ใครให้หนูมายืนตรงนี้ ?!! ” เธอถาม
“ ก็ตอนซ้อมคุณหมูเล็กบอกให้หนูมายืนตรงนี้เองนี่คะ ” สาวน้อยกล่าว
“ ไม่ใช่แล้วจ้ะ!! ตอนนี้เธอไม่ได้สวมชุดสีม่วงนั้นแล้ว ตามฉันออกมานี่!! ” มิรินทร์พูดจบก็จูงสาริสาเดินออกมาจากแถวนั่น และดันนางแบบอีกคนที่ถัดจากสาวน้อยให้เขยิบขึ้นมาแทนที่
“ นี่จ้ะ!! ที่ของหนู ” เจ้าของห้องเสื้อพาสาริสามาไว้ด้านหลังสุดซึ่งอยู่ถัดจากรสรินทร์
นักร้องสาวรุ่นใหญ่งุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น จึงถามออกมาด้วยความสงสัย
“ อะไรกันคะพี่หมูเล็ก ไม่ใช่โรสหรอกเหรอที่ได้เดินแบบเป็นคนสุดท้าย ?? ”
“ เกรงว่าคงไม่ใช่แล้วจ้ะ...เมื่อเธอไม่ได้ใส่ชุดนี้ ตำแหน่งที่เธออยู่ก็ต้องเปลี่ยน ” มิรินทร์ว่า
“ ต...แต่โรสซ้อมเดินมาแบบนี้นะคะ ” เธอแย้ง
“ ก็เธออยากใส่ชุดของฉันไม่ได้เองทำไมล่ะ ?? ” ดีไซเนอร์สาวขึ้นเสียง
“ แต่มันไม่เกี่ยวกับที่เราได้ซ้อมกันนี่คะ...ชุดก็ส่วนชุดสิ!! ” นักร้องสาวเริ่มไม่สบอารมณ์ เธอจึงเผลอแสดงความไม่พอใจออกมา
เจ้าของห้องเสื้อสาวถลึงตาใส่รสรินทร์ด้วยวามไม่พอใจ เมื่อเห็นเจ้าหล่อนแสดงอากัปกริยาเช่นนี้ เธอถึงกับถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย ซึ่งนั่นเป็นอาการที่ใครๆ ในวงการต่างรู้ดีว่าอดีตนางแบบสาวกำลังเริ่มหมดความอดทน
“ โรสจ๊ะ!! ถ้าเธอใส่ชุดสีม่วงนี่แล้วอยากเดินออกมาเป็นคนสุดท้าย ถ้าอย่างนั้นชุดที่ซีรีใส่...ฉันก็คงไม่เรียกว่า ชุดฟินาเล่ หรอกจ้ะ!! ” ดีไซเนอร์สาวประเภทสองกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบๆ แต่ชัดถ้อยชัดคำ พลางจับชุดของนักร้องสาวทั้งสองไปมา ก่อนจะจิกสายตาใส่รสรินทร์อีกครั้ง
นักร้องสาวรู้สึกกระอักกระอ่วนใจที่เห็นสายตาคู่นั้นจ้องเธอกลับมาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ ทางด้านสาริสาเองก็ไม่ได้รู้สึกดีใจเลยด้วยซ้ำที่ถูกเลือกให้มาเดินแบบในตำแหน่งสุดท้าย โดยเฉพาะการได้มาเดินแทนที่รสรินทร์
เจ้าของห้องเสื้อสำรวจชุดของนักร้องสาวทั้งสองอีกครั้ง ก่อนที่จะเดินออกไปสั่งการกับคนคุมเวทีว่าทุกอย่างในงานนี้ พร้อมแล้ว
เมื่อได้รับสัญญาณพิธีกรหนุ่มอารมณ์ดีผู้มีชื่อเสียงจึงกล่าวเปิดงานอย่างเป็นทางการ พร้อมด้วยเสียงปรบมือจากผู้คนที่ดังกึกก้องไปทั่วทั้งชั้น จากนั้นเสียงเพลงจากวงออเคสตร้าที่อยู่ด้านข้างสองฝั่งเวทีก็เริ่มบรรเลงขึ้น ท่ามกลางนางแบบคนแรกที่ปรากฏตัวในชุดสีแดง แล้วตามด้วยนายแบบหนุ่มและนางแบบสาวอีกคนหนึ่ง จนกระทั่งล่วงเลยมาถึงชุดราตรีแบบเกาะอกสีม่วงเข้มของรสรินทร์ที่เรียกเสียงฮือฮาจากใครหลายๆ คนได้ค่อนข้างมาก โดยเฉพาะกับหน้าอกขนาดมหึมาที่ถูกดันเด้งออกมาจนเกือบล้นขอบ กอปรกับผิวที่ขาวราวหิมะ ยามเมื่อแสงไฟสาดส่องตกกระทบมาที่ตัวของเธอ ยิ่งทำให้สาวเจ้าดูเปล่งประกายและเจิดจรัสกว่าใครทั้งหมด
หญิงสาวเดินมาหยุดอยู่ตรงกลางเวที แล้วเท้าเอวเพื่อให้ช่างภาพและสื่อมวลชนได้ถ่ายรูปก่อนที่จะเดินออกไปอีกทาง ซึ่งขณะเดียวกันกับที่สาริสาปรากฏตัวออกมาจากอีกฟากของเวที
สาวน้อยในชุดสีฟ้าค่อยๆ กรีดกรายเดินออกมาเผชิญหน้ากับผู้คนนับร้อย ท่ามกลางเสียงร้องที่เปล่งออกมาจากลำคอของเธออย่างทรงพลัง ซึ่งสามารถเรียกเสียงฮือฮาและเสียงปรบมือจากผู้ชมได้กึกก้องมากกว่าที่ให้กับรสรินทร์หลายเท่า บัดนี้หญิงสาวทำให้ใครๆ ต่างเชื่อว่าเธอคือเงือกน้อยจากเทพนิยายจริงๆ และหากสาริสาคือเงือกสาวที่เป็นตัวเอกจากในนิทาน แน่นอนว่ารสรินทร์ก็คงไม่พ้นเป็นนางแม่มดครึ่งปลาหมึกตัวร้ายของเรื่องเช่นเดียวกัน เพราะบัดนี้เจ้าหล่อนเริ่มรู้สึกอิจฉาและไม่พอใจเป็นอย่างมาก จนเธอแทบอยากจะเดินเข้าไปบีบคอให้เสียงของเงือกน้อยหายไปเหมือนตามท้องเรื่องเสียจริง
รสรินทร์เก็บความรู้สึกขุ่นเคืองไว้ในใจ...แต่แล้วกลับนึกถึงแผนการร้ายที่วางได้เดี๋ยวนั้น หญิงสาวเดินชะลอตัวอย่างช้าๆ เพื่อรอจังหวะให้สาริสาเดินออกไปเกือบจะถึงกลางเวที จากนั้นเธอจึงทำทีเป็นเหยียบชายกระโปรงที่ลากยาวของสาวน้อยอย่างไม่ทันตั้งใจ และเมื่อแน่ใจแล้วว่าอยู่ในจังหวะที่เหมาะ เธอจึงเดินลากขาแล้วดึงชายกระโปรงนั้นออกมาอย่างเต็มแรง ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่สาริสาก้าวเดินออกไปเกือบถึงหน้าเวที แล้วสิ่งที่ไม่ได้อยู่ในสคริปท์ของการเดินแบบในครั้งนี้ก็เกิดขึ้น
ชายกระโปรงสีฟ้าที่ยาวเป็นหางปลาขาดออกจากกัน รอยฉีกของมันลากยาวไปจนถึงโบว์ผ้าไหมสีเงินที่ผูกคาดไว้กับเอว สาวน้อยล้มลงตรงหน้าเวที ท่ามกลางเสียงร้องที่ตกใจของผู้ชมและทีมงาน เจ้าของห้องเสื้อสาวถึงกับเอามือป้องปาก เมื่อรับรู้ได้ว่าความโกลาหลภายในงานกำลังบังเกิด พี่ไก่ยกมือขึ้นทาบอกแสดงอาการตกใจกับสิ่งที่เห็น นักข่าว ช่างภาพ และสื่อมวลชนจากหลายๆ สำนัก ต่างพร้อมใจกันเก็บภาพวินาทีที่สำคัญเช่นนี้ไว้ รสรินทร์ยิ้มเยาะให้กับความสำเร็จที่ได้กระทำลงไป เธอรีบเดินเข้าไปยังด้านหลังเวที พลางนึกถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในตอนรุ่งเช้าที่หนังสือพิมพ์และสื่อทุกชนิดต่างพาดหัวข่าวของดาราสาวอายุสิบแปดโชว์ รถหวอ บนเวที แค่นึกชื่อพาดหัวข่าวที่สุดแสนจะจั๊กจี้ หญิงสาวก็แทบรอให้ถึงวันพรุ่งนี้ไม่ไหวแล้ว
...แต่ทันทีที่รสรินทร์เดินกลับเข้ามายังหลังเวที ผู้จัดการฝีปากกล้าอย่างป้าติ่งก็เข้าจู่โจมใส่เธอโดยไม่ทันได้ตั้งตัว แต่โชคดีที่พี่ไก่เข้ามารับลูกโทษนั้นได้ทัน
“ อีโรส!! อีชั่ว!! แกคิดเหรอว่าฉันไม่เห็น ?!! ” ป้าติ่งโวยวาย
“ อะไรกันคะป้า จะมากล่าวหาน้องโรสของหนูอย่างนี้ได้ยังไง ? ” พี่ไก่ร้องถาม
“ แกไม่ต้องมาปกป้องเลย!! คนของแกตั้งใจเหยียบกระโปรงเด็กของฉัน ” ป้าติ่งเกรี้ยวกราด
สาริสาถูกประคองตัวเข้ามายังด้านหลังเวทีแทบจะทันใด เธอถูกคลุมตัวไว้ด้วยผ้าสีดำผืนใหญ่โดยทีมงานผู้หญิงสองคน พวกเธอพาสาวน้อยมาส่งยังป้าติ่ง ผู้จัดการเกย์แอบสาวรับเธอมาแล้วสวมกอด น้ำตาของเด็กสาวไหลอาบแก้มทั้งสองข้างด้วยความอับอาย สาวน้อยร้องไห้อยู่อย่างนั้นจนรสรินทร์รู้สึกหมั่นไส้ ท่ามกลางควันไฟแห่งความแค้นจากด้านหลังเวทีกำลังระอุได้ที่ มิรินทร์ผู้เป็นเจ้าของห้องเสื้อก็เข้ามาด้วยท่าทีที่หงุดหงิดและเครียดอย่างเห็นได้ชัด ป้าติ่งรีบชี้แจงให้ทราบในสิ่งที่เกิดขึ้นทันที แต่ก็ถูกพี่ไก่ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา จนดีไซเนอร์สาวถึงกับสติแตกเพราะเสียงที่เถียงกันจากทั้งสองคน
“ หยุด!!! พวกหยุดกันได้แล้ว กูไม่อยากฟัง เห็นไหมงานกูล้มไม่เป็นท่าแล้ว!!! ” มิรินทร์สบถคำหยาบคายออกมาด้วยความเครียด
“ ป้าไม่ยอมนะคะ!! น้องซีรีของป้าเสียหาย...จำไว้เลยนะอีนังโรส ชาตินี้ทั้งชาติฉันจะไม่ยอมให้เด็กของฉันร่วมงานกับแกเป็นอันขาด อีนักร้องโบท็อกซ์!!! ” ป้าติ่งโวยวายพลางหันมาด่ารสรินทร์
สาวใหญ่ยอมไม่ได้ที่โดนตอกกลับอย่างนั้น เธอจึงยอมรับออกมาและโวยวายในทันที
“ ใช่!! ฉันยอมรับก็ได้ ฉันเป็นคนทำเอง แต่แค่นี้มันยังน้อยเกินไปกับสิ่งที่แกจะได้รับจากฉันนะ...อีนางซีรี!! ” เธอจ้องเด็กสาวอย่างเอาเรื่อง
“ นี่นางโรส!! แกรู้ไหมว่าชุดที่ซีรีใส่นั่นมันราคาเท่าไร ชุดที่แกทำมันพังน่ะราคาเท่าไร!!!! ” ป้าติ่งตะคอกถามจนคอเกร็ง
“ ฉันมีปัญญาจ่ายก็แล้วกันกับไอ้ชุดพรรค์นั้น!! แต่สิ่งที่ฉันยอมไม่ได้ก็คือ...เห็นอีนางเด็กคนนี้มาแย่งซีน ทำหน้าที่แทนฉัน...ต่อหน้าต่อตา!!! ” เธอประกาศกร้าว
“ ...อีนางซีรี แกมันก็เหมือนกับแม่ สันดานขี้ขโมย แม่มันเป็นยังไงลูกมันก็เป็นอย่างนั้น!! อีลูกกะ... ” ไม่ทันที่เจ้าหล่อนจะพูดจบร่างของสาริสาก็พุ่งเข้าใส่รสรินทร์ทันที สาวน้อยรู้สึกเหลืออดที่หญิงสาวพูดจาดูถูกแม่ของเธอ นักร้องสาวหมายเตรียมเข้าทุบตีนักร้องรุ่นใหญ่ แต่ป้าติ่งและทีมงานต่างช่วยกันห้ามเธอไว้ สาริสาจึงหันไปหยิบแก้วน้ำที่วางอยู่บนโต๊ะสาดเข้าใส่หน้าของรสรินทร์อย่างเต็มแรง...และก็สมดังที่ตั้งใจ ใบหน้าที่ขาวเนียนและตึงกระชับไปด้วยสารเคมีของนักร้องลายครามชุ่มโชกไปด้วยน้ำ ป้าติ่งถึงกับหลุดขำออกมาเมื่อเห็นภาพนั้น รวมทั้งทีมงานคนอื่นๆ ด้วย
พี่ไก่ตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะไม่คิดว่าสาริสาจะกล้าทำได้ถึงเพียงนี้ เขารีบหยิบกระดาษชำระขึ้นมาแล้วซับหน้าให้กับคนของตัวเอง แต่รสรินทร์กลับอาละวาดหนักขึ้น เธอกรีดร้องไปมาราวกับว่าโดนน้ำมนต์
ทว่าไม่ทันไรเสียงที่โวยวายของนักร้องสาวก็ต้องหยุดลง เมื่อสิ้นเสียงฝ่ามือของมิรินทร์ที่ประทับลงบนหน้าของเธอ
“ นางไก่!! พาคนของแกออกไปจากร้านฉันได้แล้ว และอย่าเอามาให้ฉันเห็นหน้าอีก ส่วนเรื่องชุดที่มันทำขาด ฉันจะส่งบิลตามไปเก็บทีหลัง และถ้าไม่จ่าย...อย่าหาว่าฉันไม่เตือน!! ” เจ้าของห้องเสื้อตะโกนลั่น พลางส่งสายตาอำมหิตมายังรสรินทร์ที่ยังคงยืนนิ่ง และเคียดแค้นไปด้วยไฟแห่งความโกรธ
หญิงสาวเดินออกไปจากตรงนั้นเพื่อเปลี่ยนชุดแล้วเดินทางกลับ พร้อมด้วยผู้จัดการส่วนตัวที่รีบเดินจ้ำตามเธอออกไปอย่างไม่รีรอ
และแล้วความวุ่นวายภายในงานก็สิ้นสุดลง พร้อมๆ กับมหาชนที่เริ่มทยอยออกไปจากบริเวณนั้น คงเหลือไว้แต่ฝุ่นควันของซากสงครามที่ยังคงอบอวลอยู่ด้านหลังเวที ไม่มีใครรู้ว่าเจ้าของห้องเสื้ออย่างมิรินทร์จะทำอย่างไรต่อไป เมื่องานที่เธอได้ตระเตรียมไว้ล้มไม่เป็นท่า
สาริสาเดินออกมาจากร้านพร้อมกับป้าติ่ง สาวน้อยดูเศร้าสร้อยกับสิ่งที่เกิดขึ้น ป้าติ่งได้แต่ปลอบใจเพื่อไม่ให้เธอคิดมาก แม้ว่าเรื่องที่คิดอยู่ขณะนี้จะไม่ใช่เรื่องที่เธอล้มกลางเวทีก็ตาม เพราะสิ่งที่หญิงสาวห่วงกว่านั้นก็คือสงครามระหว่างเธอกับรสรินทร์ที่ไม่ได้จบลงไปพร้อมๆ กับงานในคืนนี้ แต่ทว่ามันเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของสงครามอีกหลายๆ ครั้งที่กำลังจะตามมาในอีกไม่ช้าต่างหาก…
+++++++++++++++++++++++++++++
หลังจากค่ำคืนอันร้อนแรงด้วยไฟจากความแค้นสิ้นสุดลง กลุ่มควันจากกองเถ้าถ่านของเศษซากสมรภูมิยังคงตลบอบอวลอยู่ไปทั่ว และจากคำกล่าวที่ว่า ที่ใดมีควัน ที่นั่นย่อมมีไฟ ก็ยังเป็นคำที่ใช้ได้ผลอยู่ในปัจจุบัน และดูเหมือนว่ากองไฟนั้นกำลังเริ่มประทุขึ้นมาใหม่ พลางปล่อยควันให้เห็นชัดจนส่งกลิ่นไหม้คละคลุ้งในเช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อนักร้องสาวใหญ่ได้อ่านพาดหัวข่าวสุดฉาวในเว็บไซต์สังคมบันเทิง เธอตาลุกวาวเมื่อได้เห็นข้อความนั่น ประโยคทุกประโยคที่เขียนลงไปในนั้นหญิงสาวอ่านมันด้วยความตื่นเต้น ข่าวที่คาดหวังอยากจะให้มันเกิดกลับไม่ปรากกฏให้เห็นในหน้าจอแท็บเล็ต แต่ข่าวที่อยู่ตรงหน้ากลับทำให้เธอถึงกับมือสั่นเทาด้วยความโกรธ และจำเป็นที่จะต้องโทรฯ เรียกหาพี่ไก่ ผู้จัดการส่วนตัวของเธอให้มาพบในทันที
[นิยาย] ในดวงมาน...♡ #บทที่ 10
หน้าม่าน
( Curtains )
สาริสาเดินออกมาจากห้องแต่งตัวด้วยชุดสีฟ้าสดใสที่ใส่ได้เข้ารูปโดยไม่ต้องพึ่งเข็มกลัดแต่อย่างใด โบว์ขนาดใหญ่ที่ทำจากผ้าไหมสีเงินผูกคาดอยู่รอบเอวทำให้เธอยิ่งดูน่ารักสมวัย และชายกระโปรงที่ลากยาวคล้ายกับหางปลาได้จำแลงกายให้นักร้องสาวดูคล้ายกับเงือกน้อยในเทพนิยายของฝรั่ง ซึ่งขณะเดียวกันรสรินทร์กลับปรากฏกายออกมาด้วยชุดราตรีแบบเกาะอกสีม่วงเข้มพอดีตัว เผยให้เห็นโนมเนื้อที่เต่งตึงเกือบจะทะลักขอบชุดออกมา หนำซ้ำซิปที่ด้านหลังก็รูดขึ้นได้อย่างสบาย และชายกระโปรงที่ยาวก็ดูไม่รุ่มร่ามเลยเมื่ออยู่ที่เรียวขาของเธอ
“ เพอร์เฟ็ค!! ” มิรินทร์ปรบมือชื่นชมให้กับความลงตัวในเรื่องชุดของดาราสาวทั้งสองคน เมื่อได้ยินดังนั้น ทีมงานคนอื่นๆ ต่างก็ปรบมือตามเจ้าของห้องเสื้ออย่างเซ็งแซ่ไปทั่วด้านหลังเวที
สิ่งนี้ทำให้รสรินทร์รู้สึกพอใจขึ้นมาบ้างที่ชุดใหม่ของเธอดูงามสง่าไม่แพ้กับชุดเก่าที่เคยใส่ก่อนหน้า จนกระทั่ง...
“ เอาล่ะค่ะ!! นายแบบและนางแบบทุกคนเตรียมพร้อม...เข้าแถวเรียงตามคิวที่ได้ซ้อมกันไว้ ” ดีไซเนอร์สาวเริ่มสั่งการอีกครั้ง
“ เข้าซ้าย ออกขวานะคะทุกคน...อย่าลืม!! ” เธอกำชับเกี่ยวกับการเดินเข้าและออกจากเวที
อดีตนางแบบสาวประเภทสองเดินสำรวจแถวของนายแบบและนางแบบอีกครั้ง จนกระทั่งมาสะดุดที่นักร้องสาวดาวรุ่ง
“ ซีรีจ๊ะ!! ใครให้หนูมายืนตรงนี้ ?!! ” เธอถาม
“ ก็ตอนซ้อมคุณหมูเล็กบอกให้หนูมายืนตรงนี้เองนี่คะ ” สาวน้อยกล่าว
“ ไม่ใช่แล้วจ้ะ!! ตอนนี้เธอไม่ได้สวมชุดสีม่วงนั้นแล้ว ตามฉันออกมานี่!! ” มิรินทร์พูดจบก็จูงสาริสาเดินออกมาจากแถวนั่น และดันนางแบบอีกคนที่ถัดจากสาวน้อยให้เขยิบขึ้นมาแทนที่
“ นี่จ้ะ!! ที่ของหนู ” เจ้าของห้องเสื้อพาสาริสามาไว้ด้านหลังสุดซึ่งอยู่ถัดจากรสรินทร์
นักร้องสาวรุ่นใหญ่งุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น จึงถามออกมาด้วยความสงสัย
“ อะไรกันคะพี่หมูเล็ก ไม่ใช่โรสหรอกเหรอที่ได้เดินแบบเป็นคนสุดท้าย ?? ”
“ เกรงว่าคงไม่ใช่แล้วจ้ะ...เมื่อเธอไม่ได้ใส่ชุดนี้ ตำแหน่งที่เธออยู่ก็ต้องเปลี่ยน ” มิรินทร์ว่า
“ ต...แต่โรสซ้อมเดินมาแบบนี้นะคะ ” เธอแย้ง
“ ก็เธออยากใส่ชุดของฉันไม่ได้เองทำไมล่ะ ?? ” ดีไซเนอร์สาวขึ้นเสียง
“ แต่มันไม่เกี่ยวกับที่เราได้ซ้อมกันนี่คะ...ชุดก็ส่วนชุดสิ!! ” นักร้องสาวเริ่มไม่สบอารมณ์ เธอจึงเผลอแสดงความไม่พอใจออกมา
เจ้าของห้องเสื้อสาวถลึงตาใส่รสรินทร์ด้วยวามไม่พอใจ เมื่อเห็นเจ้าหล่อนแสดงอากัปกริยาเช่นนี้ เธอถึงกับถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย ซึ่งนั่นเป็นอาการที่ใครๆ ในวงการต่างรู้ดีว่าอดีตนางแบบสาวกำลังเริ่มหมดความอดทน
“ โรสจ๊ะ!! ถ้าเธอใส่ชุดสีม่วงนี่แล้วอยากเดินออกมาเป็นคนสุดท้าย ถ้าอย่างนั้นชุดที่ซีรีใส่...ฉันก็คงไม่เรียกว่า ชุดฟินาเล่ หรอกจ้ะ!! ” ดีไซเนอร์สาวประเภทสองกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบๆ แต่ชัดถ้อยชัดคำ พลางจับชุดของนักร้องสาวทั้งสองไปมา ก่อนจะจิกสายตาใส่รสรินทร์อีกครั้ง
นักร้องสาวรู้สึกกระอักกระอ่วนใจที่เห็นสายตาคู่นั้นจ้องเธอกลับมาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ ทางด้านสาริสาเองก็ไม่ได้รู้สึกดีใจเลยด้วยซ้ำที่ถูกเลือกให้มาเดินแบบในตำแหน่งสุดท้าย โดยเฉพาะการได้มาเดินแทนที่รสรินทร์
เจ้าของห้องเสื้อสำรวจชุดของนักร้องสาวทั้งสองอีกครั้ง ก่อนที่จะเดินออกไปสั่งการกับคนคุมเวทีว่าทุกอย่างในงานนี้ พร้อมแล้ว
เมื่อได้รับสัญญาณพิธีกรหนุ่มอารมณ์ดีผู้มีชื่อเสียงจึงกล่าวเปิดงานอย่างเป็นทางการ พร้อมด้วยเสียงปรบมือจากผู้คนที่ดังกึกก้องไปทั่วทั้งชั้น จากนั้นเสียงเพลงจากวงออเคสตร้าที่อยู่ด้านข้างสองฝั่งเวทีก็เริ่มบรรเลงขึ้น ท่ามกลางนางแบบคนแรกที่ปรากฏตัวในชุดสีแดง แล้วตามด้วยนายแบบหนุ่มและนางแบบสาวอีกคนหนึ่ง จนกระทั่งล่วงเลยมาถึงชุดราตรีแบบเกาะอกสีม่วงเข้มของรสรินทร์ที่เรียกเสียงฮือฮาจากใครหลายๆ คนได้ค่อนข้างมาก โดยเฉพาะกับหน้าอกขนาดมหึมาที่ถูกดันเด้งออกมาจนเกือบล้นขอบ กอปรกับผิวที่ขาวราวหิมะ ยามเมื่อแสงไฟสาดส่องตกกระทบมาที่ตัวของเธอ ยิ่งทำให้สาวเจ้าดูเปล่งประกายและเจิดจรัสกว่าใครทั้งหมด
หญิงสาวเดินมาหยุดอยู่ตรงกลางเวที แล้วเท้าเอวเพื่อให้ช่างภาพและสื่อมวลชนได้ถ่ายรูปก่อนที่จะเดินออกไปอีกทาง ซึ่งขณะเดียวกันกับที่สาริสาปรากฏตัวออกมาจากอีกฟากของเวที
สาวน้อยในชุดสีฟ้าค่อยๆ กรีดกรายเดินออกมาเผชิญหน้ากับผู้คนนับร้อย ท่ามกลางเสียงร้องที่เปล่งออกมาจากลำคอของเธออย่างทรงพลัง ซึ่งสามารถเรียกเสียงฮือฮาและเสียงปรบมือจากผู้ชมได้กึกก้องมากกว่าที่ให้กับรสรินทร์หลายเท่า บัดนี้หญิงสาวทำให้ใครๆ ต่างเชื่อว่าเธอคือเงือกน้อยจากเทพนิยายจริงๆ และหากสาริสาคือเงือกสาวที่เป็นตัวเอกจากในนิทาน แน่นอนว่ารสรินทร์ก็คงไม่พ้นเป็นนางแม่มดครึ่งปลาหมึกตัวร้ายของเรื่องเช่นเดียวกัน เพราะบัดนี้เจ้าหล่อนเริ่มรู้สึกอิจฉาและไม่พอใจเป็นอย่างมาก จนเธอแทบอยากจะเดินเข้าไปบีบคอให้เสียงของเงือกน้อยหายไปเหมือนตามท้องเรื่องเสียจริง
รสรินทร์เก็บความรู้สึกขุ่นเคืองไว้ในใจ...แต่แล้วกลับนึกถึงแผนการร้ายที่วางได้เดี๋ยวนั้น หญิงสาวเดินชะลอตัวอย่างช้าๆ เพื่อรอจังหวะให้สาริสาเดินออกไปเกือบจะถึงกลางเวที จากนั้นเธอจึงทำทีเป็นเหยียบชายกระโปรงที่ลากยาวของสาวน้อยอย่างไม่ทันตั้งใจ และเมื่อแน่ใจแล้วว่าอยู่ในจังหวะที่เหมาะ เธอจึงเดินลากขาแล้วดึงชายกระโปรงนั้นออกมาอย่างเต็มแรง ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่สาริสาก้าวเดินออกไปเกือบถึงหน้าเวที แล้วสิ่งที่ไม่ได้อยู่ในสคริปท์ของการเดินแบบในครั้งนี้ก็เกิดขึ้น
ชายกระโปรงสีฟ้าที่ยาวเป็นหางปลาขาดออกจากกัน รอยฉีกของมันลากยาวไปจนถึงโบว์ผ้าไหมสีเงินที่ผูกคาดไว้กับเอว สาวน้อยล้มลงตรงหน้าเวที ท่ามกลางเสียงร้องที่ตกใจของผู้ชมและทีมงาน เจ้าของห้องเสื้อสาวถึงกับเอามือป้องปาก เมื่อรับรู้ได้ว่าความโกลาหลภายในงานกำลังบังเกิด พี่ไก่ยกมือขึ้นทาบอกแสดงอาการตกใจกับสิ่งที่เห็น นักข่าว ช่างภาพ และสื่อมวลชนจากหลายๆ สำนัก ต่างพร้อมใจกันเก็บภาพวินาทีที่สำคัญเช่นนี้ไว้ รสรินทร์ยิ้มเยาะให้กับความสำเร็จที่ได้กระทำลงไป เธอรีบเดินเข้าไปยังด้านหลังเวที พลางนึกถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในตอนรุ่งเช้าที่หนังสือพิมพ์และสื่อทุกชนิดต่างพาดหัวข่าวของดาราสาวอายุสิบแปดโชว์ รถหวอ บนเวที แค่นึกชื่อพาดหัวข่าวที่สุดแสนจะจั๊กจี้ หญิงสาวก็แทบรอให้ถึงวันพรุ่งนี้ไม่ไหวแล้ว
...แต่ทันทีที่รสรินทร์เดินกลับเข้ามายังหลังเวที ผู้จัดการฝีปากกล้าอย่างป้าติ่งก็เข้าจู่โจมใส่เธอโดยไม่ทันได้ตั้งตัว แต่โชคดีที่พี่ไก่เข้ามารับลูกโทษนั้นได้ทัน
“ อีโรส!! อีชั่ว!! แกคิดเหรอว่าฉันไม่เห็น ?!! ” ป้าติ่งโวยวาย
“ อะไรกันคะป้า จะมากล่าวหาน้องโรสของหนูอย่างนี้ได้ยังไง ? ” พี่ไก่ร้องถาม
“ แกไม่ต้องมาปกป้องเลย!! คนของแกตั้งใจเหยียบกระโปรงเด็กของฉัน ” ป้าติ่งเกรี้ยวกราด
สาริสาถูกประคองตัวเข้ามายังด้านหลังเวทีแทบจะทันใด เธอถูกคลุมตัวไว้ด้วยผ้าสีดำผืนใหญ่โดยทีมงานผู้หญิงสองคน พวกเธอพาสาวน้อยมาส่งยังป้าติ่ง ผู้จัดการเกย์แอบสาวรับเธอมาแล้วสวมกอด น้ำตาของเด็กสาวไหลอาบแก้มทั้งสองข้างด้วยความอับอาย สาวน้อยร้องไห้อยู่อย่างนั้นจนรสรินทร์รู้สึกหมั่นไส้ ท่ามกลางควันไฟแห่งความแค้นจากด้านหลังเวทีกำลังระอุได้ที่ มิรินทร์ผู้เป็นเจ้าของห้องเสื้อก็เข้ามาด้วยท่าทีที่หงุดหงิดและเครียดอย่างเห็นได้ชัด ป้าติ่งรีบชี้แจงให้ทราบในสิ่งที่เกิดขึ้นทันที แต่ก็ถูกพี่ไก่ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา จนดีไซเนอร์สาวถึงกับสติแตกเพราะเสียงที่เถียงกันจากทั้งสองคน
“ หยุด!!! พวกหยุดกันได้แล้ว กูไม่อยากฟัง เห็นไหมงานกูล้มไม่เป็นท่าแล้ว!!! ” มิรินทร์สบถคำหยาบคายออกมาด้วยความเครียด
“ ป้าไม่ยอมนะคะ!! น้องซีรีของป้าเสียหาย...จำไว้เลยนะอีนังโรส ชาตินี้ทั้งชาติฉันจะไม่ยอมให้เด็กของฉันร่วมงานกับแกเป็นอันขาด อีนักร้องโบท็อกซ์!!! ” ป้าติ่งโวยวายพลางหันมาด่ารสรินทร์
สาวใหญ่ยอมไม่ได้ที่โดนตอกกลับอย่างนั้น เธอจึงยอมรับออกมาและโวยวายในทันที
“ ใช่!! ฉันยอมรับก็ได้ ฉันเป็นคนทำเอง แต่แค่นี้มันยังน้อยเกินไปกับสิ่งที่แกจะได้รับจากฉันนะ...อีนางซีรี!! ” เธอจ้องเด็กสาวอย่างเอาเรื่อง
“ นี่นางโรส!! แกรู้ไหมว่าชุดที่ซีรีใส่นั่นมันราคาเท่าไร ชุดที่แกทำมันพังน่ะราคาเท่าไร!!!! ” ป้าติ่งตะคอกถามจนคอเกร็ง
“ ฉันมีปัญญาจ่ายก็แล้วกันกับไอ้ชุดพรรค์นั้น!! แต่สิ่งที่ฉันยอมไม่ได้ก็คือ...เห็นอีนางเด็กคนนี้มาแย่งซีน ทำหน้าที่แทนฉัน...ต่อหน้าต่อตา!!! ” เธอประกาศกร้าว
“ ...อีนางซีรี แกมันก็เหมือนกับแม่ สันดานขี้ขโมย แม่มันเป็นยังไงลูกมันก็เป็นอย่างนั้น!! อีลูกกะ... ” ไม่ทันที่เจ้าหล่อนจะพูดจบร่างของสาริสาก็พุ่งเข้าใส่รสรินทร์ทันที สาวน้อยรู้สึกเหลืออดที่หญิงสาวพูดจาดูถูกแม่ของเธอ นักร้องสาวหมายเตรียมเข้าทุบตีนักร้องรุ่นใหญ่ แต่ป้าติ่งและทีมงานต่างช่วยกันห้ามเธอไว้ สาริสาจึงหันไปหยิบแก้วน้ำที่วางอยู่บนโต๊ะสาดเข้าใส่หน้าของรสรินทร์อย่างเต็มแรง...และก็สมดังที่ตั้งใจ ใบหน้าที่ขาวเนียนและตึงกระชับไปด้วยสารเคมีของนักร้องลายครามชุ่มโชกไปด้วยน้ำ ป้าติ่งถึงกับหลุดขำออกมาเมื่อเห็นภาพนั้น รวมทั้งทีมงานคนอื่นๆ ด้วย
พี่ไก่ตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะไม่คิดว่าสาริสาจะกล้าทำได้ถึงเพียงนี้ เขารีบหยิบกระดาษชำระขึ้นมาแล้วซับหน้าให้กับคนของตัวเอง แต่รสรินทร์กลับอาละวาดหนักขึ้น เธอกรีดร้องไปมาราวกับว่าโดนน้ำมนต์
ทว่าไม่ทันไรเสียงที่โวยวายของนักร้องสาวก็ต้องหยุดลง เมื่อสิ้นเสียงฝ่ามือของมิรินทร์ที่ประทับลงบนหน้าของเธอ
“ นางไก่!! พาคนของแกออกไปจากร้านฉันได้แล้ว และอย่าเอามาให้ฉันเห็นหน้าอีก ส่วนเรื่องชุดที่มันทำขาด ฉันจะส่งบิลตามไปเก็บทีหลัง และถ้าไม่จ่าย...อย่าหาว่าฉันไม่เตือน!! ” เจ้าของห้องเสื้อตะโกนลั่น พลางส่งสายตาอำมหิตมายังรสรินทร์ที่ยังคงยืนนิ่ง และเคียดแค้นไปด้วยไฟแห่งความโกรธ
หญิงสาวเดินออกไปจากตรงนั้นเพื่อเปลี่ยนชุดแล้วเดินทางกลับ พร้อมด้วยผู้จัดการส่วนตัวที่รีบเดินจ้ำตามเธอออกไปอย่างไม่รีรอ
และแล้วความวุ่นวายภายในงานก็สิ้นสุดลง พร้อมๆ กับมหาชนที่เริ่มทยอยออกไปจากบริเวณนั้น คงเหลือไว้แต่ฝุ่นควันของซากสงครามที่ยังคงอบอวลอยู่ด้านหลังเวที ไม่มีใครรู้ว่าเจ้าของห้องเสื้ออย่างมิรินทร์จะทำอย่างไรต่อไป เมื่องานที่เธอได้ตระเตรียมไว้ล้มไม่เป็นท่า
สาริสาเดินออกมาจากร้านพร้อมกับป้าติ่ง สาวน้อยดูเศร้าสร้อยกับสิ่งที่เกิดขึ้น ป้าติ่งได้แต่ปลอบใจเพื่อไม่ให้เธอคิดมาก แม้ว่าเรื่องที่คิดอยู่ขณะนี้จะไม่ใช่เรื่องที่เธอล้มกลางเวทีก็ตาม เพราะสิ่งที่หญิงสาวห่วงกว่านั้นก็คือสงครามระหว่างเธอกับรสรินทร์ที่ไม่ได้จบลงไปพร้อมๆ กับงานในคืนนี้ แต่ทว่ามันเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของสงครามอีกหลายๆ ครั้งที่กำลังจะตามมาในอีกไม่ช้าต่างหาก…
หลังจากค่ำคืนอันร้อนแรงด้วยไฟจากความแค้นสิ้นสุดลง กลุ่มควันจากกองเถ้าถ่านของเศษซากสมรภูมิยังคงตลบอบอวลอยู่ไปทั่ว และจากคำกล่าวที่ว่า ที่ใดมีควัน ที่นั่นย่อมมีไฟ ก็ยังเป็นคำที่ใช้ได้ผลอยู่ในปัจจุบัน และดูเหมือนว่ากองไฟนั้นกำลังเริ่มประทุขึ้นมาใหม่ พลางปล่อยควันให้เห็นชัดจนส่งกลิ่นไหม้คละคลุ้งในเช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อนักร้องสาวใหญ่ได้อ่านพาดหัวข่าวสุดฉาวในเว็บไซต์สังคมบันเทิง เธอตาลุกวาวเมื่อได้เห็นข้อความนั่น ประโยคทุกประโยคที่เขียนลงไปในนั้นหญิงสาวอ่านมันด้วยความตื่นเต้น ข่าวที่คาดหวังอยากจะให้มันเกิดกลับไม่ปรากกฏให้เห็นในหน้าจอแท็บเล็ต แต่ข่าวที่อยู่ตรงหน้ากลับทำให้เธอถึงกับมือสั่นเทาด้วยความโกรธ และจำเป็นที่จะต้องโทรฯ เรียกหาพี่ไก่ ผู้จัดการส่วนตัวของเธอให้มาพบในทันที