คำของผู้นั้นไม่ถูกต้อง ไม่สมควรเป็นการคัดง้างคำของพระพุทธอย่างร้ายแรง เพราะโดยที่แท้พระพุทธเจ้าตรัสไว้มีความหมายที่ชัดเจนไม่เป็นอื่นอบ่างแน่นอน เช่น
จ
ผู้ใดกล่วาว่าเวทนาเป็นอัตตา คำของผู้นั้นไม่ควร เวทนาย่อมปรากฏแม้ความเกิด
แม้ความเสื่อม
ก็สิ่งใดแล ปรากฏแม้ความเกิด แม้ความเสื่อมสิ่งนั้นต้องกล่าวได้อย่างนี้ว่า
อัตตาของเราเกิดขึ้นและเสื่อมไป
เพราะฉะนั้น คำของผู้ที่กล่าวว่า เวทนาเป็นอัตตา นั้น จึงไม่ควร ด้วยประการฉะนี้
มโนจึงเป็นอนัตตา ธรรมารมณ์จึงเป็นอนัตตา มโนวิญญาณจึงเป็นอนัตตา
มโนสัมผัสจึงเป็น อนัตตา เวทนาจึงเป็นอนัตตา.
ใครที่บอกสอนหรือชี้แนะว่า นิพพานพานเป็นอนัตตา
แม้ความเสื่อม
ก็สิ่งใดแล ปรากฏแม้ความเกิด แม้ความเสื่อมสิ่งนั้นต้องกล่าวได้อย่างนี้ว่า
อัตตาของเราเกิดขึ้นและเสื่อมไป
เพราะฉะนั้น คำของผู้ที่กล่าวว่า เวทนาเป็นอัตตา นั้น จึงไม่ควร ด้วยประการฉะนี้
มโนจึงเป็นอนัตตา ธรรมารมณ์จึงเป็นอนัตตา มโนวิญญาณจึงเป็นอนัตตา
มโนสัมผัสจึงเป็น อนัตตา เวทนาจึงเป็นอนัตตา.