พระพุทธเจ้าตรัสสอนเรื่องอนัตตา ก็เพื่อให้รู้จักอัตตา ?

เช่นบทนี้เป็นต้น....
ขอยกมาโดยย่อเพราะพระสูตรมันยาว...


                                                               พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๔  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๖
                                                                         มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์

             ๖. ฉฉักกสูตร (๑๔๘)


             ผู้ใดกล่าวว่า เวทนาเป็นอัตตา คำของผู้นั้นไม่ควร เวทนาย่อมปรากฏ
แม้ความเกิด แม้ความเสื่อม ก็สิ่งใดแล ปรากฏแม้ความเกิด แม้ความเสื่อม
สิ่งนั้นต้องกล่าวได้อย่างนี้ว่า อัตตาของเราเกิดขึ้นและเสื่อมไป เพราะฉะนั้น
คำของผู้ที่กล่าวว่า เวทนาเป็นอัตตา นั้น จึงไม่ควร ด้วยประการฉะนี้
มโนจึงเป็นอนัตตา ธรรมารมณ์จึงเป็นอนัตตา มโนวิญญาณจึงเป็นอนัตตา
มโนสัมผัสจึงเป็นอนัตตา เวทนาจึงเป็นอนัตตา

             ผู้ใดกล่าวว่า ตัณหาเป็นอัตตา คำของผู้นั้นไม่ควร ตัณหาย่อมปรากฏ
แม้ความเกิด แม้ความเสื่อม ก็สิ่งใดแล ปรากฏแม้ความเกิด แม้ความเสื่อม
สิ่งนั้นต้องกล่าวได้อย่างนี้ว่า อัตตาของเราเกิดขึ้นและเสื่อมไป เพราะฉะนั้น
คำของผู้ที่กล่าวว่า ตัณหาเป็นอัตตา นั้น จึงไม่ควร ด้วยประการฉะนี้ มโนจึงเป็น
อนัตตา ธรรมารมณ์จึงเป็นอนัตตา มโนวิญญาณจึงเป็นอนัตตา มโนสัมผัสจึงเป็น
อนัตตา เวทนาจึงเป็นอนัตตา ตัณหาจึงเป็นอนัตตา ฯ
..............................................................................................................

เมื่ออ่านแล้ว พิจารณาดูแล้ว....

      จะเห็นได้ว่าสื่งไหนก็แล้วแต่ ที่ปรากฏความเกิด ปรากฏความเสื่อม
สิ่งเหล่านั้นทั้งหมดนั่นแหละ เป็นอนัตตา....   (สังขตธรรม)

       ส่วนนิพพาน(อสังขตธรรม)เป็นสิ่งที่ไม่ปรากฏความเกิด ไม่ปรากฏความเสื่อม
เป็นอัตตาลอยมาเห็นๆ โดยที่พระพุทธเจ้าไม่จำเป็นต้องตรัสบอก
ญาณปัญญามันเกิดขึ้นเองโดยปริยาย....

ถามว่า....

ใครเห็นอย่างผมบ้าง ?
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่