สาเหตุของ อัพยากฤตปัญหา ไม่ใช่เรื่อง อัตตา
ผมไม่ทราบแน่ชัดนักว่า การที่นายคนนี้ "แส่" เข้ามาอธิบายแบบโง่ๆ ในเรื่อง อัพยากฤตปัญหา ด้วยเหตุผลกลใด
(๑) อยาก เสนอหน้ามาช่วย "เพื่อนร่วมบาป" ที่กำลังเพลี่ยงพล้ำอย่างหนัก จากหลักฐานที่มันนำเสนอขึ้นมาเองว่า
แท้ที่จริงแล้ว พระพุทธเจ้าย่อมไม่ตรัสพยากรณ์ เรื่อง สัตว์ตายแล้วเกิด หรือ ไม่เกิด ฯลฯ ซึ่งขัดแย้งอย่างยิ่ง กับสิ่งที่มันนำเสนอ
(๒) มีความคิดความเชื่อโง่ๆ แบบนั้นร่วมกัน
(๓) แค่อยากอวดฉลาด โดยไม่รู้ตัวว่าจริงๆ แล้วมัน โง่ ฯลฯ
แต่จะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม การที่นายคนนี้อ้างว่า พระพุทธเจ้าไม่ตรัสพยากรณ์ อัพยากฤตปัญหา
ด้วยเหตุผลว่า คำถามเหล่านั้นของพวกอัญเดียรถีย์(รวมไปถึง นายคันโตนาซี) เห็นว่ามี "อัตตา" อยู่
สรุปให้ฟังง่ายขึ้น ก็คือ นายคนนี้อ้างว่า ที่พระพุทธเจ้าไม่ตรัสเรื่อง สัตว์ตายแล้วเกิด หรือไม่เกิด
ก็เพราะ คำพูด ความคิด หรือ คำถามเหล่านั้น ของพวกอัญเดียรถีย์ ล้วนแล้วแต่มี "อัตตา" แอบแฝงอยู่
ซึ่งการอธิบายความโง่ๆ แบบนี้ ผมก็จำต้องกล่าวตามตรงว่า "ผิด" แน่ๆ ทั้งนี้เพราะ
(๑) พระพุทธเจ้า ตรัสกับ จิตตะ ควาญช้างว่า ไอ้อัตตาตัวตนอะไรพวกนี้ พระพุทธเจ้า ก็ตรัส มิใช่ว่าไม่ตรัส เพียงแต่ว่า
"เหล่านี้แลเป็นชื่อตามโลก เป็นภาษาของโลก เป็นโวหารของโลก เป็นบัญญัติของโลก ที่ตถาคตกล่าวอยู่ (แต่)มิได้ยึดถือ"
จึงสรุปความได้ว่า แม้แต่คำว่า อัตตา อย่างตรงตัว พระพุทธเจ้า ยังตรัสใช้ในฐานะที่เป็นภาษาของชาวโลก
ไม่ว่าจะเป็น สัตว์ บุคคล ตัวตน เรา เขา นรก สวรรค์ ฯลฯ ตามภาษาโลกที่เขาสมมุติพูดกัน พระพุทธเจ้าก็ตรัสทั้งนั้นแหละครับ
ดังนั้น จึงหมายความว่า การที่พระพุทธเจ้าไม่ตรัสพยากรณ์เรื่อง สัตว์ตายแล้วเกิด หรือไม่เกิด ไม่เกี่ยวกับเรื่อง อัตตา อะไรนั่นเลย
หวังเป็นอย่างยิ่งว่า มันผู้นั้น จะไม่นำพุทธพจน์ มาปู้ยี่ปู้ยำ อย่างนี้อีก นะครับ
**************************************************************************************
เหตุผลที่แท้จริงว่าทำไม พระพุทธเจ้า จึงไม่ตรัสพยากรณ์เรื่อง สัตว์ตายแล้วเกิด หรือไม่เกิด ก็เนื่องจากมันเป็น อัพยากฤตปัญหา
อัพยากฤตปัญหา หมายถึง ปัญหาที่ทรงพยากรณ์ ส่วนสาเหตุที่ไม่ทรงพยากรณ์ ก็เพราะ มันเป็นปัญหาที่มีคำตอบหลายแง่
ถ้าหากเมื่อใด ที่ใครก็ตาม คิด พูด หรือ ถาม โดยแง่เดียว คือมีความเชื่ออย่างเหนียวแน่นอยู่แล้วว่า อย่างนี้เท่าถูกต้อง อย่างอื่นถือว่าผิด
ในกรณีอย่างนี้ จัดเป็น อัพยากฤตปัญหา ซึ่งพระพุทธเจ้าจะไม่ทรงพยากรณ์ อย่างเด็ดขาด !
ตัวอย่างเช่น การกล่าวว่า "สัตว์ตายไป ย่อมเกิดอีก" จัดเป็น อัพยากฤตปัญหา ก็เพราะ มันมีคำตอบได้หลายแง่
คือ ตายแล้ว อาจเกิดอีกก็ได้ หากมีเหตุปัจจัยให้เกิด หรือ อาจไม่เกิดอีก หากหมดเหตุปัจจัย หรือไม่มีเหตุปัจจัยให้เกิด
แต่ผู้พูด หรือ ผู้ถาม กลับพูดหรือถามโดยแง่เดียว ซึ่งผิดไปจากข้อเท็จจริง พระพุทธเจ้าจึงไม่ตรัสพยากรณ์
หรือตัวอย่างเช่น นายคันโตนาซี กล่าว(หรือถาม) ในทำนองว่า "สัตว์ตาย ย่อมไปเกิดในนรกหรือสวรรค์"
กรณีอย่างนี้ จัดว่าเป็น อัพยากฤตปัญหา ก็เพราะมันมีคำตอบสำหรับคำถามดังกล่าวหลายแง่ เช่นกัน
กล่าวคือ สัตว์นั้นตายแล้ว อาจไม่ไปนรกสวรรค์ ก็ย่อมได้ เพราะยังมีภพภูมิอื่นๆ อีกมายมายให้ไป
การมาพูด หรือตั้งคำถามโดยแง่มุมเดียวแบบนี้ จึงไม่ถูกต้อง และต่อให้ไปกราบทูลถามพระพุทธเจ้า
ก็จะไม่ทรงตอบคำถามนี้อย่างแน่นอน แล้วแกยังจะมาหวังให้ใครเขามาตอบคำถามโง่ๆ ของพวกแก ได้อย่างไรกัน ?
ดังนั้น การถามคำถามแบบนี้ จึงผิดมาตั้งแต่แรกแล้ว
มันและพวก ยังไม่ยอมเข้าใจ ความจริง ข้อนี้อยู่อีก ละหรือ ?
ที่จริงแล้ว พระพุทธเจ้าตรัสอย่างชัดเจนว่า เรื่องที่พระองค์จะตรัสพยากรณ์ คือ อริยสัจ ๔
หรือก็คือ เรื่องของทุกข์ และความดับทุกข์ นั่นเอง !
ดังนั้น เรื่องใด ก็ตาม ที่ไม่มีประโยชน์ ไม่เนื่องกับความดับทุกข์ ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง
ไม่ว่าจะในระดับสมมุติ หรือ ปรมัตถ์ ก็ตาม จะไม่ทรงพยากรณ์ เรื่องเหล่านั้นเลย
แต่สิ่งที่ผมสงสัย ก็คือ สำนักอภิธรรมเม็ดมะขาม ไม่ได้สอนไอ้หมอนั่นหรอกหรือว่า
อัพยากฤตปัญหา หมายถึงอะไร เอกังสิกธรรม อเนกังสิกธรรม หมายถึงอะไร ?
อีกทั้ง ในเมื่อไม่รู้ แล้วทำไมจึงไม่ศึกษาจากพระพุทธดำรัสโดยตรง ในฐานะที่เป็นชาวพุทธ
แต่กลับไปใช้วิธีด้นเดาเอาเอง จนในท้ายที่สุด ก็กลายเป็นการกล่าวตู่พระพุทธเจ้า
ซึ่งถ้าหาก นายคนนี้ ยังเชื่อมั่นอยู่ว่า ตนเอง มิได้กล่าวตู่บิดเบือนพระธรรมวินัย
ก็จงออกมาแสดง "ข้อเท็จจริง" ให้เป็นที่ประจักษ์ด้วย เพราะถ้าหากมันและพวก
ยังคง เงียบเฉย แกล้งตาย หรือเอาแต่ ฝลัดกระทู้ โดยไม่ตอบข้อสงสัยให้ตรงประเด็น
แล้วมันยังจะมี ความชอบธรรม หรือ น้ำหน้าอะไร มาวิพากษ์วิจารณ์พระมหาเถระ
ผู้ทรงภูมิรู้ภูมิธรรมชั้นสูง อย่างท่านพุทธทาส ทั้งๆ ที่พวกมันก็เป็นแค่เพียง ปุถุชนผู้บริโภคกาม
ซึ่งยังไม่สามารถอธิบายตนเองได้เลยด้วยซ้ำว่า ไปกล่าวตู่บิดเบือนพระธรรมวินัย ได้อย่างไร ?
หวังเป็นอย่างยิ่งว่า จะได้มีโอกาสเห็น ความรับผิดชอบ อย่างลูกผู้ชายชาวพุทธ บ้างนะครับ !
สาเหตุของ อัพยากฤตปัญหา ไม่ใช่เรื่อง อัตตา
ผมไม่ทราบแน่ชัดนักว่า การที่นายคนนี้ "แส่" เข้ามาอธิบายแบบโง่ๆ ในเรื่อง อัพยากฤตปัญหา ด้วยเหตุผลกลใด
(๑) อยาก เสนอหน้ามาช่วย "เพื่อนร่วมบาป" ที่กำลังเพลี่ยงพล้ำอย่างหนัก จากหลักฐานที่มันนำเสนอขึ้นมาเองว่า
แท้ที่จริงแล้ว พระพุทธเจ้าย่อมไม่ตรัสพยากรณ์ เรื่อง สัตว์ตายแล้วเกิด หรือ ไม่เกิด ฯลฯ ซึ่งขัดแย้งอย่างยิ่ง กับสิ่งที่มันนำเสนอ
(๒) มีความคิดความเชื่อโง่ๆ แบบนั้นร่วมกัน
(๓) แค่อยากอวดฉลาด โดยไม่รู้ตัวว่าจริงๆ แล้วมัน โง่ ฯลฯ
แต่จะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม การที่นายคนนี้อ้างว่า พระพุทธเจ้าไม่ตรัสพยากรณ์ อัพยากฤตปัญหา
ด้วยเหตุผลว่า คำถามเหล่านั้นของพวกอัญเดียรถีย์(รวมไปถึง นายคันโตนาซี) เห็นว่ามี "อัตตา" อยู่
สรุปให้ฟังง่ายขึ้น ก็คือ นายคนนี้อ้างว่า ที่พระพุทธเจ้าไม่ตรัสเรื่อง สัตว์ตายแล้วเกิด หรือไม่เกิด
ก็เพราะ คำพูด ความคิด หรือ คำถามเหล่านั้น ของพวกอัญเดียรถีย์ ล้วนแล้วแต่มี "อัตตา" แอบแฝงอยู่
ซึ่งการอธิบายความโง่ๆ แบบนี้ ผมก็จำต้องกล่าวตามตรงว่า "ผิด" แน่ๆ ทั้งนี้เพราะ
(๑) พระพุทธเจ้า ตรัสกับ จิตตะ ควาญช้างว่า ไอ้อัตตาตัวตนอะไรพวกนี้ พระพุทธเจ้า ก็ตรัส มิใช่ว่าไม่ตรัส เพียงแต่ว่า
"เหล่านี้แลเป็นชื่อตามโลก เป็นภาษาของโลก เป็นโวหารของโลก เป็นบัญญัติของโลก ที่ตถาคตกล่าวอยู่ (แต่)มิได้ยึดถือ"
จึงสรุปความได้ว่า แม้แต่คำว่า อัตตา อย่างตรงตัว พระพุทธเจ้า ยังตรัสใช้ในฐานะที่เป็นภาษาของชาวโลก
ไม่ว่าจะเป็น สัตว์ บุคคล ตัวตน เรา เขา นรก สวรรค์ ฯลฯ ตามภาษาโลกที่เขาสมมุติพูดกัน พระพุทธเจ้าก็ตรัสทั้งนั้นแหละครับ
ดังนั้น จึงหมายความว่า การที่พระพุทธเจ้าไม่ตรัสพยากรณ์เรื่อง สัตว์ตายแล้วเกิด หรือไม่เกิด ไม่เกี่ยวกับเรื่อง อัตตา อะไรนั่นเลย
หวังเป็นอย่างยิ่งว่า มันผู้นั้น จะไม่นำพุทธพจน์ มาปู้ยี่ปู้ยำ อย่างนี้อีก นะครับ
**************************************************************************************
เหตุผลที่แท้จริงว่าทำไม พระพุทธเจ้า จึงไม่ตรัสพยากรณ์เรื่อง สัตว์ตายแล้วเกิด หรือไม่เกิด ก็เนื่องจากมันเป็น อัพยากฤตปัญหา
อัพยากฤตปัญหา หมายถึง ปัญหาที่ทรงพยากรณ์ ส่วนสาเหตุที่ไม่ทรงพยากรณ์ ก็เพราะ มันเป็นปัญหาที่มีคำตอบหลายแง่
ถ้าหากเมื่อใด ที่ใครก็ตาม คิด พูด หรือ ถาม โดยแง่เดียว คือมีความเชื่ออย่างเหนียวแน่นอยู่แล้วว่า อย่างนี้เท่าถูกต้อง อย่างอื่นถือว่าผิด
ในกรณีอย่างนี้ จัดเป็น อัพยากฤตปัญหา ซึ่งพระพุทธเจ้าจะไม่ทรงพยากรณ์ อย่างเด็ดขาด !
ตัวอย่างเช่น การกล่าวว่า "สัตว์ตายไป ย่อมเกิดอีก" จัดเป็น อัพยากฤตปัญหา ก็เพราะ มันมีคำตอบได้หลายแง่
คือ ตายแล้ว อาจเกิดอีกก็ได้ หากมีเหตุปัจจัยให้เกิด หรือ อาจไม่เกิดอีก หากหมดเหตุปัจจัย หรือไม่มีเหตุปัจจัยให้เกิด
แต่ผู้พูด หรือ ผู้ถาม กลับพูดหรือถามโดยแง่เดียว ซึ่งผิดไปจากข้อเท็จจริง พระพุทธเจ้าจึงไม่ตรัสพยากรณ์
หรือตัวอย่างเช่น นายคันโตนาซี กล่าว(หรือถาม) ในทำนองว่า "สัตว์ตาย ย่อมไปเกิดในนรกหรือสวรรค์"
กรณีอย่างนี้ จัดว่าเป็น อัพยากฤตปัญหา ก็เพราะมันมีคำตอบสำหรับคำถามดังกล่าวหลายแง่ เช่นกัน
กล่าวคือ สัตว์นั้นตายแล้ว อาจไม่ไปนรกสวรรค์ ก็ย่อมได้ เพราะยังมีภพภูมิอื่นๆ อีกมายมายให้ไป
การมาพูด หรือตั้งคำถามโดยแง่มุมเดียวแบบนี้ จึงไม่ถูกต้อง และต่อให้ไปกราบทูลถามพระพุทธเจ้า
ก็จะไม่ทรงตอบคำถามนี้อย่างแน่นอน แล้วแกยังจะมาหวังให้ใครเขามาตอบคำถามโง่ๆ ของพวกแก ได้อย่างไรกัน ?
ดังนั้น การถามคำถามแบบนี้ จึงผิดมาตั้งแต่แรกแล้ว
มันและพวก ยังไม่ยอมเข้าใจ ความจริง ข้อนี้อยู่อีก ละหรือ ?
ที่จริงแล้ว พระพุทธเจ้าตรัสอย่างชัดเจนว่า เรื่องที่พระองค์จะตรัสพยากรณ์ คือ อริยสัจ ๔
หรือก็คือ เรื่องของทุกข์ และความดับทุกข์ นั่นเอง !
ดังนั้น เรื่องใด ก็ตาม ที่ไม่มีประโยชน์ ไม่เนื่องกับความดับทุกข์ ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง
ไม่ว่าจะในระดับสมมุติ หรือ ปรมัตถ์ ก็ตาม จะไม่ทรงพยากรณ์ เรื่องเหล่านั้นเลย
แต่สิ่งที่ผมสงสัย ก็คือ สำนักอภิธรรมเม็ดมะขาม ไม่ได้สอนไอ้หมอนั่นหรอกหรือว่า
อัพยากฤตปัญหา หมายถึงอะไร เอกังสิกธรรม อเนกังสิกธรรม หมายถึงอะไร ?
อีกทั้ง ในเมื่อไม่รู้ แล้วทำไมจึงไม่ศึกษาจากพระพุทธดำรัสโดยตรง ในฐานะที่เป็นชาวพุทธ
แต่กลับไปใช้วิธีด้นเดาเอาเอง จนในท้ายที่สุด ก็กลายเป็นการกล่าวตู่พระพุทธเจ้า
ซึ่งถ้าหาก นายคนนี้ ยังเชื่อมั่นอยู่ว่า ตนเอง มิได้กล่าวตู่บิดเบือนพระธรรมวินัย
ก็จงออกมาแสดง "ข้อเท็จจริง" ให้เป็นที่ประจักษ์ด้วย เพราะถ้าหากมันและพวก
ยังคง เงียบเฉย แกล้งตาย หรือเอาแต่ ฝลัดกระทู้ โดยไม่ตอบข้อสงสัยให้ตรงประเด็น
แล้วมันยังจะมี ความชอบธรรม หรือ น้ำหน้าอะไร มาวิพากษ์วิจารณ์พระมหาเถระ
ผู้ทรงภูมิรู้ภูมิธรรมชั้นสูง อย่างท่านพุทธทาส ทั้งๆ ที่พวกมันก็เป็นแค่เพียง ปุถุชนผู้บริโภคกาม
ซึ่งยังไม่สามารถอธิบายตนเองได้เลยด้วยซ้ำว่า ไปกล่าวตู่บิดเบือนพระธรรมวินัย ได้อย่างไร ?
หวังเป็นอย่างยิ่งว่า จะได้มีโอกาสเห็น ความรับผิดชอบ อย่างลูกผู้ชายชาวพุทธ บ้างนะครับ !